Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกจากสายตา :: ชั่วฟ้าดินสลาย ฉบับ Director's Cut :: ติดต่อทีมงาน

หมายเหตุ บันทึกนี้เป็นบันทึกที่ผมเขียนไว้หลังจากได้ชม ชั่วฟ้าดินสลาย ฉบับปกตินะครับ ส่วนสิ่งที่เพิ่มเติมและเสริมเข้ามาในฉบับ Director's Cut ผมขอแปะไว้ที่ คห.1 นะครับ ...


ชั่วฟ้าดินสลาย ในแง่มุมของภาพยนตร์ ::

ชั่วฟ้าดินสลายในฉบับของหม่อมน้อย เป็นภาพยนตร์ที่ละเมียด
ถึงผมจะไม่เคยดูผลงานของหม่อมน้อยมาก่อน
แต่ก็สามารถรับรู้ถึงชั้นเชิงที่แตกต่างกับผู้กำกับสมัยใหม่หลายท่าน
เพราะชั่วฟ้าดินสลายของหม่อมน้อย เป็นภาพยนตร์ที่ทุกองค์ประกอบมีความสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การแสดง หรือข้าวของในแต่ละฉาก
ล้วนเป็นสิ่งที่เติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยแท้จริง

ตัวละครพะโป้ที่เลือก ธีรพงษ์ เหลียวรักวงษ์ มารับบท ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
ในหนังวางบทให้พะโป้เป็นชายแก่คราวพ่อที่ผ่านประสบการณ์ร้อนหนาวมามาก
มีเมียมากมายหลายคน แต่ละนางก็ถูกเลี้ยงเป็นนางรับใช้ในดินแดนของพะโป้
ดูช่วงต้นของหนัง ธีรพงษ์เหมือนจะเป็นตัวเลือกที่หนุ่มเกินไปสำหรับบทนี้
เพราะดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่คนรุ่นราวคราวพ่อ
แต่คิดดูดีๆ แล้ว ชายที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ล่าสัตว์เป็นงานอดิเรก
มีข้าทาสบริวารคอยปรนนิบัติรับใช้ แถมมีเสน่ห์มากพอให้มีหลายเมียได้
ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พะโป้จะดูอ่อนกว่าวัยจริง เหมือนที่ยุพดีบอก

ยุพดี เมียของพะโป้ที่กลายมาเป็นชู้รักของส่างหม่อง หลานของพะโป้
ถูกรับบทโดย เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์
โดยเธอเองก็แสดงออกผ่านสีหน้าและแววตาให้สัมผัสถึงตัวตนของเธอ
ที่เป็นผู้หญิงมารยาร้อยเล่มเกวียนที่ใช้ตัวตนของเธอขับออกมาเป็นเสน่ห์เย้ายวน
ชวนให้ชายทั้งหลายหลงใหลในตัวเธอ โดยพาลให้ขาดสติและความยั้งคิดไปด้วย
หนึ่งในชายที่ลุ่มหลงในตัวยุพดีคือ ส่างหม่อง

ส่างหม่องเป็นชายมีการศึกษา จบจากวิทยาลัยป่าไม้พม่า
กลับมาช่วยอาผู้มีพระคุณอย่างพะโป้ดูแลอาณาจักรของพะโป้เอง
แต่สุดท้ายก็ทำลายความไว้ใจที่อามีให้หลาน ด้วยการลักลอบเป็นชู้กับเมียของอา
จนพาให้เกิดโศกนาฏกรรมความรักที่ชวนให้ผู้พบเห็นได้หดหู่ไปตามๆ กัน
อนันดา เอเวอริงแฮม ถ่ายทอดบทนั้นออกมาได้อย่างเหมาะสม

ไม่เพียงนักแสดงที่เป็นปัจจัยหลักสู่ความสมบูรณ์แบบของ ชั่วฟ้าดินสลาย
อย่างที่ได้กล่าวว่า ทั้งคำพูดและทุกสิ่งที่ปรากฏอยู่ในเรื่องล้วนมีความหมาย
ทุกบทสนทนาในหนัง เป็นคำพูดที่สามารถนำกลับมาตีความได้หมด
แม้กระทั่งคำถามง่ายๆ ที่ยุพดีถามส่างหม่องว่า ป่าไทยกับป่าพม่าต่างกันอย่างไร
ส่างหม่องตอบว่า มันก็ต้นไม้เหมือนกันหมดแหละครับ
ฟังแล้วยังมองเห็นถึงมุมมองของส่างหม่องที่มีต่อผู้หญิง
ไม่ว่าผู้หญิงทุกคนจะต่างกันด้วยอะไรก็ตาม สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นแค่ผู้หญิงเหมือนกันหมด
แต่ในจุดนั้น พะโป้ช่วยเสริมส่างหม่องว่า
ถ้าไปถามมันว่า ไม้สักต่างกับไม้แดงอย่างไร มันจะชำนาญมาก
แสดงว่า ถึงส่างหม่องจะมองอะไรง่ายๆ ว่าเหมือนกันหมดทุกอย่าง
แต่ถ้าจะให้เขามองให้ลึกซึ้งแล้ว ส่างหม่องก็ไม่เป็นรองใครในเรื่องนี้เช่นกัน

ชั่วฟ้าดินสลายฉบับหม่อมน้อย มีความยาวประมาณ 2 ชม.
อาจมีบางช่วงที่ดูหน่วงๆ ไปบ้าง
แต่เมื่อถึงจุดที่นำไปสู่บทสรุปของหนัง หม่อมน้อยทำได้ดีมาก
ทุกๆ อย่างที่ปรากฏอยู่ในหนัง ประกอบออกมาเป็นเหตุผลที่น่าเชื่อถือสำหรับจุดจบของหนัง
ทั้งการวางตัวของพะโป้ที่มีต่อหลานและเมียตั้งแต่แรก, การล่ามโซ่ตรวนส่างหม่องและยุพดี,
กุญแจที่พะโป้เตรียมไว้ให้ส่างหม่องราวกับรู้ว่าส่างหม่องคิดอะไรอยู่,
รวมถึงความผูกพันของบริวารในบ้านอย่างทิพย์และมะขิ่น ที่มีต่อพะโป้
โดยเฉพาะสิ่งหลังนี้ เป็นส่วนที่ทำให้ตัวละครพะโป้ มีมิติมากกว่าชายหนุ่มบ้ากามขี้โมโหมากๆ
เพราะเหตุผลที่ทิพย์คอยอยู่รับใช้พะโป้ แม้จะผ่านเรื่องราวใดๆ มามากมายก็ตาม
รวมถึงมะขิ่นที่จากการปูเนื้อเรื่องของทิพย์ที่ว่า หลายคนในบ้านนี้เคยเป็นเมียพะโป้มาก่อน
เมื่อพะโป้เบื่อแล้ว บ้างก็โละลงมาเป็นบ่าวไพร่ บ้างก็โละให้บริวารชายคนอื่น
คาดว่ามะขิ่นน่าจะเป็น "เมีย" คนแรกๆ ของพะโป้ เมื่อดูจากความห่วงใยที่มีให้พะโป้

มีหลายฉากของ ชั่วฟ้าดินสลาย ที่น่าประทับใจมากๆ
ทั้งฉากที่เป็นการพบกันครั้งแรกของส่างหม่องและยุพดี,
ฉากที่ส่างหม่องฝืนใจนำดอกกล้วยไม้ไปให้คุณพันธุ์ทิพย์,
ฉากที่คู่ชู้รักมีความสุขทั้งๆ ที่ถูกล่ามโซ่ตรวนอยู่,
แต่ฉากที่ผมชอบที่สุดคือฉากที่มะขิ่นมาบอกความจริงให้พะโป้รู้ว่าส่างหม่องลักลอบเป็นชู้กับยุพดี
ทันทีที่พะโป้ได้ยิน พะโป้ถึงกับลงมือลงไม้กับมะขิ่น
ผมไม่คิดว่าพะโป้ลงมือเพราะไม่เชื่อคำพูดของมะขิ่น
แต่ผมกลับคิดว่า พะโป้ระแคะระคายความสัมพันธ์ระหว่างหลานกับเมียของตนอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อมะขิ่นมาบอกความจริง มันจึงเป็นการยืนยันว่าพะโป้คิดไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว
การลงมือลงไม้ต่อมะขิ่นแล้วเดินจากไปทันที น่าจะเป็นการระบายออกถึงความแค้นมากกว่า
แค้นที่สิ่งที่ตนคิดนั้นเป็นจริง ทั้งที่พยายามจะคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นความจริง



สิ่งที่ชอบ ::

นอกจากการเลือกคนที่เหมาะสมมารับบท
รวมถึงหลายฉากที่ประทับใจดังได้กล่าวไปแล้ว
สัญลักษณ์ในหนังเป็นอีกสิ่งที่ผมชอบ
ถึงหนังสอดแทรกสัญลักษณ์ไว้หลายอย่าง ทั้งในองค์ประกอบฉากและบทพูด
แต่สัญลักษณ์ไม่ยากเกินคนธรรมดาจะตีความได้
และไม่มีผลต่อความเ้ข้าใจเนื้อเรื่องเท่าไร หากคนดูไม่ทันสังเกต
แต่ถ้าสังเกตก็จะช่วยเสริมความเข้าใจต่อความเป็นไปของเรื่องราวได้ดีขึ้น

ขอยกตัวอย่างเกี่ยวกับดอกกล้วยไม้ในเรื่อง
มีฉากหนึ่ง ที่ส่างหม่องเข้าป่าไปแล้วเห็นดอกกล้วยไม้
ก็เลยนึกถึงตอนที่ตนเองในวัยเด็กเข้าป่าไปกับพะโป้
ส่างหม่องกำลังจะเด็ดดอกกล้วยไม้ป่า
แต่พะโป้ห้ามไว้ โดยบอกว่า ถ้าเด็ดเอากลับไปมันก็ตายอยู่ดี
ปล่อยมันไว้ในป่าแบบนี้ดีกว่า มันจะได้เติบโตและสวยงามตลอดไป
ตัดกลับมาที่ส่างหม่องในวัยปัจจุบัน
ที่สุดท้ายก็ิเด็ดดอกกล้วยไม้กลับไปอยู่ดี เพื่อจะนำไปมอบให้ยุพดี
จากนั้น ในหลายๆ ฉากที่ส่างหม่องอยู่กับยุพดี ก็มักจะมีดอกกล้วยไม้ให้เห็น
ในตอนท้ายเรื่อง เราก็ยังได้เห็นส่างหม่องที่เสียสติไปแล้ว เด็ดดอกกล้วยไม้มาให้พะโป้

กล้วยไม้เป็นพืชที่ใช้เวลานานในการออกดอกสักครั้ง
อีกทั้งการดูแลรักษาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่ไม่มีใครปฏิเสธว่าดอกกล้วยไม้เป็นสิ่งที่สวยงามอย่างมากมาย
เป็นที่ต้องตาต้องใจผู้ที่พบเห็นยิ่งนัก

ดอกกล้วยไม้ในเชิงสัญลักษณ์สามารถเปรียบได้กับ โยนี
คำพูดของพะโป้เปรียบได้กับคำสอนเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีให้ส่างหม่อง
ว่าการที่จะครอบครองผู้หญิงในระดับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขนาดนั้น
ผู้ชายไม่ควรคิดง่ายๆ แค่เดินผ่านมาแล้วก็หยิบฉวยไป
เพราะการกระทำที่ขาดความยั้งคิด ย่อมไม่ส่งผลดีต่อทุกฝ่าย
ปมปัญหาใน ชั่วฟ้าดินสลาย ก็เกิดจากการกระทำที่ไม่ยั้งคิดของส่างหม่อง
รู้ทั้งรู้ว่ายุพดีมีฐานะเป็นเมียของอาที่ตนเทิดทูน
แต่ก็ไม่้อาจหักห้ามใจให้ไม่คิดรักได้
การกระทำที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ (ที่ถูกสนับสนุนจากมารยาของยุพดี)
ทำให้ส่างหม่องตัดสินใจเด็ดดอกกล้วยไม้มาเชยชมในที่สุด
การตัดสินใจเด็ดดอกกล้วยไม้ยังแสดงให้เห็นว่าสตรีเพศมีแรงดึงดูดเพียงใด
แม้แต่ส่างหม่องที่เรียนจบด้านป่าไม้ และถือเป็นผู้มีความรู้ถึงความสำคัญของไม้ป่า
ยังขาดสติยั้งคิดเด็ดกล้วยไม้ป่าเพียงเพราะแรงดึงดูดจากสตรีเพศ
(ฉากที่ยืนยันว่าการเด็ดดอกกล้วยไม้เป็นการกระทำของคนขาดสติ
สามารถอ้างอิงได้จากอากัปกิริยาของส่างหม่องที่เด็ดกล้วยไม้ให้พะโป้ตอนท้ายเรื่อง)
ผลจากการกระทำนั้น ทำให้พะโป้ตัดความผูกพันที่มีให้กับหลานสุดที่รักทันที
อีกทั้งยังล่ามโซ่ทอง ผูกส่างหม่องไว้กับยุพดีตลอดไป ชั่วฟ้าดินสลาย

การที่พะโป้ล่ามโซ่ส่างหม่องกับยุพดี มองเผินๆ อาจดูเหมือนการลงโทษทั้งสอง
โดยที่ทั้งส่างหม่องกับยุพดีก็ยังคิดเพียงแค่เป็นเรื่องสนุกเท่านั้น
แตุ่ถ้ามองให้ลึกแล้ว มันบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในสายตาพะโป้
ไม่ใช่ทุกคู่ที่จะต้องมาป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืออะไร
แต่เรามักจะเข้าใจได้จากการกระทำและการวางตัวของคนสองคนนั้น

มีคำเปรียบเปรยถึงการที่คนสองคนมีความรักให้กันว่า เปรียบเหมือนเส้นด้ายที่ผูกเอาไว้
เป็นด้ายบางๆ ที่มองไม่เห็น แต่ผูกคนสองคนไว้ให้อยู่ด้วยกันไปตลอด
เพียงแต่คู่ของส่างหม่องกับยุพดีนั้น ไม่ใช่แค่ด้ายบางๆ ที่มองไม่เห็น
หากแต่เป็นโซ่เส้นใหญ่ ที่ทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจน
การที่พะโป้ล่ามโซ่ส่างหม่องกับยุพดีไว้ด้วยกัน
เสมือนเป็นการป่าวประกาศให้รู้ว่า นี่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ได้มาโดยชอบธรรม
เพราะในขณะที่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน
ในสายตาทุกคน ย่อมเห็นโซ่เส้นใหญ่ที่ตรึงข้อมือของทั้งสองไว้อย่างแน่นหนา
ไม่ต้องเสียเวลาเดาและตีความกันไปเองว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน
โซ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของการหน่วงเหนี่ยวกักขังสิ่งที่ผิดและต้องได้รับการจองจำ
เป็นบทลงโทษส่างหม่องและยุพดีที่ถูกตัดสินจากทุกสายตาโดยแท้จริง


สิ่งที่ไม่ชอบ ::


-ถึงตัวละครอย่าง พะโป้, ส่างหม่อง, ยุพดี, ทิพย์, มะขิ่น จะถูกรับบทโดยคนที่เหมาะสม
แต่ก็ยังมีบางตัวละครที่รู้สึกว่า ผู้ที่มารับบทยังเล่น "เกิน" อยู่มาก
ทั้งเมียข้าหลวงที่รับบทโดยผัดไท และคุณหมอที่รับบทโดย ก้อง ปิยะ
ดูยังไงก็ยังสลัดคราบความเป็น ผัดไท และ ก้อง ปิยะ ออกไปไม่ได้เลยจริงๆ

-บางการกระทำของพะโป้ ยังสื่อความหมายออกมาไม่ชัดเจนเท่าไรนัก
การที่พะโป้เตรียม "กุญแจ" ไว้ให้ส่างหม่อง ดูไม่ออกว่าพะโป้ต้องการสิ่งใดกันแน่
ระหว่าง ยืนยันความรักที่มีต่อหลานรักของตน โดยไม่สนแม้บทเรียนนั้นจะแลกมาด้วยเมียของตน
กับ สั่งสอนให้ส่างหม่องรู้สึกผิดต่อการทรยศผู้มีพระคุณและให้จำไปจนวันตาย
แต่ถ้าให้เดาจากการที่พะโป้มักจะเล่นหมากรุกกับทิพย์อยู่ตลอด
แม้กระทั่งตอนที่ทิพย์ขอร้องให้พะโป้ปลดปล่อยส่างหม่องไป
พะโป้ก็ยังพูดว่า "เกมหมากรุกมันจบแล้ว"
พะโป้คงต้องการสั่งสอนส่างหม่องหลานรักด้วยความรักที่พะโป้มีให้เสมอมา
มิเช่นนั้น พะโป้คงใช้ "กุญแจ" ช่วยไขปลดปล่อยส่างหม่องด้วยความแค้นไปนานแล้ว

-ฉากที่อดนึกถึงไม่ได้ เพราะสิ่งๆ นั้นดูเหมือนจะเป็นของสำคัญของหนัง
หนังสือ The Prophet ที่นิพนธ์ ได้อ่านเพราะเห็นวางอยู่ในห้องนอนของตน
ทำให้เราได้รู้ว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นของส่างหม่องที่ได้รับจากยุพดี
แต่ในตอนท้ายที่นิพนธ์เดินทางกลับ แล้วได้พบส่างหม่องระหว่างทาง
ส่างหม่องเดินเข้ามาหา พร้อมกับยื่นหนังสือ The Prophet ให้
สรุปแล้ว The Prophet มีสองเล่ม?


ควรไปดูไหม ::

เป็นโชคดีของคนไทยอย่างหนึ่ง ที่ปีนี้มีหนังไทยดีๆ ให้ดูเป็นส่วนมาก
ถ้า กวนมึนโฮ และ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก สร้างความประทับใจให้คุณได้
ผมว่า ชั่วฟ้าดินสลาย ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าจะทำได้ในสิ่งเดียวกัน
เป็นหนังรักย้อนยุคที่ละเมียดละไม และมีความหมายให้เก็บไปคิดได้มากมาย
ควรค่าให้เสียเงินไปดู

 
 

จากคุณ : parawarm
เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 23:19:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com