PANTIP.COM : A10076528 ช่วยกันโหวตกระทู้ เด็ก 16 ปีขับรถชนรถตู้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ศพกันมั้ยคะ [กระทู้นอกเรื่อง]

ความคิดเห็นที่ 49

นายกรัฐมนตรีพร้อมเร่งปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ (26/12/2010)
นายกรัฐมนตรีระบุทุกฝ่ายที่ต้องการเห็นสังคมที่ดี ที่สงบสุข ต้องการเห็นสังคมประชาธิปไตย ต้องช่วยกันต่อต้านความรุนแรง ขณะเดียวกันตำรวจต้องเร่งปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (26 ธ.ค.) เวลา 10.15 น . ที่อาคารรัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปรับเงินอัตราค่าตอบแทนของข้าราชการตำรวจตามโครงสร้างการปฏิรูปตำรวจ ว่า การปรับอย่างเก่ามี 3 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องการปรับเช่นเดียวกับข้าราชการกลุ่มอื่นๆ ซึ่งเป็นไปตามค่าครองชีพ ส่วนที่ 2 เป็นเรื่องของกฎหมายค่าเงินในสภาฯ เนื่องจากเขามีปัญหาเรื่องของเงินเดือนตัน ตรงนี้จะขยับเพดานให้ ซึ่งจะคล้ายๆ กับกรณีของทหารที่เคยมีการแก้ไขกฎหมายและบัญชี คิดว่าสมัยประชุมนี้ คงจะเรียบร้อยและในส่วนที่ 3 เป็นงานที่มาจากการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งต้องการจะเน้นเรื่องการปรับปรุงระบบการสอบสวน โดยจะแยกออกมาค่อนข้างจะมีความเป็นอิสระและจะมีการประเมิน มีมาตรฐานและมีค่าตอบแทนต่างหาก ซึ่งอันนี้ต้องการให้ใช้ตั้งแต่ปีงบประมาณนี้ แต่ไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้ กำลังเร่งดูให้

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของงบฯ 1,100 ล้านบาท ที่จะมีการจัดสรรเพิ่ม กรอบเวลาเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่กำลังดูคือปีงบประมาณนี้ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นมา เพราะโดยหลักควรจะได้แล้ว แต่ตอนที่ทำงบประมาณปี 2554 ไม่ได้ทำงบไว้ ตอนนี้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณกำลังไปดูว่าควรจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับปี 2555 ไม่มีปัญหาแน่นอน ซึ่งการดำเนินการจะให้มีผลย้อนหลังในวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ตอนนี้กำลังหาเงินอยู่ ซึ่งคนที่จะได้ประโยชน์ตรงนี้จะเป็นเจ้าหน้าที่งานสอบสวน ถือเป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปฏิรูป ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยปี 2550 มาจนถึงคณะกรรมการชุด พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบงานตำรวจ ยืนยันที่จะให้ทำเรื่องนี้ ทั้งนี้หลักเกณฑ์ในการคิดเสมือนเป็นการทำให้งานสอบสวนเป็นวิชาชีพเฉพาะ มีความเป็นอิสระและเชี่ยวชาญ แม้กระทั่งการบริหารจัดการสายการบังคับบัญชา ก็เหมือนจะแยกออกมาจากงานการบริหารเรื่องของตำรวจทั่วไป โดยจะยังอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ผู้สื่อข่าวถามว่าจำนวนคนที่จะได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนจำตัวเลขไม่ได้ ขอไปดูในรายละเอียด ผู้สื่อข่าวถามว่าจะไม่เหมือนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ใช่หรือไม่ เนื่องจากดีเอสไอมีค่าตอบแทนสูง ทำให้เจ้าหน้าที่และพนักงานแห่ไปอยู่กันมาก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ทางฝ่ายที่เขาคิดว่าค่อนข้างคิดตรงกันหมด ทั้งคณะของ พล.ต.อ.วสิษฐ ทั้งคณะกรรมการนโยบายตำรวจ (ก.ต.ช.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เขามีการติดตามเรื่องนี้มาก เพราะเขาหวังว่าตรงนี้จะช่วยแก้ปัญหา ซึ่งเราจะวิจารณ์กันเสมอว่าตรงนี้มันเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าจะต้องมีการตั้งองค์กรขึ้นมาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ แต่ว่าวิธีการบริหารคือเขาจะทำโครงสร้างให้มีความเฉพาะของมันชัดเจนยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่จะให้มีอิสระมากขึ้น ในส่วนของพนักงานสอบสวน หลักจะเป็นอย่างไร เพื่อให้มีความอิสระมากขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันจะมีชุด ซึ่งต่อไป พูดง่ายๆ คือว่าการบริหารของฝ่ายตำรวจเอง ซึ่งเขาอาจจะมีหัวหน้าที่เป็นหน่วยงาน จะเข้ามาแยกการบริหารตรงนี้ออกจากกัน ทำนองว่าการบริหารทั่วไปของสถานีตำรวจ ของหน่วยงานตำรวจก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ชุดที่ทำงานทางด้านการสอบสวนเขาจะมีหัวหน้าของเขาเป็นการเฉพาะ

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้ที่มีการเรียกร้องมาก คืออยากให้มีการถ่วงดุลเรื่องการสอบสวน เช่น ให้อัยการเข้ามาร่วมด้วย ตรงนี้ได้มีการพิจารณา หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยัง ตอนนี้ทุกอย่างยังอยู่ในกรอบของวิอาญาเหมือนเดิม แต่ขั้นต่อไปที่ทำตรงนี้ไปแล้ว จะมีการมาประเมินกันอีกครั้ง และดูว่ามีกฎหมายอะไรที่ต้องปรับปรุงแก้ไขหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะใช้เวลาแค่ไหนในการประเมิน และจะเห็นว่าแผนกนี้ที่จะแยกออกมา จะได้เริ่มต้น เมื่อไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้แยกต่างหากเด็ดขาด แต่เป็นลักษณะของวิธีการจัดระบบ การบริหารจัดการภายใน ซึ่งมติของ ก.ต.ช. เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมาตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นไป งานหลายเรื่องที่เป็นผลมาจากการปฏิรูปตำรวจจะเริ่มผลักดันออกมา และเราหวังอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นโดยลำดับ

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าเรื่องกฎหมายควบคุมฝูงชน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีร่างอยู่ในวาระของสภาผู้แทนราษฎร และร่างของรัฐบาลเอง คณะกรรมการประสานงาน (วิป) กำลังพิจารณาอยู่ คิดว่าต้องใช้เวลาอีกพอสมควร เพราะสังคมยังไม่มั่นใจ เกรงจะเป็นกฎหมายในลักษณะไปขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกลายเป็นข้ออ้างที่ทำให้ตำรวจบอกว่า ไม่มีเครื่องมือหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตำรวจอยากมีเครื่องมือนี้ แต่ตนได้ซักซ้อมอย่างชัดเจนว่าขณะที่ยังไม่มีเครื่องมือนี้ ก็ต้องปฏิบัติได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงภายใน ตำรวจสามารถดำเนินการได้แค่ไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในกรณีที่ยังเป็น พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แบบไม่ได้ประกาศพื้นที่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ แต่ถ้าประกาศพื้นที่จะมีความชัดเจนมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อจำกัดจาก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะทำให้เกิดช่องว่างในการดูแลความสงบเรียบร้อย ช่วงรอยต่อระหว่างข้ามปีนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ เพราะได้มีการซักซ้อมและเตรียมการตั้งแต่ในส่วนของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ. ) ที่พิจารณามา

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีพูดถึงเรื่องยาเสพติด จะปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทางตำรวจบอกว่าได้รับนโยบายจากรัฐบาลจะเดินหน้ากวาดล้างแค่ต้นเดือนมกราคม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าทำถึงเดือนมกราคมแล้วหยุด ความหมาย คือ ขณะนี้เข้มงวดกวดขัน เร่งรัดและต้องการเห็นผล โดยที่หากยังมีปัญหาความหละหลวมอีก หลังจากนั้นจะต้องมีการดำเนินการ นี่คือความหมายที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้นโยบายกับตำรวจไป อย่างไรก็ตามถ้าใครไม่ทำหลังเดือนมกราคมก็จะต้องรับผิดชอบแน่นอน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า หลาย ๆ คดีไม่จำเป็นต้องเป็นนโยบาย แต่เป็นการทำหน้าที่ในการรักษากฎหมาย แต่ต้องยอมรับว่าภารกิจของตำรวจมาก เพราะฉะนั้น บางทีบางเรื่อง เมื่อไม่มีการเน้นย้ำ อาจทำให้อ่อนลงไป ทั้งนี้ที่ผ่านมา พอเราได้รับเรื่องร้องเรียน เราก็จะส่ง เมื่อส่งไปบางทีดำเนินการเสร็จสักพักก็กลับมาใหม่ เราก็เริ่มสังเกตว่าในบางท้องที่ บางพื้นที่มันซ้ำซาก เราจึงบอกว่าต่อไปนี้มันไม่ได้ เพราะ ความเข้าใจของคน ถ้าเห็นว่ามันกลับมาเรื่อยๆ แสดงว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็น หรือหรี่ตาข้างหนึ่งหรือเปล่า อย่างไรเราก็ต้องบอกว่าต่อไปนี้ของอย่างนี้มันมีไม่ได้ มันทำลายศรัทธาประชาชนที่มีต่อตัวองค์กร

ผู้สื่อข่าวถามว่าบางพื้นที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง รัฐบาลได้มีการคาดโทษไว้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดำเนินการอยู่แล้ว และเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีการลงโทษหนักกว่าประชาชนอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีได้มีการพูดถึงพื้นที่ สน.พระยาไกร และสน.คลองตัน หลังจากที่มีการพูดชื่อไปแล้ว มีผลอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เสียงสะท้อนกลับมาในทางบวก ประชาชนที่เคยร้องเรียนเข้ามาบอกว่าดีขึ้น แต่ก็บอกว่ายังไม่หมด อย่างไรก็ตามเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินการได้ ตนก็พอใจ เช่น บางพื้นที่ มีการร้องเรียนเรื่องบ่อนการพนัน และปิดได้ปิดไม่ได้ พอทำสำเร็จประชาชนก็เห็นผลงาน เราก็พอใจ แต่เราต้องการให้มันต่อเนื่อง สิ่งที่เรากลัวคือ พอผ่านไปสักพัก จะกลับมาใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าการใช้อาวุธสงครามทำไมระบาดมากขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องความรุนแรง ถือเป็นประเด็นหลักที่ตนพยายามรณรงค์ทุกฝ่าย ถ้าเราสร้างค่านิยมต่อต้านความรุนแรงจะช่วยได้เยอะ แต่ถ้าเราปล่อยให้เกิดสภาพของความชินชา ต่อความรุนแรงมันก็จะไปทุกวงการ ต่อไปทุกคนก็คิดว่าใช้ความรุนแรงได้ เพราะเห็นว่ามันเกิดและใช้ได้ เพราะฉะนั้น ทุกฝ่ายที่ต้องการเห็นสังคมที่ดี ที่สงบสุข ต้องการเห็นสังคมประชาธิปไตย ต้องช่วยกันต่อต้านความรุนแรง

ผู้สื่อข่าวถามว่าการป้องปรามไม่ให้เกิดความรุนแรง โดยการกวาดล้างอาวุธสงคราม ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นจุดอ่อนมาเป็นระยะเวลาพอสมควรและต้องยอมรับว่า เรื่องอาวุธสงคราม โดยเฉพาะสถานการณ์ประเทศเพื่อนบ้านของเราทำให้ ยังมีของเหล่านี้อยู่ค่อนข้างมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมผู้ที่มีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง ตอนนี้คิดว่ามีผลได้มากน้อยแค่ไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจน ตรงนี้ก็เป็นปัญหา

************** ภาษีประชาชน *********************

จากคุณ : keiri

เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 53 14:31:04

ความคิดเห็นที่ 51

ข่าวล่าสุดครับ

เตรียมตั้งข้อหาเพิ่มหญิงสาวที่ขับรถเฉี่ยวชนรถตู้จนเกิดอุบัติเหตุ

กรุงเทพฯ 29 ธ.ค. - ตำรวจเตรียมตั้งข้อหาเพิ่มหญิงสาวอายุ 16 ปี ที่ขับรถเฉี่ยวชนรถตู้โดยสาร จนเกิดอุบัติเหตุใหญ่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน พร้อมเร่งสอบปากคำผู้โดยสารที่รอดชีวิต เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

พ.ต.ท.พิทักษ์ นิยมพฤกษ์ รองผู้กำกับการงานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดี-รังสิต เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนกำลังเร่งสอบปากคำผู้โดยสารรถตู้ ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค เฉี่ยวชนท้ายบนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ บริเวณหน้าสำนักงานพลังงานปรมณูเพื่อสันติ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน เพื่อใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับเยาวชนหญิงอายุ 16 ปี คนขับรถฮอนด้า ซีวิค

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังเตรียมแจ้งข้อหาขับรถประมาท เฉี่ยวชนรถผู้อื่นจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา จากข้อหาขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ แต่ต้องรอให้ผู้ต้องหาออกจากโรงพยาบาลก่อน โดยต้องเชิญเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาร่วมรับฟังการสอบสวน ก่อนแจ้งข้อหา อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเบื้องต้น น.ส.อรชร และอายัดตัวไว้แล้ว

ทั้งนี้ มีรายงานยืนยันจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวิภาวดี ว่า เยาวชนหญิงอายุ 16 ปี ที่ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสาร จนเกิดอุบัติเหตุบนทางด่วนโทลล์เวย์ ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย และออกจากโรงพยาบาลไปตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้ พร้อมยืนยันทางโรงพยาบาลไม่ได้ช่วยเหลือปกปิดข้อมูล แต่เนื่องจากเป็นเยาวชนอายุ 16 ปี จึงต้องรักษาสิทธิ และปล่อยให้อยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง

ส่วนความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของผู้โดยสารที่ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 6 คน น.ส.จันจิรา นักศึกษาชั้นปี 4 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่อยู่ในห้องไอซียู อาการยังน่าห่วง ไม่รู้สึกตัว สมองบวม ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และต้องให้เลือด ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 5 คน คือ นายวรัญญู เกตุชู นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อายุ 20 ปี, นายมูฮัมหมัด ชารีฟ อายุ 31 ปี, นายสุนทร ปิตตาทานัง อายุ 43 ปี ,นายวิสรุต พลสิทธิ์ อายุ 35 ปี , และ น.ส.กัญจน์นภัส ปัญญาประเสริฐ อายุ 23 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาการดีขึ้น โดยอาการของ นายวิสรุต ถือว่าดีมากที่สุด คาดว่าอาจสามารถกลับบ้านได้ในวันพรุ่งนี้

ด้าน นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงมาตรการที่จะเสนอเพิ่มเติมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นบนทางพิเศษและทางยกระดับต่าง ๆ ว่า ได้สั่งการให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบริษัททางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ เพิ่มการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วบนทางด่วนและโทลล์เวย์ทุกเส้นทาง หากพบผู้ขับขี่เร็วกว่ากฎหมายกำหนด ให้จับปรับอย่างจริงจังเข้มงวดกว่าเดิม และสั่งให้กรมการขนส่งทางบก ไปหาแนวทางเพิ่มมาตรการให้รถตู้โดยสารติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง และต้องเข้มงวดให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดนิรภัยทุกคน.-สำนักข่าวไทย

จากคุณ : Onizu_9

เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 53 14:33:23