เปิดผลพิสูจน์ที่เกิดเหตุเก๋งเสียหลักก่อนชนรถตู้
ทีมสืบสวนเหตุรถเก๋งชนรถตู้พบ รถเก๋งครูดขอบทางก่อนหมุนชนกับรถตู้ ระบุต้องสอบสวนคนขับเก๋งหาสาเหตุการเสียหลัก ชี้อาจง่วงนอน รับโทรศัพท์
นายธวัชชัย เหล่าศิริหงษ์ทอง ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการจราจรและขนส่ง หัวหน้าทีมสืบสวนเหตุการณ์ชนบนถนน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวกับ โพสต์ทูเดย์ ว่า ในวันนี้ (29ธ.ค.) ทีมงานได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุรถเก๋งชนรถตู้บน ทางด่วนโทลล์เวย์ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีรอยครูดบนกำแพงทางด่วนในเลนขวา ซึ่งเป็นเลนที่รถเก๋งฮอนด้าซีวิควิ่งมา ก่อนที่จะถึงจุดที่ชนกับรถตู้ รวมทั้งได้ตรวจพบรอยครูดบนด้านขวาของซากรถเก๋งเช่นกัน ทำให้สันนิษฐานได้ว่ารถเก๋งได้เสียหลักครูดกับกำแพงด้านขวาก่อนที่จะเบี่ยง มาทางด้านซ้ายและชนเข้ากับรถตู้ที่วิ่งมาในเลนกลาง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบร่องรอยการชน พบว่า รถเก๋งมีรอยชนในมุมซ้ายด้านหน้า ขณะที่รถตู้มีรอยชนตรงช่วงหน้าด้านขวา ซึ่งเป็นการชนหลังจากที่รถเก๋งเสียหลักครูดกำแพงและเบี่ยงเข้ามาในเลนกลาง ที่รถตู้วิ่งมา
"ผลจากการชนทำให้รถตู้พลิกตะแคงซ้าย เนื่องจากรถเก๋งมีลักษณะตัวถังที่ต่ำกว่าเมื่อเกิดการชนจึงมีลักษณะเข้าไป ช้อนใต้ด้านหน้าของรถตู้ทำให้พลิกตะแคงและกระเด็นไปฟาดกับเสาไฟฟ้าข้างทาง โดยมีจุดปะทะอยู่ตรงหลังคาของห้องโดยสาร"นายธวัชชัยกล่าว
ขณะนี้สรุปได้เพียงเบื้องต้นว่า รถเก๋งเสียหลักก่อนจึงจะชนรถตู้และเป็นการชนที่ด้านหน้าไม่ใช่ด้านท้าย ซึ่งสิ่งที่ต้องค้นหาต่อไปคือ รถเก๋งเสียหลักเพราะอะไร โดยมุ่งไปที่เหตุผลของคนขับเป็นหลัก เพราะสภาพรถยนต์และถนนไม่บกพร่อง คือ รถไม่ได้ยางแตก ถนนไม่มีจุดเป็นหลุมบ่อ ดังนั้นการเสียหลักอาจจะมีสาเหตุจากคนขับ เช่น ง่วงนอน รับโทรศัพท์ ฯลฯ ซึ่งจำเป็นต้องสอบถามจากคนขับต่อไป รวมถึงการนำภาพจากกล้องวงจรปิดในมุมต่างๆมาพิจารณาเปรียบเทียบกับหลักฐานที่ ตรวจสอบได้จากที่เกิดเหตุ
นายธวัชชัยกล่าวว่า ในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ ทีมงานได้ทำหนังสือเพื่อขอภาพวีดีโอจากกล้อวงจรปิด ในมุมอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาหาสาเหตุ เนื่องจากภาพวงจรปิดที่ถูกนำมาเผยแพร่ตามสื่อมวลชนนั้น ยังไม่สามารถบอกได้ว่ารถเก๋งเสียหลักเพราะอะไร
ทั้งนี้ในการตรวจสอบซากรถเก๋ง ได้พบรอยสีแดงที่หัวรถด้านซ้าย แต่เท่าที่ตรวจสอบพบว่าไม่ใช่สีพ่นรถยนต์ และไม่ใช่สีรถตู้ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นรอยสีที่เกิดขึ้นก่อนหรือหลังอุบัติเหตุ นอกจากนี้ในการตรวจสอบซากรถตู้ยังพบว่า ประตูอยู่ในสภาพปิดสนิท และเปิดไม่ออกเพราะเสียรูปทรงจากอุบัติเหตุ แต่กระจกหน้าต่างแตกออกหมด จึงสันนิษฐานได้ว่า ผู้เสียชีวิตที่หลุดออกมาจากรถน่าจะหลุดออกมาทางหน้าต่าง
"ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขับรถเร็วและประมาทเป็นสาเหตุหนึ่งของอุบัติเหตุใน ครั้งนี้ ฉะนั้นการใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดและไม่ประมาทจึงเป็นแนวทางป้องกัน อุบัติเหตุในระยะยาว นอกจากนี้ในเรื่องของประสบการณ์การขับรถก็มีส่วนสำคัญ เพราะถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินผู้ที่มีประสบการณ์น้อยก็อาจควบคุมรถไม่ได้ ซึ่งในบางประเทศมีการกำหนดว่า ถ้าพึ่งสอบใบขับขี่ผ่านก็จะห้ามใช้ทางด่วน หรือต้องมีผู้ที่มีประสบการณ์นั่งไปด้วย"นายธวัชชัยกล่าว
อำนวยขอดูหลักฐานคดีรถตู้โทลล์เวย์
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (30 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ตนจะเรียกพนักงานสอบสวนของสน.วิภาวดี นำข้อมูลหลักฐานทั้งหมดในคดีที่รถตู้โดยสารประสบอุบัติเหตุบนทางด่วนโทลล์ เวย์ เพื่อวิเคราะห์ลงความเห็นในด้านตัวบทกฎหมายว่าจะต้องดำเนินคดีในด้านใดบ้าง หากพบว่าเป็นการประมาท ก็จะต้องดำเนินคดีต่อไป โดยมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 3 ปี ในส่วนที่ว่าคู่กรณีมีอายุ 16 ปี และไม่มีใบขับขี่รถยนต์นั้น ก็จะเป็นความผิดในส่วนดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีโทษปรับตามอัตราที่กำหนด โดยในวันพรุ่งนี้น่าจะมีความคืบหน้าของคดีดังกล่าว
***ภาพจำลองแสดงข้อสันนิษฐานอุบัติเหตุบนโทลล์เวย์จากข้อมูลของทีมสืบสวนเหตุการณ์ชนบนถนน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี****
แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 53 00:30:01