 |
บันทึกจากสายตา :: สุดเขตสเลดเป็ด :: (อ่านได้ ไม่สปอยล์)
|
 |
สุดเขตสเลดเป็ดในแง่มุมของภาพยนตร์ ::
ตั้งแต่ทีแรกที่ตัวอย่างหนัง "สุดเขตสเลดเป็ด" ได้เปิดตัวสู่สายตาทุกคน ผมรู้ทันทีว่าไม่ว่าจะดีหรือร้าย นี่ต้องเป็นหนังไทยที่ทำเงินมหาศาลอีกเรื่องแน่นอน จะไม่ให้ทำเงินได้อย่างไร ในเมื่อทุกองค์ประกอบที่จำเป็น มารวมตัวกันอย่างคับคั่งขนาดนี้ อนึ่ง... ในความเข้าใจของผม หนังไทยที่จะสามารถทำรายได้มหาศาลได้ มักจะ...
- มีทีมนักแสดงที่ดี เป็นที่ติดตามของคนดูส่วนใหญ่ (สุดเขตฯ มีทั้งขวัญใจสาวๆ อย่าง เป้ อารักษ์ และขวัญใจหนุ่มๆ อย่าง ยิปโซ รมิตา พ่วงด้วยดาราตลกทุกคนที่ปัจจุบันมีแฟนๆ รอติดตามผลงานเยอะที่สุด ทั้งโก๊ะตี๋, ตุ๊กกี้, ค่อม ชวนชื่น, แจ๊ส ชวนชื่น, แอนนา (อาแปะพูดไม่ชัด))
- ตัวอย่างหนังที่น่าสนใจ (ตัวอย่างหนังของสุดเขตฯ เป็นตัวอย่างที่ตัดออกมาได้ค่อนข้างดี ขนบตัวอย่างหนังไทย มักจะเรียงมุกตลกในหนังออกมาให้ดูเป็นชุดๆ กระทั่งหนังตลกไทยบางเรื่องทำเอาคนดูเซ็งไปเป็นแถบ เมื่อพบว่ามุกตลกเกือบทั้งหมดในหนังได้ถูกตัดมาเป็นตัวอย่างหนังหมดแล้วเรียบร้อย สุดเขตฯ ก็เป็นหนังตลกที่ตัวอย่างหนังไม่ได้แหวกไปจากขนบนี้ แต่มุกตลกที่ปล่อยออกมาก็ยังดึงดูดให้คนอยากไปดูมุกที่เหลือในหนังอยู่ดี ส่วนหนึ่งเพราะรายชื่อนักแสดงด้านบนยังสามารถดึงดูดได้อย่างแรงมากด้วย)
- เพลงประกอบหนังที่ฟังติดหูได้ง่าย และนำมาใช้อย่างถูกที่ถูกเวลา ("ดูตัวอย่างได้จาก "โปรดส่งใครมารักฉันที" ของวง Instinct เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาเป็นปีๆ แล้ว ซึ่งกระแสก็เงียบหายไปพร้อมช่วงโปรโมต แต่พอถูกใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" ที่มีปัจจัยสองข้อด้านบนอยู่อย่างครบถ้วน เมื่อเสริมด้วยปัจจัยข้อนี้เข้าไป ก็ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงชาติประจำผับในช่วงเวลาหนึ่งเลยทีเดียว พร้อมด้วยอีกหลายตัวอย่าง เช่น กันและกัน ประกอบภาพยนตร์ รักแห่งสยาม หรือ ยินดีที่ไม่รู้จัก ประกอบภาพยนตร์ กวนมึนโฮ ทุกเรื่องที่กล่าวมา เป็นหนึ่งในเพลงประกอบหนังที่ติดหูคนมากที่สุด และอาจรวมถึง "เธอเก็ตฉันก็โอเค" ของสุดเขตฯ ด้วย กับเนื้อเพลงที่ติดหู จังหวะที่สนุก และการตัดใส่ตัวอย่างหนังได้อย่างลงตัว เชื่อว่าหลังจากนี้คงเป็นเพลงที่ถูกเล่นในผับทุกคืนไปอีกเป็นเดือน)
เพียงแค่ปัจจัยง่ายๆ สามอย่าง นักแสดง, ตัวอย่าง, เพลงประกอบ ก็สามารถทำให้สุดเขตฯ พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นหนังทำเงินอีกเรื่องของไทยได้ในทันที อย่างไรก็ตาม ถึงมีปัจจัยดังกล่าวครบสามข้อ แ่ต่ถ้าปัจจัยสำคัญอื่นๆ ไม่สมบูรณ์จริงๆ ก็อาจเกิดกระแสปากต่อปากในแง่ลบขึ้นได้ เช่น บทห่วย, นักแสดงเล่นแย่, หนังไม่มีเหตุผล, ฯลฯ ยิ่งในยุคที่ข่าวสารไปไวกว่าแสง สี เสียง แบบนี้ ถ้าหนังย่ำแย่จริงๆ ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ รอบฉายอาจถูกถอดหายจนแทบจะเกลี้ยงโรง
แต่สำหรับ สุดเขคฯ แล้ว นอกจากจะมีปัจจัยจำเป็นครบทั้งสามข้อ ยังประกอบไปด้วยปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งให้หนังมีความสมบูรณ์มากขึ้นในทุกด้านอีกด้วย
สิ่งที่ชอบ ::
- แกนเรื่องราวของหนังที่เด่นชัด ถึงหน้าหนังจะเป็นหนังตลก แต่สดเขตฯ ก็มีแกนหลักในการเล่าเรื่องที่มั่นคง ว่าด้วยผู้ชายที่มีแนวทางการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน พร้อมจะคว้าในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ถ้าถึงที่สุดแล้วยังไม่สำเร็จ ก็ไม่กลัวที่จะเปลี่ยนเป้าหมาย มองหาสิ่งใหม่ในชีวิต ทั้งเรื่องความฝันที่อยากเป็นนักร้อง และความรักที่มีให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง หนังสามารถดำเนินเรื่องราวไปตลอดเืรื่องได้โดยไม่หลงประเด็นแม้แ่่ต่นิดเดียว
หากเรื่องราวในหนังดำเนินไปได้อย่างมั่นคงฉันใด ความแน่วแน่และชัดเจนของตัวสุดเขตเองก็มั่นคงไม่ต่างกัน สุดเขตอาจจะดูเป็นผู้ชายอินดี้ แนว ไม่มีใครเข้าใจ และไม่สนว่าใครจะเข้าใจ แต่ถ้ามองให้ดีๆ แล้วจะเห็นว่าสุดเขตที่แนวทางเดินของตัวเองที่ชัดเจนมากๆ ไม่ใช่สักแต่ยกตัวเองเป็นอินดี้ แล้วก็เดินเป๋ไปมา สะเปะสปะ หากรู้จักตัวตนของสุดเขตแล้ว ใครก็เดาอารมณ์ของเขาได้ไม่ยากเลย สุดเขตเป็นคนแสดงออกชัดเจน ชอบอะไรทำอย่างนั้นตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเรื่องดนตรีและงานอดิเรกอย่างหนังสือทำมือ มีขีดจำกัดความพยายามที่ชัดเจน สู้เป็นสู้ เลิกเป็นเลิก ผมชอบมุมมองผู้ชายนับสามของ สุดเขต ที่ว่า "ครั้งแรก ครั้งที่สองผิดหวัง ไม่เป็นไร ครั้งที่สามต้องทำใน แล้วเริ่มต้นใหม่กับสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต" เป็นการให้กำลังใจและกระตุ้นให้ตื่นตัวต่อความพยายามของตัวเองอย่างชัดเจน ถ้าคิดจะสู้ ก็สู้ให้สุด แพ้แล้วก็ยิ้มให้กับมัน หันกลับมาตั้งหลักแล้วลุยอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องลุยทุกครั้งที่แพ้เสียเมื่อไร เพราะการวิ่งชนกำแพงเป็นประจำทั้งที่รู้ว่ายังไงมันก็ไม่ทำให้กำแพงถล่ม ก็ดูจะเป็นความพยายามที่ไร้ความหมาย ถ้ามันยากเกินไป ก็แค่หันไปหาอะไรใหม่ๆ ในชีวิตทำเสียบ้าง ชีวิตจะได้ไม่หมกมุ่นตึงเครียดมากเกินไป
- มุกตลกที่ไม่น่าเบื่อ + การจิกกัดไม่เลือกหน้า ช่วงสิบห้านาทีแรกองหนัง ผมเกือบจะปลงกับ สุดเขตฯ ไปเสียแล้ว เมื่อพบว่ามุึกที่เห็นทั้งหมด ก็ไม่พ้นที่เห็นในหนังเลย เมื่อหนังเอามุกเด็ดมาปล่อยตอนต้นหมดแล้ว เวลาที่เหลือจะเล่นกับอะไร? แต่หลังจากพ้นสิบห้านาทีนั้นแล้ว หนังก็ยังมีมุกตลกปล่อยมาให้ครื้นเครงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักแสดงที่โดดเด่นในการนำเสนอตัวเองอยู่แล้ว อย่าง น้่า่ค่อม, โก๊ะตี๋, ตุ๊กกี้, แจ๊ส ที่ต่อมุกกันได้ลื่นไหลมากๆ ทั้งการปล่อยมุกแบบลองเทคของโก๊ะตี๋กับตุ๋กกี้ในช่วงท้ายของหนัง และฉากที่ป๊าสุดเขตกับอันเดอร์พูดให้กำลังใจสุดเขตเพื่อไปสู้เรื่องมะยมเป็นครั้งที่สาม (ฉากนี้ ใครได้เห็นคำพูดในตัวอย่างที่ว่า "หัวใจเราหล่อมาก" ถ้าได้มาดูในหนัง จะรู้ว่ามันไม่ใช่แค่มุกตลกแกนๆ แต่เป็นคำพูดที่มีที่ไปที่มาอย่างหนักแน่น และน้าค่อมก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสุดยอดมากๆ เ่ช่นกัน)
นอกจากนี้ก็เป็นเพราะเนื้อเรื่องที่ถูกวางไว้เพื่อการจิกกัดอย่างแสบร้อนด้วย ทั้งการกัดกลุ่มแฟนคลับเกาหลีที่่มักจะเสียน้ำตาตลอดเวลา, ธุรกิจเครือข่ายขายตรง, นักเรียนนอกหัวสูง พูดไทยคำอังกฤษคำ, ที่เด็ดสุดผมขอยกให้มุกคัดตัวเอเอฟที่กัดจนทีมผู้ผลิตเหวอะหวะไปเป็นริ้วๆ ตั้งแต่เริ่มคัดตัวของคนที่ดีแต่หน้าตา ไปจนถึงฉากร้องไห้คร่ำครวญ ดูแล้วอยากจะปรบมือให้คนเีขียนบทฉากนี้แรงๆ สักหลายที
- ลำดับเนื้อเรื่องที่เล่าได้ต่อเนื่องและลื่นไหลมาก การเรียงลำดับฉากต่อฉาก ไม่มีฉากไหนที่รู้สึกว่าโดดเด้งออกมาเลยแม้แต่นิดเีดียว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการตัดต่อภาพ แต่อยู่ที่การลำดับเรื่องราวและเหตุการณ์ หนังตลกไทยหลายเรื่อง ทำให้คนดูเกิดความรู้สึกเหมือนไม่ได้ไปดูหนัง แต่ไปดูมุกตลกที่ถูกนำมาเรียงต่อกันในความยาวหนึ่งชั่วโมงครึ่งเฉยๆ แต่กับ สุดเขตฯ แล้ว มุกตลกกับเนื้อหา ถูกเรียงร้อยต่อกันเป็นอย่างดี ทุกฉากมีจุดเชื่อมโยงและส่งต่อกันอย่างลื่นไหลมากๆ ดูแล้วเวลาเกือบสองชั่วโมงในหนัง ผ่านไปเร็วอย่างน่าตกใจอยู่เหมือนกัน
- การให้น้ำหนักกับเพลงประกอบหนังไปพร้อมกับการเล่าเรื่อง เพลง เธอเก็ตฉันก็โอเค เป็นเพลงที่ถูกร้องและถูกเล่าไปพร้อมกับเรื่องราวในหนัง ไม่ใช่แค่นึกอยากจะเอาเพลงไหนมาประกอบก็หยิบมาแปะห้วนๆ เท่านั้น เพราะเราจะได้เห็นที่มาที่ไปของเพลงนี้ผ่านเรื่องราวในหนัง จนกว่าจะออกมาเป็นฉบับที่เราได้ยินกันจนติดหูทุกวันนี้ การใช้เพลงประกอบหนังในลักษณะนี้ เป็นแบบที่เรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เพลงประกอบภาพยนตร์ โดยแท้จริง
- ค่ายหนัง M๓๙ เมื่อพิจารณาจากผลงานเด่นที่ผ่านมาของค่ายนี้อย่าง 32 ธันวา กับ เราสองสามคน ทั้งสองเรื่องล้วนเป็นหนังที่ดูแล้วอารมณ์ีดี เบิกบาน ผ่อนคลาย ไม่ซ้ำซากจำเจ บวกกับเรื่องล่าสุดอย่างสุดเขต สเลดเป็ดแล้ว ทำให้เห็นแนวทางที่ค่อนข้างจะชัดเจนของค่ายนี้ ทำให้อยากจะติดตามผลงานของ M๓๙ เรื่องต่อๆ ไปที่กำัลังจะตามมาไม่น้อย
สิ่งที่ไม่ชอบ ::
ผมดูสุดเขตฯ ไปแล้วสองรอบ แต่ก็ยังหาสิ่งที่ผมไ่ม่ชอบในหนังเรื่องนี้ไม่เจอจริงๆ
ควรไปดูไหม ::
ปีนี้เป็นปีที่มีหนังไทยดีๆ ให้เราดูเยอะมากจริงๆ สุดเขตฯ เป็นหนังที่ส่งท้ายปี 2553 ได้อย่างดี ไม่ขาดตกบกพร่อง ใครที่อคติว่าเบื่อการเห็น โก๊ะตี๋ น้าค่อม หรือตุ๊กกี้ ในหนัง จนไม่อยากจะไปดู หรือคิดไปก่อนว่า หนังเรื่องนี้จะมีอะไรมากกว่าสามคนนี้มายิงมุกใส่กัน ถ้าผมจะบอกว่า มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดเลยแม้แต่น้อย เพราะสามคนนี้รับผิดชอบบทบาทของตัวเองได้อย่างเนียนตา กลืนไปกับหนัง โดยไม่รู้สึกว่าโดดเด่นออกมาเป็นหนังของตัวพวกเขาเอง อยากให้ได้ไปดูด้วยตัวเอง ว่าหนังเรื่องนี้ สนุกและน่ารักจริงๆ หัวเราะร่าส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนไทยทุกคนครับ
แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 53 02:16:53
จากคุณ |
:
parawarm
|
เขียนเมื่อ |
:
วันสิ้นปี 53 02:16:07
|
|
|
|  |