ความคิดเห็นที่ 1 ผมดูแล้วสงสาร Mark นะ คือผมมองว่า Mark มัน Nerd+Genius อ่ะ เลยเข้ากับคนอื่นไม่ได้ Mark ก็รู้สึกรักแฟน+รักเพื่อนนะ แต่แสดงออกได้ไม่ดีและคนรอบข้างก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่ ส่วนเรื่องหักหลังเพื่อน ผมเข้าใจว่า Mark โมโหเรื่องที่เพื่อนไปปิดบัญชี เพราะการปิดบัญชี มันทำให้เว็บเจ๊งได้เลย และตอนนั้นคิดว่า Mark คงเชื่อณอนที่ทำ Napster ด้วย คือยังติดนิสัยเด็ก ต้องแก้แค้นอะไร  ทำนองนี้ (ผมว่า ณอนในเรื่อง นิสัยเด็กมากๆ) แต่มันก็ทำให้เขาเสียเพื่อนดีๆ ไป พอตอนจบเหมือน Mark จะโตขึ้่น ทำนองนั้น คือ Mark ไม่ได้อยากหักหลัง ไม่ได้อยากเสียเพื่อน แต่ความคิดที่ยังเด็กทำให้เราทำอะไรพลาดไป หลายๆ อย่างเหมือนกัน อันนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เพิ่งไปดูมาบ่าย 2 วันนี้สดๆ ตอนนี้พยายามทำความเข้าใจความคิดตา Mark อยู่ ส่วนตัวดูแล้วสงสาร Mark นิดๆ จากคุณ : Creep (ป.ล.ผมรักคุณ) เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 21:55:52

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องขโมยไอเดียของสองพี่น้องนั่นตอนแรกผมก็รู้สึกไม่ค่อยชอบนะ แต่ในหนังมันจะมี dialouge นึงที่ Mark พูดว่า a guy who builds a really nice chair doesn't owe money to everyone who's ever built a chair. they came to me with an idea. i had a better one. เออ ก็จริงแฮะ แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 53 22:12:42 จากคุณ : LuisFigo เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 22:08:47

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่อยากใช้คำว่าพระเอกเท่าไหร่ แต่ดูแล้วเข้าใจทั้งหมดครับ มีสปอยล์ครับ โดยรายละเีอียดลึก ๆ จริง ๆ ก็ไม่รู้หรอกครับ แต่ถามว่าทำไมถึงดึงหุ้นคืน ก็ต้องถามว่าทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะ พระเอกคนเดียวครับ และการดึงหุ้นคืนอาจจะเป็นเพราะแรงกดดันรอบข้างด้วย รวมถึง งอนที่ จู่ ๆ ก็ปิดบัญชีเพื่อจะสั่งสอนด้วย เพื่อนพระเอกแทบจะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย อีกอย่างพระเอกก็เตือนแล้วว่าถ้าเพื่อนยังอยู่ที่นิวยอร์คต่อไปก็คงต้องโดนทิ้งไว้ข้างหลัง (คิดในทางกลับกันถ้าเพื่อนยอมรวมหัวจมท้ายจริง ๆ ลาพักการเรียนมาอยู่กับ พระเอกมาลุยเต็มที่ เข้ามาจอยทุกกิจกรรม หุ้นของเขาคงไม่เหลือ 0.03% เขาจะไม่ยอมให้แตกหุ้น หรือแก้สัญญาก่อนแตกหุ้น ก็ได้ครับ) ผมกลับชอบในส่วนนิสัยแย่ ๆ ของ ซัคเกอร์เบิร์ก เพราะว่ามันสะท้อนความเป็นตัวตนของ ตัวเอกว่า เขาเป็นคนที่ปากตรงกับใจ ดูถูกก็พูดเลยว่าดูถูกเขาคิดยังไงก็บอกออกมาอย่างนั้น ไม่ได้ เสกสรรปั้นแต่งอะไรให้ตัวเองดูดี และด้วยความที่เค้าเป็นอัจฉริยะด้วย ก็เลยสื่อออกมาว่าอย่างนั้นครับ นิสัยอาจจะดูแย่ ๆ แต่ถ้าเราพูดอะไรออกมาตรง ๆ กับความคิดแรกของเรา ก็คงจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน และ ทำให้ตัวเอกดูไม่ได้เกินเลยจากความเป็นจริงด้วย nobody perfect ในมุมมองผม พระเอกก็ไม่ได้ไปขโมยไอเดีย เขามาสร้างหรอกครับ และ พระเอกก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองขโมยด้วย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เขาอาจจะบอกว่า เค้าอยากได้เวบแบบนี้ แบบนี้ แต่สิ่งที่พระเอกทำออกมามันดีกว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิง (ในเรื่องก็อธิบายเปรียบเทียบกับเก้าอี้ คุณเห็นเก้าอี้ แล้วคุณสร้างสุดยอดเก้าอี้ขึ้นมา จะเีีรียกว่าคุณขโมยไอเดียเก้าอี้ได้มั๊ย) ในท้ายที่สุดของเรื่องเขาก็ไกล่เกลี่ยกันได้ครับ นั่นแปลว่าไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้อะไรเลย เขาได้ในสิ่งที่เขาพอใจไปแล้วครับ ทุกคนได้ในสิ่งที่ตัวเองลงทุน และมันจบลงแค่ตรงนั้น อ่านดูแล้วอาจจะรู้สึกว่า โปร ซัคเกอร์เบิร์ก เกินไปหรือเปล่า ถ้าพูดถึงนิสัยส่วนตัว ก็คงต้องบอกว่าแย่จริง ๆ นั่นแหละ แต่นี่คือชีวิตจริง คุณทำงานแทบเป็นแทบตาย อดหลับอดนอน แต่ไม่มีทุน ชวนเพื่อนมาลงทุน สุดท้ายธุรกิจคุณโต เพื่อนคุณแทบไม่ทำอะไร หรือ ทำแต่ก็ไม่ได้เจ๋งจริง ๆ อย่างที่เค้าคิดว่าตัวเองเป็น แล้วคุณต้องจ่ายเงินเลี้ยงเพื่อนคุณไปเรื่อย ๆ ผมว่ามันคงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 22:11:56

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนแรกเราดูเราก็คิดเหมือนกันค่ะ ไอเรื่องเก้าอี้ไรนั่นฟังพระเอกพูดก็จริงแหะ แต่ไม่ค่อยชอบวิธีพูดแถๆตรงๆพระเอกมากเกินไปเท่าไร แล้วเรื่องที่เอาหุ้นเพื่อนคืนเราก็คิดเหมิอนกันว่าอาจเป็นเพราะธุรกิจมันโตขึ้นเพื่อนแทบไม่ได้ทำไรเลยนอกจากลงทุนเงินในตอนแรกแต่ต้องได้ส่วนแบ่งแบบนี้ตลอดไป   แต่เรารู้สึกเหมือนหนังมันทำออกมาว่าพระเอกก็ไม่ได้ตั้งใจเลว  เหมือนพยายามจะหาส่วนดีมากหักล้างว่าอาจจะโดนณอนปั่นหัว เอาคืนเพื่อน เหมือนพยายามจะให้คล้อยตามว่าที่พระเอกทำไปมันก็ถูกก็ดีอ่ะ ถ้างั้นจะเอาหุ้นคืนจริงๆก็ไม่น่าหักดิบกันสักเท่าไร เหมือนงานฉลองโดนจัดฉากมาเพื่อฉลองที่ไล่เพื่อนพระเอกออกจากบริษัทได้เลยงั้น จากคุณ : Elli เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 22:22:01

ความคิดเห็นที่ 5 ตรงนี้ก็อย่างที่ เอริก้าพูดตอนท้ายแหละครับ จะสร้างพระเจ้าก็ต้องสร้างปีศาจมาซะก่อน เรื่องจริง ๆ แล้วเป็นยังไง หนังพยายามทำให้พระเอกดูดีจริงๆ หรือเปล่า ผมว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากมาก ต้องอย่าลืมว่า ตอนนั้น ซัค ก็อายุ ไม่เกิน 23-24 เองนะครับ ความเจนจัดด้านสังคม สู้ฌอนไม่ได้ (เหมือนกับเพื่อนพระเอกที่ไม่ทันเล่ห์กล) จากคุณ : MaJinSKi เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 22:31:04

ความคิดเห็นที่ 6 รู้แต่มาร์คเก่งจริงๆ เค้าแนวอัจฉริยะ ผมชอบแนวนี้นะไม่เลวแบบบัดซบ แต่ก็ไม่ได้ดีอะไร เป็นคนจริง ทำอะไรจริง คิดอะไรออกก็ทำ :-)สุดยอด !!!! จากคุณ : Tua12 เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 22:38:28

ความคิดเห็นที่ 7 เพิ่งดูเสร็จมาสดๆร้อนๆ เหมือนกันครับ อยากบอกว่า สนุกมากๆ เรื่องนี้ก่อนเข้าไปดูก่ะว่า พระเอกต้องโดนถล่ม น่วมแน่ๆ เพราะบทมาจากคนที่โดนหักหลัง  ซึ้งนายมาร์ค(ตัวจริง) ก็ปฏิเสธไปแล้วว่ามันเป็นแค่หนัง แต่พอไปดูจริงๆ ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดูมาจนเกือบจะจบ มาไม่เห็นด้วยต้อง ลดหุ้น 30% เนี่ยแหละครับ คือคงอารมณ์แบบ อุตสาห์ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา  ผมว่าสัดส่วน งัยๆในทางธุรกิจก็ต้องเท่าเดิม จะมาอ้างว่า ไม่ได้ทำหรือไม่มีส่วนร่วมก็ไม่ได้ เพราะมาเริ่มตั้งแต่แรก  ถ้ามองในอีกมุม ถ้าเจ๊งละ คนลงเงินแต่แรกก็ซวยไป ส่วนที่เห็นด้วย ผมเห็นว่ามาร์คเค้าคงแค่เอาไอเดียมา ผมเชื่อว่าถึงแม้สองพี่น้อง จะมาทำเอง ก็คงไม่ดังเท่า FB หรอก FBมันมีองค์ประกอบหลายๆอย่างที่มันลงตัวพอดี   ส่วนณอน ผมก็ว่าเค้าเป็นคนขยายตลาดนะ  ก็ถือว่าสำคัญมากแต่บทอาจจะเขียนให้คนดูเกลียด  ถ้าเทียบก็แบบ กระทิงแดง ถ้าไม่มีฝรั่งมาช่วยขยายตลาดไปทั่วโลก ก็เชื่อว่ายังไม่รวยขนาดนี้ จากคุณ : พีพีจอมซ่า เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 22:59:22

ความคิดเห็นที่ 8 มาเพิ่มเติมนิดหน่อยค่ะ  พึ่งนึกได้เราว่าไงพระเอกก็แอบเจ้าเล่ห์แหะ  เพราะถ้าตอนแรกพระเอกปฏิเสธไปว่าไม่ร่วมกะสองแฝดพี่น้องตั้งแต่ต้น  อะไรอาจจะเปลี่ยนก็ได้   แต่นี้เหมือนพระเอกซื้อเวลาเลยอ่ะไม่ให้พวกสองพี่น้องสร้างเวปได้ก่อน  เพราะถ้าพระเอกปฏิเสธไปตั้งแต่แรก  พวกสองพี่น้องแฝดก็คนหาคนใหม่  แล้วถ้าเป็นงั้นก็อาจจะกลายเป็นว่ามีเวปแนวสังคมออนไลน์ทำนองเดียวกันเปิดตัวมาเวลาไล่เลี่ยๆกันอาจเกิดกรณีพิพาทว่าใครก๊อปใครหรือป่าว แล้วอาจจะเป็นคู่แข่งกันอาจทำให้งานพระเอกลำบากขึ้น แล้วฝั่งสองพี่น้องดูเหมือนจะมีทุนสูงกว่าด้วย (ไม่ขอพูดถึงว่าถ้าแข่งกันแล้วสองพี่น้องอาจทำเวปได้มาไม่เจ๋งเหมือนพระเอกนะค่ะ ถ้าตอนนั้นเรื่องมันกลับกันอะไรอาจไม่แน่ก็ได้) เราว่าพระเอกน่าจะคิดถึงกรณีทำนองนี้บ้างเหมือนกัน  มิงั้นก็คิดไม่ออกแหะว่าพระเอกซื้อเวลาไปทำไม จากคุณ : Elli เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 23:29:42

ความคิดเห็นที่ 9 แกคิดเร็วทำเร็วจริงๆ ฉากตอนปิ๊งเรื่อง add relationship status จากเพื่อนคนนึงก็เหมือนกัน ปิ๊งไอเดียปุ๊บ รีบกระแทกคีย์บอร์ดปิดเครื่อง วิ่งลุยหิมะกลับไปนั่งเขียนโค้ดเลย จากคุณ : LuisFigo เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 23:37:32

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าคุณสร้างสุดยอดเก้าอี้ได้เอง ทำไมต้องรอจนเห็นเก้าอี้จาก 2 พี่น้องก่อนคุณถึงจะสร้างมันได้ ก็แค่ขโมยไอเดียคนอื่นไปต่อยอด จากคุณ : คนไม่มีเวลา เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 23:41:36

ความคิดเห็นที่ 11 รู้แต่ว่าตอนนี้รักมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กมากๆเลยค่ะ ดูจริงใจ แล้วก็ตรงไปตรงมาดี ยิ่งตอนสุดท้ายที่เค้าขอแอ๊ดเอริก้าเป็นเพื่อน แล้วนั่งรีเฟรช เห็นสายตาเค้าแล้ว โอ้ย บรรยายไม่ถูก รู้แต่ว่าจี๊ดมากมายเลย จากคุณ : สหายสันติ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 53 09:03:59

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าชอบหนังเรื่องนี้ ควรหาหนังสือ ที่เป็นที่มาของหนังเรื่องนี้มาอ่านครับ The Accidental Billionaire ถูกแปลเป็นไทยแล้วในชื่อ "แบบว่า...บังเอิญรวย" รายละเอียดเยอะกว่าในหนังครับ จากคุณ : The_Death_oF_Superman เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 53 10:59:45

ความคิดเห็นที่ 13 F5 ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : OMGWTFBBQ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 53 15:46:15

ความคิดเห็นที่ 15 แฟนของมาร์คเรียน BU ค่ะ บอสตัน ยู ไม่ใช่โคลัมเบียน้าาา โคลัมเบียดังกว่าบียูนะ จริงๆเรามองว่ามาร์คใช้ไอเดียจากสองคนนั้นน่ะแหละ มันออกแนว Piggybacking แ่ต่ว่าโลกธุรกิจก็แบบนี้ ใครดีใครได้ แล้วอีกอย่างมาร์คไม่ได้เอาโค้ดหรืออะไรของเค้ามาใช้เลย ต่อให้คนพวกนั้นทำเอง ก็อาจไม่ได้อย่างเฟซบุ๊คก็ได้ เพราะมาร์คเป็นอัจฉริยะด้วยล่ะมั้ง การแสดงออกถึงเพี้ยนไปแบบนั้น แต่นักแสดงนี่เก่งจริงๆนะ ดูแล้วเชื่อเลยอ่ะว่าหมอนี่อัจฉริยะ แถมจังหวะการพูดเจ๋งมากๆ ที่เกรียนใส่แฟนตอนต้นอ่ะ พูดไว แต่ชัดเจน ฟังรู้เรื่อง ประหยัดเวลาดี 55555+ จากคุณ : fern-eva เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 53 00:55:46

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนเริ่มเรื่องเรางงมากเพราะอ่าน ซับพร้อมกับทำความเข้าใจไปด้วยแทบไม่ทัน ไม่ได้มีเวลามองภาพ มองฉากเล๊ย นี่พวกอัจฉริยะทุกคนเค้าต้องพูดเร็วแบบนี้รึปล่าวนะ? เหอะๆ เราว่าการที่เค้าหัก 30% นั่นเป็นเพราะคำยุยงของฌอนเป็นหลักนะ ต้องยอมรับว่าวาโดร์ไม่ค่อยได้ทำอะไรให้มากก็จริง แต่ถ้าไม่มีเงิน ของเค้า 1000 ตั้งแต่ต้น เราอาจจะไม่มี FB อย่างทุกวันนี้ก็ได้ ฌอนได้เปรียบเรื่องการหาทุนเพราะเค้ามีชื่อเสียงและเส้นสายอยู่แล้ว แต่วาร์โดเองก็พยายามมากเหมือนกัน เป้นเราก็น้อยใจเหมือนกันนะ เหอะๆ จากคุณ : daffygirl เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 53 21:40:06

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นหนังที่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกชอบอะไรมากมาย "แต่เป็นหนังที่ควรดูอีกเรื่องนึงเลยละ" คนเราตัดสินไม่ได้หรอกค่ะ ว่าคนนี้ดี คนนี้เลว คนเราปะปนหลายๆมุมอยูในคนเดียวเสมอๆ เห็นวาร์โด แล้ว รู้สึกต้องตั้งตารอ spider man 4 แล้วละ 55555 จากคุณ : Penguin_JAR* เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 53 23:05:12