 |
"รักแห่งสยาม" ...สัมภาษณ์โดย ไกรวุฒิ จุลพงศธร
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
"ผู้กำกับทุกคนอยากทำหนังที่ได้เล่าเรื่องของตัวเองสักเรื่อง และวันนี้เรามีโอกาสได้ทำแล้ว"
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล (ผู้กำกับ...คน ผี ปีศาจ และ 13 เกมสยอง)
ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล (ผู้กำกับ...คน ผี ปีศาจ และ 13 เกมสยอง) โทรศัพท์มาชวนผมไปดู .."รักแห่งสยาม"...หนังที่เมื่อ 2 ปีก่อน เขาอยากทำมาก เขียนบทเสร็จแล้ว ได้วันเปิดกล้องแล้ว แต่ก็ถูกยกเลิก..ทว่าวันนี้เขาทำมันสำเร็จ
และเสี่ยเจียง - สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ผู้บริหารค่ายสหมงคลฟิล์ม ผู้สร้างหนังเรื่องนี้ อนุญาตให้หนังของเขามีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง ขณะที่หนังไทยทั่วไปที่มีความยาวเพียงชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
แต่ปัญหาของหนัง - ซึ่งทำให้ผมต้องมาดูในวันนี้- อยู่ที่ว่า เวอร์ชั่นนี้ยาวถึง 2 ชั่วโมง 45 นาที และชูเกียรติก็คิดไม่ออกแล้วว่า จะตัดฉากไหนอีก!
(เขาเป็นคนตัดต่อหนังเอง) ปรัชญา ปิ่นแก้ว โปรดิวเซอร์ จึงเสนอว่า ให้ลองหาคนอื่น ๆ มาช่วยดูหนังแล้วเสนอความเห็นว่า ควรจะลดทอนส่วนไหนลง
ความยากของการทำหนังคงอยู่ตรงนี้แหละครับ คือ 1. คนทำหนังอาจจมอยู่กับตัวหนังจนไม่สามารถมองมันด้วยสายตาสดใหม่ได้อีกแล้ว และ 2. จะให้ตัดหนังออกไปอีกได้อย่างไร ? ในเมื่อนี่คือ "หนังส่วนตัว" ของเขา ? ...ไม่ว่าจะเป็นหนังเรื่องไหน ๆ เรื่องยากของผู้กำกับก็คือ เขามักอยากเก็บฉากโน้นฉากนี้ไว้ซะหมด
สัปดาห์ต่อมา ผมนัดคุยกับชูเกียรติอีกครั้ง เพื่อจะรู้ให้ได้ว่า ทำไมเขาถึงอยากเล่า "รักแห่งสยาม" ให้เราฟัง
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
@ตอนที่ถูกยกเลิกไปนี่ ก็ตกลงกับสินจัยแล้วหรือ ?
เวอร์ชั่นนั้น มี นก-สินจัย, ตู่- นพพล โกมารชุน , ติ๊ก ชิโร่ ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วก็หยุด เราก็เสียเครดิตไปพอสมควร จากนั้นก็ไปทำ " 13 เกมสยอง" ซึ่งเราสนุกกับมันมากจนคิดทำ "14" ต่อเลย แต่เสี่ยเจียงมาบอกกับเราเองว่า..เมิงทำ "รักแห่งสยาม" ของเมิงสิ เราจำได้เลยว่า วันนึงเสี่ยเคยเป็นคนด่าเราเองว่า จะทำหนังแบบนี้ไปทำไม ? หนังดีน่ะ กุรู้ แต่มันเจ๊ง ด่าเป็นฉาก ๆ แล้วแกบอกว่า ให้ทำเรื่องอื่นก่อน แล้วค่อยทำเรื่องนี้ วันนั้นแกด่าเรา แต่วันต่อมา แกเป็นคนบอกให้เราทำเอง แกรักษาสัญญาจริง ๆ ตอนแรกมีอารมณ์อยากทำ 14 มากเลย แต่พอปรึกษาพี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) พี่ไก่ (ศิตา วอสเปียน-โปรดิวเซอร์) เขาก็บอกว่า ทำเถอะ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มาง่าย ๆ หรอก เราก็เลยทำ ก่อนหน้านี้เราเคยเอา "รักแห่งสยาม" ไปขายบริษัทอื่นด้วยนะ ทุกคนบอกโอเค แต่ปรับให้มันตลาดขึ้นได้ไหม เอาประเด็นเสี่ยง ๆ ในหนังลดลงหน่อยได้ไหม เราก็รู้สึกสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็อยากทำ แต่สุดท้ายก็รอไว้ดีกว่า แล้วก็ได้ทำ
@ 2 ปีที่ผ่านมาเขียนบทหนังไป 3 เรื่อง เคยกลัวไหมว่า ตัวเองจะหมด เขียนไม่ออกแล้ว
ไม่เลย ไอเดียเกิดขึ้นตลอดเวลา ถ้าเรายังอ่านหนังสือ ดูทีวี รับสื่อ ติดตามข่าวสาร มันมีเรื่องที่สัมผัสเราตลอดเวลา ในประเด็นที่ทำเป็นหนังได้ ถ้าเรารู้จักไขว่คว้านะ เรากลัวแค่วิธีการเล่าเรื่องจะซ้ำ ซึ่งนั่นเป็นจุดที่เราต้องพักบ้าง การคิดบทหนังก็เหมือนการออกกำลังกาย ถ้าเราหยุด มันก็ฝ่อ อย่างตอนเขียน "บอดี้ฯ" สนุกมากเลย เขาบอกให้เขียนหนังผีประเภท "ศพจองเวร" ต่อมาเราก็ดึงพี่เอก (เอกสิทธิ ไทยรัตน์ คนแต่งการ์ตูนเรื่อง 13 เกมสยอง) มาช่วย เขาก็คิดว่า ถ้าเกิดพระเอกมันอย่างนั้น อย่างโน้น จะทำให้เรื่องเป็นยังไง ? เราก็ต่อยอด ไปหาข้อมูล พลิกแพลงวิธีการเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ
ตอนเขียน "รักแห่งสยาม" เราทำใจแล้วว่า กำลังเขียนหนังหลายชีวิต แล้วจะเล่าเรื่องยังไงไม่ให้งง จะให้ชีวิตแต่ละคนมาเกาะเกี่ยวยังไงให้ไม่จงใจ ไม่น่าเกลียด และไม่ยัดเยียด มันก็มีหนังที่คนไม่เกี่ยวพันกันเลยอย่าง Magnolia แล้วก็มีหนังที่คนเกี่ยวพันกันประมาณนึง จังหวะไหน ควรซึ้ง จังหวะไหนควรขำ เราสนุกในการจัดเรียงเรื่อง
วิธีการเขียนเรื่องนี้ก็คือ เราเขียนชีวิตของทุกตัวละครเลย เช่น โต้ง เป็นลูกของคนนี้ วัยเด็กเจอมิว ต่อมาก็แยกจากกัน เวลาผ่านไป 6 ปี โต้งเป็นอย่างนี้ พอเขียนเรื่องโต้งเสร็จก็เขียนเรื่องของมิว ถึงแม้จะเป็นเรื่องเดียวกันแต่ก็ต้องเขียนในมุมมองของมิว จากนั้นก็เขียนในมุมของสุนีย์ ในมุมของกรณ์ ในมุมของทุกตัวละคร ต้องขยันเขียนมาก ๆ เขียนจนเหนื่อย แต่ก็สนุกดี
(ใช่ ...เราก็พิมพ์จนเหนื่อย ขอไปโซ้ยผัดไทยก่อนนะ อิอิ)
แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 53 21:10:39
จากคุณ |
:
ป๋อหลิน
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ธ.ค. 53 18:01:33
|
|
|
|
 |