ไม่ใช่แต่เพียงริวเซย์เท่านั้น แม้แต่ริคุกับเรน่าซึ่งยืนมองอยู่ข้างกายทั้งคู่ราวกับไม่มีตัวตนก็ตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าไม่แพ้กัน คาราซาว่าค่อยๆ ฉายไฟไปยังใบหน้าของซาโยโกะที่นอนอยู่ พบแต่ดวงตาที่เบิกโพลงไร้ซึ่งปฏิกิริยาเคลื่อนไหวต่อแสงสว่างที่สาดใส่ใบหน้ากะทันหัน ริมฝีปากอ้าค้าง และเลือดแดงฉานที่ไหลเป็นทางจากหลังศีรษะจนนองเต็มพื้นหินเท่านั้น
วาบนั้นเอง ที่หางตาอันว่องไวสมกับเป็นทหารรับจ้างมือดีของคาราซาว่ามองเห็นเงาคนไหววูบอยู่ด้านบนหน้าผา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นตะคอกใส่ เรียกให้ทุกผู้ในที่นั้นกวาดตามองตาม ก่อนจะกวาดไฟฉายตามขึ้นไปหมายจะดูให้ชัดๆ ว่าเจ้านั่น (ซึ่งน่าจะเป็นคนเดียวกับที่ทำให้ซาโยโกะตกลงมาจากหน้าผานั้น) เป็นใคร
หากก่อนที่ไฟฉายจะทันได้ฉายไปจนถึงยอดหน้าผา ร่างเงานั้นก็ขยับตัวราวเงวูบวาบของผีร้าย เผ่นแผล็วหายไปจากตรงนั้นในบัดดล
ริคุตกตะลึง หันไปถามจูริที่ยืนอยู่ด้านหลังว่ารู้รึเปล่าว่าเจ้านั่นเป็นใคร (โดยไม่ลืมเตือนว่าอย่าเพิ่งใช้พลังตัดข้ามฉากนี้) เรน่าตัดสินใจได้เร็วกว่าใครเพื่อน รีบโผนร่างกระโดดไต่ขึ้นหน้าผาตามร่างเงานั้นไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ริคุคอยดูสถานการณ์ทางด้านนี้ไว้เพียงลำพังกับจูริ
"อาจารย์...โดนใครฆ่างั้นเรอะ...!!" น้ำเสียงเค้นเครียดของริวเซย์ เรียกให้ริคุละความสนใจจากบนหน้าผากลับมายังสถานการณ์ ณ ใต้หน้าผาอีกครั้ง
เพียงแค่หันกลับมาเท่านั้น ริคุก็แทบสะดุ้งโหยงขึ้นทั้งตัว ด้วยเสียงแผดร้องที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันจากปากของริวเซย์ เขานิ่งจ้องหน้าเด็กชาย ที่บัดนี้บิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกอันมากหลายหลอมรวมเข้าด้วยกัน
โศกเศร้า เจ็บปวด อัดอั้น และคั่งแค้น...
ทั้งต่อธรรมเนียมอันวิปริตบ้าคลั่งของเกาะนี้...ที่ทำให้หญิงสาวที่ตนเคารพรักยิ่งกว่าปู่แท้ๆ ต้องตาย
และต่อชะตากรรมอันบัดซบของตัวเอง...ที่ต้องถูกผูกมัดอยู่กับเกาะบ้าๆ และธรรมเนียมบ้าๆ เหล่านี้
"สำคัญขนาดนั้นเลยเรอะวะ!!" เด็กชายกรีดเสียงคำรามอย่างคั่งแค้น ใบหน้าและแววตาบิดเบี้ยวราวกับสัตว์ร้ายแสยะปากแยกเขี้ยว "ทั้งคิวกิ!! ทั้งไอ้รังไหมนั่น!! ของพรรค์นั้นมันสำคัญขนาดนั้นเลยเรอะ!!! สำคัญนักเรอะไงวะ!!"
กิริยาดุร้ายเหมือนสุนัขป่ากำลังเห่าหอนอย่างบ้าคลั่งของริวเซย์ทำเอาคาราซาว่ากับริคุถึงกับนิ่งอึ้งไป ตอนนั้นเอง คาราซาว่าก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่ไม่ห่างจากศพของซาโยโกะมากนัก จึงเดินเข้าไปดู
และต้องตกตะลึง เมื่อพบว่านั่นคือ "รังไหม" สิ่งสักการะของศาลเจ้าโอโทริ เป้าหมายหลักในภารกิจของเขากับทุกคนนั่นเอง
คาราซาว่าก้มลงอุ้มรังไหมขึ้นมา สัมผัสดูจนแน่ใจว่าไม่ใช่ของทำเทียมที่สร้างขึ้นสำหรับหลอกตาชาวเกาะแน่นอน จึงหันไปเรียกริวเซย์ที่กำลังแผดเสียงทั้งร้องไห้ทั้งเดือดดาลอยู่ข้างศพให้มาทางนี้โดยเร็ว ริวเซย์หันตามอย่างเลื่อนลอย แต่เมื่อเห็นว่าในมือของคาราซาว่าคือรังไหมของตระกูลโอโทริก็ตกใจ รีบลุกขึ้นวิ่งเข้าไปดู สีหน้าตกใจราวกับลืมความบ้าคลั่งเมื่อครู่ไปชั่วขณะ
"...คุณซาโยโกะ...คงปกป้องเจ้านี่ไว้ด้วยชีวิตเลยสินะ..." คาราซาว่าพึมพำเสียงเรียบเฉย ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายใดๆ ต่อรางวัลแห่งความสำเร็จของแผนการครั้งนี้เลยสักนิด หนำซ้ำหากฟังดูดีๆ จะสัมผัสถึงแววอ่อนแรงราวกับซังกะตายอยู่ในน้ำเสียงนั้นได้
เขาก้มลงมองรังไหมที่โอบกอดไว้ในอกด้วยสายตาเลื่อนลอยราวกับไม่เป็นตัวของตัวเอง นึกประชดอยู่ในใจต่อผลสำเร็จอันง่ายดายที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า รังไหมก็ได้มาแล้ว หนำซ้ำเจ้าของรังไหมยังมิได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าตัวเขากับพวกพ้องนั่นเองเป็นผู้ที่ลักลอบขโมยไป กลับยกพวกไปหาความเอากับตระกูลคู่อริซึ่งไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย สถานการณ์เรียกได้ว่าสะดวกนักที่จะลอบนำรังไหมเผ่นหนีออกจากเกาะไปอย่างเงียบๆ กว่าที่ฝ่ายตระกูลโอโทริเจ้าของรังไหมจะรู้ตัวอีกที ตัวเขาก็เปิดแน่บไปไกลลิบแล้ว
ความคิดอันล่องลอยของของคาราซาว่าชะงักกึกทันควันเมื่อสายตาปะเข้ากับร่างไร้วิญญาณของซาโยโกะอีกครั้ง สีหน้ายังคงเรียบเฉยจนแทบอ่านความรู้สึกในใจไม่ออก มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่บ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ภายใน
ไม่ใช่...
ไม่ใช่.........
ไม่ใช่เด็ดขาด...........!!
พร้อมๆ กับเสียงร่ำร้องบางอย่างที่ดังกึกก้องขึ้นมาในใจราวกับสายน้ำบ่า คาราซาว่าก็ลงใจได้ทันที
ว่าสิ่งที่เขาควรทำ ณ ตอนนี้คือสิ่งใด!!
-----------------------------------------------------------------
ริวเซย์สะดุ้งตัวขึ้นเล็กน้อย เมื่ออยู่ๆ ชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนต่างวัยคนเดียวบนเกาะก็เดินเข้ามาจับบ่าของตนบีบไว้แน่นจากด้านหลัง ขณะที่ตัวเขาเองกำลังยืนเหม่อลอยด้วยความอ่อนล้าจากการระเบิดอารมณ์อันรุนแรงต่อสถานการณ์บ้าบอคอแตกที่เกิดขึ้นต่อหน้า แล้วเรียกชื่อตนด้วยเสียงต่ำๆ ที่ฟังแล้วชวนขนลุกอย่างไรชอบกล
หากที่ทำให้เด็กชายรู้สึกขนลุกยิ่งกว่าน้ำเสียงนั้น กลับเป็นคำพูดต่อมาของคาราซาว่า ที่กระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาว่า
"จูริจังคือคุณแม่ของเธอที่กลับมาเกิดใหม่ใช่มั้ย?"
เด็กชายสะดุ้งคล้ายถูกเข็มแหลมลนไฟจิ้มเข้าที่กลางหลัง เขาเงยหน้าขึ้นมองคาราซาว่าอย่างตื่นตะลึง ขยับปากคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ครั้นได้มองเห็นดวงตาของคาราซาว่าในยามนี้ชัดๆ เด็กชายก็ตัวเย็นวาบ
...แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือดวงตาของชายหนุ่มผู้ใจดีและเป็นกันเองกับเขาเสมอมาคนนั้น มันทั้งบิดเบี้ยว บ้าคลั่ง ราวกับไม่เหมือนดวงตาของมนุษย์ปกติเลยแม้แต่น้อย...
ฝ่ายคาราซาว่าเมื่อเห็นว่าริวเซย์ไม่ยอมตอบคำถามอันแสดงถึงการยอมรับกลายๆ ก็เอ่ยปากพูดต่อไปทันที
"ขอโทษนะ...ชั้นแอบสืบมาแล้ว คุณทาคาโอะ คิเรย์ แม่ของเธอเสียชีวิตในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านสินะ" เขาหมายถึงการเคลื่อนไหวต่อต้านการพัฒนาเกาะฮัตสึมิซึ่งตระกูลทาคาโอะเป็นผู้หนุนหลังอยู่ "หลังจากนั้นก็เกิดคดีคนที่เกี่ยวข้องกับโทคิจิกรุ๊ปประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตโดยไม่รู้สาเหตุขึ้น"
"คนที่ทำเรื่องพวกนั้น...ก็คือเธอกับจูริจังที่กลับมาเกิดใหม่สินะ?"
เจอพูดแทงใจดำเข้าไปจังๆ แบบนี้ ริวเซย์ผู้ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินก็ถึงแก่หน้าซีด ดวงตาที่ทอประกายมาดมั่นอยู่เสมอ บัดนี้กลับส่อแววหวาดกลัวและหวาดหวั่นจนแทบดูน่าสมเพช
"ขอโทษนะ...ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิอะไรพวกเธอหรอก" คาราซาว่าปั้นเสียงปลอบใจเมื่อเห็นสีหน้าราวกับจะพังทลายได้ทุกเมื่อของเด็กชายตรงหน้า "พวกเธอเองก็คงเจ็บปวดเหมือนกันนี่นา...คงโดนใครสั่งมาสินะ แต่ว่า แค่เรื่องนี้เท่านั้น...ช่วยบอกชั้นมาได้มั้ย"
ถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็เว้นระยะเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้า ให้ใบหน้าของตนใกล้กับใบหน้าของอีกฝ่ายมากขึ้นเพื่อเพิ่มน้ำหนักในคำพูดของตน แล้วบอกว่า
"คุณซาโยโกะที่เป็นแบบนี้ไปแล้ว มีคุณสมบัติข้อนั้นอยู่ด้วยหรือเปล่า...?"
เด็กชายกลืนน้ำลายดังอึ๊ก เหลือบตาไปมองยังร่างไร้วิญญาณของซาโยโกะที่นอนอยู่ไม่ห่าง ก่อนจะหันหัวคืน แล้วก้มหน้าลงกัดริมฝีปากแน่นราวกับข่มกลั้นความรู้สึกบางอย่างที่ตีขึ้นมาจนเต็มหัวอก
ความรู้สึกที่ข่มกลั้นมาตลอดสองปี นับตั้งแต่ผู้เป็นแม่สิ้นชีวิตไป ต้องทนถูกชาวเกาะรังเกียจ ถูกปู่แท้ๆ กดดันหาว่าไร้ความสามารถ ไม่มีเพื่อนมีมิตรจริงใจเลยแม้แต่ผู้เดียว
"...เกาะนี้มันบ้าไปแล้ว..." ที่สุดเด็กชายก็เค้นเสียงออกมา "เพื่อปกป้องเกาะ...เพื่อปกป้องจารีต...ก็ถึงกับฆ่าคนได้หน้าตาเฉย... เหมือนกับถูกโซ่ที่มองไม่เห็นพันธนาการไว้ไม่มีผิด...!!"
ว่าจบ ริวเซย์ก็สะบัดหน้าขึ้น จ้องตาคาราซาว่าด้วยสายตาเป็นประกายกร้าว แล้วตะโกนใส่ว่า
"ชิโร่จะทำลายไอ้โซ่บ้านั่นได้มั้ยล่ะ...!!?"
ดวงตาราวกับหมาจนตรอกที่พร้อมสู้ตายของเด็กชาย เรียกรอยยิ้มอย่างถูกใจขึ้นที่ใบหน้าของคาราซาว่าทันที หากสีหน้าและแววตาบ้าคลั่งของชายหนุ่ม กลับทำให้รอยยิ้มนั้นดูคล้ายรอยยิ้มของคนเสียสติเสียมากกว่า
...ดีมาก ทาคาโอะคุง...
ชายหนุ่มร่ำร้องในใจอย่างลิงโลด
...เท่านี้เธอกับชั้นก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันแล้วนะ!!...