ความคิดเห็นที่ 1 สตีฟ จ๊อบก็เคยทำงานกับ Pixar ครับเมื่อก่อน ปัจจุบันยังพอมีแจม ๆ บ้าง อย่าง EVE ใน Wall-E ก็ออกแบบโดยทีมงานของจ๊อบ จากคุณ : RockZilLa เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 20:46:47

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่แล้ววว สตีฟ จ๊อบ เป็นประธานบริหาร ระดับสูงของพิกซ่า ที่ซื้อกิจการต่อจาก จอร์จ ลูคัส และเป็นผู้เริ่มการผลิตอนิเมชั่นด้วย คอมพิวเตอร์กราฟฟิค! จากคุณ : Akirasart เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 20:50:23

ความคิดเห็นที่ 3 จิ้มไปที่ความเห็นที่ 1 ^ ^ ^ มิน่า มอง EVE ทีไร คิดว่าเครื่อง Apple ในอีก 10 ปีข้างหน้าทุกที จากคุณ : ป้าตัวกลม เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 20:51:27

ความคิดเห็นที่ 4 อ้อออ อีฟถึงได้ขาวๆ เงาๆ เรียบๆ คุ้นๆ 55 จากคุณ : หัวหอมบานฉ่ำ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 20:56:49

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ สตีฟอาจจะบอกเป็นนัยๆว่า อนาคต ผลิตภัณฑ์ Apple จะยิงกระสุนพลังงานได้สินะ =w=''a จากคุณ : Zhion เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 21:02:00

ความคิดเห็นที่ 6 สตีฟ เป็นคนที่เก่งม๊ากมากค่ะ จากคุณ : จูน (june_ju) เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 21:16:31

ความคิดเห็นที่ 7 วันนี้เพิ่งได้อ่านชีวิตฉบับย่อๆ ของ Jobs ในหนังสือชื่อ เมิงสู้จริงหรือเปล่า(น่าจะประมาณนี้) จะบอกว่าชีวิตของเขาน่าทึ่งมากๆ สามารถเอาไปสร้างเป็นหนังไตรภาคได้เลย จากเด็กกำพร้าถูกเลี้ยงดูมาอย่างยากแค้น เรียนไม่จบมหาลัยเพราะไม่มีเงิน ต้องไปเก็บขยะขาย ประทั่งชีวิต แสวงหาความสุขที่แท้จริง จนมานับถือศาสนาพุทธ ประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ขายจนเป็นเศรษฐี ก่อตั้ง Apple จนดังคับโลก โดน CEO ที่ตัวเองจ้างเองมาปลดตัวเองออก ชีวิตล้มเหลวในการตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ใหม่(เพื่อล้ม Apple ของตัวเองด้วยความแค้น) หันมาสร้าง Animation สมบูรณ์แบบเรื่องแรก เรื่อง Toy story ก่อตั้ง Pixar จน Walz Disney ซื้อด้วยจำนวนเงินมหาศาล สุดท้าย Apple ที่กำลังล้มละลาย ผู้บริหารหนีไปหมด Jobs ต้องเสนอตัวเองเพื่อมากอบกู้บริษัทโดยขอเพียงค่าจ้าง 1 ดอลล่าร์ต่อปี เมื่อชีวิตประสบความสำเร็จก็ต้องเจอดรคมะเร็งจนหมอบอกให้เตรียมใจ แต่สุดท้ายก้ต่อสู้จนมะเร็งหายขาด อยากดูหนังอัตชีวประวัติของ Jobs จริงๆ เลย จากคุณ : เหล้าขาวผสมน้ำแดง เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 21:16:51

ความคิดเห็นที่ 8 จ๊อบส์ ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูอย่างแร้นแค้นครับ แต่เป็นเด็กที่แม่วัยรุ่นเลี้ยงไม่ไหว เลยต้องหาผู้อุปการะแทนโดยมีข้อแม้ว่าต้องส่งเสียจ็อบส์ จนเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่จ็อบส์เรียนแค่ปีเดียวเอง เพราะมัวแต่ไปเข้าอาศรมฮินดูไม่ใช่ขาดแคลนเงินทุน พ่อแม่บุญธรรมดูแลจ็อบส์เป็นอย่างดี เรื่องที่ทำตัวยากจนก็เพราะอยากดูแลตัวเอง อีกทั้งเป็นลักษณะของชาวบุปผาชนหรือ ฮิปปี้ ในยุคนั้นที่ใฝ่หาจิตวิญญานอิสระ ภายหลังไปแสวงบุญที่อินเดียแล้วเกือบตายกลับมาพร้อม ๆ กับเปลี่ยนไปนับถือพุทธ ก็เลยพยายามทำงานเป็นเรื่องเป็นราว และสิ่งที่ทำให้โลกใบนี้เปลี่ยนไปก็เมื่อ สตีฟ วอซเนียกเพื่อนซี้ ออกแบบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบใช้งานได้จริงขึ้นมาและได้จ็อบส์มาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยกันก่อตั้งบริษัท โรงรถในตำนานที่เป็นจุดเริ่มต้นของ บ. แอปเปิล ก็เป็นบ้านของพ่อแม่บุญธรรมนั่นเอง. หนังอัตชีวประวัติของจ๊อบส์ มีครับ มีเรื่องราวของบุคคลในตำนานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ทั้ง จ็อบส์ วอซเนียค (ผู้ให้กำเนิด Apple I ตัวจริง) บิล เกตส์ พอล อัลเลน และ สตีฟ บอลเมอร์ แห่งไมโครซอฟท์ ชื่อ Pirates of The silcon Vally เป็นเรื่องราวของการขับเคี่ยวแบบเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดในวงการ Personal Computer ยุคแรก ๆ แต่เรื่องจบแค่ตอนที่จ็อบส์ กลับมาแอปเปิลอีกครั้งโดยยอมอยู่ภายใต้ร่มเงาของ บิล เกตส์ โดยมีทิ้งท้ายไว้นิดหน่อยเหมือนจะบอกว่า จ็อบส์ ได้เรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเองแล้วและรู้ที่จะแก้ความผิดพลาดของตัวเอง เรื่องราวคงไม่ได้จบง่าย ๆ แค่นั้น และก็เป็นความจริงต่อมาซะด้วยสิ. แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 21:48:41 จากคุณ : LittleTiger เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 21:41:39

ความคิดเห็นที่ 9 #8 แต่เท่าที่ผมอ่านมา คือ พ่อแม่ บุญธรรมเขาไม่มีเงินส่งนะ เขาจึงไปเก็บกระป๋องขาย และขออาศัยอยู่กับเพื่อน เพื่อที่จะเข้าเรียนบางวิชาที่เขาสนใจอยู่ Pirates of The silcon Vally เคยดูเหมือนกันครับ Jobs ในเรื่องนั้น Loser สุดๆ Gate เป็น Winner แต่อีก 10 ปี ต่อมา .. สินค้าหลายชนิดต้องใช้คำว่า i นำหน้า อ่อ Pirates of The silcon Vally เป็นแค่หนัง TV นะครับ แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 21:53:36 แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 21:52:38 จากคุณ : เหล้าขาวผสมน้ำแดง เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 21:46:00

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าบางทีหนังสือก็เขียนมาให้ดราม่าหน่อย ๆ ในความเป็นจริงที่อเมริกา เด็กจบไฮสกูล ก็ทำงานได้แล้ว พ่อแม่จะให้ออกจากบ้านหาเลี้ยงตัวเอง หาเงินเรียนมหาวิทยาลัยเอง หรือสนับสนุนบางส่วน แต่ในกรณี จ๊อบส์ มีสัญญาไว้กับแม่แท้ ๆ ก่อนรับมาเลี้ยง ซึ่งน่าจะแปลว่าเขามีฐานะเพียงพอจะสนับสนุน แต่เด็กอเมริกันส่วนใหญ่ก็อยากจะเอาตัวให้รอดด้วยตัวเองมากกว่า อีกทั้งเป็นแนวคิดของพวกฮิปปี้สมัยนั้นด้วย (พวกฮิปปี้หลายคนมาจากครอบครัวที่รวยมากแต่ทำตัวจน) ที่ชอบชีวิตเสรี หาเลี้ยงตัวเองด้วยวิธีง่าย ๆ ทำตัวเป็นฤๅษี อีกทั้งฮิปปี้แบบจ็อบส์ ไว้ผมยาว ไม่อาบน้ำ ยากที่จะได้งานปกติทำ แต่ในที่สุด จ็อบส์ ก็หางานจริง ๆ ทำได้ในบริษัทอาตาริ ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่า คอมพิวเตอร์ ควรจะติดต่อกับมนุษย์ได้ง่ายด้วยรูปแบบกราฟฟิก เป็นงานเล็ก ๆ เพื่อเก็บเงินไปแสวงบุญที่อินเดีย. จ็อบส์ ไม่ได้ก่อตั้งพิกซาร์ครับ แต่เป็น จอร์จ ลูคัส ผู้ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เห็นอนาคตของหนังการ์ตูนสามมิติ จ็อบส์เองซื้อพิกซาร์มาจากลูคัสเจตนาแรก ๆ ก็ไม่ได้ต้องการทำหนังการ์ตูน แต่เป็นบริษัทสร้างซอฟท์แวร์สามมิติสนับสนุน Next Computer บริษัทที่เขาหมายมั่นปั้นมือไว้มาก แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ Pixar จำต้องหาทางอยู่รอดด้วยตัวเอง จากที่เคยทำหนังไว้เพื่อเป็น Show reel เฉย ๆ ก็เลยต้องทำหนังเพือหารายได้ ซึ่งถ้า Toy Story ไม่ประสบความสำเร็จตอนนั้น ก็คงต้องปิดบริษัทไปเลย เพราะหมดเงินทุนแล้ว และจ็อบส์เองก็แย่ แต่ปรากฎว่ามันประสบความสำเร็จจนกลายเป็นตำนานไปเลย Apple ซึ่งกำลังย่ำแย่ขณะนั้น ก็เริ่มมองเห็นว่า จ็อบส์ อาจกลับมากอบกู้บริษัทได้ เพราะความสำเร็จจาก Toy Story นี่เอง. แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 22:20:40 แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 22:16:39 แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 54 22:05:55 จากคุณ : LittleTiger เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 22:04:26

ความคิดเห็นที่ 11 ลองหาหนังสือชื่อ iCon ที่สำนักพิมพ์ BrandageBook แปล มาอ่านดูครับ จากคุณ : redcomet เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 22:38:06

ความคิดเห็นที่ 12 ที่เคยอ่านประวัตินะ เขาไม่ได้อัจฉริยะเหมือน บิล เกตต์นะ เขาก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องคอม แต่คนรอบๆตัวเขาเก่ง เขามีไอเดีย ใน apple มีแต่คนเก่ง ที่ทำอย่างที่เขาต้องการ เรียกว่าเขาเป็นนักการตลาดมากกว่า เป็นคนมีรสนิยม ไอเดีย อย่างคนออกแบบให้ apple ก็ขั้นเทพของวงการ ด้านการออกแบบ ที่ apple มีแต่คนเก่งๆ แต่ต้องใช้เครดิสจ๊อบด้วยแหละ ว่าวิสัยทัศน์เขาดีจริงๆ เหมือนเขานำคนอื่นอยู่ก้าวหนึ่งเสมอ จากคุณ : pan (panda_meme) เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 22:50:02

ความคิดเห็นที่ 13 1. จ๊อบ ซื้อ Pixar ด้วยเงิน 5 ล้านดอลล่าร์ของตัวเอง (ถึงแม้จะโดนเตะออกจากแอปเปิ้ล แต่ก็ยังรวย) 2. จ๊อบ เป้นเพื่อนบ้านกับ David Package นะครับ (คนก่อตั้ง Hewlett-Packard มีเงินเป็น 100 ล้านนะ เออ) บ้านเค้าไม่จนนักหรอก ผมว่า 3. จ๊อบ เป็นคนที่มีความเป้นผู้นำเยี่ยมยอด และเป้นนักการเมืองที่ดีครับ ความสามารถเด่น ๆ คือ การรวมทีม จ๊อบไม่ทำงานเอง แต่สิ่งที่เค้าทำคือรวมทีม จากคุณ : คุณชินโซ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:08:23

ความคิดเห็นที่ 14 กระทู้ดีมีสาระ โหวตแล้วครับ ; ) จากคุณ : xemikonscuz เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:51:29

ความคิดเห็นที่ 15 อืมม พึ่งรู้ว่าแกนับถือพุทธอ่ะ ชอบเอกลักษณ์ที่แกใส่ยีนส์และเสื้อคอเต่าสีดำ และเวลาพูดเขาเปิดสินค้าที ตรึงคนดูมากๆ จากคุณ : Lucy in the sky with diamonds เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 00:26:12

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านประวัติแล้วโหดจัง ถ้าจะอะไร ยังไงกันขนาดนี้ ขออยู่เป็นคนธรรมดาดีกว่า จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 02:58:01

ความคิดเห็นที่ 17 พ่อแม่ที่แท้จริงประกาศยกจ็อบให้เป็นบุตรบุญธรรมของพ่อแม่ที่จบมหาวิทยาลัย เพื่อที่ลูกสามารถเรียนมหาวิทยาลัยได้เพราะตัวเองไม่มีความสามารถ (ที่จริงพ่อแม่บุญธรรมก็ไม่ได้จบเหมือนกัน) จ็อบเข้าเรียนวิทยาลัยเอกชนที่รัฐโอเรกอนแต่ดร็อบออกมาเสียก่อนแต่นั้นก็ยังเข้าเรียนวิชาเขียนตัวหนังสือ (calligraphy) เหตุผลก็คือความชอบเท่านั้นเอง แต่สุดท้ายก็ได้นำความรู้นี้มาใช้กับแอ็ปเปิ้ลรุ่นแรกทำให้มี interface ที่สวยงามที่สุดในยุคนั้น จ็อบไม่ได้เก่งเรื่องคอมมากนัก หัวเรี่ยวหัวแรงคือสตีฟ วอซเนียก เพื่อนรุ่นพี่ที่ตอนนั้นเรียนอยู่ที่ยูซีเบิร์คลี่ย์แล้ว แต่จ็อบมีวิสัยทัศน์และเป็นนักพรีเซ็นต์และจูงใจคนที่ยอดเยี่ยม เขาพรีเซ็นต์งานแม็คเวิร์ลด์ทุกครั้งเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงโดยไม่มีสคริปต์ เขาสามารถทำให้คนของเขาทุ่มเทจิตใจในการสร้างผลิตภัณฑ์เพราะเขาทำให้คนเหล่านั้นเชื่อว่ากำลังผลิตคอมที่ดีที่สุดในโลก เขาและเพื่อนเคยตามนักบวชชาวอินเดียมาจนถึงอินเดียจนเงินหมดและตกระกำลำบากอยู่ที่นั่นหลายวัน เขานับถือเซน เป็นมินิมัลลิสต์ซึ่งสะท้อนออกมาถึงดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่าย ที่จริงจ็อบตอนที่อยู่กับแอปเปิ้ลค่อนข้างดุ จนถูกจัดให้เป็นเจ้านายจากนรกคนหนึ่งของประเทศ (boss from hell) แต่เมื่อกลับมาอีกทีเขาโตขึ้น และภรรยาใหม่ก็มีส่วนทำให้เขาดีขึ้น จ็อบจะมีเสื้อผ้าอยู่แค่แบบเดียวคือกางเกงยีนลีวาย เสื้อคอเต่าสีดำและรองเท้าสนีคเกอร์นิวบาลานซ์ เขาใส่แบบนี้ทุกวัน หัวเรี่ยวหัวแรงในพิกซาร์ของเขาคือจอห์น แลสซิตเตอร์ซึ่งเคยอยู่กับดิสนีย์มาก่อน (ถ้าเคยดูแอนิเชั่นของพิกซาร์ตอนท้ายช่วงเครดิตของหนังจะมีชื่อของเขาอยู่) ก็จริงที่ว่าเขามีมือไม้ที่เก่งมากอยู่หลายคน รวมทั้งจอน ไอวี่ ดีไซน์เนอร์ชาวอังกฤษที่ทำให้แอปเปิ้ลกลับมาจากอาการโคม่าด้วยไอแม็คสีลูกกวาด แต่ทั้งหมดก็ต้องให้เครดิตกับจ็อบที่เลือกคนเหล่านี้เข้ามา ใครสนใจลองหาหนังสือชื่อ Steve Jobs The greatest second act in the history of business มาอ่านดู จากคุณ : walkingtall เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 08:13:46

ความคิดเห็นที่ 18 น้องๆรุ่นใหม่ๆอาจจะเพิ่งรู้จักสตีฟ จ็อบ จากไอโฟน อันที่จริง เขาอยู่ในเแวดวงธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มานานแล้วครับ แอปเปิ้ล อย่างที่คุณ walkingtall บอกนั่นแหละ น่าจะเป็นจุดแรกที่เริ่มมีชื่อของจ็อบ ข้อมูลผมที่มี เหมือนพี่ LittleTiger และคุณ walkingtall บอกคือ พ่อแม่แท้ๆยกให้คนอื่น โดยมีข้อแม้ว่าต้องส่งให้จบมหาวิทยาลัยได้ ข้อมูลอื่นๆก็อย่างที่ช่วยกันบอกแหละครับ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 12:02:55 จากคุณ : น้ำใส เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 10:07:26

ความคิดเห็นที่ 19 น้องๆรุ่นใหม่ๆอาจจะเพิ่งรู้จักสตีฟ จ็อบ จากไอโฟน อันที่จริง เขาเแวดวงธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มานานแล้วครับ นานมาก แอปเปิ้ล อย่างที่คุณ walkingtall บอกนั่นแหละ น่าจะเป็นจุดแรกที่เริ่มมีชื่อของจ็อบ ข้อมูลผมที่มี เหมือนพี่ LittleTiger และคุณ walkingtall บอกคือ พ่อแม่แท้ๆยกให้คนอื่น โดยมีข้อแม้ว่าต้องส่งให้จบมหาวิทยาลัยได้ ข้อมูลอื่นๆก็อย่างที่ช่วยกันบอกแหละครับ จากคุณ : น้ำใส เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 10:08:02

ความคิดเห็นที่ 20 คิกๆ แมวขอเจ๋อ... ที่หลายๆท่านเอิ้นมาก็ดีครับ แต่แมวอยากให้ฟังจากปากของ Steve Jobs เองบ้าง ในงานรับปริญญาของมหาลัย Stanford ที่เขาไปพูดในฐานะแขกรับเชิญ คิกๆ อันนี้แมวฟังหลายครั้งแล้ว ร้องไห้เลย... จริงๆ พ่อ+แม่เลี้ยงของ Jobs ก็ไม่ได้ยากจนอะไรมากมายหรอกครับ แต่ที่ Jobs เลิกเรียนมหาลัยก็เพราะว่า Rice University มหาลัยที่ Jobs เลือกที่จะเรียน ค่าเทอมแม่มแพงพอๆกับ Stanford พ่อ+แม่เลี้ยงของ Jobs ต้องใช้เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตเพื่อเป็นค่าการศึกษาของลูก Jobs เรียนไปได้สัก 6 เดือน เลยรู้สึกว่า ตูแม่มไม่เห็นคุณค่าของการศึกษาอันนี้ ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากทำอะไรในอนาคต แล้วการเรียนมหาลัยจะช่วยอะไรตรงนั้นได้ ก็เลยลาออก แล้วก็หวังว่าทุกอย่างคงจะไปได้ดีตามวิถึทางของมันส์เอง... ความเห็นแมว : ถ้า Jobs เข้า State U. ก็คงไม่มีปัญหานี้ แต่เผอิญ Jobs รสนิยมดีตั้งแต่เด็กๆ คิกๆ อันนี้ Jobs เล่าในวีดีโอข้างล่างนะครับ ส่วนที่ต้องเก็บกระป๋องโค้กขายเพื่อแลกกับอาหารก็เพราะตอนนั้นแม้ Jobs จะลาออกแล้ว แต่ก็ยังอยู่ที่มหาลัย ไม่ได้ขอเงินที่บ้านใช้ แล้วเลือกเรียนเฉพาะในวิชาที่ตัวเองสนใจ ไม่ต้องไปสนใจวิชาบังคับเพราะตูลาออกแล้ว คิกๆ เอาประมาณนี้ละกัล... ส่วนเรื่องของความแตกต่างระหว่าง Bill Gates กับ Steve Jobs คงมีในหลายๆเรื่อง แต่แมวชอบคำสัมภาษณ์ที่อดีตผู้บริหารของ Apple, John Sculley ซึ่ง Jobs ไปดึงตัวมาจากเป็บซี่ โดยใช้ประโยคเด็ดประมาณว่า  " Do you want to spend the rest of your life selling sugared water or do you want a chance to change the world? " คิกๆ ถ้าแปลน่าจะประมาณ " เมิงอยากจะขายน้ำผสมน้ำตาลไปทั้งชาติ หรือเมิงอยากได้โอกาสในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ " คนสัมภาษณ์ Leander Kahney เขาสัมภาษณ์ Sculley เกี่ยวกับเคล็ดลับในความสำเร็จของ Jobs ไปอ่านได้ที่ link ข้างล่างนะครับ http://www.cultofmac.com/john-sculley-the-secrets-of-steve-jobs-success-exclusive-interview/21572#more-21572 มีข้อนึง ข้อ 10 ที่บอกว่า... 10. Perfection – The thing that separated Steve Jobs from other people like Bill Gates — Bill was brilliant too — but Bill was never interested in great taste. He was always interested in being able to dominate a market. He would put out whatever he had to put out there to own that space. Steve would never do that. Steve believed in perfection. ประมาณว่า สิ่งที่แยก Jobs ออกจากคนอื่นๆอย่าง Bill Gates ซึ่งก็เป็นคนเก่งมากเหมือนกันคือ Jobs เป็นผู้ที่ชื่นชมในความสมบูรณ์แบบ ส่วน Bill เขาไม่สนในเรื่องการมีรสนิยมที่ดี สนแต่ในเรื่องการครอบครองส่วนแบ่งหลักของตลาด เขาจะผลิตสินค้าแบบไหนก็ได้ ที่สามารถทำได้ในตอนนั้นเพื่อครอบครองส่วนแบ่ง แต่ Jobs จะไม่ทำแบบนั้น แมวเคยอ่านเกี่ยวกับเคล็ดลับในความสำเร็จของ Apple จำไม่ได้แล้วว่าเล่มไหน Time, Newsweek, Fortune ประมาณนี้แหละ ผู้บริหารของ Apple จำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไรให้สัมภาษณ์ประมาณว่า... เราผลิตสินค้าในแบบที่ตัวเราเองก็ยังอยากจะใช้เอง ไม่มีการกระจายความเสี่ยงด้วยการผลิตไม้จิ้มฟันยันเรือรบ แล้วทำได้ไม่ดีซักอย่าง เรามุ่งไปที่ผลิตภัณฑ์ที่เราสามารถทำได้ดีที่สุด ถ้าเราไม่สามารถทำมันส์ให้ดีได้ เราก็สมควรเจ๊ง... คิกๆ ปรัชญาประมาณนี้พูดง่ายแต่ทำยากส์ชิกหายเลย... จากคุณ : แมวมึนส์ (tutorcat) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 10:50:08

ความคิดเห็นที่ 21 Starpics เล่มนึงเป็นฉบับ Pixar โดยตรง ลองหาอื่นจะเห็นว่า จ๊อบ Pixar มันแยกกันไม่ออกจริงๆ จากคุณ : แฟนสวย เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:13:00

ความคิดเห็นที่ 22 กระทู้ดีมีสาระมากครับ อ่านแล้วอยากให้เอามาทำเป็นหนังใหญ่จริงเหมือน Social Network รู้สึกว่าโลกเรากำลังเข้าสู้ยุคแห่งอนาคตเข้าทุกทีๆแล้วนะครับ นับวันบุคคลผู้มีอิทธิพลต่างๆก็มาจากวงการ IT เยอะขึ้นเรื่อยๆ อีกหน่อยเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์คงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของมนุษย์ จากคุณ : ZaTanBoy เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:15:05

ความคิดเห็นที่ 23 Toy Story 3 แอนดี้ใช้ Macbook pro หิ้วไปมาตลอด ส่วนฉากที่วู้ดดี้ใช้คอม มีโตโตโร่ยืนข้าง ๆ ก็เป็นแมคนะจ๊ะ นี่ครับ ต้นแบบอีฟ เป็นไอคอนโปรแกรม Automator ใน Mac (รู้สึกว่าเป็นคนเดียวกับที่ออกแบบไอพ็อดด้วยนะ) จากคุณ : Verm เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 17:37:12