Daily News Online
วันศุกร์ ที่ 14 มกราคม 2554
'คู่เดือด' ละครน้ำดี ที่เข้าไปในจิตใต้สำนึก
เปิดศักราชใหม่รับปีกระต่าย ต้องบอกว่าวงการบันเทิงก็ยังคึกคัก เหมือนทุกปีที่ผ่านมา มีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะการปรับผังใหม่ของสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ มีการเข็นรายการใหม่ ๆ ออกมาเอาใจคนดูทีวีกันเพียบ แต่ไม่ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน ความบันเทิงในรูปแบบของ ละคร ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ขาดไม่ได้เลย แถมทีวีบางช่องก็มีกลยุทธ์ดึง ละคร เป็นจุดขาย เท่าที่
กวาดสายตาดูรายชื่อละครที่พร้อมจะออกอากาศในปี 54 บอกได้คำเดียวคอละครได้นั่งติดหนึบ อยู่หน้าจอแน่นอน
วันนี้ผมขอพูดถึงละครเรื่อง คู่เดือด ของ ค่ายทีวีซีน อีกครั้งนะครับ หลังจากที่เคยเขียนชื่นชมมาแล้วตอนที่ละครออนแอร์ในช่วงแรก ๆ โดยเฉพาะพระเอก ป๋อ-ณัฐวุฒิ ที่ย้ายค่ายจากช่อง 7 มาเล่นละครช่อง 3 เป็นครั้งแรก ประกบคู่พระเอกลูกรัก อั้ม-อธิชาติ พร้อมด้วย 2 นางเอก เบนซ์-พรชิตา และ ก้อย-รัชวิน กำกับฯ โดย โหน่ง-วีระชัย รุ่งเรือง อดีตผู้กำกับมือดีของ ช่อง 7 แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าดู คู่เดือด ทำให้นึกถึง คมแฝก ละครบู๊แอ๊คชั่นของผู้จัดค่ายดีด้า ที่เคยโด่งดังมาแล้วทางช่อง 7 ซึ่งผมเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
แต่ที่เป็นแรงจูงใจทำให้ผมอยากจะเขียนถึงคู่เดือดในครั้งนี้ นอกจากประโยคที่ซาบซึ้งกินใจของ ปลัดดำ (ป๋อ-ณัฐวุฒิ) ขณะยืนหน้าเสาธง ณ ที่ว่าการอำเภอน้ำงาม ที่ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ท้อแท้ และเสียใจกับการกระทำของผู้บังคับบัญชา ที่ไปติดสินบนของผู้มีอิทธิพล ข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน ๆ ๆ ๆ ในขณะที่เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นข้าราชการผู้น้อย ที่ทำงานด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อรับใช้และให้ความสงบสุขกับประชาชนในอำเภอ ผมว่างานนี้น่าจะสะท้อนคนในแวดวงราชการบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะข้าราชการบางคนที่ทำงานแบบเอาเงินนำหน้า ทำงานตามใบสั่งของพวกนายทุนหรือผู้มีอิทธิพล ถอดเครื่อง แบบเถอะครับ มันเสียศักดิ์ศรีเปล่า ๆ แต่ผมก็ยังมั่นใจว่า ข้าราชการส่วนใหญ่เป็นคนดี ทำงานรับใช้ประชาชนและส่วนรวม
อีกฉากหนึ่งที่ประทับใจไม่น้อย คือฉากที่หลวงพ่อสิงโต (สรพงษ์ ชาตรี) ถูกผู้มีอิทธิพลยิงมรณภาพ ต่อหน้าต่อตาดำกับขาว และชาวบ้านในอำเภอน้ำงาม สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับพวกเขาอย่างมาก ก่อนที่หลวงพ่อสิงโตจะสิ้นใจพูดย้ำกับดำและขาวว่า ให้รักกันและช่วยกันเอาแผ่นดินของเราอำเภอน้ำงามกลับคืนมา อย่าให้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ผมว่าใครที่ดูละครในวันนั้น คงรู้สึกเหมือนผม คือรักและหวงแหนบ้านเกิดคือผืนแผ่นดินไทยยิ่งชีวิต
และฉากที่ขาว (อั้ม-อธิชาติ) หลงเชื่อผู้มีอิทธิพล ถึงกับไปเป็นลูกน้องทำงานผิดกฎหมายบ้านเมือง พอรู้ความจริงทุกอย่างขาวกับดำ (ป๋อ-ณัฐวุฒิ) ที่ไม่ใช่พี่น้องกัน แต่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อสิงโตเหมือนกัน และกินข้าวหม้อเดียวกัน ภาพการกลับมารักกันอีกครั้งของพี่น้องคู่นี้ ดูแล้วซึ้งจริง ๆ ผมบอกอย่างไม่อายเลยว่า ตอนที่ดูฉากนี้น้ำตาซึมเลย! ดำกับขาวต่างก็จับมือกัน ด้วยความมุ่งมั่นและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและพวกเหล่าร้าย เพื่อให้ความสงบสุขกลับคืนมาสู่อำเภอน้ำงามอีกครั้ง โดยมีพลังชาวบ้านร่วมผลึกกำลังต่อสู้ด้วย
ละคร คู่เดือด นอกจากจะให้ความบันเทิงแก่คนดู ยังให้แง่คิดมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราทุกคนรักและสามัคคีกันไว้ ใครก็จะมาทำร้ายเราไม่ได้ เกิดเป็นคนต้อง กตัญญูรู้คุณแผ่นดินอันเป็นบ้านเกิด เปรียบเสมือนสังคมไทยในยุคนี้ที่ยังแข่งกีฬาสีกันไม่รู้จักจบ แบ่งแยกเป็นหลายสี ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็เกิดอยู่บนผืนแผ่นดินไทยผืนนี้เหมือนกัน ทำไมจึงไม่รักกัน คิดแต่จะหาผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง หากแผ่นดินนี้ร้องไห้ได้ เราคงเห็นน้ำตาเป็นสายเลือด
ขอบคุณช่อง 3 และค่ายทีวีซีน ที่หยิบละคร คู่เดือด ออกมาสร้างสรรค์ความบันเทิงให้กับผู้ชมทุกเพศทุกวัย และทุกกลุ่มคนในสังคม ที่นับวันก็ยิ่งมีคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ผมก็ได้แต่หวังว่า เนื้อหาในละครเรื่องนี้ จะทำให้ความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของใครบางคนเบาบางลงได้บ้างไม่มากก็น้อย.
วิภา วดี
ขอบคุณ ทีมงาน Clubatichart ค่ะ