:::::SPOILER::::: Claymore 111 - The Winged Reason:::::
|
 |
สวัสดีปีใหม่ 2554 ขอรับ +_+" มาแปลกหน่อย อันที่จริงสปอยล์นี้ ควรจะได้มาลงตั้งแต่สัปดาห์แรกของปี 2554 เพราะออกมาตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของปีก่อนแล้ว แต่งานเข้าในที่สุด แถมเข้ายาว 2 สัปดาห์รวด เพิ่งส่งงานออกไปได้เมื่อวานนี่เองครับ ขออภัยอย่างสูงในความล่าช้ามากมาย(อีกแล้ว) m(_ _)m ตอนนี้ขอกลับมาแปลบทสนทนาเยอะกว่าปกติหน่อยนะครับ เนื่องจากเป็นสิ่งบ่งบอกความสัมพันธ์ของคนในทีมนี้ได้ชัดเจนดีทีเดียว Note: 1. ขอปรับชื่อ "นิกี้" ที่ใช้ในตอนก่อนเป็น "นิเก้" นะครับ ครั้งก่อนผมเพี้ยนเอง +_+" 2. ตอนนี้สั้นหน่อยนะครับ มี 23 หน้าเท่านั้น เชิญชม spoil เลยเน้อ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------- ความเดิมตอนที่แล้ว... ปริศนาบทหนึ่งที่ว่าทำไมลาคิไม่ถูกกระสุนปรสิตดูดกลืนนั้นกระจ่างด้วยว่ามีแขนของพริซซิลลาปักอยู่ที่หลังนั่นเอง ดาเอเริ่มเอะใจต่อข้อมูลของพริซซิลลาว่าอาจมีการปกปิดข้อมูลบางอย่างเกิดขึ้นในองค์กร ซึ่งจะมีการสืบสวนกันต่อไป ด้านกลุ่มเดเนฟตัดสินใจบุกองค์กรด้วยเส้นทางตอนเหนือ ซึ่งในขณะเดียวกัน อนาสตาเซีย "ปีกนภา" นักรบองค์กรหมายเลข 7 กำลังเดินทางกลับองค์กรอยู่ และปะเข้ากับกลุ่มมารอวตารเพศชายเข้าอย่างจัง...
CLAYMORE SCENE 111 :: The Winged Reason -เบื้องหลังการโบยบินนั้น-
-อนาสตาเซีย นักรบเคลย์มอร์หมายเลข 7 แห่งองค์กรพร้อมเพื่อนร่วมทีมอีก 3 คนกำลังตกอยู่ในสภาพลำบาก เนื่องจากตกอยู่ในวงล้อมของเหล่ามารอวตารเพศชาย ซึ่งรายล้อมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างน่ากลัว
-กลุ่มก้อนมารอวตารบีบวงล้อมเข้ามา และเริ่มโจมตีอย่างกระหายเลือด "ฟีน่า"เป็นรายแรกที่โดนเล่นงานจากระยางค์ของมารอวตารตนหนึ่งแทงเข้าที่ร่างและยึดตรึงไว้กับพื้น
-อนาสตาเซียเห็นท่าไม่ดี รีบพุ่งเข้าไปช่วยฟันระยางค์ทั้งหลายจนขาดสะบั้น พร้อมเข้าฟาดฟันโต้ตอบมารอวตารอย่างดุเดือด รวมทั้งหลบหลีกการเข้ารุมทึ้งของคู่ต่อสู้ด้วยเทคนิคเหาะเหินเดินอากาศของเธอเองอย่างคล่องแคล่ว
-"นิเก้" อาศัยโอกาสช่วงนี้รีบเข้าหาฟีน่าทันที พร้อมกับบอก "คีร่า" เพื่อนร่วมทีมผมหน้าม้าให้จับตัวฟีน่าไว้ให้แน่นๆ และทันใดนั้นเอง เธอก็จับตัวคีร่าเหวี่ยงออกไปสุดแรง ทิศทางที่นิเก้เหวี่ยงไปนั้น เหมืิอนจะตรงไปหามารอวตารตนหนึ่ง แต่แล้วสิ่งประหลาดก็เกิดขึ้น เมื่อร่างของคีร่าและฟีน่านั้น ลอยกระเด้งไปมาในอากาศราวกับกระทบกับอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น จนข้ามตัวเจ้ามารอวตารและไปตกอยู่นอกวงล้อมการต่อสู้จนได้
-ทั้งตัวคีร่าและเจ้ามารอวตารนั่นต่างก็งงเป็นไก่ตาแตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นิเก้ไม่มีเวลาอธิบาย เธอพุ่งเข้าหาเจ้ามารอวตารอีกกลุ่มทันที หมายขวางพวกมันไว้ไม่ให้ตามไปหาคีร่าและฟีน่าที่กำลังบาดเจ็บได้ แต่กลับเป็นตัวเธอเองที่ทำท่าจะเสียที
-อนาสตาเซียโผเข้ามาแก้ไขสถานการณ์อีกครั้ง โดย"หิ้ว"ตัวนิเก้และเหาะเหินเดินอากาศจนหลุดพ้นการรุมทึ้งของพวกมารอวตารไปได้อีกครั้ง อนาสตาเซียเย้าเล็กๆ "ชีวิตในแดนเหนือมันสบายมากจนเธออ้วนขึ้นรีไงเนี่ย"
-เหล่านักรบเคลย์มอร์หลีกออกนอกวงล้อมมาได้อีกครา แต่ตอนนี้ พวกมารอวตารกลับมีทีท่าแปลกๆไป เมื่อพวกมันหยุดชะงักราวกับรู็สึกถึงอะไรบางอย่าง พร้อมวาดระยางค์ของพวกมันเองไปทั่วในอากาศ "กะแล้วว่าต้องโดนจับได้" อนาสตาเซียว่าพลางยิ้มแห้งๆ นิเก้เองยังบ่น "ก็เล่นไปวาดลวดลายไว้ขนาดนั้น..."
-คีร่าเองไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนนิเก้ต้องบอกให้ใช้จิตปีศาจช่วยสังเกตรอบๆตัวให้ดีๆ และเมื่อคีร่าทำดังนั้น สิ่งที่เห็นก็คือ... เส้นเล็กๆราวกับเส้นด้ายของอะไรบางอย่างจำนวนนับไม่ถ้วน ที่พาดผ่านไปทั่วบริเวณสมรภูมิในหุบเขานี้
"เส้นด้าย...ไม่สิ นี่มันเส้นผมนี่" คีร่าพึมพัมอย่างตะลึง นิเก้จึงอธิบาย "ทันทีที่อนาสตาเซียรู้สึกได้ถึงการมาของศัตรู เธอก็จัดการแผ่กระจายและยึดตรึงเส้นผมของเธอไปทั่วทั้งบริเวณในทันที เส้นผมพวกนี้ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดหยุดยั้งพวกมารอวตารได้ แต่อย่างน้อย ก็พอจะรับน้ำหนักของมนุษย์ได้ระดับหนึ่ง"
-อนาสตาเซียบอกให้ทั้งสามคนหนีไปซะ เนื่องจากเหล่ามารอวตารนั้นกำลังบีบวงล้อมเข้ามาอีกครั้ง และเป็นหน้าที่ของหมายเลขตัวเดียวอย่างเธอที่จะต้องปกป้องลูกทีมคนอื่นๆเอาไว้
"ลูกทีม? อย่าขำไปหน่อยเลย ใครเค้าคิดกับหล่อนแบบนั้นกัน" นิเก้สวนกลับไปในทันที พร้อมคว้าดาบออกมายืนจังก้าคู่กับอนาสตาเซีย "เธอเองไม่ใ่ช่รึไงที่ปฏิบัติกับพวกเราเหมือน'เพื่อน' และถ้าเป็นเพื่อนกันแล้ว จะยอมทิ้งเธอไว้คนเดียวได้ยังไงกัน"
อนาสตาเซียไม่เถียง พลางยิ้ม "ตั้งแต่เห็นคิ้วหนาๆของเธอนั่น ชั้นก็รู้แล้ว.. เธอนี่มันเลือดร้อนไม่เบาจริงๆ..."
-นิเก้ตะโกนลั่นบอกให้คีร่ารีบพาฟีน่าหนีไป เธอจะอยู่จัดการที่นี่พร้อมกับอนาสตาเซียเอง คีร่าเองก็ลังเล จนนิเก้ต้องย้ำว่าเธอเองก็หมายเลข 15 และยิ่งมีอนาสตาเซียคอยช่วยอีก ย่อมไม่เป็นไรอยู่แล้ว ในที่สุดคีร่าเองก็รับการฝากฝังชีวิตฟีน่าไว้กับตนและออกวิ่งหนีไป พร้อมๆกับฝูงมารอวตารที่พุ่งเข้าใส่สองนักรบที่ยืนจังก้าขวางอยู่
"เธอรู้ใช่มั้ยนิเก้ ว่าความสามารถของชั้น มันไร้ประโยชน์ในทันทีที่โดนคู่ต่อสู้จับได้น่ะ" อนาสตาเซียเอ่ยโดยไม่หันมามองหลังจากคีร่าพาฟีน่าหนีไปแล้ว นิเก้เองตอบเบาๆ "รู้สิ ชั้นถึงมาอยู่ตรงนี้ไง ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ มันช่วยไม่ได้อะนะ"
สาวงามหมายเลข 7 หันมายิ้มหวาน "เธอนี่...นิสัยสมเป็นผู้หญิงมากกว่าหน้าตาจริงๆน้า" คราวนี้เป็นนิเก้ที่ยิ้มออกมาบ้าง "ฮึ บอกไม่ถูกเลยแฮะว่าถูกชมรึด่ากันแน่"
-ทั้งสองคนเข้าโรมรันกับมารอวตารทั้งฝูงในทันที แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ทั้งสองคนก็ต้องชะงัก เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตปีศาจมากมายมาจากทิศที่คีร่าพาฟีน่าหนีไป นิเก้พยายามหนีออกจากวงล้อมในทันทีเพื่อตามไปช่วย แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากมารอวตารมากมายที่รุมล้อมเข้ามามากจนปิดบังทางหนีไว้หมด และเมื่อเธอจะขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าทีมนั่นเอง อนาสตาเซียก็โดนเล่นงานจนเลือดทะลักออกจากร่างในวินาทีนั้น...
นิเก้เริ่มสิ้นหวัง "บ้าที่สุด... จะจบกันตรงนี้เรอะ?..."
-ทันใดนั้นเอง ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อดาบเคลย์มอร์เล่มหนึ่งพุ่งมาด้วยความเร็วสูงปักเข้าที่หน้ามารอวตารตนหนึ่งเข้าอย่างจัง พร้อมกับเหล่ามารอวตารตนอื่นๆที่โดนเล่นงานไปตามๆกันจากการโจมตีที่รวดเร็วราวกับพายุจากรอบด้าน มารอวตารทั้งหลายโดนฟาดฟันจนพินาศสิ้น เล่นเอาทั้งอนาสตาเซียและนิเก้มองอย่างตื่นตะลึงและหวาดหวั่น
"นี่ไงล่ะ ผลพวงจากการเลือกใช้เส้นทางตอนเหนือนี่น่ะ" เสียงๆหนึ่งดังขึ้น พร้อมๆกับร่างของนักรบในชุดดำ 3 คนและนักรบในชุดเคลย์มอร์ 1 คนที่ยืนจังก้าอยู่ ณ ที่นั้น ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเดเนฟ เฮเลน ทาบาธ่าและดีทริช กลุ่มของนักรบผู้เดินทางจากลาโบน่าเพื่อไปถล่มองค์กรนัั่นเอง
"และเมื่อเราเลือกเช่นนั้นแล้ว อะไรก็ตามที่ขวางทางอยู่ พวกเราจะบดขยี้มันให้หมด"
-จบตอนที่ 111-
แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 16:56:24
จากคุณ |
:
Finrod Tasardur
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ม.ค. 54 15:19:08
|
|
|
|