จาก มติชนรายสัปดาห์ ที่โน๊ตขึ้นปก
ฉบับวันที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 31 ฉบับที่ 1578
(ก่อนอ่านเตือนไว้ก่อนว่า มติชนเขาไม่ค่อยชอบคุณอภิสิทธิ์นะ)
"ตลก"ริวิจารณ์รัฐบาล "รัฐ"ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
ดูเหมือนว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ในเรื่องการบริหารจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการแก้ปัญหา "น้ำท่วม"
แม้จะออกโทรทัศน์ยอมรับ "ข้อบกพร่อง" ที่เกิดขึ้นแต่เพียงผู้เดียวแล้วก็ตาม
กระแสการเทียบเคียง "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ผู้ประกาศข่าวชื่อดังที่มีบทบาทในการช่วยเหลือน้ำท่วมผ่าน "ครอบครัวข่าว 3" กับ "อภิสิทธิ์" ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั้นกระหึ่มขึ้นมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่เกิดเหตุน้ำท่วม
เริ่มจากเว็บไซต์การเมืองลามไปถึงพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ก่อนที่สื่อและนักการเมืองจะจับกระแสความรู้สึกของประชาชนก่อนหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงเทียบเคียงแนวประชดประชัน
ในขณะเดียวกัน "เอแบคโพลล์" สำรวจพบว่าประชาชนร้อยละ 76.1 ยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ขอให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี หรือที่พูดกันว่า "โกงไม่เป็นไร ขอให้ตนเองได้ประโยชน์"
ทั้งที่เมื่อเดือนตุลาคม 2551 ทัศนคติดังกล่าวมีอยู่เพียงร้อยละ 63.2
ที่น่าสนใจก็คือ แม้แต่ "คนรุ่นใหม่" ก็มีทัศนคติเช่นนี้ถึงร้อยละ 67.1 ส่วนนักธุรกิจ ยอมรับ "รัฐบาลที่โกง แต่ทำงานเก่ง" สูงถึงร้อยละ 79.3
2 ปีที่รัฐบาล "อภิสิทธิ์" บริหารประเทศ ได้ทำให้ทัศนคติดังกล่าวสูงขึ้นถึง 13% ทั้งที่เป็นทัศนคติที่เลวร้าย ไม่น่าที่คนทั่วไปจะยอมรับได้
คำถามก็คือ ทัศนคติด้านลบที่เพิ่มมากขึ้นเกิดจากอะไร
เพราะถ้ารัฐบาล "อภิสิทธิ์" ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น และบริหารงานได้ดี เศรษฐกิจดี ประชาชนอยู่ดีกินดี
คงไม่มีประชาชนคนไหนที่จะอยากได้ "รัฐบาลโกง แต่ทำงานเก่ง"
เพราะมีรัฐบาลที่ดีและเก่งเป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว
แต่การที่ตัวเลขการยอมรับ "รัฐบาลโกง แต่เก่ง" ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในทุกกลุ่มอาชีพ ย่อมแสดงให้เห็นว่ารัฐบาล "อภิสิทธิ์" ยังมีตำหนิ
แต่ไม่มีใครตอบได้ว่าคนทั่วไปมองรัฐบาล "อภิสิทธิ์" ว่า "สะอาด แต่ไม่เก่ง"
หรือทั้ง "โกง และไม่เก่ง"
อารมณ์ของสังคมที่สะท้อนให้เห็นจากการเปรียบเทียบ "สรยุทธ" กับ "อภิสิทธิ์" หรือผลวิจัยของ "เอแบคโพลล์"
ล้วนเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งสำหรับ "อภิสิทธิ์" และพรรคประชาธิปัตย์
และล่าสุด "โน้ส" อุดม แต้พานิช สุดยอดเดี่ยวไมโครโฟนของไทย ก็หยิบยกเรื่องการเมืองมาแปลงเป็นเพลงในคอนเสิร์ต "ติ๊ก ชีโร่ ชัดเจน ไลฟ์ อินคอนเสิร์ต" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมาที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี
"โน้ส" เป็นแขกรับเชิญของ "ติ๊ก"
เขาแปลงเพลงฮิต "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง" ของ "ติ๊ก ชีโร่" มาเป็นเพลง "รัฐไม่ยอมเปลี่ยนแปลง"
หยิกกัดทั้งการเมืองและแวดวงบันเทิง
"ฟ้ายังมีหม่น ฝนยังมีวันแล้ง คนยังมีโดนแบ่ง
แบ่งให้เป็นแดง เหลือง และน้ำเงิน
ทางยังเคยโดนปิด สนามบินยังเคยโดนยึด
แต่คนไทยก็ยังอึด เฝ้ารอวันได้พบการเมืองใหม่
เฝ้านึกถึงเหตุการณ์ตอนไปเลือกตั้ง เซโรงังในหัวใจ
เดินเข้าคูหา ไม่รู้จะกาให้เบอร์ใคร
คนจริงใจทำไมไม่ค่อยเจอ ตีเบลอๆ ทุกครั้งไป
จะอยู่พรรคเดิมหรือว่าย้ายพรรคใหม่
จะเปลี่ยนชื่อไป ยังไงยังไงก็หน้าเดิม
กิ๊กยังมีเบื่อ หนังยังมีแผ่นผี ที่ลาวยังมี 3G แต่ประเทศไทยนี้คงชาติหน้า
ฟิล์มยังเคยพลาดผิด เฮียฮ้อยังเคยพลาดพลั้ง
แอนนี่ก็เลยดัง แต่ยังไม่เท่าเป๊ก...และธัญญ่า
เฝ้านึกถึงคลิปเสียงที่เขาเถียงกัน ฟังกันมันในหัวใจ
อ่านข่าวเมื่อเช้าเห็นเขาดีกันก็ดีใจ
เฝ้านึกถึงนายกที่เขาว่าหล่อ มีดีพอเรามั่นใจ
มีทุกอย่างเลย ยกเว้นอำนาจตัดสินใจ
เฝ้านึกถึงนายกที่เขาว่าหล่อ มีดีพอเรามั่นใจ
ลูกศิษย์ท่านชวนไม่คดไม่งอไม่โกงใคร
แต่ทำไมภูมิไจไทยไม่ยอมทำ กินกระหน่ำอยู่ร่ำไป
นี่ประเทศเธอหรือประเทศไทย
เลือกตั้งให้ตาย สุดท้ายก็ได้แต่หน้าเดิม
รัฐไม่ยอมเปลี่ยนแปลง"
มีคนนำคลิปการแสดงของ "โน้ส" วันนั้นไปแปะไว้ใน youtube ใช้ชื่อว่า "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง VER โน้ส อุดม"
ที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มคนที่ดูเป็นชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูงในเมือง
ช่วงที่เรียกเสียงหัวเราะดังที่สุดคือ ท่อนที่ "โน้ส" ล้อเลียน "อภิสิทธิ์"
"เฝ้านึกถึงนายกที่เขาว่าหล่อ มีดีพอเรามั่นใจ
มีทุกอย่างเลย ยกเว้นอำนาจตัดสินใจ"
ภาพนี้แตกต่างจากเมื่อครั้งคอนเสิร์ต "คุณพระช่วยสำแดงสด" เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่เป็นเพลงสำหรับคนหูหนวก ซึ่งทีมงานได้เชิญ "คนดัง" ในแวดวงต่างๆ มาใช้ภาษามือตามเนื้อเพลงสลับกันไป
คนสุดท้ายคือ "อภิสิทธิ์"
คนดูปรบมือดังลั่น
มาวันนี้ชนชั้นกลางในเมืองกรุงก็ยังปรบมือดังลั่นเหมือนเดิม
เพียงแต่ "อารมณ์" และทิศทางเปลี่ยนไป
เพราะกลายเป็นการปรบมือสะใจที่มีคนจิกกัด "อภิสิทธิ์"
อารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปของ "คนกรุง" จาก "หน้ามือ" เป็น "หลังมือ" ครั้งนี้เหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ
แต่จะน่ากลัวมากหากความรู้สึกสะใจคืออารมณ์ของคนส่วนใหญ่ในเมืองกรุง
ว่ากันว่า "อาวุธ" ที่น่ากลัวที่สุดชนิดหนึ่งในทางการเมือง ก็คือ การทำให้ "ผู้นำ" เป็นตัวตลก
ทำอะไรตลก
เพราะเมื่อเป็น "ตัวตลก" แล้ว
"ความน่าเชื่อถือ" ก็จะหมดตามไปด้วย