ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม น้องเค้าก็กลับไปทำงานนะเราว่า จากคุณ : wisunsaya เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:14:45

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม น้องเค้าก็กลับไปทำงานนะเราว่า จากคุณ : wisunsaya เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:15:10

ความคิดเห็นที่ 3 เขาคงต้องการเงินไปลงทุนมากกว่าที่จะทำงานประจำมั้งครับ...เพราะผมก็คิดว่าการหาเงินไปลงทุนดีกว่าที่จะทำงานประจำ   ทำงานประจำไม่ใช่จบดีมีความรู้แต่มันต้องมีเส้นสาย(อันนี้สำคัญที่สุด)   และงานประจำต้องมีอายุงานเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นทางที่รวดเร็วที่สุดคือธุรกิจส่วนตัว...และการเริ่มต้นด้วยหาเงินได้เป็นแสนเป็นล้าน(ถ่ายโฆษณา) นี่ก็เป็นการหาเงินต้นที่รวดเร็วจนสามารถไปต่อยอดได้มากมาย แล้วหลังจากนั้นจะไปทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น...การเมือง?...ที่ปรึกษา เยอะแยะให้เลือกถ้าธุรกิจประสบความสำเร็จ   และไม่จำเป็นตั้งอายุ55+(อันนี้แน่นอนกว่าจะเป็นอธิบดีและไหนจะเรื่องเงินที่อาจจะไม่รวยหรือรวยตอนแก่) ถ้าประสบความสำเร็จอาจจะแค่35,40,45 อันนี้ก็แล้วแต่ความสามารถณัฐแล้วล่ะครับว่าจะรุ่งหรือจะริ่ง...งานประจำอาจมั่นคงแต่ก็แค่มั่นคงและอำนาจที่จะมาพร้อมอายุที่เสียไป   ไม่เหมือนธุรกิจส่วนตัวที่ถ้าประสบความสำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน จากคุณ : ginju เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:19:29

ความคิดเห็นที่ 4 จริงๆ อายุงานวงการบันเทิงก็ไม่ได้ยาวนานเป็น 10 ปี เค้าคงขอเก็บเกี่ยวช่วงนี้ให้มากที่สุด ความรู้ที่เรียนมา มันก็ไม่ไปไหน จากคุณ : Blosm เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:19:48

ความคิดเห็นที่ 5 ''แบบว่าคนไทยนับคนได้เลยที่จบฮาวาร์ด กระทู้ล่างๆ บอกว่าจบคณะฮอตฮิต เศรษฐศาสตร์  เกียรตินิยมอับดับหนึ่งอีกต่างหาก'' คนไทยเก่งๆ เยอะนะคะ เพียงแต่เค้าไม่มีโอกาสเท่านั้น... จากคุณ : สิบจัตวาโดโรโระ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:20:13

ความคิดเห็นที่ 6 เราคิดว่าคงแล้วแต่ลูก เพราะชีวิตของลูกไม่ใช่ชีวิตของเราค่ะ ^ ^ งานอะไรถ้าทำด้วยความตั้งใจ และมีคุณธรรม ก็เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้หมดค่ะ คิดว่าเค้าคงวางแผนชีวิตตัวเองไว้แล้วล่ะ ว่าจะทำอะไรต่อ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:23:26

ความคิดเห็นที่ 7 โด่ ผมจบ M.I.T. ยังไม่คุยเลย.. Made In Thailand นะ เรื่องแบบนี้มันก็อยู่ที่คนเรียนนั่นล่ะครับ ถึงจบมานานแล้ว แต่เศรษฐศาสตร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ถ้าชอบจริงๆก็เรียนรู้ต่อไปได้ จากคุณ : ผู้ชายไร้สาระ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:34:57

ความคิดเห็นที่ 8 งานในวงการไม่ใช่อยากอยู่ก็อยู่ได้น่ะ  ถ้าผลตอบรับไม่ดีอย่างที่คิดเดี๋ยวเค้า ต้องเสาะหาสิ่งที่ดีกว่าในชีวิตอยู่แล้วแหละ จากคุณ : ตารางรัก เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:37:47

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับ คห.1 เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ณัฐ ก็คงจะไปเรียนต่อ ป.โท ป.เอก ทำธุรกิจ...ตามสเต็ป ล่ะมั่ง ตอนนี้ก็เก็บเงิน สร้างคอนเนคชั่น เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปก่อน  ปล..ชื่นชมคุณณัฐ จังค่ะ หน้าตาดี นิสัยดี มีตังค์  แถมเรียนเก่งด้วย ปล.อีกรอบ ชอบเพลงนาทีเงียบงัน น่ะคะ่ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 54 18:44:39 จากคุณ : ple-potato เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:43:19

ความคิดเห็นที่ 10 บอกเก้า เล่าสิบมิใช่หรอคะ หรือเรา งง เอง - - จากคุณ : MeenBerry เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:45:02

ความคิดเห็นที่ 11 คนเราอ่ะ   จะมีความสุข ถ้าได้ทำงานที่ชอบ ส่วนความรู้ที่เรียนมา  มั่นใจว่าน้องเค้ามีโอกาสได้ใช้แหละค่ะ จากคุณ : ข้าพเจ้าคือข้าพเจ้า เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:50:35

ความคิดเห็นที่ 12 บ้านเค้ารวยอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องมาดูแลกิจการที่บ้านต่อ งานในวงการ บันเทิง ทำเพื่อหาประสบการณ์ และอีกอย่าง ก็ช่วยสร้างชื่อให้กับกิจการ ของครอบครัวเค้าด้วย จากคุณ : skylady เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 18:54:33

ความคิดเห็นที่ 14 ณัฐ ศักดาทร บอกไว้ในคำนำผู้เขียน "มองทุกอย่างจากทุกมุม" พ็อคเก็ตบุ๊คเล่มแรกของเค้าว่า คำตอบของผมมีอยู่คำตอบเดียว และเป็นคำตอบที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย นั่นก็คือ ไม่เสียดายเลยครับ เพราะสิ่งที่เราได้รับจากฮาวาร์ดไม่ใช่ก้อนความรู้ที่นำไปใช้ได้เฉพาะทางเท่านั้น แต่มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น... จะชวนให้หามาอ่านก็จะดูเป็นแฟนคลับมากไปนิด  ดูขายของมากไปหน่อย :D แต่ถ้าคุณได้อ่าน จะพบคำตอบค่ะ ส่วนคำถามที่ว่า ถ้าเราเป็นคนในครอบครัวที่มีลูกจบฮาวาร์ด อยากให้ทำงานวงการนี้ไหม? คำตอบของเราคือ .. ถ้าเราสามารถทำได้ ไม่ได้ลำบากเดือดร้อนอะไร ความสุขที่ได้เห็นลูกได้ทำตามความฝันของเค้าอย่างมุ่งมั่น คงเป็นรางวัลของชีวิตเรามากกว่าค่ะ~ ^^ จากคุณ : รักนัท เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 19:10:12

ความคิดเห็นที่ 15 เชื่อว่าความรู้จากการเรียน พี่นัทน่าจะได้นำไปประยุกต์ใช้ในหลายๆด้านนะคะ คงไม่ได้สูญเปล่าแน่ๆ ท่านว.วชิระเมธีเคยกล่าวไว้ว่า “@vajiramedhi: งานที่ชอบ คนที่ใช่ ชีวิตที่ชื่น  จึงนับว่าเป็นชีวิตที่คุ้มค่า”   การได้ทำงานที่ชอบย่อมดีกว่าการปล่อยให้เวลาของชีวิตผ่านไปกับสิ่งที่เราไม่ชอบ ชีวิตของคนเราสั้นแค่นี้เอง เพราะงั้นใช้ชีวิตของเราให้คุ้มค่า ใช้มันอย่างที่เราอยากให้มันเป็น ไม่ดีกว่าเหรอคะ ปล อยากให้ลองอ่านหนังสือชื่อ มองทุกอย่างจากทุกมุม เขียนโดย ณัฐ ศักดาทรนะคะ น่าจะตอบคำถามที่คุณเจ้าของกระทู้ถามได้ดี :) แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 54 19:39:57 จากคุณ : ยาเม็ด เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 19:32:50

ความคิดเห็นที่ 16 เอาอะไรมาวัดคะ ว่าอยู่ตรงไหนทำคุณทำประโยชน์ให้ทั้งแก่ตัวเอง และแก่สังคมได้มากกว่ากัน ความสำเร็จสำหรับเรา คือความสำเร็จที่จิตใจ ไม่ใช่ความสำเร็จทางวัตถุ เกิดมาแล้วได้พัฒนาจิตใจของตนเองให้สูงขึ้น ถือว่าสำเร็จ จิตใจดี ถ้าได้ความรู้ที่ดี ก็นำความรู้ไปใช้ในทางดี จิตใจไม่ดี ถ้าได้ความรู้ที่ดี ความรู้นั้นก็อาจกลายเป็นอาวุธไว้ใช้เอาเปรียบคนอื่น จากที่ดูรายการนี้ ที่ณัฐเค้าให้สัมภาษณ์ คำพูด กิริยา ท่าทาง เค้าน่าจะเป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดีนะ  เปิดเผย  ตรงไปตรงมา กล้าที่จะให้เข้าไปทำความรู้จักตัวเค้าจริง ๆ จากคุณ : thankthank เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 19:36:19

ความคิดเห็นที่ 17 ลูกชายของ  นิยมพานิช  เค้ามันไม่ธรรมดาค่ะ ระดับบิ๊กทางธุรกิจในเชียงใหม่ เจ้าของกระทู้ไม่ต้องคิดมาก จากคุณ : ความสุขเหลือล้น เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 19:37:55

ความคิดเห็นที่ 18 ณัฐทวิตเกี่ยวกับกระทู้นี้ด้วยค่ะ  ส่งให้คุณ จขกท. อ่านแล้วนะคะ จากคุณ : เจี๊ยบเหมียว เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 20:00:36

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าเราเป็นครอบครัวของนัท จะภูมิใจในตัวลูกชายที่เป็นคนซื่อสัตย์กับความฝันของตัวเองมากขนาดนี้ การเรียนจบในสถาบันระดับโลกย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจแน่นอน เหมือนเป็นการทำให้ความฝันของพ่อแม่สำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง ถ้าลูกอยากจะทำตามความฝันของตัวเองบ้าง เราคงไม่ใจร้ายพอที่จะดึงดันลูกให้ก้าวอยู่ในฝันของเราหรอกค่ะ ที่สำคัญ ... ฝันของนัทในวันนั้น สู่ความจริงในวันนี้ก็สวยงามไม่แพ้ความฝันใดใดเลยนะคะ จากคุณ : ~ M i L k Y w A y ~ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 20:03:11

ความคิดเห็นที่ 20 เอาชื่อเสียงก่อน เอาให้มีต้นทุนในสังคมเสียก่อน5-6ปี แล้วเลิกไปทำอย่างอื่นก็ไม่สาย เป็นดาราเสียจะออกไปเป็นร้านทำอาชีพอื่นมันก็สบายๆขึ้น จากคุณ : ป้าซื่อตรง เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 20:03:38

ความคิดเห็นที่ 21 การได้ทำงานที่ตัวเองรัก ถือว่าเป็นโชค หากทำได้ ยังอยากย้อนเวลาไปทำงานที่ตัวเองชอบจริงๆแทนที่จะมาทำงานที่คนอื่นชอบ.... ประสบความสุขในการทำงาน กับ ประสบความสำเร็จในการทำงาน...ขอเลือกแบบแรก จากคุณ : wechamp (wechamp) เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 20:16:00

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าลูกเราหน้าตาดี และอยากเป็น ก็ทำไปเหอะ เบื่อก็ออกมาสืบทอดกิจการป๋าละกัน จากคุณ : สายลับเห็ดฟาง เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 20:17:54

ความคิดเห็นที่ 23 นัททวิตตอบเกี่ยวกับกระทู้นี้ว่า: "อาชีพนักร้องอาจไม่มั่นคงในด้านการเงินหรือนาคต แต่ชีวิตที่ได้ทำตามความฝันทำในสิ่งที่รักสำหรับนัทแล้วมันคุ้มค่ากว่าอะไรทั้งนั้น ปริญญาบัตรจากสถาบันใดก็ตาม น่าจะเป็นสิ่งที่เปิดประตูแห่งโอกาสให้เพิ่มขึ้น ไม่ใช่มาจำกัดแนวทางเลือกในชีวิตให้น้อยลง ทุกหนทางยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน" จากคุณ : niickyrock เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 20:19:01

ความคิดเห็นที่ 24 เอ่อ ไม่ได้ดูรายการหรอก แต่คิดว่าน้องนัทต้องให้สัมภาษณ์รายการได้ดีอยู่แล้ว เห็นหัวข้อแล้วก็ขอเข้ามาเสวนาด้วยสักนิด ถ้าผมเป็นพ่อ-แม่ ของน้องณัฐ ผมจะให้ลูกทำตามสิ่งที่เค้ารักเค้าอยากทำครับ เพราะผมจะมั่นใจว่าเขาจะถนัดในสิ่งนั้นเขาจะทำมันได้ดีและยาวนานที่สุด ผมชื่นชมเด็กคนนี้นะครับ ชอบความคิดของเขา ผมว่าการที่เป็นคนที่มีความคิดดีๆ เป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆอย่างครับ คนเราต่อให้เรียนเก่งแค่ไหนจบสูงเท่าไร แต่ถ้าเอาวิชาความรู้นั้นๆไปใช้ในทางที่ผิด หรือสร้างผลกระทบในทางร้ายให้กับสังคม ผมว่าน่าเสียดายครับ และไม่น่าภูมิใจเลยสักนิด ใครจะไปรู้ อนาคตอีก10ปีข้างหน้า อาจจะมีผู้บริหาร(หรือเจ้าของ)ค่ายเพลงหนุ่มไฟแรง ที่ชื่อ ณัฐ ศักดาทร ก็ได้ จากคุณ : BalloonXX เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 20:19:13

ความคิดเห็นที่ 25 แวะเอากระทู้นี้มาฝากคุณ จขกท ค่ะ ^^ ลองกดอ่านดูนะคะ จะได้สัมผัสความคิดของ "ณัฐ ศักดาทร" มากขึ้น "ณัฐ ศักดาทร หนังสือคู่ใจของนักล่าฝัน" http://www.happyreading.in.th/article/detail.php?id=121 จากคุณ : ~ M i L k Y w A y ~ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 20:19:24

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่คิดว่านัทจะเข้ามาอ่านกระทู้นี้ด้วย นัทน่าจะเป็นคนที่มีทัศนคติแบบสุขนิยมมากทีเดียว การจะมองอย่างนี้ได้ร้อยเปอร์เซนต์เต็ม ต้องเป็นคนมองโลกบวกมากๆๆ และครอบครัวต้องพร้อมด้วย ชื่นชมคุณพ่อคุณแม่ของนัทด้วย อยากฟังความคิดของคุณพ่อแม่นัทจริงๆ หนังสือมองทุกอย่างจากทุกมุม เคยเห็นผ่านตา แต่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ กลัวจะเหมือนหนังสือดาราเขียนเล่นๆ ให้แฟนคลับอ่าน เท่าที่อ่านๆดูจากกระทู้นี้ คงต้องลองหามาอ่านดูล่ะ ขอบคุณแฟนคลับนัทที่ไม่ถล่ม จขกท 5555 ไม่ได้มีเจตนาต่อว่า แต่มองจากมุมมองคนเป็นพ่อแม่แล้วกังวลแทนลูก เลยยากถามความคิดเห็นคนทั่วไปดูบ้างว่าสมัยนี้คิดยังไงกัน จากคุณ : ริมระเบียงใจ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 20:42:34

ความคิดเห็นที่ 27 ^_^   คุณแม่มิค  คุณแม่ของนัทก็เคยเขียนหนังสือเรื่องการเลี้ยงลูกชายสู่ความเป็นที่สุดในใจใครหลายๆ คน ชื่อ "ที่สุดของนัทในใจแม่"  ค่ะ  แต่ตอนนี้อาจจะหาอ่านยากหน่อย.. จากคุณ : เจี๊ยบเหมียว เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 21:11:42

ความคิดเห็นที่ 28 ในฐานะแฟนคลับที่ชื่นชมนัท ขอบคุณสำหรับกระทู้นี้นะคะ เป็นประเด็นที่น่าสนใจของสังคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แนะนำให้ลองอ่านหนังสือมองทุกอย่างจากทุกมุมจริง ๆ ค่ะ แล้วจะเข้าใจ การมองโลกแง่บวก การดำเนินชีวิตแง่บวก แล้วชื่ชนมนัม ในฐานะนักอ่านคนนึง ที่เค้าคิดว่า "การอ่านคือการเปิดประตูหน้าต่างบานใหม่ ๆ ให้ความคิดได้เป็นอิสระมากกว่าเดิม" ขอบคุุณค่ะ :)) จากคุณ : แยงซีเกียง เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 21:12:42

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าเราเป็นพ่อแม่ณัฐ ก็คงยอมให้ลูกทำงานที่รักไปเถอะค่ะ เขาอุตส่าห์บากบั่น ทุ่มเท ทำเพื่อวิ่งตามความฝันมาขนาดนี้ และก็ดูเหมือนว่าเขาทำทุกอย่างด้วยใจ... และคาดหวังว่าผู้เสพย์ผลงานของเขา จะมีความสุขจากงานของเขามากที่สุด ถ้าความมุ่งมั่นเกินร้อยแบบนี้ เราคงมั่นใจล่ะ ว่าลูกเราจะทำให้ถึงที่สุด และหาทางไปต่อได้จริงๆ ในฐานะคนที่เรียนมาไม่จบไม่สิ้น และคนอื่นๆ อาจจะมองด้วยสายตาชื่นชม/เต็มไปด้วยคำถาม(ว่ามันจะเรียนไปถึงไหนฟะ) แต่ตัวเองกลับต้องย้อนมามองดูตัว และดูความฝัน ความหวังของตัวเองหลายครั้ง พร้อมทั้งทอดถอนใจอยู่บ่อยครั้ง ขอยืนยันว่าการใช้ชีวิตให้เป็นสุขและเป็นประโยชน์นั้น...ตัววิชาและสถาบันที่เรียนมาก็มีผลอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว...การทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่สังคมนั้น ควรเริ่มที่ทำอะไรที่ตัวเองมีความสุขกับมันก่อน เพราะการมีความสุขกับทางเดินนั้น จะนำมาซึ่งกำลังใจและพลังอันล้นเหลือ เผลอๆ จะมีพลังสร้างสรรค์มากกว่าการทำงานในสาขาที่ 'ถนัด' หรือ 'ควร' เสียอีก ป.ล. ชอบวลีของณัฐที่ว่า 'ทุกหนทางยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน' จัง แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 54 21:21:40 จากคุณ : ฉันไม่ใช่กวีฝีมือฉกาจ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 21:19:31

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าเค้าไม่มีงานทางวงการบันเทิงบ้านเค้าก็มีธุรกิจรองรับอยู่แล้วค่ะ คนที่เรียน harvard ไอ้นี่เก่งอย่างเดียวไม่พอค่ะ ถ้าไม่ได้ทุนก็ต้องรวยด้วยถึงจะเรียนได้ จากคุณ : Mrs.Sparrow เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 21:53:13

ความคิดเห็นที่ 31 ^___^ ชอบความคิดของน้องนัท จากคุณ : คำพู เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 21:55:34

ความคิดเห็นที่ 32 "ปริญญาบัตรจากสถาบันใดก็ตาม น่าจะเป็นสิ่งที่เปิดประตูแห่งโอกาสให้เพิ่มขึ้น ไม่ใช่มาจำกัดแนวทางเลือกในชีวิตให้น้อยลง" ชอบข้อความข้างบนที่นัททวิตตอบกระทู้นี้ ตอบได้คมคายดีจริงๆ และเห็นด้วยว่า ปริญญาไม่ควรเป็นเครื่องผูกมัดให้คุณทำได้แค่สิ่งที่เรียนมา จากคุณ : yunkyak เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 22:15:35

ความคิดเห็นที่ 33 งานวงการนี้ ก็ไม่ได้มีโอกาสเข้ามาง่ายๆนะคะ ยังไงพี่เค้าคงอยากหาประสบการณ์ก่อนมั้งคะ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 22:20:58

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเป็นเรา ต่อให้จบสถาบันดัง แต่ถ้ามีโอกาสได้ทำงานวงการบันเทิง ซึ่งน้อยคนนักจะมีโอกาส เราก็เลือกทำนะ เพราะได้ลองอะไรแปลกจากที่เรียนมา แล้วอีกอย่าง ทำงานวงการบันเทิงอายุการทำงานสั้นอย่างที่จขกท.บอก ดังนั้น ก็รีบทำงานเก็บเงิน สั่งสมชื่อเสียง เพื่อไว้ต่อยอดการทำงานประจำเมื่อหมดอายุจากวงการ งานนี้มีแต่วินวิน ไม่มีเสียจ้ะ จากคุณ : ChocoJosie เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 22:22:55

ความคิดเห็นที่ 35 ธุรกิจบันเทิงมูลค่ามหาศาล ใครๆก็อยากแชร์ส่วนแบ่งการตลาดทั้งนั้น ถ้าจะใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาประกอบกับประสบการ์ณการทำงานเบื้องหน้า อนาคตของณัฐ ศักดาทร ก็คงได้สร้างสรรอะไรดีๆให้สังคมอีกเยอะ อย่างน้อยตอนนี้ การดำเนินชีวิต ความคิด การกระทำ ผลงานเพลงที่มีความหมายดีๆ................ ก็สร้างความสุข และเป็นแบบอย่่างให้กับคนมากมายค่ะ จากคุณ : ช่อลินลี่พริ้มเพรา เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 23:08:22

ความคิดเห็นที่ 36 #29 แบบนี้หรือเปล่าคะ ที่เค้าเรียกว่า ใจบันดาลแรง จากคุณ : แรงบันดาลใจ! (คำสารภาพครั้งล่าสุด) เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 05:39:13

ความคิดเห็นที่ 37 ทำงานมา 10 กว่าปี ยังรู้สึกว่างานที่ทำ ไม่ใช่สิ่งที่รัก..เลย นัทโชคดีแล้วล่ะที่ได้ทำในสิ่งที่รัก ถ้ารักในสิ่งที่ทำ ก็จะทำได้ดีและคงก้าวหน้าในเส้นทางที่รักได้ไม่ยาก จากคุณ : bi*monster เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 07:39:04

ความคิดเห็นที่ 38 งานทุกงานมันมีคุณค่า มีประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมทุกงานนะ ...  งานงานเดียวกัน แต่คุณค่าในงานในความรู้สึกของแต่ละคนก็อาจไม่เท่ากัน ส่วนหนึ่งคงขึ้นอยู่กับความรัก ความชอบในงานที่ทำ ถ้าเรามีลูกที่จบฮาวาร์ด แต่อยากทำงานในวงการบันเทิง ...  ถ้าใช้ความรู้สึก ความต้องการของตัวเองเป็นพื้นฐานในการคิด  ความรู้สึกแรกคงเสียดาย เพราะจากการที่ลูกไปเรียน คงมีความคาดหวังบ้าง ซึ่งคงไม่ใช้ในวงการ ^_^ แต่ถามว่าให้ไปไหม  ให้ไปทำนะคะ  เพราะท้ายที่สุดเราคงไม่อยากให้ลูกทำในสิ่งที่เราคาดหวัง แต่อยากให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ลูกคาดหวัง รักอยากจะทำ  ...  ถ้าเขามีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เขารัก เขาฝันที่จะทำ เขาน่าจะมีความสุข และคงจะพยายามทำให้มันออกมาดีมาก ๆ ...  ถ้าเราได้เห็นในความพยายามตามความฝันและความสุขของเขา เราคงมีความสุขมาก ๆ และถ้าหากไปดูผลงาน และผลตอบรับของน้อง เราว่าถึงตอนนี้คุณแม่ของน้องเขาคงไม่เสียใจเลยหล่ะคะ่ จากคุณ : นางมารสวยมีฤทธิ์ เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 08:00:48

ความคิดเห็นที่ 39 เรียนเก่งกับความฝันมันแตกต่างกันนะคะ เค้าตั้งใจเรียนและเรียนเก่ง ก็ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ภาคภูมิใจ แต่กับความฝันที่อยากเป็นนักร้องเค้าก็พยายามจนได้เป็น The Winner และตอนนี้นัทก็ยังอายุไม่มาก เชื่อว่าเมื่อทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้พอสมควร ก็ต้องหันไปประกอบอาชีพอื่นอยู่แล้ว (หรืออาจทำควบคู่กันไป) จากคุณ : The Junior เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 08:32:39

ความคิดเห็นที่ 40 ชอบน้องณัฐ ตอบทวิตเตอร์ได้ดีมากๆค่ะ จากคุณ : พ่อหนูอยู่เบตง เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 08:45:58

ความคิดเห็นที่ 41 ใครอยากมีฝันล้อมวงตรงเข้ามา ... ไม่รู้สิ ... อ่านกระทู้นี้แล้วอยากร้องเพลงนี้ออกมาเท่านั้นเอง ใครๆ ก็อยากทำฝันของตัวเองให้เป็นจริง แต่ฝันของคนหนึ่งคน อาจมีได้ตั้งหลายอย่าง นัทเค้าอาจจะ ฝันอยากไปเรียนเมืองนอก แต่บังเอิญเป็นคนประเภทที่ ทำอะไรก็ต้องให้สมบูรณ์แบบ เค้าก็เลยอยากเรียนฮาวาร์ด ... แล้วก็เรียนจนได้เกียรตินิยม แล้วพอเรียนจบก็ฝันอยากเป็นนักร้อง ก็เดินตามเส้นทางไล่ล่าความฝัน ... ในอนาคต น้องเค้าอาจจะมีฝันอย่างอื่น อยากทำอย่างอื่นอีกก็ได้ ... แล้วเราก็เชื่อว่า ถ้านัทมีฝันอยากทำอะไร เค้าก็คงจะต้องไล่ล่าทำตามความฝันของเค้าจนสำเร็จ เหมือนอย่างที่ทำมาแล้วหลายๆครั้งล่ะมั้ง ฝันไม่เสร็จอย่าทิ้งไว้ตามริมทาง .... จากคุณ : หมูน้อยของแมวเหมียว เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 09:46:16

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้าเราเป็นพ่อแม่เค้า คงจะดีใจและก็สนับสนุนแฮะ เพราะมันไม่ง่ายนะคะ ที่ใครซักคนจะหาความฝันของตัวเองเจอ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แล้วก็มุ่งมั่นทำมันด้วยความสุข... ปล. จริงๆ จะบอกว่า "อิจฉา" ณัฐ ศักดาทร ที่หาฝันตัวเองเจอเร็วๆ ก็กระไรอยู่ ฮะ ฮะ Don't Worry, Be Happy ^^ จากคุณ : tazzz เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 09:50:39

ความคิดเห็นที่ 43 โถ  ถ้าลูกเก่งขนาดนี้ อยากทำอะไรก็ทำไปเถิด ลูกจ๋า แค่นั่งดูลูกทำโน่นทำนี่  แม่ก็ชื่นใจละ จากคุณ : จันทร์สิริ เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 11:15:00

ความคิดเห็นที่ 44 เสียดายมากค่ะ แต่เชือว่าคุณนัท เลือกแล้วและเชื่อว่าสิ่งที่เลือกดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้ว จากคุณ : Jusmina เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 11:29:52

ความคิดเห็นที่ 45 เค้าโชคดีที่นอกจากจะมีครอบครัวดีแล้วยังมีสติปัญญาดีและใช้ไปในทางที่ดี ทำให้ผลของการกระทำออกมาดี แม้เริ่มต้นผลอาจจะไม่ดีนักแต่เวลาเพียงไม่นานก็พิสูจน์ความสามารถและความพยายามได้ จากคุณ : powerploy เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 12:40:37

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่รู้นะ พอฟังผู้ชายคนนี้พูดทีไร รู้สึกว่ามันต้องเป็นอะไรที่ลึกซึ้งและทำให้เราได้คิดตามไปด้วยแน่นอน สรุปคือชอบ รู้แค่เนี้ยะแหละ^^ จากคุณ : LOVEPUNCHCLUB เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:08:37

ความคิดเห็นที่ 47 แต่เขาเทพจริงๆ ขอยกนิ้วให้เรื่องการเรียน จากคุณ : ชื่อโอ๊ดอะ เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 15:51:40

ความคิดเห็นที่ 48 ถ้าตอบจากใจก็เสียดาย      แต่ความที่มั่นใจในตัวลูก       เชื่อมั่นในสติปัญญาของลูก ว่าลูกคิดเป็น       เลือกเป็น      ก็จะเป็นกำลังใจให้เขาทำตามความใฝ่ฝัน ยิ่งถ้าพื้นฐานการเงินของที่บ้านมั่นคง       ก็ยิ่งไม่กังวลใจ       พอเขาออกจากวงการตามกาลเวลา ก็ยังสานต่อกิจการของที่บ้านได้       ไม่ใช่ต้องเริ่มใหม่หมด       เพราะเป็นกิจการของที่บ้านอยู่แล้ว อีกทั้งชื่อเสียงในวงการก็เป็น connections ให้เขาทำอะไรต่อไปได้ง่ายดายกว่าคนอื่นที่ไม่มีเส้นสาย สรุปคือยอมให้ทำตามความฝัน จากคุณ : Fantasticzone เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 15:51:41

ความคิดเห็นที่ 49 ธุรกิจของครอบครัวที่เชียงใหม่ก็ไม่เล็กนะครับ ยังมีอะไรให้ทำแน่เมื่อถึงเวลาที่เขา ออกจากวงการ ตอนนี้คงอยากทำสิ่งที่ใจรักไปก่อน แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 54 16:27:53 จากคุณ : กมลภัทร เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 16:27:26

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่รู้นะ เราว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าเราจบอะไรมา และเรากำลังทำอะไร เพราะทุกๆ อย่างมันคือการเรียนรู้ อย่างตัวเรา จบคณะวิทย์มาก็ใช่ว่าจะได้เข้าห้องแล็บ แต่ความละเอียดรอบคอบ การคิดเป็นขั้นตอน การวางแผน ที่ถูกปลูกฝังมา 4 ปี มันก็ติดตัวเรามาจนทุกวันนี้ ไม่มีอะไรที่เสียเปล่าหรอกคะ มันอยู่ที่เราต่างหากว่าจะหยิบยกขึ้นมาใช้หรือเปล่า จากคุณ : nuforte เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 22:25:39

ความคิดเห็นที่ 51 เราว่าเรียนจบและมีงานที่ตัวเองรักทำ.....นั่นคือแสดงความรับผิดชอบได้เต็มที่แล้วนะ  โชคดีมากๆที่ได้เรียนที่ดี และได้งานที่ดีทำด้วย.....งานบังเทิง ทำให้คนรู้จักเยอะนะคะ  นักธุรกิจหลายคนอยากออกสื่อทัง้นั้น มันมีผลกับงานข้างหน้าด้วยค่ะ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 22:37:57

ความคิดเห็นที่ 52 แวะเอามาฝากอีกกระทู้ มองทุกอย่างจากทุกมุม ของนัท AF4 http://www.skoolbuz.com/skoolmag/content/177 จากคุณ : ~ M i L k Y w A y ~ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:55:44