ขอหน่อยเถอะนะ
คำแปลเพลง บทเพลงที่ไร้ชื่อ ของ ปาร์คยูชอน
Shimamura MinnaP
On Saturday 22nd January 2011, @minnappe said:
[LYRICS] แปลไทย 미르끼의 이름없는 노래 Pt.1 (เพลงที่ไร้ชื่อ พาร์ท1) ของ ยูชอน
เพลง: 미르끼의 이름없는 노래 Pt.1
ศิลปิน: ปาร์ค ยูชอน (JYJ)
อัลบั้ม: THEIR ROOMS - OUR STORY
ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า?
หลังจากช่วงจากฝึกหัดไม่กี่เดือนในปี 2003 พวกเรา เหล่าสมาชิกก็ทำภารกิจแรกสำเร็จอย่างสบายใจ
ในปี 2004 เราได้เป็นศิลปินเด่นของเดือน ด้วยความสำเร็จนับไม่ถ้วน แต่เราก็ยังรู้สึกว่ามันไม่พอ
เราไม่สามารถควบคุมตัวเอง และเริ่มอยากได้มากขึ้นอีก
ในปี 2005 เรามุ่งหน้าไปสู่ตลาดต่างประเทศ เราคิดว่าทุกอย่างจะราบรื่นเหมือนกับที่เกาหลี
จากความพยายามครั้งแรกของเรา ผลออกมาแย่ที่สุดที่จะเป็นไปได้ และนั่นเป็นตอนที่ความมั่นใจของผมเริ่มดิ่งลง
ภาษาที่เราพูดกันไม่ได้ด้วยซ้ำ
เราจะอยู่แต่ในที่พักหรือไม่ก็ออฟฟิศ
การกักขังที่พวกเขาอ้างว่าไม่ใช่การกักขัง บอกว่ามันดีสำหรับตัวเราเอง
ความอ้างว้าง น้ำตา และ ความโมโห ที่มากเกินกว่าจะรับได้
นี่คือสิ่งที่ทำให้เรากลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
บอกว่า เราไม่มีวันแยกจาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
บอกว่า เราควรจะอยู่ด้วยกันเสมอ
บอกว่า เราควรจะเอาข้อดีของกันและกันเป็นตัวอย่าง
เราพูดสิ่งเหล่านี้อยู่ในใจ และวิ่งต่อไปเรื่อยๆ
ในที่สุด วันหนึ่งเราก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่เราปรารถนาอย่างมากมาตลอด
เราหยิบโทรศัพท์ออกมา ติดต่อไปหาครอบครัวและเพื่อนฝูง
ในที่สุด วันนั้นก็มาถึง
ตั้งแต่ตอนนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไปได้สวยเหลือเกิน
ยอดขายเป็นร้อยเป็นพัน ชนะรางวัลทุกอย่าง และเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ที่ได้จากหยากเหงื่อแรงกาย รู้สึกราวกับว่า แม้แต่เวลาที่เราร้องไห้ น้ำตาเหล่านั้นก็หยดลงอย่างแผ่วเบา
เหตุผลที่เรามีความสุขมากกว่าความสุขหรือความทุกข์ใดๆ
พวกเรา คนที่ไม่เคยยอมแพ้และวิ่งไปจนสุดทาง
เหตุผลที่เราเข้มแข็งกว่าทุกสิ่ง เพราะพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน
คุณเปลี่ยนไปแล้ว (ผมอยู่ตรงจุดนั้นไปตลอดไม่ได้)
ผมจะเป็นคนแรกที่หันหลังให้คุณ (ผมร้องไห้ไปตลอดไม่ได้)
ผมจะเรียกชื่อคุณ ถึงแม้คุณจะห่างไกลออกไปเรื่อยๆ (ให้ผมบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า)
เราวิ่งกันมานานพอสมควร
ตอนที่โดนกำแพงสูงล้อมโดยที่ไม่คาดคิดมาก่อน
และความคิดที่ว่า 'มันมืดขนาดนี้มาตลอดเลยหรือ' ก็ติดอยู่ในหัวผมเป็นเวลานาน
เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น
ค่าใช้จ่ายของบริษัทที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ และหนี้สิ้นที่เพ่ิมพูน
สถานการณ์นั้นกลายเป็นสิ่งที่ผมรับมือคนเดียวไม่ไหวอีกต่อไป
ผู้บริหารของเราเคยพูดกับเราด้วยคำพูดนี้
'ทุกครั้งที่นายต้องการอะไรก็บอกฉัน เพราะเราเป็นครอบครัวของกันและกันเสมอ'
'ทุกครั้งที่นายต้องการอะไรก็บอกฉัน'
ผมนึกถึงคำพูดเหล่านั้น รวบรวมความกล้าและโทรหาเขา เพื่อขอให้เขาช่วย
ถึงผมจะรู้สึกแปลกๆอยู่ในใจ แต่เขาเป็นคนเดียวที่ผมสามารถพึ่งพาได้ในตอนนั้น
เพราะเราคือครอบครัวที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ผมรวบรวมความกล้าเพื่อขอให้เขาช่วย แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือการปฏิเสธอย่างเยือกเย็น
คำพูดของเขาทำให้ผมโมโหมาก แต่ผมก็ควบคุมอารมณ์ไว้และขอให้เขาช่วยอีกครั้ง
เขาวางสายใส่ผม
ผมไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลออกมาได้
ผมคิดอะไรไม่ออก เพราะเขาไม่ใช่ครอบครัวในแบบที่ผมเชื่อว่าเขาเป็นมาตลอด
เวลาที่เขาต้องการเรา เราคือครอบครัวสำหรับเขา
เวลาที่เราต้องการเขา เราคือคนแปลกหน้า
ยิ่งเวลาผ่านไป ก็มีเรื่องน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นเรื่อยๆ
พอได้ยินว่า ในที่สุด เราก็พบขุมทองแล้วในต่างประเทศ เราทำรายได้มหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมก็เดินเข้าไปในออฟฟิศอย่างร่าเริง เพื่อไปรับส่วนแบ่งของผม
สมาชิกของเรา ต่างก็มองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น เราชมกันและกันว่าตั้งใจทำงานหนักขนาดไหน
แต่ใบบัญชีที่เราได้เรากลับบอกว่าเราเป็น หนี้
ผมนึกว่ามองตัวเลขผิดไป จึงเช็คดูใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างถูกบันทึกไว้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายของเรา
ให้ตายสิ เงินทั้งหมดนั่นจะกลายเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้อย่างไรกัน
ค่าใช้จ่ายอะไรที่จะทำให้เงินจำนวนมากขนาดนั้นหายไปได้?
ผมไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผมจึงขอพวกเขาดูรายละเอียดของบัญชีที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
พวกเขาบอกว่าจะเอามาให้ผมดู แต่ผมก็ไม่เคยได้กระดาษสองสามแผ่นพวกนั้น
เพราะสิ่งที่ผมทำอย่างเดียวคือ งาน
จำนวนคำถามที่อยู่ในใจผมเริ่มเพ่ิมขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป
ยิ่งสมาชิกรวมตัวกันคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้นเท่านั้น
หากผมจะต้องพูดเป็นครั้งสุดท้าย (ผมจะถามว่า) สิ่งที่เราทำเพื่อบริษัท
มันเพื่อตัวบริษัทอย่างแท้จริงงั้นเหรอ?
เอาสิ เอาเป็นว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเรา คนที่มีจิตใจดีงาม จะปล่อยให้เรื่องนั้นหลุดไป
เราจะลืมมันซะ เพื่อบริษัทและเพื่อตัวเราเอง คนที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี
แต่นั่นไม่ถูกต้อง นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะพูดกับเรา
คุณคิดจะทำให้เราผิดหวังจนถึงตอนจบเลยจริงๆน่ะเหรอ?
ตอนที่คุณโทรมา สิ่งเดียวที่คุณทำคือ พูดถึงสมาชิกของเราลับหลัง มันยากเหลือเกินที่จะไว้ใจคุณ
นี่เหมือนอย่างที่รุ่นพี่ของเราบอกไว้ไม่มีผิด
คุณอยากเก็บไว้แค่คนที่ยังเต็มใจทำเงินให้คุณใช่ไหม?
รุ่นพี่คนหนึ่งบอกผมว่า ครอบครัวที่บริษัทคอยพูดถึงนั้น จะทำให้เรารอดลำบากเมื่อออกไปจากบริษัท
คำพูดนั้นไม่ออกไปจากหัวผมเลย
ถึงแม้จะมีอีกหลายอย่างที่ผมอยากจะพูด
แต่ผมก็พูดไม่ได้ เพราะผมหงุดหงิดมากกับความคิดที่ว่า
คนบางคนจะทรมานเรามากขึ้นไปอีกเมื่อเพลงนี้ถูกเปิดออกไป
ถึงแม้ชีวิตจะยากลำบาก แต่เราก็กำลังตั้งใจทำงานและกำลังไปได้สวย
เรากำลังพยายามยิ้ม ถึงแม้ะยังถูกคนบางคนทารุณอยู่เรื่อยๆก็ตาม
ความพยายามของเราไม่ใช่ความพยายามของผลผลิตอะไรสักอย่างเท่านั้น
มันคือความพยายามที่ขับเคลื่อนโดยความคิด
ว่าเราอยากจะตายโดยไม่มีความรู้สึกเสียดายตอนจากโลกนี้ไป
ถ้าจะเอาออกไป กรุณาเอาเครดิตไปให้ครบค่ะ
Translation: jeeelim5 @ tohosomnia.net
Thai translation: minnappe @ twitter
---------------------------------------------------------------
เค้าเชื่อว่านี่คือที่สุดของยูชอนแล้ว มันคงอัดเก็บจนต้องบอกให้พวกเราได้รู้สิ่งที่เค้ากำลังเผชิญ จะมีใครว่าน้องเฟคอีกไหม
เท่าที่เราได้รักน้องมา คุณว่าผู้ชายที่ชื่อปาร์คยูชอนขี้โกหกรึเปล่า ? T_T
อ่านเนื้อแล้วสงสารยุนโฮกับชางมิน ทนทำไมครับ เพื่ออะไรครับ
ในเนื้อเพลง ทำให้พี่เข้าใจว่าคงได้คุยกันและเห็นตรงกัน แล้วทำไมครับ ทำไม???
T________T
แต่น้องคงเลือกแล้วที่จะทนมันต่อไป ถ้าอย่างนั้น พี่ขอให้โฮมินรักตัวเองเยอะๆบ้างนะ อย่าทำงานจนไม่ไหว อย่าทำจนตัวเองต้องล้มพับไป
ส่วนสามหน่อ ข้างนอกมันคงไม่มีกำแพงที่ปิดตาจนมืดบอดอย่างที่ต้องการ แต่กำแพงที่ว่าก็พร้อมจะถล่มลงมาทับเสมอ
จากวันนี้ไป เมื่อเพลงนี้ถูกเปิดออก เราคงจะต้องเจออะไรไปพร้อมกับน้องๆ มันคงหนักหนาและสาหัส จากนี้ไป ถึงเราจะคิดเห็นไม่ตรงกัน
แต่อยากขอ ให้เข้าใจกันไว้มากๆนะคะ รักทุกคนนะ โฮฮฮ ไม่ไหวละ สงสารน้อง
จับมือกันไว้ให้แน่นนะครับ แล้วพวกเราจะโอบกอดคุณ