[Trans] ความโกรธปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อ KEPA เข้ามาเกี่ยวในข้อถกเถียงระหว่าง JYJ กับบริษัท SM (1)
Fury Erupts Again as KEPA Steps into JYJ-SM Controversy
Credit: dongbanger
Shared by: JYJ3
ดูเหมือนว่าพวกที่ภักดีกับบริษัท SM กำลังพยายามอย่างหนักในการทำให้คดีฟ้องร้องระหว่าง JYJ (จุนซู ยูชอนและแจจุง) กับบริษัทต้นสังกัดเดิมคือ SM entertainment ดูไม่น่าเชื่อถือ แฟนๆ กำลังสู้สุดตัวเมื่อมีคนพยายามจะทำให้สาธารณชนเกิดความไม่เชื่อมั่นในตัว JYJ ซึ่งก่อให้เกิดแรงกดดันต่อคนที่ยังอยากจะอนุญาตให้ศิลปินกลุ่มนี้ออกสื่อในเกาหลีอยู่
ศิลปินสังกัด SM คนอื่นๆ ถูกตำหนิ (บางครั้งก็โดนว่าโดยแฟนๆ ของตัวเอง) ถ้ามีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรณีพิพาษระหว่างบริษัท SM กับ JYJ แต่ตอนนี้มีบุคคลที่สามคนอื่นอีกที่เข้ามายุ่งและพยายามจะสร้างผลกระทบต่อการตัดสินของศาลในกรณีคดีฟ้องร้องของ JYJ
องค์กรที่เรียกตัวเองว่า สมาคมผู้อำนวยการสร้างสื่อบันเทิงเกาหลี (Korean Entertainment Producers Association; KEPA) ออกแถลงการณ์เนื้อความว่าเป็นห่วงเกี่ยวกับผลกระทบทางลบที่จะเกิดต่อวงการบันเทิง จากกรณีฟ้องร้องโดย JYJ และฮันเกิง อดีตสมาชิกวงซูเปอร์จูเนียร์
คำกล่าวอ้างไร้สาระของ KEPA ยังรวมไปถึงการพาดพิงว่า JYJ นั้นฟ้องร้องเพื่อ "ผลประโยชน์ทางการเงินส่วนตัว" สมาคมดูไม่เดือนไม่ร้อนเลยว่านี่เป็นคำโกหกพกลมถ้าพิจารณาถึงการกระทำทั้งหมดของ JYJ ตั้งแต่มีการฟ้องร้อง
ตัวอย่างเช่น JYJ ออกแสดงโชว์เคสให้ฟรีๆ ในสหรัฐอเมริกาหลังจากมีปัญหาเรื่องวีซ่าทำให้พวกเขาไม่มีทางหารายได้ได้เลย เมื่อประสบกับวิกฤตเช่นนี้ หนุ่มๆ ไม่ได้ยกเลิกการแสดงโชว์เคสซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง - ซึ่งค่าใช้จ่ายคงต้องออกไปจากกระเป๋าของพวกเขาเอง - แม้ว่าจะไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ ก็ตาม
สงสัยสมาชิกของสมาคม KEPA คงไม่เข้าใจว่าคนปกติเขาทำงานกันก็ต้องได้รับเงินค่าแรงตอบแทน ธรรมดามันก็ต้องเป็นอย่างนั้น หรือว่าสมาคม KEPA คิดว่า JYJ ควรจะอยู่เป็นทาสของบริษัท SM ไปเรื่อยโดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเองเลย?
สมาคม KEPA ยังปฏิเสธอีกว่า 'สัญญาทาส' ไม่มีอยู่จริง แม้ว่าบริษัทในวงการบันเทิงหลายที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงสัญญาของศิลปินหลายๆ คนแล้วเพราะสัญญาเหล่านั้นตกอยู่ในประเภทของ 'สัญญาทาส' แต่ในกรณีของบริษัท SM แล้ว บริษัทนี้ไม่เห็นว่าจะผิดอะไรที่จะเซ็นต์สัญญาว่าจ้างกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะนานถึง 13 ปีแม้ว่าจะได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองแล้วก็ตาม
แถลงการของสมาคม KEPA ยังกล่าวต่อไปอีกว่าศิลปินคนอื่นจะทำยังไงถ้า JYJ นั้นชนะคดีฟ้องร้องนี้ พวกเขาอ้างว่าถ้า JYJ ชนะแล้วดาราศิลปินคนอื่นๆ จะพยายามฟ้องร้องบริษัทของตัวเอง 'ในทางที่ผิด' เหมือนกัน พวกเขาใช้คำว่า 'ในทางที่ผิด' ราวกับว่าดาราศิลปินเป็นร้อยๆ คนกำลังวางแผน รอโอกาสรอเวลาที่จะท้าทายบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอำนาจล้นฟ้าเหล่านี้ รู้จักจะคิดถึงความเป็นจริงบ้างเถอะ
-อ้า นั่น การแก้ต่างให้ตัวเองอย่างกับหมอดูเห็นอนาคต-
ถ้าศิลปินคนอื่นๆ จะฟ้องร้องบริษัทต้นสังกัด พวกเขาคงฟ้องโดยไม่ต้องให้ใครเป็นผู้มาริเริ่มก่อน ความเป็นจริงในสถานการณ์ของ JYJ นั้นล้มล้างการคาดเดามั่วๆ ของ KEPA ไปจนหมดสิ้น อย่างที่เห็นว่าสมาชิกอีก 2 คนของ TVXQ ไม่ได้ฟ้องร้องบริษัทแม้ว่าอีกสามคนจะทำ ดังนั้นคำกล่าวอ้างของสมาคม KEPA ก็ดูจะไม่เป็นเหตุเป็นผลเอาซะเลย
การฟ้องร้องของ JYJ ไม่ได้ทำให้สมาชิกอีกสองคนต่อต้านบริษัท SM หรือเริ่มเกิดความกระด้างกระเดื่อง 'ในทางที่ผิด' (ตามคำของสมาคม) จริงๆ แล้วมียังศิลปินที่เซ็นต์สัญญาเพิ่มจำนวนมากกว่าที่จะออกมาฟ้องร้องมาก
คดีฟ้องร้องของ JYJ ไม่ได้มีผลอะไรเลยต่อการที่ศิลปินคนไหนจะทำหรือไม่ทำอะไรในอนาคต ถ้าศิลปินไอดอลกำลังทำงานอยู่ภายใต้เงื่อนไขสัญญาที่ไม่เหมาะสม มันก็เป็นความผิดเอเจนซี่ของศิลปินคนนั้น ไม่ใช่ความผิดของศิลปินที่มีความกล้าพอที่ออกมาร้องทุกข์
ยิ่งไปกว่านั้นสมาคม KEPA ยังแสดงออกว่าดูถูกระบบศาล การตัดสินของศาลนั้น -ถ้าสันนิษฐานว่าศาลไม่ทุจริต-ก็จะขึ้นกับข้อผิดถูกของแต่ละคดีที่เข้ารับการไต่สวน สมาคม KEPA คิดว่าศาลเกาหลีเต็มไปด้วยคนงี่เง่าไร้สมองที่ไม่สามารถแยกแยะระหว่างการอ้างสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมายกับคนที่พยายามจะเอาเปรียบในทางที่ผิดงั้นหรือ?
สมาคม KEPA ไม่สามารถอ้างว่า JYJ มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นกับศิลปินในระยะเวลาที่ไม่แน่นอนในอนาคต เพราะ JYJ ไม่ได้มีอำนาจการควบคุมใดๆ ต่อเงื่อนไขการทำงานของศิลปินคนอื่นๆ หรือการประพฤติตนปฏิบัติต่อศิลปินของเอเจนซี่เหล่านั้น ให้ตายเถอะ สามหนุ่มแทบไม่มีอำนาจอะไรเลยกับวิธีที่บริษัท SM ปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยซ้ำ!
ถ้าสมาชิกทั้งสามคนมีอำนาจขนาดนั้น พวกเขาคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แต่ทีแรก มันโง่มากที่มาอ้างให้ JYJ มีส่วนรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินคนอื่นกับบริษัทเอเจนซี่ หรือมาบอกว่า JYJ มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่อาจจะเกิด บางทีจะเกิด มีโอกาสเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิด กับศิลปินคนอื่นๆ ในอนาคต
สมาคม KEPA คงคิดว่าง่ายมั้งที่ศิลปินจะต้องเอาอาชีพและการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเองมาเสี่ยง - ยังไม่นับว่าจะต้องเสียระยะเวลา 1, 2 หรือ 3 ปีที่ดีที่สุดของชีวิตไป - เพื่อฟ้องร้องบริษัทโดยที่ไม่มีอะไรการันตีว่าพวกเขาจะชนะการฟ้องร้องหรือไม่
เพื่อปกป้องตัวเองแล้ว สมาคม KEPA อ้างว่าศาลไม่เข้าใจวงการบันเทิงเกาหลี แต่ในความเป็นจริงแล้วศาลกำลังได้รับบทเรียนครั้งใหญ่เกี่ยวกับวงการบันเทิงเกาหลีต่างหาก เป็นเหตุผลว่าทำไมมีจำนวนคดีฟ้องร้องมากมายที่ตัดสินเข้าข้างศิลปินที่ฟ้องร้องบริษัทเอเจนซี่
เพราะว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของ TVXQ ทำให้ JYJ โด่งดังมาหลายปีมากก่อนจะพวกเขาจะรวบรวมความกล้ามากพอที่จะฟ้องบริษัท SM เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง น่าจะสรุปได้คร่าวๆ ว่าต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นที่ทำให้ทนไม่ไหวจนต้องหันหน้ามาพึ่งกฎหมาย ศิลปินคงทราบดีว่าพวกเขาจะไม่สามารถออกแสดงในประเทศบ้านของตัวเองได้จนกว่าคดีฟ้องร้องจะจบลง และสถานีโทรทัศน์ก็ไม่กล้าจะนำพวกเขามาออกอากาศเนื่องจากกลัวการจองเวรจากอดีตบริษัทต้นสังกัดของพวกเขา
คำพูดเชิงเกลียดชังจากแถลงการณ์ของสมาคม KEPA นั้นราวกับว่าขั้นตอนการฟ้องร้องบริษัทเอเจนซี่ใหญ่ยักษ์นั้นทำกันได้ง่ายๆ โดยศิลปินที่อยากจะเอาเปรียบบริษัทเอเจนซี่ผู้น่าสงสาร (น่าสงส๊าร น่าสงสาร) 'ในทางที่ผิด' บริษัทน่าสงสารที่ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากให้แต่สิ่งที่ดีๆ แก่พวกเขา ล้อกันเล่นรึเปล่า??
ไม่ว่าผลจากคดีของ JYJ จะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม บริษัท SM ไม่มีทางจะได้รายได้อย่างที่เคยจะได้ เพราะทางบริษัทไม่ยินยอมรับฟังข้อเรียกร้องเล็กๆ น้อยๆ จากทาง JYJ แต่แรก สามหนุ่มไม่เคยร้องขออะไรที่เกินจริงหรือไม่สมควรที่จะได้อยู่แล้ว
บริษัท SM คงไม่มีวันจะได้รู้ว่าการจัดสรรรายได้ให้ดีกว่าเดิมสักเล็กน้อย หรือการจัดตารางการทำงานให้เหมาะสมว่านี้ซักนิดจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ทั้งหมดโดยที่เรื่องราวไม่ต้องออกไปสู่สาธารณชนแบบนี้ ถามจริงๆ หลังจากเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว JYJ จะไว้ใจใครที่บริษัท SM ได้อีกไหม?
(ยังมีต่อค่ะ)