คำแปลอันนี้มาจากที่เขียนใน essay นะคะ จะมีส่วนที่ต่างกับที่ร้องจริงๆในเพลงไปบ้าง ไว้มีที่ออกมาจากเพลงแล้วรบอจ.จะมาเทียบให้อีกทีค่ะว่าต่างอย่างไรบ้าง
A Song Without a Name PART 1
เพลงไร้นาม ตอนที่ 1
ผมเคยบอกคุณเรื่องนี้หรือเปล่า
หลังจากช่วงเวลาฝึกฝนสองสามเดือนในปี 2003 พวกเราสมาชิกในทีมเสร็จสิ้นภารกิจชิ้นแรกของเราอย่างง่ายดาย
ในปี 2004 พวกเราเป็นทีมที่แข็งแกร่งแห่งเดือน ได้รับความสำเร็จนับไม่ถ้วน แต่พวกเราไม่ได้พอใจอยู่เพียงแค่นั้น
พวกเราไม่สามารถเก็บกักตัวเองไว้ได้และพวกเราเริ่มอยากจะได้มากกว่าเดิม
2005 พวกเราเริ่มทำงานในต่างประเทศ พวกเราคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ดีเหมือนที่เป็นในเกาหลี
ความพยายามแรกของพวกเรา พวกเราได้รับผลที่แย่ที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้ และนั่นคือช่วงเวลาที่ความมั่นใจของผมเริ่มลดลง
ภาษาที่เราไม่อาจพูดได้
ทุกวันพวกเราจะอยู่แต่ในที่พักหรือไม่ก็ที่ทำงาน
การกักขังที่พวกเขาอ้างว่ามันไม่ใช่การกักขัง บอกว่ามันดีต่อพวกเราเอง
ความอ้างว้าง น้ำตา ความโกรธเกรี้ยวอันมากมายมหาศาล
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียว
พูด
ว่าเราจะไม่แยกจากกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
พูด
ว่าเราควรจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
พูด
ว่าเราควรจะทำในสิ่งดีๆของกันและกัน
พวกเราพูดสิ่งเหล่านี้ในใจของเราและวิ่งต่อไป
วันหนึ่ง
ในที่สุดพวกเราก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่เราต้องการจริงๆ
พวกเราแต่ละคนหยิบโทรศัพท์และติดต่อครอบครัวของเราและเพื่อนๆ
ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง
จากนั้นเป็นต้นมา ทุกสิ่งก็เริ่มเป็นไปด้วยดี
แผ่นซีดีขายได้เป็นแสนๆ ชนะรางวัลทุกรางวัลที่มีอยู่และเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตจากแรงงานของเรา
มันรู้สึกราวกับว่าถึงแม้เราจะร้องไห้ น้ำตาเหล่านั้นก็หยดอย่างเบาบาง
เหตุที่เรามีความสุขยิ่งกว่าความสำราญหรือความเศร้า
พวกเรา ผู้ซึ่งไม่เคยยอมแพ้และวิ่งต่อไปจนถึงที่สุด
เหตุผลที่เราเข้มแข็งยิ่งกว่าสิ่งใด เป็นเพราะพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน
คุณเปลี่ยนไปแล้ว (ผมไม่สามารถอยู่ในจุดนั้นได้ตลอดกาล)
ผมจะเป็นคนแรกที่หันหลังให้กับคุณ (ผมไม่สามารถเช็ดน้ำตาได้ตลอดไป)
ผมจะเรียกชื่อคุณออกมา ถึงแม้ว่าคุณจะออกห่างไปไกลเรื่อยๆ (บินขึ้นไปให้สูงเสียดฟ้า)
พวกเราได้วิ่งมาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อพวกเราถูกห้่อมล้อมไปด้วยไปด้วยกำแพงสูงใหญ่อันไม่ได้คาดฝัน
ความคิดที่ว่า มันช่างมืดหม่นอย่างนี้มาตลอดหรือเปล่านะ วนเวียนอยู่ในหัวของผมมานาน
ครั้งหนึ่ง เมื่อมันเกิดขึ้น
ด้วยค่าใช้จ่ายทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น และหนี้สิ้นที่พอกผูน
สถานการณ์กลายเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง
CEO ของเราเคยพูดกับพวกเราครั้งหนึ่งว่า
บอกผมหากคุณต้องการสิ่งใด เพราะว่าเราจะเป็นครอบครัวของกันและกันตลอดไป
บอกผมหากคุณต้องการสิ่งใด
เพราะว่าจำคำเหล่านั้นได้ ผมจึงรวบรวมความกล้าโทรหาเขาและขอให้เขาช่วย
ถึงแม้ว่าผมจะมีความรู้สึกแปลกในใจ เขาเป็นคนเดียวที่ผมสามารถเชื่อใจได้ในตอนนั้น
เพราะว่าเราเป็นครอบครัวที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ถึงแม้ว่าผมได้รวบรวมความกล้าเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากเขา สิ่งที่ผมได้รับทั้งหมดคือการปฏิเสธอย่างเย็นชา
คำพูดของเขาทำให้ผมโกรธมาก แต่ผมอดกลั้นไว้และขอให้เขาช่วยอีกครั้ง
เขาวางสายใส่ผม
ผมไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบหน้าได้
ผมไม่สามารถคิดอะไรได้เพราะเขาไม่ใช่ครอบครัวที่ผมเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าเขาเป็น จนกระทั่งถึงตอนนั้น
เมื่อเขาต้องการเรา เราเป็นครอบครัวของเขา เมื่อเราต้องการเขา เรากลับกลายเป็นคนแปลกหน้า
สิ่งที่น่าอัศจรรย์ไปมากกว่านั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
เมื่อได้ยินว่าในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จในต่างประเทศและนำพาซึ่งผลลัพธ์มูลค่ามหาศาลที่ไม่อาจคาดคิดถึงได้
ฤดูใบไม้ผลิผมเดินเข้าไปในบริษัทเพื่อจะรับค่าแรงของผม
สมาชิกในทีมของเราต่างก็มองกันและกันด้วยสายตาที่ตื่นเต้น
เราชมเชยกันเองว่าพวกเราทำงานหนักกันมามากแค่ไหน
แต่ยอดบัญชีที่เราได้รับบอกว่าเรายังคงค้างหนี้
ผมคิดว่าผมเห็นตัวเลขผิดไป ดังนั้นผมเลยตรวจมันอีกครั้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างรวมอยู่เป็นค่าใช้จ่าย
ให้ตายซิ ทำไมเงินทั้งหมดกลับกลายเป็นค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายอะไรกันที่ทำให้เงินจำนวนมากขนาดนั้นหายไป?
ผมไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง ดังนั้นผมจึงขอให้พวกเขาแสดงรายละเอียดของบัญชีที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
พวกเขาบอกผมว่าพวกเขาจะเอามาให้ผมดู แต่สุดท้ายแล้วผมไม่เคยได้เห็นแผ่นกระดาษพวกนั้น เนื่องจากผมได้แต่ทำงานเท่านั้น
คำถามทั้งหลายเติบโตขึ้นในใจผมเมื่อเวลาผ่านไป
อาการปวดหัวมีมากขึ้นเมื่อสมาชิกในทีมของเรามารวมตัวกันและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถ้าหากผมจะพูดได้เป็นครั้งสุดท้าย
สิ่งที่พวกเราทำให้บริษัท
เป็นสิ่งที่สำหรับบริษัทจริงๆเท่านั้นซินะ?
แน่นอน เอาเป็นว่ามันใช่ก็แล้วกัน พวกเราจะใจดี จะปล่อยมันไว้อย่างนั้น
พวกเราจะลืมมันไปซะ สำหรับบริษัท และสำหรับพวกเราเอง ที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี
แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง พวกมันไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะพูดกับเรา
พวกคุณกำลังวางแผนเพื่อทำให้เราผิดหวังจริงๆจนถึงหยดสุดท้ายเลยหรือไร?
เมื่อคุณโทรมา สิ่งเดียวที่คุณทำคือพูดจาลับหลังสมาชิกคนอื่นในวงให้เราฟัง มันยากที่จะเชื่อคุณ
นี่เป็นเหมือนกับสิ่งที่รุ่นพี่ของเราเคยบอก พวกเขาแค่อยากจะเก็บคนที่ทำเงินเอาไว้
รุ่นพี่คนหนึ่งบอกผมว่าครอบครัวที่บริษัทพูดถึงมาตลอด จะทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะอยู่รอดได้ถ้าหากเราออกจากบริษัท
คำพูดเหล่านั้นไม่ยอมออกไปจากความคิดผมเสียที
ถึงแม้ว่ามันจะมีอีกหลายสิ่งที่ผมอยากจะพูด
ผมคงไม่สามารถพูดได้เพราะผมรู้สึกท้อแท้เมื่อคิดถึงว่าคงมีบางคนที่จะทรมานพวกเรายิ่งกว่าเดิมเมื่อเพลงนี้ออกมา
ไม่ว่าอย่างไร ถึงแม้ว่าชีวิตจะยากเย็น พวกเราจะทำงานหนักและทำให้ได้ดี
พวกเราจะพยายามยิ้มถึงแม้ว่าเราจะทนทรมานต่อไปเพราะคนบางคน
ความพยายามของเราไม่ใช่ความพยายามเพื่อผลิตสินค้าเท่านั้น
มันเป็นความพยายามที่ถูกผลักดันจากความคิด
ที่ว่าเราอยากจะตายโดยไม่เสียดายเมื่อเราจากโลกนี้ไป