วันนี้ ฮิโตชิ สง่างามมาก ตามที่เคยโพสไว้บางแล้วในกระทู้ก่อนๆ ฮิโตชิไม่ใช่คนปากหวาน พูดจาคำเพราะให้คนประทับใจ แต่คำพูดตรงไปตรงมาครั้งนี้ บอกถึงความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณและขอบคุณฮาจึโกะอย่างสูง การเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเปิดร้านขายไหมพรมเป็นเพียงการตอบแทนน้อยนิด เทียบไม่ได้กับสิ่งที่ฮาจิโกะ หญิงสาวนอกสำมะโนครัว ที่ได้เสียสละเพื่อคนในครอบครัวทาโนะกุระมาตลอด ชีวิตช่วงหนึ่งของฮาจึโกะจะยังคงเป็นความลับระหว่างพี่น้องคนในตระกูล แต่ความรักที่มีให้กับพี่สาวคนเดียว จักสำแดงให้เห็นต่อหน้าทุกคน
ในสายตาคนภายนอก(รวมทั้งคนดู) จะตะขิดตะขวงใจในความเป็นพ่อค้าหน้าเงินเยนของเขาเพียงไหน ก็ต้องยอมรับว่า ฮิโตชิเป็นคนที่รักพี่ รักน้องรวมไปถึงรักหลานด้วย นอกเหนือจากนี้ ไม่รู้จะรักไปทำไม....(กับภรรยาตัวเองก็เกือบจะหย่าไปแล้ว)
เอาล่ะ วันนี้ ฮิโตชิได้แสดงส่วน Soft Side ของตัวเองออกมาแล้ว กูรูคิดว่าถึงเวลาที่จะเดินทางเข้าไปในตัวตนของเขาเสียที
"ฮิโตชิ : ใบไม้ที่ผลัดขั้ว จากพ่อค้า(สายเลือดซามูไร)สู่ทุนนิยมเต็มหัวใจ"
ฮิโตชิ บุตรชายคนที่สองของตระกูลทาโนะกุระ เป็นอีกตัวละครหนึ่งที่สร้างสีสันและความขัดแย้งให้กับสงครามชีวิตโอชิน
หลายคนเปรียบเปรยเขาเหมือนเป็นตัวป่วน สร้างปัญหาและความวุ่นวายต่างๆให้กับตระกูล อีกทั้งชอบหน้าใหญ่ ใจทะยาน(เหมือนพ่อ) มุทะลุ ดื้อดัน และที่เห็นพ้องต้องกันก็คือ เป็นคนที่เห็นแก่ตัว และเห็นแก่เงินเป็นที่ตั้ง ไร้ซึ่งเกียรติยศ คุณธรรมอันเป็นมรดกสืบสายเลือดของตระกูลบรรพบุรุษซามูไร
เอาล่ะ...เขาอาจจะเป็นตัวแทนของคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ที่บูชาสินทรัพย์ เงินตราเป็นพระเจ้า แต่ใช่ว่าจู่ๆเขาเป็นคนตาลุกวาว รักเงินตั้งแต่แบเบาะเสียเมื่อไหร่ ทุกอย่างย่อมมีที่มา ที่ไป
"เกิดในช่วงปรองดอง ด้วยความรักท่วมทด"
แม้ฮิโตชิจะไม่ได้เกิดในช่วงชีวิตที่พูนรัก พูนสุข พูนธนทรัพย์ เหมือนพี่ชายยิ่ว แต่เขาก็คลอดท่ามกลางความรักที่หวนคืนกลับของพ่อและแม่ เป็นช่วงที่ริวโซตั้งอกตั้งใจทำงานชดเชยความผิดพลาดเมื่อครั้งที่ทั้งคู่อพยพไปอยู่ซาง่า วันคืนแห่งความระหองระแหง จนทำให้โอชินตกระกำลำบากถึงกับพิการ และเสียลูกไปกลางสายฝน ฮิโตชิ จึงเปรียบเสมือนลูกแก้วที่ได้คืนกลับมา นำความปิติปรีดาชวนปลื้มแก่พ่อแม่นัก จึงอดไม่ได้ที่ริวโซและโอชิน จะทุ่มเทความรักอย่างท่วมท้น เพื่อทดแทนความสูญเสียครั้งก่อน ฮิโตชิ ทำหน้าที่(โดยไม่รู้ตัว) เป็นห่วงโซ่แห่งสายสัมพันธ์ของตระกูลทาโนะกุระ
ดังนั้น แม้พ่อแม่จะทำงานหนักในหรือนอกสถานที่ ยิ่วต้องช่วยดูแลทำงานบ้านพร้อมเรียนหนังสือไปด้วย แต่เด็กชายฮิโตชิกลับวิ่งเล่น สุขสบายไปวันๆ ไม่ได้รับรู้เรื่องความยากลำบากในการค้าขาย ยิ่งมีโนซูมิมาเป็นคู่หู-ลูกไล่ ฮิโตชิยิ่งข่ม ทำตัวเป็นลูกพี่ เวลาทำผิดอะไรก็โทษคนอื่นเสมอ เมื่อถูกสั่งให้ช่วยงานก็แอบอู้ไปซุกซนตามประสาเด็กๆ ทั้งริวโซ่และโอชินก็เริ่มเห็นนิสัยที่ไม่งามข้อนี้ แต่ที่เกริ่นมาแล้ว ฮิโตชิคือลูกรักคนล่าสุดก็เลยปล่อยเลยตามเลย อีกทั้งคู่ก็มุ่งจดจ่อกับการสร้างเนื้อสร้างตัวจนละเลยคำพร่ำสอนตักเตือน เด็กชายฮิโตชิจึงโตอย่างเด็กเอาแต่ใจตัวเอง ความอดทนต่ำ
"เลือดรักชาติที่เดือดพล่าน แต่เหมือนถูกเชือดเฉือน..ทรยศ"
ความมุทะลุ เลือดร้อนของฮิโตชิ ค่อยๆแจ่มชัดขึ้น เมื่อธุรกิจของครอบครัวไปเกี่ยวข้องกับกองทัพทำให้ฐานะของตระกูลดีขึ้น ฉะนั้น ไม่น่าแปลกที่ฮิโตชิจะชื่นชมกองกำลังทหารญี่ปุ่น เพราะได้นำคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์ให้กับพ่อ แม่ พี่ น้อง ไม่ต้องจำเจกับงานขายปลาเหนื่อยแสนเหนื่อย แต่กำไรน้อยนิดอีกแล้ว ในสายตาของเด็กหนุ่มอารมณ์ร้อน กองทัพคือสัญลักษณ์ของฮีโร่ สถานการณ์ขณะนั้นมองไปทางไหน กองทัพคือผู้กำชัยทุกทิศทาง เมื่อเวลาเด็กๆเล่นบทปะทะทหาร -ข้าศึก เราจะเห็นฮิโตชิ สมมติตัวเป็นทหารญี่ปุ่นที่รบชนะทุกครั้งไป
เมื่อกองทัพเกณฑ์ทหารไปรบกับข้าศึกเป็นเรื่องเป็นราว ฮิโตชิจึงไม่รอช้าที่จะถือโอกาสสำแดงตนเป็นวีรบุรุษ ด้วยความฝันที่จะได้ขับเครื่องบินไอพ่นกวาดไล่ศัตรูให้หนีหัวเซอะหัวเซิง
ทว่า ฝันของหนุ่มน้อยก็กระเจิง เมื่อญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม ในวันที่ฮิโตชิกำลังจะก้าวขึ้นเครื่องบินขับไล่พอดี
ฮิโตชิเหมือนถูกทรยศ ไหนล่ะ ใครๆที่สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ญี่ปุ่นจะชนะเหนือชั้นกว่าฝรั่งผิวขาว ไหนล่ะ ญี่ปุ่นในฐานะผู้กำชัยจะก้าวขึ้นมาเกรียงไกรในแผนที่โลก ไหนล่ะ อาณาจักรวงศ์ไพบูลย์ที่ธงญี่ปุ่น จะปักหลักประกาศศักดิ์ศรีทุกถิ่นที่ย่างขึ้นบก
เขาเกลียดกองทัพญี่ปุ่นที่โกหกมาตลอด เขาเกลียดผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่ห้ามเขาขึ้นเครื่อง (และถ้าบทละครอนุญาตได้ เขาคงจะเกลียดสมเด็จพระจักรพรรดิที่ประกาศยอมแพ้สงคราม) ไม่มีอีกแล้ววีรบุรุษผู้พิทักษ์ชาติ ทุกคนที่เหลือกลายเป็นอาชญากรสงครามไปหมด
นี่คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเด็กหนุ่มเลือดร้อนคนหนึ่งที่ทุ่มเทถวายชีวิตเพื่อชาติ หากเมื่อชาติทรยศกลับมา เขาก็พร้อมที่จะหันหลังให้ชาติได้เช่นกัน
นับจากนี้ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง เขาจะเห็นประโยชน์ของตนเหนือชาติ ลาก่อน ชาติที่(ไม่)รัก
จากคุณ |
:
กูรูขอบสนาม
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ม.ค. 54 22:33:12
|
|
|
|