 |
ขอต่อ...ข้อความนะครับ
เห็นด้วยกับ "คุณตาลเฉาะ" คห.59 วงการนี้เส้นทางขรุขระครับ แต่จริงๆแล้วเป็นอาชีพที่ดีมากครับ ดีมากที่สุดเลยจริงๆ ถ้าหากเราคอนเน็คชั่นกับ "ผู้จัดละคร" กับ "ทางช่อง" ได้อย่างดีถ้าหากว่าจับงานนี้อยู่หมัด ก็ยึดเป็นอาชีพได้ เพราะค่าตอบแทน "ก็มากเลยทีเดียว" ถ้าเทียบกับงานประจำทั่วๆไป
สำหรับเรตละครโทรทัศน์เท่าที่ทราบมาจากที่คุยกับคนเขียนบท จะได้กันประมาณนี้นะครับ
๑. บทละครโทรทัศน์ ความยาว ๑ ชั่วมง ประมาณ 40 ฉาก ไม่เกิน 30 หน้า ฟอร์น16 (ออนแอร์๑วัน พวกละครตอนเย็น) -หน้าเก่ามีผลงานมาแล้ว น่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท / ตอน -หน้าใหม่(เอื่ยมอ่องอรทัย) น่าจะได้ ประมาณ10,00 บาท / ตอน ละครโทรทัศน์ส่วนมากก็มีทั้งหมด 25 - 30 ตอน ครับ เขียน ๑เรื่อง รับทรัพย์ ไม่ต่ำว่า " 2 แสนบาท!!" ใช้เวลาเขียนก็เต็มที่ 2 -3 เดือน (หรืออาจมากกว่าแล้วแต่ความรับผิดชอบ และ ความขยันในการทำงา
๒.ถ้าเป็นละครตอนกลางคืน หลังข่าว ละครหลังข่าวจะมีเวลา 2 ชัวโมง ซึ่งก็ต้องเอาข้อ ๑ คูณ ๒ เข้าไปใน เรื่องจำนวนหน้า และ ค่าตอบแทน ค่าจ้างก็ตกประมาณตอนละ 3 หมื่น คนเขียนบทดังๆที่เก๋าๆ ก็ฟันไปตอนละ 4หมื่น บาทก็มี ส่วนจำนวนตอน ก็จะเป็น 15 ตอน (คือจาก 30 ตอนหนึ่งชั่วโมง)
๓. รายได้จะมาจาก การที่หนังสือเฉพาะกิจเอาบทละครไปลงเรื่องย่อขาย ก็จะมีรายได้ประมาณ15,000 บาท / สำนักพิมพ์ที่ซื้อลิขสิทธิ์ไปตีพิมพ์ขาย ซึ่งส่วนใหญ่พวกที่ทำหนังสือเฉพาะกิจเรื่องย่อละครทีวี จะมีประมาณ2 -3 เจ้า เราก็จะได้ค่าลิขสิทธิ์บทละคร ตรงส่วนนี้ด้วย และ ถ้ามาจากนิยาย เจ้าของนิยายก็จะได้สิทธิ์นี้เหมือนกัน
๔. รายได้จากหนังสือพิมพ์ที่เอาไปลงเป็นตอนๆ ..หนังสือพิมพ์จะเอาบทละครไปลงไปตอนๆในแต่ละวัน ซึ่งได้แก่ ไทยรัฐ ,เดลินิว , ข่าวสด , คมชัดลึก , 9ล9 พวกนี้ก็จะต้องจ่ายเราฉบับละไม่ต่ำกว่าเล่มละ 10,0000 บาท (หนังสือพิมพ์ที่ลงละครของเรา 5 หนังสือพิมพ์ก็ คูณเข้าไป)
๕.รายได้จากโบนัสพิเศษ เขาว่ากันว่า คนเขียนบทละครโทรทัศน์ช่อง7 จะได้โบนัสพิเศษราวๆครึ่งแสน หากละครของคุณเรตติ้งดีอันดับ 1 ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ เงิน"ครึ่งแสน" ก็จะถูกส่งไปให้กลุ่มเขียนบททันที (นักเขียนบทละครช่องเจ็ด คงจะได้รับทรัพย์ข้อง ๕ กันมาเยอะแยะ)
๖. รายได้ต่อยอดด้านอื่นๆ เพราะการได้เขียนบทละครจะเป็น โปร์ฟายด์ ให้กับเราได้ไปเขียนบทหนังใหญ่ เขียนนิยาย การันตรี ความสามารถ ได้อีก
สรุปแล้วเขียนบทละคร ๑ เรื่องพอละครออกอากาศปุ๊บ ก็รวยเละเลยทีเดียว เห็นมะว่า รายได้มันล่อตาล่อใจ และเป็นอาชีพที่วิเศษแค่ไหน มีโน้ตบุ๊คตัวนึง แอร์การ์ดมีอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์ มีเคลื่อนดีๆ ก็หอบไปสิ จะไปเขียนบ้านแฟน บ้านพ่อ บ้านแม่ บ้านป้า น้าอา หรือในซอกในหลืบก็เขียนไป แต่กำหนดส่งงาน จะต้องส่งตามกำหนด และติดต่อได้ ...มันเป็นอาชีพที่ดีเลิศแบบนี้ ใครๆจะไม่อยากทำ
........................................................................................................
แล้วทำไมคนถึงตายจากอาชีพนี้...(วิเคราะห์ได้ดังนี้ครับ)
๑.อีโก้ (คนมีอีโก้เหมือนถืออีโต้อยู่ในมือ) เก่งแล้วมั่น ก็ทำให้ลำบากได้ เกิดเป็นความหลงตัวเอง ยะโส คะนอง กูเก่ง "ธรณีนี่นี้กรูจอง" ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาคือ .. "ฉันคือ อีแอ๋ว ณ โคกสูง" คนเขียนบทมือทองนะยะกรวดรางวัลนักเขียนเรตติ้งงามมาแล้วเมื่อแปดปีก่อน อย่าได้มาทวงบทชั้นนะเออ เดี๋ยวชั้นสะบับบ๊อบใส่นะ ชิ!!" หลายคนเป็นแบบนี้ และพอเขียนบทเริ่องแรกเรตติ้งดีหน่อยก็เริ่มมีหัวโขน "มั่น แรง เริศ เชิด" เป็นซะแบบนี้ก็ตายในวงการจ้า
๒. อีพวกตีสแตก แหกโค้ง ...พวกนี้เริ่มจะเขียนงานมากเข้า เริ่มเบื่อหน่ายกับการเขียน อยากใช้เงินจัง
"อะไรฟระ...เขียนงานงกๆๆ ไม่เคยได้ใช้ตังค์เล๊ยกรู ตังค์อยู่ในบัญชีมีเป็นแสนๆ อีกแล้วโทรมาอีแล้ว "
"ฮัลโหล...น้องต้อยตีวิ้ดเหรอ พี่แน่งน้อยค่ะ , พี่ยิ่งใหญ่ครับ มีละครเข้ามาจะเปิดกล้องมาเขียนบทให้หน่อยเร็วๆ"
งานมาแทนที่จะดีใจ บางประเภทก็เป็นพวกอารมณ์ศิลปิล เซ็งจัด เบื่อหน่าย ...ไม่ยอมเข้าไปคุยงาน หรือ ไม่รับงานเลยก็มี แบบนี้ก็ตายในวงการจ้า
๓.พวกนักเขียนบท "ตอ -llxล " พวกนี้มีเยอะในวงการ อ้างโน่นนั่นนี่ เป็นคนเขียนบทของแท้ เขียนเรื่องนั้นเรื่องนี้..พรีเซ้นส์งานขายตัวเอง ทั้งที่จริง เป็นแค่คนทำพ็อตประจำทีม เป็นคนช่วยทำทรีทเม้นท์ประจำทีม หรือ เป็นคนเขียนร่วมตัวเล็กๆประจำทีม ก็คุยโวยซะใหญ่โตอ้างผลงานตัวเองเป็นของตัวเองแต่ผู้เดียว...แบบนี้ก็ตายในวงการเหมือนกันจ้า
๔.พวกส่งงานช้า...ประเภทนี้เยอะ เพราะเหตุรับงานเยอะอาจจะส่งงานช้า หรือมีปัญหาด้านอื่น พวกส่งงานช้าจะเก่งในด้านแถ..แถไปโน่นนี่โน่น แถไปเพราะไม่สบาย เมื่อเป็นคนเขียนบทแล้วต้องห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ห้ามติดต่อไม่ได้ และ ห้ามตาย!! ส่งงานช้า จะดริตเครดิตตัวเอง
" เอ่อ เราจะทำ "สี่แผ่นดินรีเมค, ทำดาวพระศุกร์รีเมค , ทำบ้านทรายทองรีเมค เราส่งบทไปให้ คุณอ้อยอิ่งเขียนดีมั้ย"
แต่ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องส่งงานช้า งานรอ งานดอง ผู้จัดก็จะเบรคแล้วบอกว่า " นังอ้อยอิ่งน่ะเหรอ ส่งไปให้เขียน อีกห้าปีได้เปิดกล้องกันเชียวล่ะ พอๆๆ หาคนใหม่เถอะ"
ถ้าทำตัวแบบข้อนี้..ก็ตายจากวงการได้เหมือนกันจ้า
๕.พวกคอนเน็คชั่นหลุด...พวกนี้เป็นปัญหาเยอะสำหรับวงการนี้ พอเขียนให้ เจ๊เป็ด หนึ่งเรื่อง ดังแล้ว ก็หนีไปหา คุณเปิ่น เขียนให้คุณเปิ่นเสร็จก็ไปหา คุณกอบศักดิ์ จากนั้นก็ไปหา คุณสยอง เลื้อยไปหา คุณสยิว ไปหาคุณตุ๊กแก ค่ายกันตาแน ไปทุกๆค่าย ไปแล้วก็เสียทุกค่าย แล้วก็ทิ้งคอนเน็คชั่นเดิมๆ ไม่เข้าไปหา อ้างว่ารับงานเยอะ มีที่หมายใหม่ที่ดีกว่า พอหลุดคอเน็คชั่นก็ไม่มีงาน นานวันเข้าไม่มีไรจะกินก็ต้องตายไปจากอาชีพนี้ไปหาเงินจากอาชีพใหม่
๖.พวกไม่มีสัมมาคาราวะ .พวกนี้ใครบ้างล่ะจะอยากเอามาทำงานด้วย
๗.พวกไม่มีความอดทน...คนเขียนบทต้องอึด ต้องทน เพราะเขียนบทแต่ละเรื่องต้องใช้เวลา และ ต้องมีการปรับแก้งานแล้วแต่ ผู้จัดจะชอบ ซึ่งบางที่..แก้กันเป็นมหากาพย์ พระไตรปิฏก ก็มี
๘.พวกแพ้ความกดดัน ...พอเขียนบทมาแบบนี้ ไม่ถูกใจผู้จัด เขาต่อว่ามา เซ้นสิทีฟมากไป
"เขียนมาได้ยังไงแบบนี้ เอาสมองหรือเอาต่อมตาปลาคิดมาฟระ"
"ม่ายยยย ม่ายนะอย่าด่าหนู หนูทนไม่ได้.."
พวกนี้ก็กลายไปสู่พวกติสแตกแหกโค้ง และจบชีวิตในวงการนี้ไป
๙.พวกไม่รับผิดชอบและ "เกียจคร้าน" พวกนี้ตายกันเยอะ มีงานโยนมาให้ก็ดองงานเขา ไม่รีบเขียนงานให้เขา ผู้จัดอยากได้งาน อ้างว่าทำบุญอยู่บ้านญาติ ผู้จัดตามงานอีก เปิดเครื่องหนีเป็นอาทิตย์นึกได้ก็เปิดเครื่องโทรไปหาผู้จัด.. "พี่คะหนูขอโทษเลย โทรศัพท์หนูหายค่ะ หนูๆๆๆๆ" แล้วแต่มันคิดจะเขียนบทให้มันพูด สุดท้ายมันก็ตายไปจากวงการอีก
อันที่จริงนั้นมีการวิเคราะห์อีกมากมายที่ต้องจบชีวิตในสายอาชีพก่อนวัยอันสมควร ขอให้เรารักอาชีพตัวเอง ตั้งมั่น ไม่เกียจคร้าน มันก็รุ่ง คนเขียนบทละครต้องกดดันมาก เพราะเบรคความรับผิดชอบทุกอย่าง ทั้ง เรื่องของเวลาการทำงาน การเขียนบทเพื่อเซฟเงินให้ผู้จัด ต้องพบกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงอัตโนมัติ เวลานักแสดงคิวไม่ได้ ต้องแก้บทปรับท ซึ่งความกดดันดังกล่าวนี้ มือาชีพและวุฒิภาวะเท่านั้นถึงจะเอาอยู่
จะเป็นคนเขียนบทมืออาชีพต้องเรียนรุ้กับความกดดัน ความเอารัดเอาเปรียบเป็นสิบปีถึงจะประสบความสำเร็จ......เพราะฉะนั้น อาชีพ " คนเขียนบทละครโทรทัศน์" เป็นอีกอาชีพที่งดงาม ทรงสง่า น่าทำ เพียงแต่ ตัวบุคคนที่ยึดอาชีพนี้เองต่างหากเล่าที่ไม่รักษาเกียรติในอาชีพตัวเองเป็นจำพวก 9 ประเภภที่ข้าพเจ้ายกมาก็ต้องตายไปจากวงการเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่เราเอง ยังไงก็ตาม หากใครได้ก้าวมาสู่อาชีพนี้ได้ ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว เพราะมันเข้ายาก และออกง่าย พยายามจับมันให้อยู่หมัด คุณก็จะสบายไปตลอด หากรู้จักกิน รู้จักเก็บ รู้จักใช้
ใครที่อยากจะยึดอาชีพคนเขียนบท บอกไว้ก่อนเลยต้องอดทนมากๆ เอาใจช่วยเจ้าของกระทู้ ครับ แต่อย่างไรก็ตามขอบอกก่อนว่า ...วงการนี้น่ะ "เจ้าที่แรงโพด"
จากคุณ |
:
คุณพระนายไวยวงศา
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ม.ค. 54 11:40:49
|
|
|
|
 |