Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Spring, Summer, Fall, Winter,...and Spring แล้ว ติดต่อทีมงาน

คุณ lobsterbisque แนะนำเรื่องนี้
Spring, Summer, Fall, Winter,...and Spring มาให้ดู

ช่วงนี้ ไม่ค่อยได้ดูซีรี่ยส์ เปลี่ยนไปหาหนังโรงดูบ้าง
มีหนังหลายเรื่องเลยที่ list ไว้
รวมทั้งที่คุณ I am young คุณ tomatolatte แนะนำมา
และบางเรื่องที่ไปเห็นจากบล็อกของคุณแม่ปลาช่อน
และอีกหลายเรื่องที่เพื่อนนอก net เอามาทิ้งไว้ให้

เรื่อง spring ที่หาโหลดมาได้ นอกจากจะต้องฟังภ.เกาหลีแล้ว
ยังได้ซับอิตาเลี่ยนมาอีก 55
....ช่างเป็นย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่ของคุณผ่านบัตรจิงๆ 55
(ถ้าเป็นรายการน้าไตรภพ ตอนนี้ต้องบิ้วให้คนดูตบมือให้ผมแล้วล่ะ 55
เหมือนไปทำคุณประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติมา)

แต่ผมเห็นบทสนทนาไม่เยอะ คิดว่าน่าจะพอเดาๆ ได้บ้าง
และก็เลยหาซับ eng มาดูอีกรอบ
เห็นคุณ lobsterbisque บอกว่าดูเรื่องนี้มานานละ
ไม่รุว่ายังจำรายละเอียดได้อยู่มั้ยครับ?

เรื่องนี้ สามารถนั่งถกกันเรื่อง symbolic และการตีความได้เยอะมากมายครับ
มัน surreal อย่างที่คุณ lobsterbisque บอกมาอ่ะครับ
มีอะไรหลายอย่างที่เราสามารถตั้งคำถามด้วยความสงสัย
ผมลอง list คร่าวๆ เท่าที่จำได้ ดังนี้

- ทำไมหลวงตา (อาจารย์) ถึงปล่อยให้พระหนุ่มกับหญิงสาวอยู่ใกล้กัน
ไม่รุเหรอครับว่าไฟมันสปาร์คได้ 555
แล้วเวลาหนุ่มสาวเค้าบู๊กันตอนดึกๆ กุกกักๆ ...อยู่ข้างๆ หลวงตาเองอ่ะ
หลวงตาไม่สะกิดใจบ้างเลยเหรอครับ? 55
...หลับสนิทเลยน้า!!!

- ตอนตำรวจพายเรือพาลูกศิษย์ไป เรือจะพายไม่ไปอยู่แป๊บนึง
เพื่อให้ศิษย์หันมา ให้หลวงตาโบกมือลา
หลวงตา emotional เหมือนกันนะครับ ...มีแอบอาลัย
หลวงตามีพลังจิต หยุดเรือได้เหรอ และบังคับเรือให้ลอยกลับมาเองได้?

- ทำไมในห้องนอนเป็นที่โล่ง ไม่ได้กั้นเป็นสัดส่วน แต่ดันมีประตูตั้งอยู่
แล้วก็ไม่มีฝากั้นห้อง เวลาจะเข้าออก ก็อุตส่าห์เปิดประตู เห็นแล้วก็ขำดี

....อันนี้ ผมเดาว่า มันเป็นสัญลักษณ์เรื่องกรอบศีลธรรม..อะไรสักอย่าง
เหมือนเข้าตามตรอก..ออกตามประตูอ่ะครับ

พอลูกศิษย์จะละเมิดกรอบศีลธรรม จะย่องเข้าหาสาว ก็จะไม่ใช้ประตูนี้ละ
....symbolic อันนี้อันเดียวก็ตีความได้อีกเยอะ
เช่น มนุษย์กำหนดกรอบศีลธรรมไว้
เหมือนเป็นประตูให้เราเข้าออกเป็นลู่เป็นทาง แต่ก็ละเมิดได้ง่ายๆ
เพราะในชีวิตจริง มันไม่ได้มีรั้วมากั้นเราไม่ให้ทำชั่วนี่นา

......สิ่งเดียวที่ห้ามเราไม่ให้ละเมิดได้ ก็คือ “ใจ” เราเท่านั้น
เพราะศีลธรรมมันอยู่ในใจไงครับ มันเป็นนามธรรมมั่กๆ

แต่ก็เท่ดีครับ เอาไว้จะทำห้องอย่างนี้บ้าง มีประตูตั้งอยู่อยู่กลางห้อง
แต่ไม่ต้องเอาหลวงตามาด้วยนะครับ55
ท่าทางแกขี้เซาอ่ะ เปลืองแอร์ 55

- กระดาษเขียนคำที่แปะบนหน้าหลวงตาและศิษย์
เสียดายที่ซับengไม่ได้แปลว่ามันหมายความว่าอะไร
ส่วนซับอิตาเลี่ยนเนี่ย นอกจากไม่เป็นประโยชน์ต่อผมแล้ว
ยังทำให้หิวยามวิกาลด้วยอ่ะ
เห็นภ.อิตาเลี่ยนแล้ว นึกถึงร้านพิซซ่าทู้ก..กก..ที!!

- ตอนท้ายๆ บ้านลอยน้ำนี่มันหมุนและเคลื่อนที่ได้ด้วย

- การที่ตัวเอกหนีออกไป แล้วเอาพระพุทธรูปไปด้วย ตีความได้เยอะอ่ะครับ
คือ ตัวเอกอาจจะเป็นคนที่จิตใจไม่เข้มแข็ง ถูกสอนให้อยู่ในกรอบแต่เด็ก
แต่ในใจไม่ได้ซาบซึ้งอะไรเท่าไหร่ ใจยังไม่นิ่ง ก็เลยขอยึดวัตถุเป็นที่พึ่งทางใจ เพื่อออกไปเผชิญโลกกว้าง

- การแบกหิน ก็เหมือนกับการแบกความรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจ
เป็นความพยายามที่จะทำโทษตัวเอง หรือไถ่ถอนความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจ
รวมทั้งความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมประมาณว่า ทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับผลแห่งการกระทำ อันนี้...ชาวพุทธคงเข้าใจได้ไม่ยาก

แต่ที่ผกก.เล่นมุกมากกว่านั้น คือ ตอนจบ เณรเวอร์ชั่น 2
ไม่ใช่แค่เอาหินผูกกับสัตว์ แต่เอาหินยัดปากสัตว์เลย
ไม่รุ ประชดผู้มีอำนาจที่ชอบโกงกินรึป่าวว?? แฮะๆ

- ทำไมหลวงตาถึงต้องเผาตัวเองตาย และทำไมถึงมีหญิงปิดหน้าลึกลับ
เอาเด็กมาทิ้งไว้ เหมือนจงใจมากไปนิด เพื่อให้เรื่องมันวนกลับไปสู่วัฏจักรเดิม
อันนี้ ผมไม่ค่อย get เท่าไหร่ครับ

อ้อ..มีอีกอันที่ผมว่ามันจงใจเกินไปนิด
คือ ตอนต้นเรื่อง...หลวงตาจะพูดประมาณว่า ความรักจะทำให้เกิดกิเลส
...แล้วทำให้เกิดการฆ่า อะไรประมาณเนี้ย แล้วลูกศิษย์ก็ไปฆ่าเค้าจิงๆ
ซีนนี้ หลวงตาไม่พูดก็ได้นะครับ นิมนต์เคี้ยวหมากฝรั่งเพลินๆ ไปก่อนก็ได้ 55
ไม่พูดก็ไม่มีผลเสียต่อเนื้อเรื่องอะไร
หลวงตาพูดประโยคนี้แล้วดูยัดเยียดไปนิดอ่ะ

........และอื่นๆ ที่นึกไม่ออกอีกหลายอย่าง


ฉากที่แกะสลักคำสอนบนพื้นไม้ เป็นเหมือนการทำโทษ
หรือการสำนึกผิดไปในตัว
ทำไมไม่รุ ผมรู้สึกว่า มันสะท้อนความเป็นเอเชียมากๆ
ประมาณว่า ทำผิด...ต้องไปคัดลายมือมา
หรือเด็กเอเชียมักโดนบังคับให้ท่องอาขยานซ้ำๆ

การที่หนังเต็มไปด้วยเรื่องน่าฉงนมากมาย แต่ก็ดูเพลินใช้ได้เลยครับ
มีเสน่ห์แบบแปลกๆ และ เรื่องฉงนต่างๆ...ก็พาให้ติดตาม
หนังนอกกระแสหลายๆเรื่อง ก็จะให้ความรู้สึกนี้ คือ หนังมันพาเราไปเรื่อยๆ
บางทีก็ไม่ได้บีบเค้นอารมณ์อะไรนัก แต่ก็ไม่นิ่งจนน่าเบื่อไปเลย

สำหรับผมคิดว่า ดูเรื่องนี้ ไม่ควรไปหาเหตุผลมากมายกับเหตุการณ์ทุกอย่าง
ในเรื่องมากนัก

ส่วนใหญ่ พวกหนังนอกกระแส หรือหนังอินดี้
ผมจะรู้สึกว่า ...เหมือนเราไปดูภาพเขียนหนึ่งภาพ
ศิลปินผู้วาด อาจจะวาดเป็นภาพวิวทิวทัศน์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราเข้าใจได้
หรืออาจจะเป็นภาพ abstract ที่มองไม่ออกว่าเป็นอะไร
แต่ก็รู้สึกได้ว่า สวย หรือไม่สวย ชอบหรือไม่ชอบ
....การใช้สี องค์ประกอบภาพและอื่นๆ ก็เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกของศิลปิน
โดยเค้าไม่ได้มุ่งหวังว่า เราจะต้องเข้าใจทุก stroke ของพู่กันที่เค้าระบายลงไป
......และทุกแต้มสีที่ใส่ลงไป บางอันก็มีจุดมุ่งหมายบางอย่าง
..แต่บางอันก็ไม่ได้จำเป็นต้องมีความหมายเสมอไป


แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่า ภาพยนตร์ที่ดี ไม่ว่าจะอาร์ตยังไง
....หรือจะส่วนตัวแค่ไหน
.... “การสื่อสาร” เป็นเรื่องสำคัญ
....เพราะตราบใดที่คุณทำหนังไว้เพื่อให้คนอื่นดู..ไม่ใช่เพื่อเก็บไว้ดูคนเดียว 55
คุณจะต้องสามารถสื่อสิ่งเหล่านั้นให้คนดูสัมผัสได้ ให้คนดูมีอารมณ์ร่วม
ซึ่งนั่นแหละ...จะทำให้หนังทรงพลังมากๆ
(แน่นอนล่ะ!! ที่คนดูแต่ละคน ก็มีพื้นฐานการรับรู้ที่ต่างกัน
ซึ่งคนทำหนังเก่งๆ ก็จะต้องละเมียดพอที่จะหาทางสื่อสารกับคนดู
...ให้มีอารมณ์ร่วมได้)

เวลาผมดูพวกหนังนอกกระแส หรือหนังอาร์ต
ผมก็เลยไม่มุ่งใส่ใจ หรือตีความอะไรเป็นพิเศษ
กับ symbolic ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในหนัง
....บางอย่างเรา get แต่บางอย่างเราไม่ get ก็ปล่อยเพลินๆ ไป
ไม่งั้นจะเกิดเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด ซึ่งคนที่รู้คำตอบดีที่สุด
น่าจะเป็นตัวผู้กำกับเอง 555
ยังไงซะ ก็ต้องขอบคุณเสี่ยเจียง...เอ้ย...คนออกทุนสร้าง ที่ยอมควักตังค์
หวังว่า รายได้คงจะไม่น่าเกลียด ไม่งั้นผู้กำกับ ต้องโดนเอาหินผูกแน่ๆ 555

อ้อ..ถ้าผมเป็นผกก.เรื่องนี้ แล้วหนังผมได้รางวัล
ผมจะเอาเชือกผูกเอว แล้วเดินลากรางวัลลงมาจากเวที 555
(ซีนนี้ น้าไตรภพ ไม่ต้องมาบิ้วท์แล้วนะครับ น่าจะเรียกเสียงตบมือได้...ฮ่า....)


เด็กที่เล่นเป็นเณรน้อย น่ารักดีนะครับ
ตอนเห็นเณรจับงู ทีแรกนึกสงสัยว่า เค้าฝึกเด็กยังไงนะ
...ให้จับงูจิงๆ ได้โดยไม่กลัวเลย
พอสักพัก น้องเณรจับเอางูมาผูกเชือกแล้วเอาก้อนหินถ่วงไว้ สนุกใหญ่เลย 555
กลายเป็นว่า “ เอ..เค้าฝึกงูยังไงนะ... ไม่ให้กลัวเด็กเลย!!” ...ฮ่า!!

น้องเณรเล่นจับปลา จับกบ จับงู มาผูกเชือกเล่น แล้วเอาก้อนหินถ่วงไว้ 55
ผมว่า คืนนั้น มันเฉือนกันตรงที่ใครหลับก่อน แหม...ถ้าหลวงตาหลับก่อน
เณรคงผูกหินถ่วงหลวงตาแน่ๆ....ไม่น่ารอด

นอกจากเณรชอบทรมานสัตว์แล้ว
ตัวหลวงตาเองก็ยังเอาไก่ลากเรือ (ใครไม่ได้ดู..คงนึกภาพไม่ออก)
เอาหางแมวแทนพู่กันเขียนหนังสือ 555
(หางแมวที่ยังติดอยู่กับตัวแมวซึ่งยังมีชีวิตอยู่ด้วยอ่ะ)
หลวงตาจะอาร์ตไปถึงไหนเนี่ย!!! ก่อนมาบวชเป็นพระ คงจบนิเทศศิลป์มาก่อน

....เรื่องนี้ ทรมานสัตว์เยอะนะครับ ต้องร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การกำหนดบรรยากาศของหนัง และสถานที่ สร้างเสน่ห์ให้หนังมากเช่นกัน
สถานที่นี้สวยมากครับ ไม่รุไปถ่ายกันที่ไหน
เรือไม้ก็มีเขียนลายดูเก๋ๆ เก๋าๆ ดีครับ

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่อง samsara
ไม่รุคุณ lobsterbisque เคยได้ดูมั้ย เป็นหนังนอกกระแสเหมือนกัน
แต่คนไทยคงรู้จักกันเยอะ เพราะนางเอก คือ Christy Chung
...ที่เคยให้เกียรติมานอนเอาน้ำแข็งถูหลังในจันดารา ...ไม่ใช่ดันดารานะครับ..
...ถ้าอันนั้นอ่ะ ห้องส่งแตกกันพอดี!!
....หนังพูดประเด็นเรื่องกรอบศีลธรรมคล้ายกัน
แต่การดำเนินเรื่องและอารมณ์ของหนังต่างกัน
samsara จะไม่ surreal แต่ประเด็นที่ไปทางเดียวกัน คือ
คนที่อยู่ในกรอบศีลธรรม แล้วโดนกิเลสพากระเจิงหลุดกรอบไป
และในที่สุด ก็พยายามกลับมาอยู่ในกรอบอีกที
หนังมีประเด็นอะไรหลายอย่างที่ให้แง่คิดน่าสนใจมากเลย
และคำตอบของมันก็คมคายทีเดียวเลย

ถ้าคุณ lobsterbisque ชอบเรื่อง spring นี้
ก็น่าจะลองหา samsara มาดูนะครับ
ถือเป็นการต่อเนื่องประเด็นกรอบศีลธรรมได้อย่างดีเลย
น่าจะยังพอจะหาซื้อได้ตามร้าน dvd หรือตามแผง vcd ทั่วไปครับ

ขอบคุณนะครับที่แนะนำเรื่องนี้มาให้ดู

ปล. ถ้าอยากหา spring มาดูอีกที ลองกูเกิ้ลชื่อเรื่อง แล้วตามด้วย avi
หรือ mediafire ดูนะครับ มันจะมีให้โหลดครับ ผมก็ได้มาจากวิธีนี้
ส่วนซับ eng ก็จะใช้ชื่อเดียวกันแต่น่าจะเป็น .srt อ่ะครับ
.. สู้ๆ

จากคุณ : ผ่านบัตร
เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 18:02:48 A:124.122.126.169 X: TicketID:193753




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com