ความคิดเห็นที่ 1 ถึงแม้ว่าทางสวนสัตว์จะคิดว่าหลินปิงอยู่ในภาวะที่สามารถควบคุมได้ แต่การนำเด็กๆ ไปอยู่ใกล้ชิดหลินปิงขนาดนั้น และมากถึง 20 คน อาจมีโอกาสที่หลินปิงจะตื่นตกใจ จากจำนวนคนที่มารุมล้ัอมใกล้ๆจำนวนมาก และไม่ใช่คน/กลิ่นที่คุ้นเคย หลินปิงตัวใหญ่ น้ำหนักกว่า 70 โล มีเล็บและเขี้ยวที่แหลมคม ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะเป็นอย่างไร พี่เลี้ยงอยู่ด้วยก็จริง แต่ก็แค่ 2-3 คน การทำงานใดๆ ควรยึดหลักความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ จากคุณ : Angel iN BeD เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 13:18:13

ความคิดเห็นที่ 2 ข่าวต่อไปค่ะ ขอตัดมาเฉพาะเนื้อหาที่ไม่ซ้ำกันนะคะ ลุ้นกลางเดือน ก.พ. หลินปิงอาจมีน้อง วันพฤหัสบดี ที่ 27 มกราคม 2554 เวลา 22:42 น “หลินฮุ่ย” ขนลุกชัน สวนสัตว์คลอดโครงการปั๊มลูกหาน้องให้ “หลินปิง” แพนด้าน้อยที่มีอายุครบ 1 ปี 8 เดือน ..... ด้านนายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี เป็นหัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนดาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้ถือเป็นวันที่หลินปิงอายุครบ 20 เดือนซึ่งตอนนี้สัญญาของประเทศจีนกับไทยใกล้จะหมดลง จะต้องมีการส่งหลินปิงกลับคืนให้กับประเทศจีนเมื่อครบอายุ 2 ปี ซึ่งการเจรจาขอให้หลินปิงอยู่ประเทศไทยต่อไปอีกนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างที่รอการเจรจาระดับรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ซึ่งทางเราขอให้หลินปิงอยู่ต่อไปอีกประมาณ 2 ปี โดยการเจรจาตอนนี้ผ่านไปหลายขั้นตอนแล้ว เบื้องต้นทางการจีนพอใจกับสวนสัตว์เชียงใหม่ที่ดูแลหมีแพนด้าทั้ง 3 ตัวเป็นอย่างดี เท่ากับว่าสัญญาณการส่งตัวกลับของหลินปิงมีแนวโน้มที่อาจจะให้อยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ขั้นตอนสุดท้ายคือการร่างสัญญาของทั้งสองฝ่ายว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งทุกอย่างจะสรุปได้ภายในกลางเดือน กพ. นายประเสริฐศักดิ์กล่าวด้วยว่า สำหรับตอนนี้เราก็จะได้เตรียมโครงการผสมพันธุ์หมีแพนด้า สร้างน้องให้หลินปิง ซึ่งสภาพร่างกายของทั้งช่วงช่วงและหลินฮุ่ยสมบูรณ์มาก และหลินปิงเองก็กำลังจะหย่านมในอีกไม่กี่วันนี้ ส่วนหลินฮุ่ยเองก็ไม่มีน้ำนมแล้ว เราก็พยายามแยกให้หลินปิงอยู่คนเดียวได้แล้ว โดยตอนนี้ทั้งทีมงาน สัตว์แพทย์และอุปกรณ์เครื่องมือทุกอย่างเราเตรียมไว้สมบูรณ์ ตลอดจนน้ำเชื้อของช่วงช่วงก็สมบูรณ์ รอเพียงฤดูการเป็นสัดของหลินฮุ่ย ในเดือนมี.ค.หรือเม.ย.เท่านั้น หากเป็นสัดเมื่อไหร่จะให้แพนด้าคู่ขวัญผสมพันธ์ตามธรรมชาติก่อน ส่วนในวันสุดท้ายค่อยผสมเทียม เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จในการหาน้องให้หลินปิงอย่างแน่นอน. ขอบคุณข่าวและภาพจาก Daily News Online http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=339&contentID=117953 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 14:28:22 จากคุณ : Angel iN BeD เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 13:28:21

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณคุณอินที่อัพเดทข่าวต่างๆ ตลอด เมื่อวานเราดูแวบๆ ตอนเด็กเป็นสิบล้อมรอบหลินปิงอยู่ ก็คิดเหมือนกันว่าเกิดถ้ามีเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ... ตอนนี้เราคงต้องทำใจยอมรับแล้วว่า ที่นั่นไม่ใช่สวนสัตว์อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นคณะละครสัตว์ที่มีหมีแพนด้าเป็นตัวเอก จากคุณ : แอบอ่านแต่รักอย่างเปิดเผย เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 13:39:46

ความคิดเห็นที่ 4 ความคิดเห็นจากคนที่ดูหลินฮุ่ยหลินปิงทุกวันทุกคืน เราคิดว่าสุขภาพร่างกายของหลินฮุ่ยไม่น่าจะสมบูรณ์นะคะ จะเห็นว่าช่วงหลังๆมานี้ หลินฮุ่ยป่วยบ่อยมาก นอนปวดท้อง ถ่ายท้อง เกือบตลอดวัน จนทำให้ไม่ได้ออกไปโชว์ตัว ได้แต่นอนอยู่ในห้องที่คอกกักด้านใน ล่าสุดเพิ่งไม่กี่วันนี้ ฮุ่ยไม่สบายถ่ายท้องอีก ทำให้ต้องนอนอยู่คอกกักเก่าเกือบตลอดคืน ถึงประมาณตีสี่ จึงได้ลุกไหว และกลับมาหาหลินปิงที่คอกกักใหม่ การที่หมอก้อยพูดใน hilight ว่าผลตรวจเลือดของหลินฮุ่ยดีทุกอย่างแล้วจะสรุปว่าสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ได้หรือคะ เราเองก็เคยไปตรวจร่างกาย ผลแล็บดีทุกอย่าง แต่ยังอ่อนเพลียรู้สึกไม่แข็งแรงไม่สดชื่น ผลแล็บจึงไม่ได้บอกว่าร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ 100% อย่างแน่นอน "และหลินปิงเองก็กำลังจะหย่านมในอีกไม่กี่วันนี้ ส่วนหลินฮุ่ยเองก็ไม่มีน้ำนมแล้ว" เราคิดว่าการที่หลินปิงยังดูดนมหลินฮุ่ย และฮุ่ยเองเมื่อถูกปล่อยตัวกลับมาหาปิงตอนดึกๆ ฮุ่ยจะเป็นคนเดินนำปิงไปนอนให้นมโดยที่ปิงไม่ได้เรียกร้องก่อนนั้น พฤติกรรมที่ฮุ่ยชวนปิงให้กินนม และการดูดนมของปิง น่าจะเพื่อเป็นการแสดงออกและตอกย้ำแบบหมีๆถึงความรักความผูกพันของแม่กับลูก เป็น mother and child bonding การที่หลินปิงกินนมไม่ใช่เพราะหิว หรือกินเป็นอาหาร เหมือนตอนที่ปิงยังเล็กๆ เพราะเดี๋ยวนี้ปิงกินไผ่ได้ดีแล้ว สามารถอยู่ได้ด้วยการกินไผ่ก็เพียงพอ ลูกหมาที่บ้านเรา แม้มันโตแล้ว มันก็ยังชอบนอนดูดนมแม่หมา ซึ่งก็ไม่มีน้ำนมแล้ว แม่หมาก็ให้ บางทีก็ไม่ให้ พอลูกหมาโตมากๆเข้า มันก็เลิกทำไปเอง ในกรณีหลินปิงกับหลินฮุ่ย เราคิดว่า การที่ไปจับเค้าแยกกันนานๆ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ปล่อยให้มาพบกันได้ตอนตีสอง แม่ลูกเค้าจะยิ่งคิดถึงและเป็นห่วงกัน จึงยิ่งมีพฤติกรรมแสดงความผูกพันมากขึ้นกว่าปกติ สวนสัตว์น่าจะลองทำวิจัย วิธีการช่วยให้ลูกหมีหย่านมแม่ โดยให้เลิกด้วยตัวมันเอง ในขณะที่ยังอยู่กับแม่ได้โดยไม่ดูดนม เช่นการทาบอระเพ็ดให้ขมๆ  แบบคนไทยโบราณใช้ในการหย่านมลูก ในขณะที่ลูกหมียังไม่เกิดความหวาดระแวงว่าตัวเองอยู่ในภาวะไม่ปลอดภัยจากการถูกบังคับให้แม่หายไปและต้องอยู่ตัวเดียวเป็นเวลานาน หาวิธีทำให้ลูกหมีเต็มใจที่จะอยู่ตัวเดียวในอาณาเขตส่วนตัวได้ โดยการให้แม่ลูกอยู่พื้นที่ที่ติดกัน เดินไปมาถึงกันได้ แต่มีสิ่งดึงดูดความสนใจของแต่ละตัว ไว้ที่คนละด้าน เช่นของแม่หมีจัดให้มีที่นอนที่ถูกใจและมีอาหารให้กินอย่างเพียงพอ ส่วนด้านของลูกหมี จัดให้มีขอนไม้ มีโครงสร้างที่ให้ลูกหมีได้ปีนป่ายเล่นสนุกและสำรวจได้ตลอดวัน เพื่อความเพลิดเพลิน มีไผ่และอาหารเสริมเตรียมไว้ให้ มีส่วนที่ให้ลูกหมีวิ่งไปเจอพี่เลี้ยงได้ เพื่อให้ลูกหมีอุ่นใจว่ามีแม่และพี่เลี้ยงอยู่ใกล้ๆ ในขณะที่สามารถเล่นอยู่ตัวเดียวได้อย่างปลอดภัย (จากวิธีการแยกลูกหมีจากแม่หมี ของสวนสัตว์ซานดิเอโก) เหล่านี้ก็จะเป็นการค่อยๆฝึกให้ลูกหมีแยกจากแม่หมีได้โดยไม่เป็นรู้สึกว่าถูกบังคับแยก อย่างที่บ้านเราทำซึ่งทำให้เกิดพฤติกรรมเข้าหากันมากขึ้นของแม่ลูก ทำให้ยิ่งแยกยากแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เมื่อไหร่ที่ทางโครงการบังคับให้แม่ลูกแยกกันเด็ดขาด ไม่แน่ว่าแม่หมีและลูกหมีจะเกิดพฤติกรรมอะไรที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่ "หลินปิงอยู่คนเดียวได้แล้ว"  ประโยคนี้ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ท่านอาจจะบอกว่าอยู่คนเดียวได้ แต่มันอยู่ได้เพราะความจำเป็น เหมือนนักโทษที่โดนขังกรงคนเดียว แล้วผู้คุมก็บอกว่า มันอยู่คนเดียวได้ แต่พฤติกรรมของหลินปิง แสดงออกไปอีกด้านหนึ่ง เป็นพฤติกรรมที่ไม่ปกติ การเดินวนตลอดเวลา ไม่มีพฤติกรรมที่มีความสุขเหมือนเมื่อก่อน ไม่ว่าจะการเล่นสนุกสนาน การอยากอยู่ต่อในส่วนจัดแสดงจนไม่ยอมเข้าบ้านตอนเย็น พฤติกรรมเหล่านี้หายไปหมดในปัจจุบัน เราจะพยายามแปลบทความที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยเกี่ยวกับความรู้ หรือการทำงานของสวนสัตว์อื่นๆ ในการบริหารการเลี้ยงหมีแพนด้าในกรงเลี้ยง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ และเพื่อเลี้ยงหมีแพนด้าอย่างมีมนุษยธรรม ซึ่งเราหวังอย่างยิ่งว่าคงพอมีประโยชน์ต่อส่วนรวมและต่อหมีแพนด้าที่รักทั้ง 3 ตัวในประเทศไทย ติดตามได้ที่กระทู้ Pandas Around The World นะคะ ขอเพิ่มเติมประเด็นจะผสมเทียมให้ฮุ่ยมีลูกให้ได้ในปีนี้ และจะพยายามทำให้เป็นลูกแฝดให้ได้ด้วย (ดูจากข่าวข้างล่าง คห.6) มีความคิดเห็นส่วนตัวดังนี้ 1. หลินปิงกับหลินฮุ่ยยังมีพฤติกรรมใกล้ชิด ยังไม่มีพฤติกรรมของการที่แม่หมีสอนลูกหมีให้เริ่มแยกตัวจากแม่ แสดงว่าแม่และลูกคู่นี้ยังไม่พร้อมที่จะแยกกัน ข้อนี้ลองอ่านบล็อกวิธีการทำงานของสวนสัตว์ซานดิเอโก จะเห็นว่าเขาให้แม่หมีไป่หยุนเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าพร้อมจะให้ลูกแยกตัวแล้ว โดยสังเกตจากพฤติกรรมแม่หมี 2. ถึงทางโครงการไม่บังคับแยก ด้วยอายุและขนาดของปิง ก็คงอยู่ติดแม่ได้อีกไม่นาน แม่หมีก็คงตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ควรแยกกัน การให้เวลา นอกจากจะดีกับหลินปิงแล้ว (ปิงจะไม่เป็นหมีที่มีปัญหาทางจิตและปัญหาพฤติกรรมทางสังคม) ยังดีกับสุขภาพของหลินฮุ่ยด้วย รอพักฟื้นอีก 1 ปี ปีหน้าค่อยให้ท้อง ก็ยังไม่สายที่จะเพิ่มจำนวนลูกหมี แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 15:31:45 จากคุณ : Angel iN BeD เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 14:12:19

ความคิดเห็นที่ 5 จำได้ไหมครับ เมื่อก่อน ก่อนที่หลินปิงเกิดใหม่ๆ มีคนเคยพูดไว้ว่า แพนด้า เป็นสัตว์ที่เซนส์สิถีฟมากๆ  กลิ่นเปลี่ยน คนเปลี่ยน คนแปลกหน้าเข้าใกล้มากไม่ได้  หรือกระทั่งพี่เีลี้ยงใส่น้ำหอมเข้าหาก็ไม่ได้  เพราะแพนด้าจะตื่นมาก และไม่คุ้นเคย ทำให้เกิดผลเสียต่อแพนด้า แต่ต่อมาไม่กี่เดือน  โครงการอาสาสมัครพี่เลี้ยงก็เกิดขึ้นมา จนมาถึงตอนนี้  ที่เอาเด็กๆ เยาวชน จากสารพัดที่ มาอยู่ใกล้แพนด้า ซึ่งปิงอาจจะตื่นได้ตลอดเวลา เราไม่ควรประมาทครับผม จากคุณ : ดาวตก@ผีเสื้อ@กระบี่ เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 14:19:09

ความคิดเห็นที่ 6 ขอเสริมประเด็นข่าวอื่นๆ ที่ยังตกหล่นไปค่ะ ข่าวนี้จากผู้จัดการออนไลน์ ขอตัดมาเฉพาะประเด็นที่ไม่ซ้ำเช่นเดิมค่ะ หลินปิงครบ 1 ปี 8 เดือน เตรียมร่างสัญญาใหม่ขยายเวลาอยู่ต่อ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์     27 มกราคม 2554 17:29 น. ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “หลินปิง” ครบ 1 ปี 8 เดือน เชิญเด็กดีทั่วเชียงใหม่มอบของขวัญ ส่วนเรื่องเจรจาขยายเวลาอยู่ต่อเตรียมร่างสัญญาใหม่เสนอ หวังให้เสร็จทันก่อน “โสภณ” หมดวาระ ด้านแผนผสมพันธุ์ “ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย” เริ่มเตรียมพร้อมแล้ว แต่ต้องจับหลินปิงแยกจากแม่-หย่านมก่อน .......... ขณะที่ความเคลื่อนไหวกรณีการขอต่ออายุการอยู่ในประเทศไทยของหลินปิง ออกไปอีก 2 ปี .......... ...........และจะต้องรอให้มีการตอบตกลงกลับมาก่อน จึงจะเข้าสู่การร่างสัญญาเพื่อให้รัฐบาลของทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาเห็นชอบต่อ ไป ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้พูดคุยว่าหากเป็นไปได้ อยากให้การดำเนินการต่างๆ แล้วเสร็จก่อนการครบวาระการดำรงตำแหน่งของ ดร.โสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ เพื่อเป็นเกียรติในฐานะที่ได้ผลักดันโครงการนี้มาโดยตลอด        ส่วนกรณีการเตรียมการผสมพันธุ์รอบใหม่ของช่วงช่วงกับหลินฮุ่ยนั้น นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการเตรียมการอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยประสบการณ์จากครั้งก่อนที่ผสมเทียมจนได้หลินปิงมา โดยในปีนี้จะยังคงใช้ทั้งการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติและการผสมเทียมควบคู่กัน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญจากจีนให้คำแนะนำว่าการใช้ทั้งสองวิธีควบคู่กัน มีโอกาสที่จะได้ลูกแพนด้าแฝดมากกว่า 60% ซึ่งช่วงช่วงและหลินฮุ่ยเองก็มีโอกาสได้เจอกันมากขึ้น และช่วงช่วงก็มีท่าทีกระตือรือร้นมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือจึงอยู่ที่การรอให้ถึงช่วงเวลาผสมพันธุ์ของแพนด้าต่อไป        อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังติดปัญหาที่หลินปิงยังติดนมและไม่ยอมแยกจากแม่ ดังนั้น จะต้องทำการแยกหลินปิงออกจากแม่และให้หลินปิงหย่านมเสียก่อน หลังจากหลินปิงหย่านมแล้ว ประมาณ 45-50 วัน หลินฮุ่ยจึงจะเริ่มมีอาการติดสัดและสามารถเริ่มทำการผสมเทียมได้ ขอบคุณข่าวและภาพจาก Manager Online http:ager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000011861 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 15:01:28 จากคุณ : Angel iN BeD เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 14:26:52

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีค่ะ คุณแอบอ่านฯ คุณดาวตกฯ ประเด็นเรื่องความปลอดภัยสำหรับเด็กนั้น ควรคำนึงถึงให้มากที่สุด และอย่างที่คุณดาวตกฯพูดเป๊ะเลยค่ะ ไหนเคยบอกว่าแพนด้า sensitive ต่อกลิ่นและคนแปลกหน้า ไหนเคยบอกว่าจะทำให้เกิดผลเสียต่อหมีแพนด้า แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 21:07:51 จากคุณ : Angel iN BeD เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 14:36:48

ความคิดเห็นที่ 8 ยังเหลือเนื้อข่าวที่ไม่ซ้ำประเด็นอีกนิดหน่อยค่ะ ข่าวนี้จากโพสต์ทูเดย์ ลุ้นจีนต่อสัญญาหลินปิงอยู่ไทยอีก2ปีก.พ.นี้ 27 มกราคม 2554 เวลา 13:35 น. หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทยเผยเดือนก.พ.นี้จะ มีความชัดเจนว่าจีนจะต่อสัญญาให้หลินปิงอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่อีก 2 ปีหรือไม่ นายสัตวแพทย์ ประเสริฐ์ศักดิ์ ตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า ประมาณเดือนก.พ.นี้ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีนจะสรุปความเห็นให้กับรัฐมนตรีป่าไม้ของจีนว่าจะต่อสัญญาให้หลินปิงซึ่งมีอายุครบ  1 ปี 8 เดือน อยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่อีก 2 ปีหรือไม่ นายสัตวแพทย์ประเสริฐ กล่าวอีกว่า ผู้เชี่ยวชาญจากจีนที่จะเดินทางมาไทยและดูสภาพความเป็นอยู่ของหลินปิง จะเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการดูแลหมีแพนด้าของจีน เพื่อพิจารณาความเห็นชอบในการต่อสัญญาให้กับหลิงปิง ขณะเดียวกัน ก็จะมีการพิจารณาร่างสัญญาใหม่ระหว่างไทยกับจีนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะมีการพิจารณาร่วมกัน ทั้งการจัดตั้งศูนย์วิจัยและศึกษาแพนด้าในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นประเทศแรกที่จะมีการจัดตั้งศูนย์วิจัยแพนด้านอกประเทศจีน นอกจากนั้นยังจะมีการพิจารณาโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่ไทยจะต้องจ่ายค่าตอบ แทนให้กับจีนราว 75,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อตอบแทนให้กับจีนที่จะให้ไทยดูแลหลินปิง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะให้แล้วเสร็จก่อนที่นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์จะหมดวาระ ทั้งนี้เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ผลักดันให้เกิดโครงการดังกล่าว ขอบคุณข่าวและภาพจากโพสต์ทูเดย์ http://www.posttoday.com/กทม.-ภูมิภาค/ทั่วไทยทูเดย์/ใต้ฟ้าล้านนา/71694/ลุ้นจีนต่อสัญญาหลินปิงอยู่ไทยอีก2ปีก-พ-นี้ ในเรื่องค่าตัวของ 3 หมีนั้น ในเว็บ INN online ลงไว้ดังนี้ค่ะ อย่างไรก็ตาม ตามสัญญา ไทยได้สนับสนุนการวิจัยแพนด้าของจีน สำหรับช่วงช่วงและหลินฮุ่ย ปีละ 250,000 หยวนต่อปี ส่วน แพนด้าเกิดใหม่ ปีละ 75,000 ต่อปี จากคุณ : Angel iN BeD เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 14:49:46

ความคิดเห็นที่ 9 ข่าวไม่เครียดบ้างนะคะ "หลินปิง"ก็มีรูปผนังโบสถ์ -สื่อรุมถ่ายอื้อ วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7356 ข่าวสดรายวัน ........... วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวประจำจ.ฉะเชิงเทรา เดินทางไปที่วัดแถวธาร หมู่ 2 ต.บ้านซ่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา หลังทราบว่า นอกจากนายรักเกียรติจะวาดภาพโดเรมอน 2 ตัวที่วัดสำปะซิวแล้ว ยังเขียนภาพแพนด้าน้อย "หลินปิง" ไว้ที่วัดแห่งนี้ด้วย โดยนายสมโภชน์ ทิพกรณ์ อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 พร้อมพระสงฆ์และชาวบ้านช่วยกันค้นหา และพบว่าที่ผนังมุมพระอุโบสถด้านซ้ายเบื้องหน้าพระประธาน ติดประตูทางเข้าหน้าพระอุโบสถ มีภาพของแพนด้าน้อย "หลินปิง" ซ่อนตัวอยู่ในโพรงต้นไม้ใหญ่ โผล่หน้าออกมาเห็นเพียงส่วนหู ลูกตาขวาและจมูกเล็กน้อย เหมือนแอบดูความเคลื่อนไหวที่อยู่ตรงหน้า คือ พราน 5 คนกำลังป่ายปีนต้นไม้ เพื่อจะใช้บ่วงคล้องจับเงือกสาว 4 ตัว หรือแอบดูเงือกสาว 4 ตัว ที่เปลือยกายท่อนบนเล่นน้ำตกในลำธารอย่างสนุกสนาน ซึ่งภาพดังกล่าวสร้างความประหลาดใจแก่พระสงฆ์และชาวบ้านที่พบเห็นเป็นอย่าง มาก นายสมโภชน์ เปิดเผยว่า ได้คลุกคลีกับอาจารย์รักเกียรติตั้งแต่เริ่มเขียนภาพพุทธประวัติเมื่อปี พ.ศ.2550 ทราบว่า มีทายกทายิกาและญาติโยมบริจาคเงินให้ทางวัดจ้างให้เขียนตารางเมตรละ 5,000 บาท ร่วมเป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาท แต่อาจารย์รักเกียรติไม่ค่อยได้เบิกเงินไปใช้ จะเบิกใช้ก็เมื่อคราวจำเป็นที่ครอบครัวเดือดร้อนและขอมาก็ส่งไปให้ ส่วนตัวก็เป็นคนสมถะ กินง่ายนอนง่าย ไข่ต้ม ปลากระป๋อง ทำตัวแบบสบายๆ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาทุ่มเทกับงานเขียน ภาพภายในพระอุโบสถ ส่วนภาพเขียนทั้งการ์ตูนโดเรมอนหรือแพนด้าน้อยหลินปิงที่เขียนสอดแทรกไว้ ก็ไม่ทราบมาก่อนเหมือนกันเพิ่งมารู้เช่นเดียวกัน ส่วนภาพโดเรมอนขี่ม้าก้านกล้วยวิ่งเล่นกับเด็กเปีย เด็กแกละ ซึ่งเขียนไว้ที่ผนังห้องสุขาชาย ก็ดูสวยงามดี แต่ยังมีอีก 1 ชุดที่ผนังห้องสุขาชายถัดไป เป็นภาพเด็กๆ วิ่งเล่นซุกซนซึ่งเขียนเป็นเส้นร่างเอาไว้ ยังไม่เสร็จ ซึ่งอาจารย์รักเกียรติบอกว่าจะกลับมาเขียนให้เสร็จเรียบร้อยในภายหลัง ขอบคุณข่าวและภาพจากข่าวสด http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOVEU1TURFMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNUzB4T1E9PQ== จากคุณ : Angel iN BeD เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 14:56:52

ความคิดเห็นที่ 10 ทู้ข่าวนี่นา   ฝากแปะ(ซ้ำ)อีกข่าว ข่าวอดีตส่งมาจากโลกอนาคต??? จากคุณ : ข่าวในฝัน (WITH PEN IN HAND) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 15:14:36

ความคิดเห็นที่ 11 เราเห็นว่าทิศทางการทำงานของโครงการวิจัยเป๋ไปเป๋มาได้ระยะหนึ่ง (นาน) แล้ว ทั้งๆ ที่มีชื่อเรียกว่าโครงการวิจัยอยู่ด้วยก็ตาม แต่ไม่เคยมีผลงานทางวิชาการออกมาเลย ทั้งๆ ที่การมีลูกแพนด้าตัวแรกเกิดในไทย น่าจะเป็นโอกาสอันดีของคนไทยและนักวิชาการ ที่จะศึกษาให้เข้าใจสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ชนิดนี้ให้มากขึ้น กลับสูญเปล่าไปกับกิจกรรมที่เน้นการตลาดอย่างเดียว กอบโกย หาเงินเป็นหลัก ถ้าคิดว่าการวิจัยมีเพียงแค่เก็บฉี่ ตรวจฮอร์โมน ผสมเทียม เราว่ามันแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย เคยดูสารคดีแพนด้าของต่างประเทศ พอลูกแพนด้าเกิด เค้ามีการบันทึกพฤติกรรมของแม่และลูก แต่เค้าไม่เข้าไปก้าวก่ายแม่ลูกเลย ไม่เคยเอาคนเข้าไปแทนแม่หมี และที่สำคัญเค้าทำเป็นสารคดี มีการเผยแพร่ความรู้ให้คนทั่วไปได้เข้าใจ ได้เกิดความรู้กับสัตว์ชนิดนี้มากขึ้น เราเสียดายช่องแพนด้าแชนเนลมาก แทนที่คนดูจะได้รับความรู้จากการถ่ายทอดชีวิตหมี 24 ชั่วโมง ได้เห็นธรรมชาติในการดำรงชีวิตจริงๆ (แม้จะอยู่ในสวนสัตว์ก็ตาม) หรือได้รับคำอธิบายที่เป็นข้อเท็จจริง ในพฤติกรรมของสัตว์ที่เราดูแล้วเกิดความสงสัย กลับกลายเป็นการเล่นละคร มีผู้กำกับ เห็นความใจร้ายใจดำของคนที่ทำงานกับสัตว์แต่ไม่มีเมตตา เห็นความกลับกลอก รวมทั้งความสะเพร่าในการทำงานที่ไม่คำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เราอยากบอกว่าเราได้ความรู้อย่างมากๆ เกี่ยวกับแพนด้าจากเพื่อนๆ ในถ้ำหมีมากกว่าเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นคุณอโลน คุณอิน คุณคับบี คุณซี คุณ mee และอีกหลายๆ ท่านที่อาจจะเอ่ยชื่อไม่หมด ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านด้วย บางทีที่เราไม่ได้ออกมาโพสต์อะไร เราก็ซุ่มอ่านอยู่ตลอด บางครั้งแห็นทุกท่านเศร้า เราก็เศร้าด้วย อยากให้กำลังใจทุกท่านที่รู้สึกไม่ต่างกัน และสำคัญที่สุดคือ ขอให้กำลังใจหลินปิงและหลินฮุ่ย รักมากๆ นะ ถ้ามีหนทางทำอะไรได้ดีกว่านี้ จะทำแน่นอน ขอสัญญา แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 17:31:52 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 15:19:03 จากคุณ : แอบอ่านแต่รักอย่างเปิดเผย เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 15:17:20

ความคิดเห็นที่ 12 ขอเล่าบ้างว่าคิดอย่างไรกับงาน หลินปิงชวนพื่อนเป็นเด็กดี ...เมื่อวานคิดสั้นๆ ค่ะ ว่า...ถ้าเราเป็นพ่อแม่ จะไม่ให้ลูกลงไปอยู่กับหลินปิงอย่างใกล้ชิดแบบนั้นอย่างแน่นอน เมื่อวานไม่อยากจะพูดอะไร....กลัวจะเสียบรรยากาศ เสียกำลังใจคนทำงาน  วันนี้เพิ่งเข้ามาอ่านก็พบว่าหลายท่านได้แสดงเหตุผลไว้เรียบร้อยแล้ว... เด็กๆ คงเข้าใจว่าหลินปิงน่ารักเหมือนหมา แมว ที่บ้าน แต่เรากังวลอยู่ลึกๆ ว่า ถ้าเกิดหลินปิงเกิดมีอาการที่คาดไม่ถึงขึ้นมา  จะทำยังไงกันดีหนอ...นึกถึงวันออกสวนหลังบ้านวันแรก ที่พี่เลี้ยงวิ่งกันอุตลุต  เท่ากับว่าเอาเด็กจำนวนมาก ลงไปอยู่ในคอกหมีแท้ๆ แม้จะกว้าง แต่มีรั้วรอบขอบชิด การหนีออกทำได้ยาก จากคุณ : cubbie เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 16:10:20

ความคิดเห็นที่ 13 จากข่าวใน @8 สงสัยว่า  Mr. P  ได้ปริญญาสัตวแพทยศาสตร์บัณฑิต จากที่ไหน เมื่อไร และเป็น Vet รุ่นที่เท่าไร  จากข่าวนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นการเขียนข่าวโดยไม่มีการตรวจสอบคำนำหน้าชื่อที่ถูกต้องทำให้ข่าวผิดเพี้ยน  หรือว่า Mr. P แสดงตนกับนักข่าวแบบไม่ชัดเจนทำให้คนเขียนข่าวนึกว่าคนๆ นี้ เป็นสัตวแพทย์ อยากให้สัตวแพทยสมาคมเข้ามาตรวจสอบเรื่องการแอบอ้างวิชาชีพเพื่อให้เกิดความศรัทธา และเลื่อมใสในการทำงาน  ถึงแม้  Mr. P จะให้ข่าวว่าผมปฏิเสธมาตลอดเลยว่าผมไม่ใช่หมอ แต่ผมเป็นหัวหน้าหมอก็ตาม    ควรตักเตือนหรือทำหนังสือถึงหน่วยงานว่าให้ Mr. P  แสดงตัวให้ชัด ไม่ใช่ทำตัวให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นหมอ  มันน่าอายสำหรับสัตวแพทย์ที่จะมีคนแบบนี้มาร่วมวิชาชีพ  เพราะให้ความรู้เรื่องหมีแบบผิดๆ ไร้จรรยาบรรณ  หากินกับหมีอย่างหน้าไม่อาย ไม่ใช่วิสัยของคนที่เป็นสัตวแพทย์จะพึงกระทำ ที่เรารู้สึกในปัจจุบันรู้แต่ว่า Mr. P  เป็นหมอลำซิ่ง  บางครั้งก็เป็นลิเกเพราะเห็นบรรดาแม่ยกออกแรงเชียร์ แบบหูตาฝ้าฟาง  บางครั้งก็เป็นหัวหน้าละครสัตว์ เกาะหมีดัง หาประโยชน์จากหมีในทุกวิถีทาง   คิดๆ ดูแล้ว เหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับฮุ่ยและปิงอาจเป็นด้วยเหตุแห่งกรรม  อาจเป็นกรรมตั้งต้นหรือกรรมต่อเนื่องจากชาติที่แล้ว แต่ที่แน่ๆ Mr. P คงหนีกรรมไม่พ้นเพราะปิงและฮุ่ยให้ประโยชน์กับคนๆ นี้มากมาย  แต่ Mr P ตอบแทนหมีด้วยการให้โทษ  ทำร้ายจิตใจแม่ลูก และยังตระหนี่ไม่ยอมให้สิ่งดีๆ แก่หมีซึ่งเป็นผู้ให้คุณ   ในช่วงชีวิตของ Mr. P เราแน่ใจว่าคนๆ นี้คงได้เจอะเจอผลแห่งการกระทำไม่ช้าก็เร็ว   เมื่อถึงเวลานั้น Mr. P คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเพราะกรรมที่ทำไปมันล้างออกไม่ได้   อย่าคิดว่าหมีเหล่านี้เป็นแค่สัตว์ที่คุณจะสั่งและบังคับให้ทำโน่นทำนี่ตามใจชอบของคุณได้  สังเกตให้ดีๆ เถอะว่าถึงเขาเหล่านั้นจะพูดไม่ได้แต่การแสดงออกในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะความรักลูก ความผูกพันของแม่ลูก คงไม่ต่างจากลูกและภรรยาในครอบครัวของ Mr. P เท่าไรหรอก  กรรมของการพรากแม่ลูก และกรรมที่ทำกับผู้ให้คุณนั้นจะเป็นเงาติดตามตัว Mr. P ตลอดไปทุกภพและทุกชาติ รอเวลาเท่านั้นแหละ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 17:05:17 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 16:52:19 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 16:25:14 จากคุณ : Cha-Dud เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 16:24:02

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 13 สุดยอดมากค่ะ ขอให้เขาได้รับกรรมโดยเร็ว จากคุณ : nongnatc54321 (nongnatc54321) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 19:15:57

ความคิดเห็นที่ 15 กระทู้นี้น่าสนใจมาก ควรที่ทีมงานวิจัยแพนด้าฯ และทีมงานทรู จะเข้ามาอ่าน และชี้แจงประเด็นเหล่านี้ให้ชัดเจน ว่าที่กล่าวมาข้างต้นมีส่วนไหนไม่ถูกต้องบ้าง หรือถ้าถูกต้องหมด ก็ควรมีการปรับปรุงแก้ไข หรือแม้แต่การเชิญนักข่าวมาเพื่อทำประชาสัมพันธ์ ก็ควรบอกตำแหน่งและเขียนชื่อคำนำหน้าหัวหน้าโครงการให้ถูกต้องด้วย กรณีที่นักข่าวเขียนชื่อผิด ก็สะท้อนให้เห็นถึงผู้เตรียมงานประชาสัมพันธ์ของโครงการไม่มีการเขียนสคลิปให้นักข่าวทราบล่วงหน้า ปล่อยให้นักข่าวเข้าใจผิดว่า หัวหน้าโครงการเป็นสัตวแพทย์  แต่จะว่าไป คงไม่ใช่แต่เพียงนักข่าวเท่านั้นที่เข้าใจผิด แม้แต่ผู้ชมถ่ายทอดสดทางทรูทุกวัน ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ยังเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นสัตวแพทย์  โดยอาจคิดไปตามสิ่งที่ควรจะเป็นว่า คนที่จะมารับตำแหน่งนี้ และมาทำหน้าที่นี้ มาเป็นหัวหน้าทีมสัตวแพทย์ มาตรวจสุขภาพหลินปิงตั้งแต่หลินปิงเกิดทุกเช้า มาชี้แจงออกทีวีทุกวัน มาพูดเรื่องพฤติกรรมของหมีแพนด้า มาพูดเรื่องเชิงสัตวศาสตร์ ก็ควรจะต้องเป็นสัตวแพทย์ จากคุณ : Koytip เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 21:00:06

ความคิดเห็นที่ 16 จากการสังเกตหลินฮุ่ย เห็นว่าหลินฮุ่ยมีสุขภาพอ่อนแอมากๆ แม้ผลเลือดอาจไม่แสดงผลออกมา แต่อาการที่แสดงออกถึงการนอนซมถี่ขึ้น ระยะเวลานานขึ้น อาจเกิดจากความเครียด หลินฮุ่ยกินๆๆอย่างเดียว ไม่ได้ออกสวนหลังบ้านเหมือนหลินปิง และช่วงช่วง หลินฮุ่ยแสดงอาการห่วงลูกอย่างชัดเจน เช่นเดินวน อยากเข้าบ้านบ่อยๆ เมื่ออยู่คอกแสดงข้างนอก พี่เลี้ยงต้องคอยเอาอาหารมาล่อให้ฮุ่ยนั่งกิน หรือตอนกลางคืนหลินฮุ่ยอยากกลับไปหาลูก กระวนกระวาย พี่เลี้ยงก็ต้องเอาอาหารมาล่อให้ฮุ่ยนั่งกินไผ่เพลินๆ  เมื่อถึงเวลาจะให้หลินฮุ่ยกลับไปพบลูก แค่เปิดประตูไม่ต้องเรียกหลินฮุ่ย ฮุ่ยก็รีบเดินทางไปหาลูกทันที เหมือนใจจดใจจ่ออยู่กับลูก พอพบลูกแล้ว รีบนั่งให้ลูกกินนม ไม่มีทีท่าว่าจะไม่ยอมให้ลูกกินนมเลย ตอนกลางคืนจะชวนลูกเล่น หอมลูก กอดลูกด้วยความรักความอ่อนโยน หลินฮุ่ยแสดงอาการเหมือนจะรู้ว่าสักวันหนึ่งจะถูกพรากลูกไปและไม่มีโอกาสได้พบลูกอีกเลยตลอดชีวิตของฮุ่ย ตอนเช้าหลินฮุ่ยแสดงอาการลังเล อยากขัดขืนพี่เลี้ยง ไม่อยากทิ้งลูกออกไปข้างนอก รีๆรอๆ ทุกเช้า หลินปิงยังติดแม่ เพราะยังเด็กเกินจะอยู่ตัวเดียวได้ ขนวนการแยกแม่ลูกที่ผ่าน ทำผิดเวลา ผิดขั้นตอน หลินปิงยังไม่พร้อมจะหย่านม ยังกินไผ่ไม่คล่อง เมื่อจะหักดิบบังคับไม่ให้กินนมแม่ โดยแยกแม่ไปต่อหน้าต่อตา หลินปิงจึงต่อต้าน หากให้ปิงกินนมแม่ไปเรื่อยๆ ถึงเวลาแม่ก็จะให้เลิกเอง นี่เป็นตัวอย่างที่หนึ่งที่ทำให้การอย่านมต้องช้าออกไป เพราะทำผิดเวลา สังเกตเห็นว่า หลินปิงช่วงหลังๆ ก่อนแยกแม่ลูกไม่นาน จะนอนกินไผ่ข้างๆแม่ และกินได้มาก แต่เมื่อแม่ไม่อยู่ แรกๆปิงไม่ยอมกินไผ่เลย เพิ่งมากินหลังจากขบวนการแยกผ่านไปประมาณ 3 เดือน นี่เป็นตัวอย่างที่สอง ที่ทำให้พัฒนาการในการกินไผ่ของหลินปิงช้า เพราะมนุษย์ไปแทรกแซงไม่ถูกจังหวะ  หลินปิงมีอาการหงอยเหงา ซึมเศร้า โหยหาแม่ ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา มันยาวนานเกินไปสำหรับลูกหมีที่ใช้เวลาในการปรับตัวให้อยู่ตัวเดียว และคิดว่า จะยังคงต้องใช้เวลาอีกพอควรในการปรับตัวของหลินปิง แม้แต่ขณะนี้ที่หลินปิงยังปรับตัวไม่ได้ หลินปิงก็ได้แสดงอาการกร้าวร้าวออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลินปิงเริ่มแสดงอาการดื้อต่อพี่เลี้ยง กลางคืนก็ร้องเกือบตลอดเวลาที่แม่ยังไม่กลับมา  ประเทศไทยเป็นประเทศแรกหรือเปล่า ที่ปล่อยให้ลูกหมีที่อายุไม่ถึง 2 ปี ต้องอยู่ลำพังตัวเดียวโดยไม่มีแม่และเพื่อน และอยู่อย่างหวาดกลัวภัยอันตราย อยากให้ทางจีนมองเห็นปัญหานี้ และช่วยแก้ไขให้ก่อนที่หลินปิงจะกลายเป็นหมีที่มีปัญหาทางด้านจิตใจ และเติบโตเป็นหมีกร้าวร้าว ไม่มีใครรักหรืออยากเข้าใกล้ การเลี้ยงดูหมีแพนด้าที่เกิดใหม่ของโครงการวิจัยแพนด้าฯ  ในไทย ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ หลายประการ เช่น การเอาคนเข้าไปคลุกคลีอยู่กับลูกหมีแทนแม่หมี การอุ้มหมี เช็ดตัวให้หมี แต่งตัวให้หมี  การประคบประหงมกลัวลูกหมีตกที่สูง การทำหน้าที่แทนแม่หมี การไม่อนุญาตให้ลูกหมีปีนต้นไม้ เป็นการเลี้ยงดูที่ฝืนธรรมชาติ ทำให้สูญเสียสัญชาตญาณสัตว์ป่า และพยายามฝึกให้หมีติดพี่เลี้ยงเหมือนการฝึกหมีเพื่อวัตถุประสงค์ในการแสดงละครสัตว์ในสมัยก่อนมากกว่า   กรณีศึกษาของไทย ต่อจากนี้ น่าจะปล่อยให้แม่ลูกอยู่ด้วยกันต่อไป แล้วเฝ้าสังเกตว่าแม่ลูกสมัครใจจะอยู่ด้วยกันนานกว่าที่เคยพบเห็นในประเทศอื่นๆ หรือเปล่า สิ่งที่จีนบอกกับเรา อาจจะไม่ใช่แม่ลูกทุกคู่ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยการเลี้ยงดู สภาพอากาศ และคอกกักที่อยู่อาศัยของแม่ลูกแพนด้า หน้าหนาวผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว หลินฮุ่ยมีโอกาสสัมผัสอากาศบริสุทธิ์เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ไม่มีโอกาสได้ออกกำลังกาย เล่นสนุกสนานแบบช่วงช่วง เห็นตั้งหน้าตั้งตากินๆๆๆ  เพื่อระงับอาการเครียด กระวนกระวายคิดถึงลูก จนสุขภาพอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด แล้วยังจะเตรียมฉีดยาสลบผสมเทียมให้ฮุ่ยมีลูกแฝดอีก.... น่าสงสารหลินฮุ่ย.... ถ้าหลินฮุ่ยเป็นอะไรไป ใครจะออกมายืดอกรับผิดชอบ???? จากคุณ : Koytip เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 22:48:48

ความคิดเห็นที่ 17 ทุกวันนี้ก็ยังแปลกใจว่าทำไมองค์การสวนสัตว์ถึงได้แต่งตั้งคนที่ไม่มีวุฒิสายสัตวศาสตร์  ไม่ว่าจะเป็นสัตวแพทย์หรือสัตวบาลขึ้นมาเป็นหัวหน้าดูแลโครงการ  โดยหลักการสากลผู้ที่จะเป็นหัวหน้าโครงการวิจัยต้องมีวุฒิพื้นฐานที่มีความรู้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยนั้นโดยตรงเพราะหัวหน้าโครงการนอกจากจะต้องเป็นผู้เขียนข้อเสนอโครงการและบริหารโครงการวิจัยแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหัวหน้าโครงการต้องมีหน้าที่แก้ไขปัญหาด้านวิชาการ เป็นที่ปรึกษา ประมวลข้อมูลทั้งหมดและนำมาตัดสินใจ ก็ในเมื่อ  Mr. P  ไม่มีพื้นฐานสายวิชาชีพเฉพาะอยู่เลยแล้วจะตัดสินใจภายใต้ความรู้เหรองัยกัน องค์การสวนสัตว์ซึ่งเป็นองค์การระดับชาติทำไมถึงทำในสิ่งที่ขัดต่อหลักสากล ปล่อยให้ผู้ไม่มีความรู้ในสายงานนั้นออกมาให้ความรู้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพฤติกรรมของหมี  พัฒนาการทั้งทางกายภาพ  พัฒนาการของพฤติกรรม  การผสมเทียม (Artificial Insemination,AI) และอีกหลายอย่าง  รวมทั้งทำท่าตรวจสุขภาพหลินปิงแบบที่หมอกระทำกัน ไม่ว่าจะตรวจเยื่อเมือกของตา เหงือก  กดช่องท้อง  ยังคิดเลยว่าน่าจะใช้ stetoscope ตรวจการเต้นของหัวใจหรือเสียงปอดด้วยจะได้หลอกได้ครบชุด เป็นพฤติกรรมที่แสดงเพื่อแอบอ้างหลอกลวงคนดู พอหลายคนเริ่มรู้ความจริง  ทุกวันนี้  Mr. P เลยดูเหมือนจะกล้าออกมาหลอกลวงน้อยลง    แม้แต่ออกมาแสดงการฝึกหลินปิงก็ฝึกแบบไร้พื้นฐานที่ถูกต้อง  ทำตัวเป็นอาจารย์ใหญ่ออกมาสอนหมี แม้แต่หลินปิงยังรู้เลยเพราะวันไหนที่  Mr. P ออกมาฝึกหลินปิง หลินปิงจะดื้อเป็นพิเศษ จะนั่งนิ่งๆ พอถูกเรียก ก็นั่งทำตัวกลมเหมือนเอือมเสียเหลือเกิน หรือถ้าทำตามก็จะทำแบบเสียไม่ได้ เรายังคุยกันที่บ้านเลยว่าหมียังรู้เลยว่าคนๆ นี้ออกมาหลอกลวงอีกแล้ว   ขอบอกองค์การสวนสัตว์อีกครั้งว่าคนดูรายการนี้ไม่ได้กินแกลบ อย่าคิดว่าจะหลอกได้หมดทุกคน  ดูแล้วเวทนาการบริหารงานขององค์การสวนสัตว์ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าองค์การสวนสัตว์จะนำขยะใต้พรมออกมาเปิดเผยให้เป็นที่ละอาย  โดยเฉพาะ  Mr. P  ช่วยเก็บออกไปเป็นหัวหน้าโครงการจัดแสดงแพนด้าอย่างเดียวก็พอ  ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมาทำวิจัยเรื่องสัตว์ป่า รวมทั้งช่วยตักเตือนด้วยว่าการที่  Mr. P เที่ยวคุยต่อหน้าสาธารณะชนว่าถึงผมจะไม่ใช่หมอ แต่ผมก็เป็นหัวหน้าหมอ สัตวแพทย์ทุกคนในฝ่ายอนุรักษ์เป็นลูกน้องผมทุกคน  การพูดแบบนี้คนที่ไร้มารยาททางสังคนและเสียสติไปแล้วเท่านั้นที่จะพูดได้  ได้ยินแล้วยิ่งทำให้เห็นตัวตนของ Mr. P และตัวตนขององค์กรที่ปล่อยขยะใต้พรมออกมาสู่สายตาของสาธารณะชนอย่างน่าอายยิ่ง จากคุณ : trosarosapriss เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 23:15:58

ความคิดเห็นที่ 18 ทุกวันนี้ก็ยังแปลกใจว่าทำไมองค์การสวนสัตว์ถึงได้แต่งตั้งคนที่ไม่มีวุฒิสายสัตวศาสตร์  ไม่ว่าจะเป็นสัตวแพทย์หรือสัตวบาลขึ้นมาเป็นหัวหน้าดูแลโครงการ  โดยหลักการสากลผู้ที่จะเป็นหัวหน้าโครงการวิจัยต้องมีวุฒิพื้นฐานที่มีความรู้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยนั้นโดยตรงเพราะหัวหน้าโครงการนอกจากจะต้องเป็นผู้เขียนข้อเสนอโครงการและบริหารโครงการวิจัยแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหัวหน้าโครงการต้องมีหน้าที่แก้ไขปัญหาด้านวิชาการ เป็นที่ปรึกษา ประมวลข้อมูลทั้งหมดและนำมาตัดสินใจ ก็ในเมื่อ  Mr. P  ไม่มีพื้นฐานสายวิชาชีพเฉพาะอยู่เลยแล้วจะตัดสินใจภายใต้ความรู้สึกเหรองัยกัน องค์การสวนสัตว์ซึ่งเป็นองค์การระดับชาติทำไมถึงทำในสิ่งที่ขัดต่อหลักสากล ปล่อยให้ผู้ไม่มีความรู้ในสายงานนั้นออกมาให้ความรู้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพฤติกรรมของหมี  พัฒนาการทั้งทางกายภาพ  พัฒนาการของพฤติกรรม  การผสมเทียม (Artificial Insemination,AI) และอีกหลายอย่าง  รวมทั้งทำท่าตรวจสุขภาพหลินปิงแบบที่หมอกระทำกัน ไม่ว่าจะตรวจเยื่อเมือกของตา เหงือก  กดช่องท้อง  ยังคิดเลยว่าน่าจะใช้ stetoscope ตรวจการเต้นของหัวใจหรือเสียงปอดด้วยจะได้หลอกได้ครบชุด เป็นพฤติกรรมที่แสดงเพื่อแอบอ้างหลอกลวงคนดู พอหลายคนเริ่มรู้ความจริง  ทุกวันนี้  Mr. P เลยดูเหมือนจะกล้าออกมาหลอกลวงน้อยลง    แม้แต่ออกมาแสดงการฝึกหลินปิงก็ฝึกแบบไร้พื้นฐานที่ถูกต้อง  ทำตัวเป็นอาจารย์ใหญ่ออกมาสอนหมี แม้แต่หลินปิงยังรู้เลยเพราะวันไหนที่  Mr. P ออกมาฝึกหลินปิง หลินปิงจะดื้อเป็นพิเศษ จะนั่งนิ่งๆ พอถูกเรียก ก็นั่งทำตัวกลมเหมือนเอือมเสียเหลือเกิน หรือถ้าทำตามก็จะทำแบบเสียไม่ได้ เรายังคุยกันที่บ้านเลยว่าหมียังรู้เลยว่าคนๆ นี้ออกมาหลอกลวงอีกแล้ว   ขอบอกองค์การสวนสัตว์อีกครั้งว่าคนดูรายการนี้ไม่ได้กินแกลบ อย่าคิดว่าจะหลอกได้หมดทุกคน  ดูแล้วเวทนาการบริหารงานขององค์การสวนสัตว์ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าองค์การสวนสัตว์จะนำขยะใต้พรมออกมาเปิดเผยให้เป็นที่ละอาย  โดยเฉพาะ  Mr. P  ช่วยเก็บออกไปเป็นหัวหน้าโครงการจัดแสดงแพนด้าอย่างเดียวก็พอ  ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมาทำวิจัยเรื่องสัตว์ป่า รวมทั้งช่วยตักเตือนด้วยว่าการที่  Mr. P เที่ยวคุยต่อหน้าสาธารณะชนว่าถึงผมจะไม่ใช่หมอ แต่ผมก็เป็นหัวหน้าหมอ สัตวแพทย์ทุกคนในฝ่ายอนุรักษ์เป็นลูกน้องผมทุกคน  การพูดแบบนี้คนที่ไร้มารยาททางสังคมและเสียสติไปแล้วเท่านั้นที่จะพูดได้  ได้ยินแล้วยิ่งทำให้เห็นตัวตนของ Mr. P และตัวตนขององค์กรที่ปล่อยขยะใต้พรมออกมาสู่สายตาของสาธารณะชนอย่างน่าอายยิ่ง แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 23:29:07 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 23:23:21 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 54 23:21:23 จากคุณ : Cha-Dud เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 23:17:44

ความคิดเห็นที่ 19 อยากให้กิ๊ฟคุณ Cha-Dud เราเชื่อว่าความจริงจะเปิดตาคนอีกหลายๆ คนตามมา ทุกวันนี้ที่หมอลำกำมะลอไม่ค่อยออกมาพูดมากๆ หรือร้องรำทำเพลงรื่นเริงเหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่เพราะคนๆ นี้สำนึกหรืออยากแก้ไขปรับปรุงตัวอะไรเลย แต่มันเป็นการหนีปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ แล้วหาคนอื่นมาออกรับหน้าแทน สังเกตดูว่าเดี๋ยวนี้เวลาเค้าออกมาพูดใน HL เรายังรู้สึกได้ถึงความไม่มั่นใจในตัวเองของเค้าที่ปรากฏออกมาเลย จากคุณ : แอบอ่านแต่รักอย่างเปิดเผย เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 00:09:52

ความคิดเห็นที่ 20 หลายอย่างที่คุณ P. พูดและทำขัดแย้งตนเองและความรู้สึก ผู้ได้ยินได้ชม ตอนก่อนบอกแพนด้าจะกลัว และตื่นตกใจ กลิ่นและเสียงแปลกไปจากทีคุ้นเคย ที่จีนคนดูก็มีส่งเสียง แพนด้ารำคาญก็จะหลบ นททต้องคอยมองหาเอาเอง เมื่อก่อนคุณ P.ฝึกหลินปิงก็ดูน่ารำคาญ ขอมือเป็นหลายโหล กว่าจะให้แอบเปิลสักชิ้นเล็ก ๆ กระติ๊วหลิว แล้วดุเขาจะภูมิใจ เอามาก ๆ คนชมก็เครียดทำไมชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นเดียวกว่าให้เป็น รางวัล ปล่อยใหหลินปิง อยากได้อยู่นั่น จากคุณ : ผ่านมาบ่น เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 13:14:14 A:124.122.77.46 X: TicketID:300160

ความคิดเห็นที่ 21 เมือ่ไหร่ องค์การสวนสัตว์จะทำสิ่งที่ถูกต้องเสียที เคย post ว่า ต้องปลดออกเสียด้วยซ้ำ และตอนนี้ หมอก้อย ออก hl อยู่ เคย post เช่นกันว่า เกลียดหมอก้อยด้วย พวกเขาคงร่วมมือกันมากกว่านะ เพราะดูเหมือน หมอก้อย มีคำพูดบางส่วนที่สนับสนุน Mr. P อยู่บ้าง ทำไมสัตวแพทย์ในสวนสัตว์เชียงใหม่ ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ ที่เขาพูดว่า ไม่ได้เป็นหมอ แต่เป็นหัวหน้าหมอ องค์การสวนสัตว์ ให้คนเช่นนี้ หลอกลวงประชาชนต่อไปอีกได้อย่างไร โดยส่วนตัว รู้สึกและมีความเห็นตั้งแต่เริ่มดู panda channel ไม่ได้คุยโม้นะ แต่ sense ได้ตั้งแต่เริ่มดู มกราคม 53 ตั้งแต่ตอนนั้น ก็รู้แล้วจากลักษณะการพูด ท่าทาง ดูแล้วเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ คือไม่ชอบทันที แต่ก็ให้สงสัยนักว่า fc ฉลาดน้อยเหล่านั้น ช่าง idiot เหลือเกิน ขอให้พวกเขาได้รับกรรมโดยเร็วที่สุด จากคุณ : nongnatc54321 (nongnatc54321) เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 19:18:03

ความคิดเห็นที่ 22 ในเมื่อจีนอนุญาตให้ช่วงช่วงกับหลินฮุ่ยต่อสัญญาอยู่ไทยต่อได้อีกหลายปี ก็ไม่น่ารีบให้หลินฮุ่ยมีลูกใหม่ในปีนี้เลย น่าจะให้หลินปิงกับหลินฮุ่ยได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน จนกว่าหลินฮุ่ยกับหลินปิงจะแยกออกจากกันเอง ไม่รู้เราคิดแบบนี้ขัดใจใครรึป่าว แต่สงสารหมีแม่ลูกจริงๆ จากคุณ : สงสารฮุ่ย-ปิง (downdara) เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 12:52:24

ความคิดเห็นที่ 23 อื้อ !!คนคนนี้ทำไมใจดำสนิทเลยนะ ปิงไม่มีเพื่อนแยกไปก็อยู่ โดดเดี่ยว พี่เลี้ยงก็ไม่มาอยู่เป็นเพื่อน เพราะต้องทำงานสารพัด ฮุ่ย ช่วงยังโชคดีที่ได้อยู่ด้วยกันจนโต จึงจะแยกเมื่อก่อนดูหน้า ตาดี เดี๋ยวเห็นทีไรเหมือนยัก(ษ์)เข้าไปทุกที ดูแล้วน่ากลัวมาก จากคุณ : Bolero เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 13:12:38

ความคิดเห็นที่ 24 ฝากเข้าไปอ่านที่นี่ดูนะคะ http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J10172139/J10172139.html จากคุณ : AUNTMEOW เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 15:44:51

ความคิดเห็นที่ 25 คนๆ นี้ใจดำมานานแล้วหละ  ที่เห็นและรับไม่ได้อย่างยิ่งคือตอนที่ปิงยังเล็กๆ ออกสวนหลังบ้านเมื่อปีที่แล้ว บางวันปิงโดนอุ้มให้ออกมาโชว์ตัวก่อนได้กินนมช่วงเช้า  ปิงร้องหาแม่หิวนม แต่คนๆ นี้ก็ยังบังคับให้ปิงโชว์ตัวจนครบเวลา เราเห็นปิงพยายามดิ้นรนไปที่ประตูเพื่อจะไปหามี๊  แต่คนๆ นี้ก็อุ้มปิงไปโชว์ตัวครั้งแล้วครั้งเล่า  จนปิงร้องเสียงดังเพราะหิวนมมาก เป็นรายการที่ทรมาณสัตว์อย่างโหดเหี้ยม ในแนวทางที่ถูกต้องให้ปิงพร้อมก่อนได้กินนมจนอิ่มแล้วถึงจะออกมาโชว์ตัว แต่คนๆ นี้กลับเอาใจคนดูมากกว่าแทนที่จะคำนึงถึงลูกหมีว่าต้องทรมาณแค่ไหน  ปิงเป็นลูกหมีบางครั้งก็กินนมไม่ตรงเวลากรณีแบบนี้ก็เลื่อนเวลาโชว์ตัวออกไป ให้ปิงกินนมเสียก่อน เรื่องแบบนี้ถ้าคิดไม่ได้แล้วจะไปทำอะไร ที่คนๆ นี้ ป่าวประกาศว่ารักปิงยิ่งกว่าลูก อยากรู้ว่าคุณทำกับลูกคุณแบบนี้เหรอไง มันเป็นแค่การจัดฉากซะมากกว่า ถึงได้บอกว่าคนๆ นี้คิดเอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว  ไม่มีจิตเมตตา ความคิดความอ่านผิดผู้ผิดคน จริงๆ ลูกของคนๆ นี้ก็เกิดมาช่วงเวลาไร่เรี่ยกับปิง  คุณยังรักลูกคุณ พอลูกคุณร้องหิวนมเราคิดว่าคุณคงไม่ยอมให้ลูกคุณอด  ลูกหมีก็เป็นสิ่งมีชีวิตกินนมเหมือนลูกคุณอยากให้ย้อนคิดดูบ้าง ถ้าไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ ไม่ละอายหรือเกรงกลัวต่อบาป ก็ขอให้คิดเสียว่าเลี้ยงปิงให้ดีๆ จะได้ทำประโยชน์ให้คุณได้นานๆ ไง  หรือว่าไม่จริง จากคุณ : Cha-Dud เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 22:00:36

ความคิดเห็นที่ 26 ทั้งจากที่เพื่อนๆเขียนความรู้สึกต่างๆในทู้ และที่อินได้อ่านจากหลังหมีของเพื่อนบางคน เพื่อนบางคนก็ทดหดหู่ไม่ไหวอีกต่อไป ท้อใจจนต้องเลิกดูปิง เลิกเข้าทู้ อินก็รู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว สงสารปิง สงสารฮุ่ย ทำไมเราถึงไม่สามารถช่วยหมีที่เรารักได้เลย ทำไมเราได้แต่นั่งดูเขาถูกทรมาน นั่งดูเขาเป็นทุกข์ ดูถ่ายทอดสดๆ เหมือนคนใจร้ายที่ดูรายการฆ่าสัตว์ทั้งเป็นทีละน้อยๆ ไม่มีใครเลยหรือคะ ในทู้ที่บ้านหมีนี้ ไม่มีคนอื่นมาอ่านเลยหรือคะ นอกจากพวกเราไม่กี่คนที่รงส.กันอยู่ ไม่มีคนนอกบ้านมาอ่าน ไม่มีคนในพันทิปตั้งเยอะแยะเป็นแสนๆคน ไม่มีใครเลยที่มีอำนาจเพียงพอที่จะไปคุยอะไรกับทางสวนสัตว์ได้สักนิดน้อยก็ไม่มี ไม่มีใครที่มีจิตใจรักและเมตตาสัตว์ที่น่ารักน่าสงสารเพราะถูกคนทำทรมานทั้งสองแม่ลูกนี้ ได้โปรดเถอะค่ะ ถ้าใครพอมีหนทาง ได้โปรดช่วยหลินปิงหลินฮุ่ยหน่อยเถอะค่ะ มันทุกข์ใจเหมือนเราต้องมานั่งดูลูกหลานเราเองถูกทำร้าย ทั้งๆที่เขาจะเลี้ยงให้หมีมีความสุขก็ได้ แต่ทำไมโครงการไม่ทำ ทำไมต้องเลี้ยงให้เขาเป็นทุกข์ทรมาน คุณประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี และคุณโสภณ ดำนุ้ยคะ คุณตอบได้ไหม ว่าที่คุณบังคับหลินปิงหลินฮุ่ยให้แยกกันโดยหมียังไม่พร้อม บังคับให้ทั้งแม่ลูกมีความทุกข์จนมีอาการแสดงออกให้เห็นทางทีวีทุกๆวันอย่างทรมาน เพื่อให้คุณได้หน้าได้ตา ใช่หรือไม่คะ คุณอยากได้คำชื่นชมว่าคุณผสมเทียมได้ลูกแฝด คุณอยากให้วงการเลี้ยงหมีแพนด้านานาชาติเขาชื่นชมคุณใช่ไหม คุณอยากได้เกียรติยศชื่อเสียงเงินทอง บนความทุกข์ของหมีสองแม่ลูก ใช่หรือเปล่าคะ ปิงเอ๋ย ฮุ่ยเอ๋ย ป้าเสียใจเหลือเกิน ป้าขอโทษที่ป้าเป็นคนธรรมดาไม่มีอิทธิพลใดๆที่จะช่วยหนูทั้งสองได้เลย ป้าได้แต่ทำบุญอธิษฐานต่อพระให้ท่านช่วยคุ้มครองหนู ถ้าบุญของหนูมี กรรมของหนูไม่หนักเกินจะช่วยได้ ขอให้พระช่วยให้หนูได้มีความสุข ช่วยให้หนูได้พ้นจากความทุกข์ จากการถูกบังคับทรมาน ขอให้คนที่มีอำนาจในการเลี้ยงหนู เขาจงมีจิตใจเมตตา มองเห็นความเป็นจริงว่าสัตว์ก็ต้องการความรักความสุขในชีวิตเหมือนกับคนเหมือนกัน ให้เขามีดวงตาเห็นธรรม ว่าการเลี้ยงดูหนูอย่างดีให้หนูได้มีความสุข อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและหลักมนุษยธรรมเท่านั้น จึงจะเป็นหนทางของการได้รับคำสรรเสริญจากคนทั้งโลก การเลี้ยงหมีแพนด้า เพียงเพื่อจัดแสดงและโชว์ัตัวให้นักท่องเที่ยวได้เห็นตัวเป็นๆนั้น ไม่ใช่การเลี้ยงที่สวนสัตว์ควรทำและไม่ใช่หลักการและวัตถุประสงค์ที่สวนสัตว์ทั่วโลกที่เจริญแล้วเขายึดถือแต่ประการใด จากคุณ : Angel iN BeD เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 09:34:29

ความคิดเห็นที่ 27 สำหรับเพื่อนๆที่ัยังอาจมีคำถามเรื่องการแยกแม่ลูกของหมีแพนด้าในธรรมชาติ ลูกหมีแพนด้าในธรรมชาติบางตัวอยู่กับแม่ถึงอายุประมาณ 1.5 ปี แล้วจึงแยกจากแม่ไป เพราะแม่หมีมีการจับคู่ผสมพันธุ์กับหมีตัวผู้ ลูกจึงต้องเป็นฝ่ายจากไปเพราะกลัวอันตรายจากหมีตัวผู้ และลูกหมีแพนด้าบางตัว อยู่กับแม่ได้จนถึงอายุ 2.5 ปี เพราะแม่หมีไม่ไปจับคู่ ลูกหมีจึงปลอดภัยและอยู่กับแม่ต่อไป จนกว่าตัวลูกหมีเองนั้นโตจนถึงวัยเจริญพันธุ์ จึุงค่อยเป็นฝ่ายแยกจากแม่ไปเองเพื่อไปหาคู่ผสมพันธุ์นั่นเองค่ะ ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับหมีแพนด้า อ่านได้ในกระทู้ PATW นานาสาระและไม่มีสาระเกี่ยวกับหมีแพนด้านะคะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A10147114/A10147114.html แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 09:42:16 จากคุณ : Angel iN BeD เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 09:40:54