 |
ดูจบแล้ว เรารู้สึกว่ามันสะท้อนความเป็นอเมริกันค่อนข้างมากเหมือนกันค่ะ ก่อนไปดูหนังเรื่องนี้ได้อ่านงานของ Jilian Straus ผู้จัดรายการของ Oprah Winfrey เรื่อง Unhooked Generation (ชื่อภาษาไทย -- รักแท้แต่ขอเป็นโสด) ที่เล่าเรื่องของหนุ่มสาวหลายคนในอเมริกา อิทธิพลจากการเติบโตมาในครอบครัวที่หย่าร้าง บางคนมีปมในใจไม่กล้าแต่งงาน หรือแต่งไปแล้วก็กลัวจะมีชีวิตคู่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ๆ และกับหลาย ๆ คน แต่ทุกคนก็หวังว่าสุดท้ายเราจะพบ somebody
กลับมาที่หนัง ...เห็นด้วยกะคุณเจ้าหนูฮาตะ เรารู้สึกว่าพี่พระเอกนี่รักนางเอกและลูกนางเอกมากนะคะ แต่แลดูเป็นผู้ชาย sensitive ยิ่งแก่ขึ้นยิ่ง sensitive (ด้วยฮอร์โมนเพศที่เปลี่ยนรึเปล่า ก็ไม่ทราบ) น้องนางเอกคงอึดอัดกับพฤติกรรมมาก สังเกตว่าตอนที่ไปหานางเอกที่โรงพยาบาล เหมือนเพื่อนร่วมงานคงจะทราบเรื่อง คาดว่าเธอคงไประบายออกให้กับเพื่อนที่ทำงานฟัง เป็นอารมณ์ของผู้หญฺงที่เข้าใจได้มากค่ะ เพราะถึงจะมีคุณพระเอกอยู่ตรงนั้นกับเธอ แต่ไม่เคยฟังเธอเลย และเราก็คิดว่าการที่คนเราไม่ฟังกันนี่แหล่ะ ทำให้ความสัมพันธ์ห่างออกไปเรื่อย ๆ และเรื่องความต้องการที่ต่างกันด้วย...บางทีตอนเริ่มต้นทั้งคู่คงไม่เคยถามกันจริงๆ จังๆ ว่าต่างต้องการอะไรจากกัน น้องนางเอกท้องตกกระไดพลอยโจนมาเจอชายหนุ่มที่ให้ความรักกับเธอเต็มที่ ส่วนพี่พระเอกก็รู็สึกเหมือนได้เติมเต็มสิ่งที่หายไปในชีวิต ได้มีใครซักคนในชีวิตให้ดูแล ทั้งคู่ปล่อยให้อารมณ์พาไปและก็พบว่า ณ จุดนึงเราเข้ากันไม่ได้แล้ว
เราชอบฉากช่วงใกล้ๆ จบตอนที่ทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานกันและสาบานรัก ไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข......แต่ชีวิตจริงก็ไม่รู้ว่ายามที่เราทุกข์จริง ๆ คนที่เราคาดหวังว่าเค้าจะอยู่ตรงนั้นกลับเรารึเปล่า
สุดท้ายชอบเพลงประกอบมากมาย ...
If the stars don’t shine, if the moon won’t rise, if I never see the setting sun again, You won’t hear me cry, this I testify; please believe me, boy, you know I wouldn’t lie. As long as there is
You and me,
จากคุณ |
:
Curiousity
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.พ. 54 18:52:00
|
|
|
|
 |