ทนาย "จอห์น นูโว" แจงเงิน 3.5 ล้านไม่ใช่ของหุ้นส่วน!?

จากมติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1296891578&grpid=&catid=08&subcatid=0801

สืบเนื่องจากหัวข้อข่าวที่โพสต์ในเว็บไซต์ข่าวแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2554 ความว่า "คุก รอลงอาญา 1 เดือน "จอห์น นูโว" ยักยอกเงินหุ้นส่วน 3.5 ล้าน" นั้น

ต่อมามีการโพสต์ข้อความข่าวดังกล่าวในเว็บไซต์ต่างๆ ทำนองเดียวกัน ซึ่งเนื้อหาข่าวมีความคลาดเคลื่อนไม่ตรงตามข้อเท็จจริงในหลายประการ สำนักงานในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของนายนรศักดิ์ รัตนเวโรจน์ หรือ "จอห์น นูโว" จึงจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้บรรดาสื่อมวลชนทุกแขนง และสาธารณะชนได้รับทราบความเป็นจริง ทั้งนี้ เพื่อมิให้ประชาชนทั่วไปคล้อยตามหลงเชื่อข่าวดังกล่าว โดยไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนก่อน กล่าวคือ การลงข่าวในลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับ นายนรศักดิ์ แต่เป็นความจงใจพยายามทำให้นายนรศักดิ์เสียหาย เสียชื่อเสียง โดยผู้ที่ไม่หวังดีรายเดียวกันกับที่เคยออกข่าวเมื่อปลายปี 2552 กล่าวหาว่านายนรศักดิ์วิ่งหนีนักข่าวเพราะถูกฟ้องเบี้ยวค่าแรงลูกน้อง ในคราวนั้นก็มีความพยายามโยงเรื่องยักยอกเงิน 3.5 ล้านไว้ด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วนายนรศักดิ์ไม่ได้เบี้ยวค่าแรงลูกน้องและไม่ได้วิ่งหนีนักข่าวแต่อย่างใด กระทั้งนายนรศักดิ์ต้องจัดแถลงข่าวด้วยการเชิญนักข่าวมารับฟังข้อเท็จจริงด้วยตนเองรวมถึงให้นักข่าวสัมภาษณ์บรรดาลูกน้องที่ถูกอ้างว่านายนรศักดิ์เบี้ยวค่าแรง ซึ่งก็สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนในที่สุดว่าข่าวที่ลงไปนั้นไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย แต่กว่าผู้คนจะเข้าใจ นายนรศักดิ์ก็ได้รับความเสียหายและเสียชื่อเสียงแล้ว ในครั้งนี้ก็เช่นกัน นักข่าวคนเดียวกันนั้นมีเจตนาต้องการสร้างความเสียชื่อแก่นายนรศักดิ์เหมือนเมื่อคราวที่แล้ว โดยสังเกตได้จากวิธีการนำเสนอข่าวซึ่งมีเนื้อหาที่บิดเบือน ไม่ตรงตามข้อเท็จจริงเนื่องจากไม่ได้ข้อมูลจากนายนรศักดิ์และไม่ได้เตรียมตัวหรือตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ดีก่อน แต่จะใช้รูปแบบการนำเสนอข่าวเดิมๆ คือ กล่าวหาว่านายนรศักดิ์ วิ่งหนีนักข่าวและหลบนักข่าวอุดตลุด ตลอดจนนำภาพเก่าๆ ของนายนรศักดิ์มาเป็นภาพประกอบข่าว

สำนักงานขอตั้งข้อสังเกตและชี้ให้เห็นความคลาดเคลื่อนของเนื้อหาข่าวในแต่ละประเด็นดังนี้

1. นักข่าวพยายามจะพาดหัวข้อข่าวให้ดูรุนแรงและเกินความเป็นจริงโดยใช้คำว่า "คุก" ถ้าคนที่ไม่เข้าใจกฎหมายหรือชาวบ้านทั่วไปก็อาจเข้าใจว่านายนรศักดิ์ติดคุกและขณะนี้อยู่ในคุก แต่แท้ที่จริงแล้วนายนรศักดิ์ไม่ได้ติดคุกและใช้ชีวิตตามปกติภายหลังจากศาลตัดสินลงโทษจำคุกนายนรศักดิ์ 1 เดือนและปรับ 3,000 บาท ซึ่งโทษจำคุกดังกล่าวศาลให้รอลงอาญาไว้ไม่ใช่เอาตัวนายนรศักดิ์เข้าคุกแต่อย่างใด

2.ประเด็นที่ว่า "จอห์น นูโว" ยักยอกเงินหุ้นส่วน 3.5 ล้านบาทสำนักงานขอชี้แจงว่า เงิน 3.5 ล้านบาท ไม่ใช่เงินของหุ้นส่วน แต่เป็นเงินของบริษัทที่นายนรศักดิ์ดำเนินธุรกิจร่วมกันกับหุ้นส่วน ในฐานะที่ นายนรศักดิ์เป็นผู้ริเริ่มธุรกิจและเป็นคนบริหารธุรกิจของบริษัทเป็นหลักจึงจำต้องดูแลรับผิดชอบชีวิตลูกน้องหลายสิบคนตลอดจนธุรกิจของบริษัท ภายหลังจากเกิดข้อขัดแย้งกับหุ้นส่วน นายนรศักดิ์เห็นว่าถ้านายนรศักดิ์ไม่กันเงินจำนวนดังกล่าวออกมาบริษัทอาจเสียหายมากกว่านี้ นายนรศักดิ์ไม่ได้มีเจตนาทุจริตที่จะนำเงิน 3.5 ล้านบาทมาใช้ประโยชน์ส่วนตัวหากแต่การกระทำของนายนรศักดิ์เกิดขึ้นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษากฎหมายแล้ว นายนรศักดิ์จึงตกลงนำเงินกลับคืนเข้าบัญชีของบริษัทก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาตัดสิน ซึ่งกรณีนี้น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่านายนรศักดิ์ไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความเสียหายให้ใคร ตรงกันข้ามนายนรศักดิ์ทำไปเพื่อปกป้องบริษัทและพนักงานของตนประกอบกับ นายนรศักดิ์ ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยแต่สร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติตามรายงานของเจ้าพนักงานคุมประพฤติ ศาลจึงเมตตาลงโทษนายนรศักดิ์สถานเบา

3.ข่าวลงว่า ศาลนัดฟังคำพิพากษา เวลา 13.00 น. แท้ที่จริงแล้ว ศาลนัดฟังคำพิพากษาเวลา 09.00 น. ช่วงเช้า ไม่ใช่ช่วงบ่าย ซึ่งนายนรศักดิ์ ก็ไปฟังคำพิพากษาพร้อมทั้งลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลและจ่ายค่าปรับไปเรียบร้อย ทุกอย่างมีหลักฐานสามารถตรวจสอบได้ต่อมานักข่าวอ้างว่านายนรศักดิ์พยายามหลบสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว โดยฟังคำพิพากษาหลังจากที่สื่อมวลชนพากันกลับไปแล้ว สำนักงานขอเรียนชี้แจงว่าข้อกล่าวอ้างข้างต้นไม่เป็นความจริง นายนรศักดิ์ ฟังคำพิพากษาตลอดจนจ่ายค่าปรับตามคำพิพากษาของศาลเสร็จสิ้นตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. นายนรศักดิ์ไม่จำเป็นต้องพบนักข่าวหรือรอให้นักข่าวมาสัมภาษณ์ในคดีนี้ กรณีเป็นสิทธิส่วนบุคคลของนายนรศักดิ์ เมื่อนายนรศักดิ์ลงชื่อในรายงานกระบวนการพิจารณาของศาลตลอดจนจ่ายค่าปรับแล้วนายนรศักดิ์จึงรีบเดินทางออกจากศาลเพื่อไปทำธุระต่อไป ดังนั้นการที่สื่อมวลชนอ้างว่านายนรศักดิ์ไปฟังคำพิพากษาหลังจากสื่อมวลชนกลับไปกันหมดแล้ว จึงไม่เป็นความจริง

4.ประเด็นต่อมาในย่อหน้าสุดท้ายที่ว่า "ฝ่ายโจทก์เห็นว่าศาลตัดสินลงโทษจำเลยน้อยเกินไป เนื่องจากจำเลยเป็นถึงกรรมการและหุ้นส่วนแต่กลับยักยอกเงินบริษัทตัวเองทำให้ส่วนรวมเสียหาย จึงตัดสินใจยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาล" สำนักงานขอชี้แจงว่าในวันที่ฟังคำพิพากษานั้น โจทก์ทนายความโจทก์ และตัวแทนของโจทก์ต่างไม่ได้ไปฟังคำพิพากษา ภายหลังจากที่ศาลอ่านคำพิพากษาแล้วในคืนวันเดียวกันนั้นเองทนายความโจทก์ได้โทรศัพท์มาถามสำนักงานว่าศาลพิพากษาอย่างไร ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นักข่าวคนดังกล่าวจะสามารถล่วงรู้ความคิดเห็นของโจทก์ ถึงขนาดลงข่าวว่าโจทก์ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลเพราะเห็นว่าศาลตัดสินลงโทษนายนรศักดิ์น้อยเกินไป นอกจากนี้ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่าโจทก์ยังไมได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาใดๆ ทั้งสิ้น ประเด็นนี้จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่า นักข่าวคนนี้ต้องการสร้างเรื่องให้ข่าวดูรุนแรงและประสงค์จะขยายข่าวออกไปอีก ทั้งที่ศาลก็ตัดสินแล้ว คดีก็จบไปแล้ว อย่างไรก็ตามนายนรศักดิ์ให้ความเคารพในคำตัดสินของศาล และเชื่อมั่นในเจตนาบริสุทธิ์ของตัวเอง ดังนั้น ถ้าโจทก์ประสงค์จะอุทธรณ์นายนรศักดิ์ก็พร้อมจะดำเนินการต่อสู้คดีต่อไป

5.ประเด็นสุดท้ายที่สำนักงานอยากจะชี้ให้เห็นก็คือว่าไม่ว่าในที่สุดแล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไรหรือจะจบลงแบบใด แต่การนำเสนอข่าวแบบนี้ก็เป็นการทำลายชื่อเสียงของ นายนรศักดิ์ ไปเรียบร้อยแล้วจะสังเกตได้จากบรรดาความคิดเห็นที่มีผู้โพสต์เข้ามาในเว็บไซด์ดังกล่าวจำนวนมาก รวมถึงเว็บไซด์อื่นๆ ที่ลงข่าวตามมา ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะก่นด่า เสียดสี นายนรศักดิ์ทั้งสิ้น เพราะบุคคลเหล่านี้ฟังความด้านเดียว โดยไม่มีโอกาสได้รับฟังข้อเท็จจริงจากฝ่ายของนายนรศักดิ์ด้วย

ดังนั้น สำนักงานจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงตามรายละเอียดดังกล่าวมาข้างต้นเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่นายนรศักดิ์ ตลอดจนเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชื่อเสียงของนายนรศักดิ์ ทั้งนี้เพื่อประกอบการใช้ดุลยพินิจของประชาชนในการรับฟังข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเว็บไซด์

จากคุณ	: Anemone2526
เขียนเมื่อ	: 5 ก.พ. 54 17:00:42