 |
ฉากมามิตอนที่ 3 น่าจะสร้างความสนใจของกลุ่มคนดูการ์ตูนมากกว่านะ
ส่วนตัวคิดว่าที่ญี่ปุ่นขอแค่ให้มีกระแสให้คนสนใจที่เหลือมันก็จะไหลตามมา (แต่ต้องวัดดวงกันว่ามันอะไรมันจะไหลมา ความชอบหรือความเสื่อม)
ยกตัวอย่างก็เช่น อีน็อค อาเ..ะ หรืออื่น ๆ ที่ดังในทางเสื่อม หรือ bakemono ที่ดังในทางรุ่ง
พอหลังจากตอน 3 เรื่อง(อู)มามิ คงเป็นที่กล่าวถึงมากมายอย่างที่หัวกระทู้บอก พอคนมีพูดถึงมาก ๆ เข้าคนก็เลยอยากรู้ว่ามันคืออะไรเลยไปหามาดูกัน ถ้าคนดูเยอะโอกาสที่คนจะถูกใจก็มีเยอะเช่นกัน เช่น
อนิเมเรื่อง A มีคนดู 100,000 คน มีคนชอบ 80,000 (80%) แผ่นขายได้ 20,000 แผ่น(25%ของคนชอบ) เลขนี่ขอมั่วเอานะ อนิเมเรื่อง A อาจจะมีจุดที่ทำให้คนสนใจคือ มาจากการ์ตูนหรือนิยายเรื่องดัง คนที่ตั้งใจดูคือคนที่ชอบอยู่แล้ว อัตราส่วนคนชื่นชอบเลยเยอะ
มาที่อนิเมมาโดกะ ตอนแรกมีคนดู 100,000 เท่ากัน สมมติว่าคนชอบ 50,000(50%) แผ่นก็ขายได้ประมาณ 10,000(20%ของคนชอบ) พอเรื่อง(อู)มามิเข้ามา คนดูกลายเป็น 500,000 คนชอบ 250,000(50%) แผ่นก็ขายได้ 50,000(20%ของคนชอบ) จะเห็นว่าอัตราส่วนมันไม่ได้ต่างจากเดิมเลย เพียงแต่ถ้าคนดูมากขึ้นมัน studio กับคนลงทุนก็มี "โอกาส" มากขึ้นนั่นแหละ และเมื่อคนชอบมากขึ้นก็ยิ่งพูดกันในอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเลยดูเหมือนได้รับความนิยมมากขึ้นล่ะ(มั้ง)
ดังนั้นกระแสอะไรที่ทำให้คนพูดถึงในอินเตอร์เน็ตมาก ๆ ผมว่าสำคัญพอสมควรกับความสำเร็จของอนิเมเรื่องนั้นเลยล่ะ
และหนู(อู)มามิก็เลยกลายเป็นผู้เสียสละเพื่อ SHAFT ไป 
=========================================
ผมเองก็ได้รับกระแสแบบนั้นมาเหมือนกัน จากเมื่อก่อนไม่เคยดูเรื่องสาวน้อยเวทมนตร์เลย (แม้แต่นาโนฮะก็ตาม)
-*- เรื่องนี้ผมว่าดูดีเกือบทุกอย่างยกเว้นตัวแม่มดอะ
รู้สึกแปลก ๆ กับแม่มดสายพันธุ์ abstract แบบ framerate 4 FPS ไสตล์ SHAFT แฮะ
ปล. ดูแบบผ่าน ๆ มา 4 ตอนรู้สึกฉากที่ชอบที่สุดคือตอนหนูมามิหยิบปืนมายิงแล้วเหวี่ยงทิ้งนี่แหละมาพร้อมเพลง OST แบบนั้นเหมือนดู Mai-HIME เลยล่ะ 
EDIT: เพื่อเติมประเด็นหัวกระทู้ เรียบเรียงประโยคใหม่
แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 54 12:41:22
แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 54 12:28:19
จากคุณ |
:
Autumn2reason
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.พ. 54 12:03:44
|
|
|
|
 |