ความคิดเห็นที่ 1 ขอนแก่นไม่ได้เข้าฉายค่ะ เซ็งที่สุด จากคุณ : โอเลี้ยงลาเต้จูดี้บัฟฟี่ลักกี้ เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 23:48:08

ความคิดเห็นที่ 2 True Grit The King's Speech Black Swan Inception The Fighter The Social Network เรื่องไหนได้ออสการ์ก็ถือว่าคู่ควรทั้งหมดทั้งปวงครับ นับถือผู้เข้าชิงออสการ์ทั้ง 10 เรื่องในปีนี้อย่างสุดซึ้ง จากคุณ : รักเรเน่ เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 23:49:43

ความคิดเห็นที่ 3 คห.1 รู้สึกมันจะไม่ได้เป็นหนังที่ฉายทุกเครือน่ะครับ ที่เมเจอร์ก็ไม่มี SF มีบางที่น้อยมากๆ ไว้เดี๋ยวคงได้ออสการ์ติดมือกลับมาแน่ๆ แล้วคงได้ฉายทั่วไปครับ จากคุณ : Cookiefish เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 23:58:15

ความคิดเห็นที่ 4 True Grit นี่ จะเข้า สกาล่า เร็ว ๆ นี้นะครับ น่าจะอาทิตย์หน้า ส่วน King's Speech ก็ อยู่ที่ สกาล่า ตอนนี้ ส่วน The kids are all right โอกาสเข้าไทยยากครับ เพราะมันเป็น หนังชีวิต เลสเบี้ยนโดยแท้ ..   ส่วน Winter's Bone ผมว่า หนังน่าดูมาก ๆ ครับ จากคุณ : untalai เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 00:03:06

ความคิดเห็นที่ 5 อยากดู ตั้งแต่เห็นไตเติ้ลแล้ว พอมีความเห็นแบบนี้ก็ทำให้อยากดูมากขึ้น จากคุณ : แนน (moung50) เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 00:05:25

ความคิดเห็นที่ 6 Winter's bone งั้นๆเเหละ อย่าหวังมาก ไม่มีอะไรเลย.... The King's Speech น่าจะได้ Oscar เเน่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จากคุณ : borderline เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 00:09:29

ความคิดเห็นที่ 7 เชื่อลึกๆ ว่าคนไทยส่วนมากดูเรื่องนี้น้ำตาจะไหลก็เพราะ นึกถึงในหลวง คือรู้สึกว่าการเป็นกษัติริย์เป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่จริงๆ ยิ่งเป็นกษัตริย์ในสังคมใหม่ที่ผู้คนอิสระเสรีมากขึ้นแล้วด้วย ก็ต้องบาลานซ์หน้าที่ของตัวเองและต้องเสียสละสุดๆ เลยนะ เนื้อหาหนัง คหสต เราว่าดูแล้วคอมเมดี้มากกว่าดราม่าด้วยซ้ำนะ  แต่ทำไมน้ำตาไหลไม่หยุดเวลานึกถึงอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้ ที่สำคัญรู้สึกซาบซึ้งกับมิตรภาพของพระสหายสามัญชน ตรงจุดนี้ดูแล้วรู้สึกดีจริงๆ แต่หนังที่ชอบมากกว่า คือ The Fighter และ Biutiful จากคุณ : Nothing Is Real เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 00:10:39

ความคิดเห็นที่ 8 Winter's Bone มีดีซิครับ แค่การแสดงของ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนส์ กับจอห์น ฮอร์คเป็นอะไรที่สุดๆ แล้ว จากคุณ : รักเรเน่ เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 00:15:14

ความคิดเห็นที่ 9 เพิ่งได้ดู The Fighter กะ The King's Speech ประทับใจทั้งสองเรื่องเลยค่ะ จากคุณ : AzwethinkweizT เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 00:22:51

ความคิดเห็นที่ 10 ยังดูไม่ครบเหมือนกันค่ะ แต่เห็นด้วยกะ จขกท ว่า king's speech น่าจะได้มากที่สุด นำหญิงก็น่าจะ natalie portman แน่ๆ บทส่งซะขนาดนั้น เราเฉยๆกะ social network มากเลยอ่ะ แต่ชอบ blue valentine ดูแล้วหดหู่ได้อีก จากคุณ : Chinchilla เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 00:23:27

ความคิดเห็นที่ 11 ความเห็นส่วนตัวนะครับ The King's speech ยังมีบางช่วงบางตอนที่ค่อนข้างจะน่าเบื่อบ้าง แต่ The Social Network สำหรับผมแล้วมันตรึงตาตรึงใจทุกๆฉากทุกๆตอนเลยอ่ะครับ จากคุณ : Mancuniun เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 00:28:35

ความคิดเห็นที่ 12 The King's speech..... อาจจะเป็นเพราะคาดหวังมากเกินไป ก็เลยไม่ประทับใจเท่าที่ควร (ค่อนข้างน่าเบื่อด้วยซ้ำ) ส่วน The Social Network...... เรื่องนี้ไม่ได้คาดหวังอะไร ออกมาจากโรงแล้วประทับใจมากค่ะ จากคุณ : itims เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 00:45:37

ความคิดเห็นที่ 13 แอบตกใจ คห.9 (คุณ AzwethinkweizT) เมื่อวันเสาร์ผมขึ้นไปดูมาทั้งสองเรื่องเลยนะครับนั่น !!!! >< บังเอิญมากอะ ไม่รุว่าวันเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย 55 ส่วนตัวขออธิบายดังนี้ครับ The King's Speech ชอบที่การเ่ล่าเรื่องง่าย ๆ ทั้งที่ตัวละครเป็นกษัตริย์ แต่ให้ความรู้สึกติดดิน เหมือนตามชีวิตของตัวกษัตริย์เองเลย ดูการแสดงของ คอลิน เพิร์ธ น่าลุ้น นำชาย ออสการ์มากครับ (ฮาตรงฉาก ด่า F_ck S_it นี่แหละ) The Social Network ถึงแม้ว่าหลายคนจะบ่นว่า ตัวละครพูดเร็วมาก โดยเฉพาะนาย Mark แต่ผมรุสึกว่า เป็นการดำเนินเรื่องที่กระชับฉับไวดี บทพูดต่อล้อต่อเถียง ทันไหวพริบกัน ไม่น่าเบื่อ เป็นหนังดราม่าของตา ผกก David Fincher ที่ดูสนุก หลังจากที่ผมง่วงไปกับ Benjamin Button ก่อนหน้านี้ แอบลุ้น Jessie ได้นำชายเช่นเดียวกัน ส่วน True Grit ขอรอดูกระแสก่อน แต่ส่วนตัว เหนไตเติ้ลแล้วเฉย ๆ เพราะเหมือน No Country เวอร์ชัี้่น คาวบอย ยังไงไม่รุ และที่ยังไม่ได้ดู ดองอยู่ในคอมก้อมี Rabbit Hole >> เหนว่า ป้านิโคล ส่งอารมณ์ได้ฟินมาก 127 Hours >> ผลงานใหม่ของลุง Danny Bolye ผกก.Slumdog Black Swan >> น้องแนทตาลี ภูมิใจทุ่มสุดตัวสุดเดชครับ จากคุณ : klop เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 00:54:37

ความคิดเห็นที่ 14 Social Network ขาดมุขตลก เมื่อเทียบกับ King 's Speech ที่หยอดมาให้ตลอด ดู Social Network เหมือนดูสอนวิธีรวยด้วย Ebay มันเป็นธุรกิจมากเิกินไป ไม่ได้ให้ความบันเทิง หรือปลูกฝังอะไรให้คนดู จากคุณ : The Gentleman เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 01:03:40

ความคิดเห็นที่ 15 เราว่าเราดูเกือบหมดแล้ว ยกเว้น rabbit hole เราเทใจให้ คอลิน เฟริ์ธ กับ นาตาลี ไปหมดล่ะ ส่วนหนัง เราชอบ The King's Speech มากสุด จากคุณ : Lanina เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 01:14:45

ความคิดเห็นที่ 16 The Kids are all right สนุกดีนะครับ ชอบหนังเล่นประเด็นที่ไม่ค่อยได้นำมาสร้างเป็นหนังดี แล้วก็ชอบตอนจบแบบนี้เป็นการส่วนตัวด้วย ส่วน Winters Bone ดูแล้ว เฉยๆ ค่อนไปทางน่าเบื่อๆด้วยครับ หนังไม่ใช่แนวผมเอาซะเลย จากคุณ : shinichiro เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 01:30:15

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ คห7 ใช่ครับคุณ Nothing Is Rea ตอนดูคิดถึงในหลวงจริงๆ เลยรู้สึกว่าหนังดึงชีวิตเบื้องหลังท่านให้เราได้รู้จักอีกแง่มุมที่ถูกซ่อนไว้ แม้จะเป็นคนละประเทศกันแต่หลายๆ อย่างผมว่าใกล้เคียงกันมาก ทั้งแนวคิดและวิธีปฎิบัติในการดำรงอยู่ในปัจจุบัน Social Network นี่ผมแล้วไม่รู้สึกกินใจหรือเข้าถึงอะไรในใจได้เลย เพราะทั้งเรื่องมีแค่ประเด็นหักหลังเพื่อนเพื่อให้ตัวเองรวยแค่นั้นจริงๆ หนังมีดีที่บทพูดเก๋ๆ กับตัดต่อลำดับเรื่องแปลกใหม่ ที่เหลือธรรมดามาก เหมือนนั่งดูเนิร์ดคนนึงมาสารภาพว่าทำไรไปมั่งในชีวิตจนตัวเองรวยได้ มันขาดอารมณ์ร่วมเอาใจช่วยไปด้วยแบบ The King's Speech หรือ The Fighter กับ 127 Hours เป็นหนังออสการ์ปีนี้เรื่องเดียวที่ผมดูแล้วเฉยๆ มากถึงมากที่สุดเลย อารมณ์เดียวตลอดเรื่องจนจบ แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 54 01:53:11 แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 54 01:51:29 จากคุณ : Cookiefish เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 01:48:18

ความคิดเห็นที่ 18 วันนี้ก็พึ่งไปดู the king's speech มาค่ะ ฟีลกู๊ดมากๆ มันเป็นหนังแบบที่ดูแล้วมาเล่าต่อไม่สนุก ต้องไปดูเอง สนุกตรงบทพูดและการแสดง การเล่าเรื่อง จนมาถึงตอนสุดท้าย ทำให้ได้เห็นมิตรภาพที่สวยงาม ความภูมิใจของคนเบื้องหลัง ภูมิใจไปกับตัวละคร หนังชิงปีนี้ดูไปแค่ 3 เรื่อง คือ inception the social network แล้วก็ the king's speech มันเจ๋งหมด แต่ไม่เหมือนกัน  inception แนวคิดดี การเล่าเรื่อง ฉาก แปลกดี แต่พอเทียบดราม่า ชีวิตจริงกับ 2 เรื่องหลัง เลยไม่น่าจะไหว the social network กับ the king's speech หนังบทดีทั้งคู่ the social network ออกจะจี๊ดๆ แนวๆ มาแบบสมัยใหม่ แต่ the king's speech มาแนวมุขน่ารัก ฟีลกู๊ด แบบคลาสสิก (สกอร์เพราะมาก ...มิน่าฟังแล้วคุ้นๆ เจ้าเดียวกับ Harry นี่เอง) ความเห็นส่วนตัว ชอบ the king's speech มากกว่านิดหน่อย อยากดู the fighter มาก แต่หมดเวลาดูหนังแล้ว  T T'' แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 54 01:49:36 จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 01:48:53

ความคิดเห็นที่ 19 ตัวผมเองก็เก็ง The King's Speech ไว้ครับ ... จับใจมาก แล้วคิดว่าทาง oscar ด้วย แต่ The Social Network เองก็เหมือนกัน - -'' จากคุณ : *omega* เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 09:30:42

ความคิดเห็นที่ 20 ไปดู King's Speech ที่สกาล่า พอหนังจบคนปรบมือด้วย เราเองก็ปรบมือไปกับเขา ปลื้มใจมากๆ จากคุณ : ซินเด๋อเหลอหลา เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 10:27:56

ความคิดเห็นที่ 21 ยอมฝ่าความวุ่นวายของคลิ่นฝูงชนย่านสยามไปดูที่สกาล่า  ดูแล้วไม่ผิดหวัง   แถมยังได้ตื่นเต้นเล็กๆ ตอนที่พระเจ้าจอร์จที่หกเสร็จไปเยือนบ้านตระกูลโลคแล้วเจอคุณนายโลคด้วย   ไม่รู้ว่าผู้กำกับหรือฝ่ายคาสติ้งแอบเล่นมุขอะไรเล็กๆ หรือเปล่าที่เอา มิสเตอร์ดาร์ซี่ในตำนาน (ไพร์แอนด์พริจูดิส) กับอิลลิซาเบธในตำนานมาเจอกันแว๊บนึง     เฮเลน่า บอนแนม คาร์เตอร์ดูไม่ค่อยเป็น "ภรรยาที่ดูสงบเสงี่ยม" ตามแบบที่ควีน (หรือที่คนอีงกฤษช่วงหลังเรียก "ควีนมัม" ตามสมเด็จพระราชินีอังกฤษองค์ปัจจุบัน) ซักเท่าไหร่  ส่วนเอ็ดเวิร์ ดที่แปด ที่กาย เพียซเล่นก็ธรรมดาๆ  แต่คุณเพื่อน "เบอร์ธี่กับไลโอแนล" นี่ สุดยอดค่ะ จากคุณ : ภูชมพู เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 12:50:55

ความคิดเห็นที่ 22 ชอบมุกมาก ฮาหลายฉากจริงๆ ก๊ากแบบคอมเมดี้ซะงั้นอ่ะ คาดไม่ถึง จริงๆ ถูกใจการแสดง Geoffrey Rush มากกว่า Firth นิดนึง (ก็บทพูดแต่ละบท ชวนขำหมด!) Churchill ก็เหมือนมากๆ เลย ฮาด้วย ฉากที่ Firth พ่น f word มามากขนาดนั้น (ว่าจะนับ แต่ก็ลืม ไม่ใช่สิ นับไม่ทัน) เข้าใจเลยว่าทำไมหนังได้เรตอาร์ เรื่องบท ตอนแรกเราอคติมากว่าคงสูตร น้ำเน่า โคตรน่าเบื่อ cliche เรื่องคนเอาชนะปมด้อยตัวเองได้ (คนดูคงเดาเรื่องคร่าวๆ ตั้งแต่ต้นจนจบได้ว่าจะเป็นยังไงจากการดู trailer) แต่พอไปอ่านแรงบันดาลที่ David Seidler เขียนบทแล้วก็ทึ่ง คือเขาเองก็เป็นคนติดอ่าง แล้วอยากเขียนบทเรื่องเกี่ยวกับ King George VI นี่มาตั้งนานแล้วตั้งแต่สมัย Queen Mom ยังอยู่ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาต ต้ิองรอจนสวรรคต เขาเลยเพิ่งได้เขียนบท เหมือนหนังจงใจเพื่อการเป็นหนังออสการ์เลย ตามหลักการทุกสูตรทุกอย่าง ถ้าจะได้ best pic ก็คู่ควร แต่แล้วใจกรรมการ ป.ล. The Social Network ไม่ใช่เรื่องแค่ไอ้เนิร์ดอยากรวยหรือไม่ให้อะไรคนดูนะ ไม่ทราบได้ดูหนังเรื่องเดียวกันมั้ย แต่ก็เข้าใจว่าการชอบไม่ชอบมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล จากคุณ : Lucy in the sky with diamonds เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 14:30:12

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ผมเข้าใจเรื่องลึกๆ เกี่ยวกับประเด็นความสัมพันธ์เพื่อนและแนวคิดแหวกแนวของเขาครับ แต่หนังมันไกลตัวมากๆ ไง แล้วก็ทำมาแบบให้เราแค่ดู ชม เรื่องราวของการก่อตั้งเฟซบุ๊ค ดูแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่า เออ... อยากให้ชนะ อยากเอาใจช่วยหมอนี่เลย การเป็นอภิมหาเศรษฐีรุ่นใหม่จากการคดโกงเพื่อนนี่มันไกลตัวผมจริงๆ (หนังมันใส่แนวคิดแบบอเมริกาจ๋าด้วยเลยไม่ค่อยชอบ) กลับกันเรื่องของคิงที่คิดว่าไกลตัวเหมือนกัน หนังกลับถ่ายทอดออกมาแบบบ้านๆสามัญชนมากๆ จนทำให้เรารู้สึกได้เลยว่าคนที่เป็นคิงนี่ไม่ใช่มีความสุข มันเหมือนถูกสาปให้อยู่ในอำนาจวาสนาที่มีแต่ใช้ไม่ได้ ถูกบงการเป็นตุ๊กตาชักใยไปเรื่อยๆ เท่านั้นแถมคิงองค์นี้ดันมีปมด้อยซะอีก เลยน่าสงสารเข้าไปใหญ่กับชีวิตที่ไม่อยากเป็นแต่ต้องเป็นเพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติ ดูแล้วเป็นหนังที่ใครๆ ก็รู้สึกสัมผัสได้น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 54 14:42:00 จากคุณ : Cookiefish เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 14:40:30

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ ไกลตัว ไม่ไกลตัว หรือจับใจไม่จับใจ เหมือนในป.ล.ประโยคสุดท้ายของเราอันนั้นแหละ คือ มันเป็นเรื่องรสนิยมหรือความชอบส่วนบุคคล เราเองก็เห็นด้วยกับคุณทุกอย่างด้วย โดยเฉพาะ TKS เป็นหนังที่ "ดูแล้วเป็นหนังที่ใครๆ ก็รู้สึกสัมผัสได้" แต่เรารู้สึกอินและจับใจโคตรๆกับ TSN มากกว่ามากกกกกกกกกๆ มันถึงเป็นเรื่องความชอบที่ไม่เหมือนกันไง เรารู้ว่า TKS เป็นหนังที่ "คนดูอินและรู้สึก" แถมยังฟีลกู๊ดด้วย ไม่แปลกหรอกที่คนจะชอบและเข้าถึงง่ายดาย ยิ่งคนไทยกับระบบกษัตริย์ด้วยแล้ว   (ขออธิบายว่าทำไมเราถึงไม่อินกับ TKS เท่าที่ควร เป็นเพราะเราไม่ได้คลั่งไคล้ระบบกษัตริย์ แต่เราไม่ใช่พวก "แดง" เหตุผลอย่างอื่น *ส่วนตัว) ที่ว่าหนังทำใ้ห้รู้สึกได้น่ัะ อืมม ประโยคนี้ำได้ยินบ่อยมากช่วงนี้ และยิ่งค่ายเขาเอามาเป็นนโยบายหาเสียง เอ๊ย! นโยบาย FYC ของหนังด้วย TSK ใครๆ เขาก็เอาใจช่วย Firth สิ มาเปรียบกับ TSN ด้วยแล้ว แพ้ราบคาบเลย ใครจะไปรู้สึกร่วมกับไอ้ Mark ล่ะ จะบ้าเหรอ หนังทำให้เป็นตัวร้ายซะขนาดนั้น ยิ่งคนส่วนใหญ่เท่าที่เห็น มองเผินๆ ว่ามันเป็นหนังเกี่ยวกับ FB และเรื่องคนรวยก็อคติ มันจะดีตรงไหน? ไม่น่าจับจิตด้วย ก็คนรวยอ่ะ youngest billionaire อีก แต่ตอนจบของหนังมันสะท้อนใจเรามาก นี่คือส่วนต่างของทั้งสองเรื่อง เรื่องนึงตั้งคำถามคนดู และทิ้งความรู้สึกให้เราต่อตัวละครไปคิด อีกเรื่อง ตอบคำถามหมด เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นไงๆ เป็นตัวอย่างของการเอาชนะปมด้อยนะ คนดูก็ฟีลกู๊ด มีความหวัง ชอบบ! ใครๆ ก็รักหนังแบบนี้แหละ เราเข้าใจ แปลกดี สิ่งที่เหมือนกันอย่างนึงของตัวละครของ Mark กับ K George คือพวกเขาต่างมีปัญหาในการสื่อสารด้วยกันทั้งคู่ คนนึง (ต้องใช้คำพระองค์ด้วยมั้ยเนี่ย?) มีปัญหาติดต่าง ลำบากเวลาพูดสุนทรพจน์ ต้องหาวิธีรักษา ส่วนคนนึงมีปัญหาการติดต่อสื่อสารกับโลกแห่งความจริง ชีวิตและเพื่อน จนต้องไปสร้างพื้นที่ที่ตัวเองได้รับการยอมรับในอินเตอร์เน็ต แต่กับ K George น่ะ เหมือนกับเราที่บอกไว้ว่าเหมือนหนังจงใจทำมาเพื่อออสการ์โดยเฉพาะ มีปมด้อย คนสงสาร เอาใจช่วย อยากให้ชนะอุปสรรค พอทำได้ ก็สำเร็จ แฮปปี้ แถมอิ่มเอบใจ แต่ความรู้สึกราวๆ นี้เราเคยรู้สึกกับหนังมาหลายเรื่องแล้ว ไม่ใช่แค่ TSK เรื่องเดียว พูดง่ายๆ ดูแล้วรู้สึกโหล! เราเลยถึงคิดว่าหนังแบบ TSN มัน unique และมีมุมมองที่แหกกฎหนังสูตรทั่วไป แต่มีอย่างนึงนะ ถ้าจะคิดว่าหนังเรื่องนี้เรื่องนั้น"ดี" กว่าเีื้รื่องนี้เพราะ "ความรู้สึก" หรือหนังมันทำให้คุณรู้สึกได้มากกว่า หรือการเอาใจช่วยตัวละคร ไม่เห็นด้วยกับตรรกะนี้ ถ้าเป็นงั้นหนัง Haneke คงห่วยทุกเรื่อง?!? ป.ล. เราไม่ได้เกลียด TKS เลยนะ ไม่งั้นเราจะดูที่สกาลาสองรอบเหรอ (ออกมาแล้วซื้อตั๋วเข้าโรงอีกรอบทันที) แต่ TSN เราดู 11 รอบ และต้องระบุด้วย กลัวว่าจะหาว่าเป็นพวกคลั่ง FB หรือ เป็น Mark Zuckerberg fangirl อะไรงั้น คือ เราไม่ได้เล่น FB และเกลียดมากด้วย และเราอายุ 21 ไม่ใช่วัยทีนเอจแล้ว (กลัวจะมองว่าเป็นติ่งหูหรือ fangirl น่ะ 555) ป.ล. อีกอันดีกว่า โอเคๆ พอดีเป็น fangirl ของ Fincher น่ะ :") เราอาจเสียใจที่ TSN จะไม่ได้ best picture แต่เราก็ทำใจและเข้าใจตามที่บอกไว้มาทั้งหมด และยิ่ง Fincher เคยทำหนังดีกว่านี้ (Zodiac) แต่โดนเมินไม่ใยดีมาแล้ว ไม่ได้อีกก็ช่างสิ แค่มีเรื่องอื่นดีกว่า และถึงจะยังศรัทธากับออสการ์ กรณีแบบ Shakespeare in Love หรือ Crash ก็ทำให้เราเข้าใจสัจธรรมมากขึ้นมาก่อนแล้ว จากคุณ : Lucy in the sky with diamonds เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 19:34:15

ความคิดเห็นที่ 26 อ้าวคุณลักกี้เป็นผู้หญิงหรอกเหรอครับ เรื่องนี้มันหนังสูตรออสการ์จริงๆ ครับ ดูแล้วนอนมาเลย แต่ถ้าโซเชียลได้ก็ไม่แปลกใจครับ แค่มันไม่กินใจนี่แหละ ถ้าชอบแหวกๆ ผมอยากให้ Black Swan ครับ แหวกจริงของจริง อย่างกับ Fight Club + การ์ตูนหน้ากากแก้วแหนะ ผมไม่ได้ชอบหนังสูตรเสมอไป แต่หนังสูตรมันทำให้คนวงกว้างรับสารได้มากกว่าหนังแหวกสูตรน่ะ ผมว่ามันสำคัญกับหนังออสการ์ระดับหนึ่งเลยนะ ในฐานะที่เป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดของโลกภาพยนตร์ จากคุณ : Cookiefish เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 23:26:53

ความคิดเห็นที่ 27 เราชอบทั้งสองเรื่อง ^^ The King's Speech สนุกดีค่ะ ดูจบแล้วรู้สึกดี ให้ความหวัง กำลังใจ มันให้อารมณ์เหมือน Shawshank Redemption นิดๆ ส่วน The Social Network ก็เป็นหนังที่ทำออกมาเก๋ สนุก ใครบอกไม่มีมุขตลกอ่ะ เราขำออกจะหลายตอน จากคุณ : นางาเสะจัง เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 19:39:10

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นออสการ์ปีแรก ที่ดูจบแล้วยังไม่รุ้จะเชียร์ใครดี ของเค้าแหล่มจริงๆ จากคุณ : waanjorjae เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 54 02:35:44