 |
ขอบคุณ คุณ : X_BM มากนะคะ ช่วยให้ลดทอนความยาวของการตอบกรอบนี้ไปมากทีเดียว
ก่อนอื่น ตอบคุณ เล็กบ่อหลุ่ย โดยตรงก่อน(ทั้งที่เจ้าตัวออกมาบอกว่าให้หยุดไว้แล้วก็ตาม แต่ขอนิดนึงนะคะ คล้ายว่าตัวเองเป็นคนนำพาจุดหักเหมาจนถึงตรงนี้ และอยากชี้แจงให้ทราบว่าไม่มีเจตนาจะทำให้คุณคิดดังที่ตั้งคำถามไว้ในกรอบที่ ๒๐๑)
ความคิดเห็นที่ 201
ขอโทษ ที่ทำให้ กระทู้ออกทะเลนะครับ
ความคิด ความเชื่อของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
พอดี ผมไม่ได้อ่านแต่ ประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยคนไทย ผมก็ดูหมดนะ ก็พบว่าแต่ละชาติ ก็เขียนเชียแต่ชาติ ตนเองทั้งนั้น
เลยไม่ค่อยจะ "ซาบซึ้ง" สิ่งที่ถูกป้อนให้เสียเท่าไร
ผมคิดอย่างหนึ่ง พวกคุณคิดอีกอย่างหนึ่ง มันก็ไม่ผิดนี่ครับ
หรือ ถ้า "คิดต่าง" ต้องไม่แสดงความคิดเห็น จากคุณ : เล็กบ่อหลุ่ย เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 19:20:43 ถูกใจ : เมษาพาเพลิน, แม่MARIE, อะ-โล-ฮ่า
.........................................................................................
คิดต่างได้ค่ะ คนเรามีสิทธิเสรีภาพในการคิดอ่านได้ทุกเรื่องที่ไม่ล้ำเส้นและทอนสิทธิส่วนบุคคลของคนอื่น แบบที่บอกว่า ส่วนตัวนั้นก็ไม่ได้อ่านแต่ประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยคนไทย มีแต่ภาษาไทยเท่านั้นเช่นกัน เชื่อว่าอ่านมามากพอจะเขียนความเห็นนี้ เพราะฉะนั้นการที่คุณอ้างว่า ไม่ได้อ่านแต่ ประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยคนไทยนั้น จึงยิ่งน่าตกใจที่ในที่สุดแล้วคุณก็ยังกลั่น และ กรองความคิดออกมาได้ดังที่พบในกรอบที่ ๑๕๕ คุณคิดต่างได้ แต่เมื่อคุณแสดงความเห็น และคคห.ของคุณมีโดยตรงต่อองค์กษัตริย์พระองค์ที่คนไทยทั้งชาติสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและนับเนื่องสืบทอดกันมาหลายร้อยปีว่าทรงเป็นมหาบุรุษ ว่า... คนพม่าก็มองว่าพระองค์ เป็น คนทรยศ ไม่ต่างจากที่คนไทยมองว่า เขมร ทรยศ จะบอกว่าไม่ลบหลู่ก็ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉะนั้น คุณต้องทราบดีว่า ต้องมีผลย้อนกลับไปยังคคห.ที่แสดงออกมาในที่สาธารณะของคุณแน่นอน
และเพราะคิดว่า คุณกำลังจะเป็นกำลังของสังคม การแย้งเตือน จึงมีสำเนียงเอ็ดเอาบ้าง ด้วยเห็นว่า เหตุผลและตรรกะของคุณที่ยกมานั้นบิดเบี้ยวและผิดเพี้ยน ยิ่งเมื่อคุณมาย้ำว่าคุณอ่านมาเยอะ ยิ่งเป็นเรื่องน่าตกใจนะคะ
หากว่าความเห็นต่างของคุณ มีพื้นฐานมาจากเหตุผลและตรรกะที่ถูกต้องจริงแต่ยังมีความต่าง ผู้เขียนและคนอ่านอีกมากต้องยอมรับฟังและ ยอมรับความต่างของคุณอย่างแน่นอน
๑. ข้อแรก นครรัฐอโยธยา และ พม่านั้นเป็นเพียงสองอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมพอกันในเวลานั้นในภูมิภาค เราจะไม่ย้อนกลับไปเวลาอื่นนะคะ ไม่อย่างนั้นประเด็นถกเถียงก็จะกว้างไกลเกินไปมากกว่านี้อีก
การตกเป็นเมืองประเทศราชของพม่าก็เกิดขึ้นเพียงเวลาไม่ถึงชั่วอายุคน การประกาศเอกราชของไทยก็เป็นไปอย่างชัดเจน ไม่มีการย่องมาตีหลังบ้าน ประกาศแล้วก็พร้อมรบ ตั้งรับและยอมรับผลทุกอย่างอย่างตรงๆซึ่งหน้า ไม่มีการเตะพับขาเมื่อคู่ต่อสู้หันหลัง ไม่เที่ยวปล้นเมืองชายแดนรอบอาณาเขต คุ้นไหมคะว่า อีกฝั่งที่คุณมองว่าเหมือนนั้นทำทุกอย่างที่ว่ามา เข้าใจไหมคะว่า ตรงนี้คือความต่าง และเป็นความต่างที่ยอมรับไม่ได้เมื่อคุณแสดงคคห.ออกมาดังในกรอบที่ ๑๕๕ พม่าเองไม่เคยมองว่า ไทย หรือ มหากษัตริย์พระองค์นี้ ทรยศ ต่างยอมรับในศักดิ์ และ สิทธิ์ในการที่ทรงกอบกู้บ้านเมือง ย้ำว่า ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วอายุคน พม่าเองไม่เคยมีบุณคุญค้ำไทยมาแต่ปางไหน ไม่เคยช่วยเหลือจุนเจืออะไรนอกไปจากการตีเพื่อขยายอาณาเขตและความยิ่งใหญ่
คำว่า ทรยศที่อัปยศนั้นจึงไม่เคยถูกนำมาใช้ ((จะบอกว่าอ่านประวัติศาสตร์พม่าด้วย ว่ายกย่องพระองค์ดำมากแค่ไหน คุณจะหาตำราหรือเจอนัล เท็กซ์บุ๊คเล่มไหนมากล่าวค้านก็กรุณายกชื่อหนังสือมานะคะ))
ต่างกับ นครรัฐอโยธยา *ดอกจันทร์ไว้นิดนึงตรงคำนี้ มีเรื่องให้ชวนยิ้มอยู่มาก ที่ให้การค้ำจุนและช่วยเหลือเมื่อมีการร้องขอจากบรรดาเมืองขึ้น ประเทศราชทั้งหลาย เมื่อมีศึกมาประชิด อโยธยาก็จัดแต่งทัพออกไปช่วยรบทุกครั้งหากอยู่ในความพร้อม มีการเกื้อกูลกันอีกมาก มีบรรทึกไว้เป็นหลักฐานก็มาก
...แต่แน่นอนว่าหากคุณไปหาอ่านประวัติศาสตร์ฉบับเขมรย่อมไม่มี... เขมรนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงมากี่ร้อยปี เป็นอย่างไรก็อย่างนั้น เรื่องจะยอมรับผิดและให้ความชอบใครอื่นย่อมไม่มี จนแม้แผ่นดินแตกแยกเป็นเขมรสามฝ่าย ฯลฯ ในยุคที่ย้อนไปแบบยังมีคนจำได้ ก็ยังคงโทษว่าเพราะคนอื่น เหตุอื่น ไม่มีความบกพร่องอะไรสักนิดจากตัวเองเสมอมา
นครรัฐอโยธยา ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระจริยาวัตรดังสมเด็จพระนเศวร จึงแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับพฤติกรรมของ นครรัฐแบบเขมร
การเปรียบเทียบดังที่คุณ: X_BM ได้กรุณาแสดงไว้น่าจะช่วยเปรียบเทียบให้เห็นง่ายขึ้นนะคะ
(((คำว่า นครรัฐนี้มีคนบอกว่าสมัยนั้นไม่มีคำว่า ประเทศ ไม่มี อธิปไตย อย่ามาใช้นะ อ่ะ อ่ะ ฉะนั้นจึงต้องใช้แบบนี้ไปก่อน ที่จริงอยากถามว่า ถ้าเช่นนั้น คุณหรือ ตระกูลของคุณมาจาก นครรัฐใดเล่าคะ ได้เรียกขานถูก หากว่าไม่ได้มากจากอโยธยาศรีรามเทพนครแล้วไซร้ คุณคงมองว่าตัวนี้ไม่ใช่คนไทยเป็นแม่นมั่น ฤๅว่าจะอพยพมาจากแถวพระตะบอง เสียมเรียบ แล้วมาตั้งถิ่นฐานที่สุรินทร์ สระแก้วจนล่วงเลยมาหลายร้อยปี ??
ทั้งที่ๆความจริง การจำกัดความไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็เป็นเพียงชื่อเรียก แก่นของคำ แก่นของความกลับไม่ได้มองถึงว่า ความเป็นเอกภาพต่างหากที่เรายึดโยงกันไว้จนก่อร่างสร้างประเทศขึ้นมาได้ตามความหมายของฝรั่งมังค่าที่มาบัญญัติขึ้นในภายหลัง ไม่อย่างนั้นความหวงแหนแผ่นดินเกิด และ การร่วมใจลุกขึ้นทำศึก จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากมีเพียงแค่พระเดชที่ขีดกำหนดบังคับให้ออกไปร่วมรบร่วมเป็นร่วมตายกันในกลางสงคราม ...ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นจะมีชาวบ้านบางกระจันลุกมาต่อสู้พม่าหรือ?---อันนี้ทราบว่าคนละสมัย แต่ยก ตย.เผื่อจะเข้าใจมากขึ้น หรือ จะมีชุมชนกลุ่มคนอีกมากที่ไหลหลั่งเข้ามารวมกับกองทัพของอโยธยาเพื่อต่อสู้ทำศึกเหรอ ในเมื่อต่างก็มาจากต่าง นครรัฐ ))
----------------คุณเมษาฯ คุณจะตอบ คคห.ที่ ๑๕๕ แบบที่ตอบหรือไม่คะ หากไม่มี คคห.ของผู้เขียนที่ ๑๗๗??
จะตอบ จะอะไรก็ตอบตรงๆค่ะ ไม่ต้องบอกว่าตอบ คคห.ของคุณเล็กฯ เพราะสำนวนที่คุณตอบ มันตอบผู้เขียนโดยตรง สำนวนปล้นสะดมภ์ ลอบทำร้ายต่างๆนานา มาจากกรอบที่ ๑๗๗ ทั้งนั้น ไหนๆก็จะแสดงว่าเป็นคนมองโลกแบบตรงในแบบของคุณแล้ว ก็ตอบกันตรงๆค่ะ--------------------------------------------
๒. ข้อสอง คุณเล็กฯ บอกว่า ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชที่เราเคยใช้กันมา ก็ไม่ได้ดี และเลวร้ายต่อประชาราษฎร์มา บังเอิญว่าแผ่นดินไทยนี้อุดมสมบูรณ์ จึงไม่เกิดการปฏิวัตินองเลือดขึ้นแบบฝรั่งเศส
เหรอคะ? มันต่างมากกกกกกกกกกกกกกนะคุณ อ่านสั้นๆที่คคห.ของคุณ: X_BM ก็ได้ค่ะ เทียบง่ายๆ ระบบอากร ไพร่ส่วยต่างๆ ก็คือการจัดเก็บภาษีในปัจจุบัน ไม่ใช่การกดขี่แต่อย่างใด ไม่อย่างนั้นจะเอาอะไรมาทำนุบำรุงบ้านเมืองสร้างขอบขัณฑสีมาล่ะคะ ใครเข้ามมาปล้นมากวาดต้อนก็ไม่มีกำลังจะป้องกันตัวงั้นเหรอ? ยุคสมัยต่างกัน ความแตกต่างของขนบย่อมต้องมีมาก จะให้ลุกมาทัดเทียม เท่าเทียมจนประชาชนลุกมาวิพากษ์วิจารณ์สถาบันแบบวันนี้ย่อมไม่ใช่ แต่คนในยุคนั้นก็อยู่ดีมีสุข รักบ้านเกิด กตัญญูรู้คุณ และเทิดทูนองค์พระมหากษัติริย์ดีนะคะ ทรงห่วงใยประชาชน และ ดูแลทุกข์สุข จะมีมากบ้างน้อยบ้าง แต่แตกต่างจากฝรั่งเศสแน่ๆค่ะ เป็นการบริหารจัดการ กระจายอำนาจลงสู่ผู้ที่มีกำลังและสติปัญญาในการปกครองคนในที่ห่างไกลต่างพระเนตรพระกรรณได้ในยุคที่การเดินทาง การสื่อสารยากเย็นนั้นๆ ด้วยรูปแบบของที่นา ศักดินาต่างๆ
ที่สำคัญที่สุด ก็ คือ น้ำพระทัยและพระราชอัธยาศัยของกษัตริย์ไทยน่ะค่ะ ที่ทำให้ไทยยังเป็นไทยได้ดดยไม่มีการปฏิวัติ หรือ นองเลือดอะไร
(คุณเมษาฯจะมายกความรู้สมัยประถมมาลงรายละเอียดทำไมล่ะคะ ต้องรู้จักคุมประเด็นให้ดีนะคะ ระดับนี้แล้วต้องมองภาพรวมค่ะ ว่า เหตุ และ ผล คืออะไร ไม่ใช่ลงรายละเอียดแบบท่องจำแล้วก็มาเถียง เป็นเรื่องน่าชื่นชมนะคะที่คุณขวนขวายศึกษาเพิ่มเติมทั้งที่อายุปูนนี้แล้ว แต่ก็ต้องระวังค่ะ ว่า ความรู้ที่มีมากขึ้นนั้น ถูกจัดเก็บและนำออกมาใช้แบบไหน เป็นเรื่องน่ายินดีมากขึ้นอีกที่คุณบอกว่ายังอยู่ในระหว่างการเรียนเพิ่มเติม ไม่ได้จบออกมาแล้ว แต่คุมประเด็นไม่ได้แบบนี้ จะกระซิบบอกกันบ้างก็ได้ค่ะว่าเรียนอยู่กับใคร เผื่อว่าจะรู้จักอาจารย์ของคุณ )
ความต่างจึงมีมากน่ะค่ะ คุณเล็กฯ การที่คุณเอามาเปรียบเทียบจึงเป็นไปไม่ได้ ที่สำคัญ คุณยกมารวมกับประเด็นแรก ที่ บอกว่า พม่า : พระนเรศ คนทรยศ อโยธยา : วีรบุรุษ
อโยธยา : พระยาละแวก อ้ายคนทรยศ เขมร : วีรบุรุษ
รักชาติได้แต่ไม่ควร คลั่ง ชาตินะผมว่า สมัยก่อน ระบอบสมบูร ก็ไม่ได้เห็นประชาชนดีเท่าไรหรอก
ต้องเข้าเวรไปรับใช้ในวังบ้าง เจ้านายบ้าง ตั้ง 6เดือน เงินก็ไม่ได้ ดีที่ อาหารอุดมสมบูรณ์ ไม่งั้นคงปฏิวัติเลือดแบบฝรั่งเศส มันแจ้งเจตนา และ sub text ไว้ในตัวเรียบร้อยที่ บังเอิญว่า ----------------มันผิด
ยาวขนาดนี้ ท่านอื่นไม่ต้องอ่านก็ได้ค่ะ หากคิดว่าเสียอรรถรสของภาพยนตร์และ กท. ขอโทษ จขกท ไว้อีกครั้งนะคะ
จากคุณ |
:
รอยคำ
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ก.พ. 54 15:36:15
|
|
|
|
 |