สวัสดีทุกๆท่านครับ ขอบคุณที่ทุกท่านได้เข้ามาร่วมกันแสดงความคิดความเห็นกันในที่นี้ และต้องขออภัยที่ไม่ค่อยได้เข้ามาพูดคุยกันนะครับ ช่วงที่ผ่านมาก็หนักหน่อยสำหรับหลายๆท่านที่จะต้องเข้ามาพบเจอกับเหตุการณ์ ที่ไม่คาดฝัน ซึ่งนี่ก็เป็นผลพลวงของการใช้สื่อครับ ยิ่งสื่อมีการพัฒนาไปมากแค่ไหน ความรับผิดชอบในการใช้สื่อนั้นก็น้อยลงไปมากแค่นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่ออินเตอร์เน็ตอย่างที่เราใช้กันอยู่นี้ รวดเร็ว ทันใจ ไปได้ทุกที่ พูดได้ทุกอย่าง ก็เลยขาดความระมัดระวังในการใช้ อย่างแสดงความคิดความเห็นอะไรก็เต็มที่ ไม่เหมือนการพูดคุยกันต่อหน้า ที่จะรู้ว่าเรากำลังพูดอยู่กับใคร หัวหงอกหัวดำ สถานภาพเป็นยังไง เราก็จะพูดคุยกับคนนั้นๆตามแต่สถานะของแต่ละคน พูดคุยกับผู้ที่อายุมากกว่าเราก็ต้องนอบน้อม ให้ความเคารพ ความเห็นแตกต่างกันไม่ว่า แต่ท่าทีต้องให้ความเคารพ แต่ในโลกอินเตอร์เน็ตแล้ว ท่าทีไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไปแล้ว เพราะไม่เห็นหน้ากัน หัวหงอกหัวดำฉันไม่สน อยากด่าอะไรฉันก็จะด่า อยากจะแสดงออกยังไงฉันก็จะทำ ใครจะทำไม เป็นเรื่องที่น่าเศร้าครับ หลายคนอาศัยโลกอินเตอร์เน็ตเป็นที่ระบายอารมณ์ ระบายพลังงาน จะทำยังไงก็ได้ เพราะไม่ต้องรับผิดชอบ นี่เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของโลกอินเตอร์เน็ตครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแย่ไปทั้งหมดนะครับ คนที่ใช้อย่างสร้างสรรค์ก็มี เพราะฉะนั้นก็อยากจะให้หลายๆท่านที่กำลังเซ็งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ เข้าใจครับ ว่ามันก็เป็นเช่นนี้แลในโลกอินเตอร์เน็ต ให้รู้เท่าทันมันครับ ก็จะสามารถใช้มันต่อไปได้อย่างสบายใจ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้คอมพิวเตอร์มาเกือบยี่สิบไป ใช้อินเตอร์เน็ตมาสิบกว่าปี ก็สัมผัสกับมันมาตลอดเวลา จนรู้ว่า ยังไงเสีย เราก็เลือกได้ครับ เลือกที่จะใช้มันยังไง ใช้ไปในทางไหน ถ้าใช้ถูกทางก็ไม่เกิดปัญหา ผมใช้โลกอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการสืบหา ข้อมูลมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่บางคนอาจใช้โลกอินเตอร์เน็ตเสมือนเป็นโลกจริงๆของเค้า จนลืมโลกแห่งความเป็นจริง ถามผมว่ารู้สึกยังไง ตอบว่า น่าห่วงครับ แต่เราก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่จริง ให้รู้เท่าทันมันเท่า นั้นครับ เมื่อก่อน เราเคยได้ยินคำว่า สงคราม ซึ่งเป็นสงครามที่ใช้อาวุธต่อสู้กันจริงๆ ต่อมาก็สงครามเย็น แล้วก็ยังมีแบบชาวบ้านๆอีกคือ สงครามน้ำลาย แต่ปัจจุบันนี้มันเป็นสงครามตัวหนังสือ สงครามในโลกอินเตอร์เน็ต ผู้เข้าไปทำสงครามกันเค้าเรียกกันว่าเป็น นักเลงคีย์บอร์ด ผมได้ยินคำนี้ครั้งแรก หัวเราะขำกลิ้งเลยครับ นักเลงคีย์บอร์ด อืมนะ มันให้ความหมายดีจริงๆ ใช้คีย์บอร์ดเป็นอาวุธ ในการพิมพ์ข้อความเพื่อไประรานคนอื่น ผมก็เดาความหมายมันเอาเองนะครับ ไม่ทราบว่าทุกท่านจะให้นิยามของคำๆนี้ยังไงก็สุดแท้แต่ครับ มาถึงเรื่องของการดูแลหมีแพนด้าที่กำลังเป็นประเด็นปัญหา ที่มีคนกำลังพยายามที่จะกำหนดมาตรฐานในการดูแลในแบบของเค้า ตั้งข้อสังเกต ตั้งคำถาม ตามความคิดความเห็น ตามอารมณ์ความรู้สึก ก็ว่ากันไป ผมก็ขอตอบแบบสรุปสั้นๆง่ายๆชัดเจนครับว่า เราดำเนินการตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น ตามแผนงานที่วางไว้ โดยการที่จะทำอะไรยังไงไม่ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ แต่ใช้การวิเคราะห์ ใช้ข้อมูล สถิติต่างๆที่ได้มีผู้เก็บรวบรวมไว้ ใช้การปรึกษาหารือ อะไรต่อมิอะไรที่จำเป็น ก่อนการตัดสินใจเสมอ ซึ่งหากใครที่ยังไม่เข้าใจหรือยังมีข้อขัดข้องใจ ก็สามารถให้หน่วยงานหรือใครที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบเข้ามาดำเนินการได้ครับ สิ่งต่างๆที่ผมไม่สามารถตอบคำถามได้มากไปกว่านี้ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปัญหาที่มาจากอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว ซึ่งมันกว้าง มันลึก เกินกว่าที่ผมจะเข้าใจและอธิบายได้ แม้แต่ผู้ที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงด้านวิชาการ ตอบไปแล้ว ยังมีคนไม่เข้าใจ อธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจ ไม่รับ เราก็จนปัญญา ก็สุดแท้แต่ว่าจะทำอะไรกันยังไงแล้วล่ะครับ ข้าน้อยจนปัญญาจริงๆ สุดท้าย...ก็อย่างที่บอกล่ะครับ สมาชิกดั้งเดิมของที่นี่ ที่เคยเข้ามาพูดคุยกัน ก็ขอให้ทำต่อไปครับ เพียงแต่ให้รู้เท่าทันเท่านั้นเอง ในชีวิตจริงเราไม่สามารถเลี่ยงสิ่งที่มันจะเข้ามารบกวนเราได้หรอกครับ นั่งอยู่ในบ้านแท้ๆก็อาจมียุงมากัด มีจิ้งจกขี้ใส่ มันเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ แต่ให้เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ดีกว่า ผมก็ใช้คำนี้มาโดยตลอด "เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน" ขอบคุณครับ |