ความคิดเห็นที่ 1 10. What I Love the Most (2010, Delfina Castagnino, อาร์เจนติน่า) หนังความสัมพันธ์น้อยได้มากแบบที่เราได้เห็นบ่อยในหนังยุโรป แต่แทนที่จะเป็นหนังผัวเมียหรือคู่รักแบบ Everyone Else หนังเรื่องนี้เล่าถึงผู้หญิงสองคน คนหนึ่งเพิ่งเลิกรากับแฟน อีกคนเพิ่งเสียพ่อและต้องเฝ้ามองกิจการครอบครัวล้มมลายไป พวกเธอโต้ตอบกันไปมาแบบหวานอมขมกลืน มันหนักไปทางขมเสียมาก แล้วมาตบหวานรสฝาดในฉากสุดท้าย โดยเฉพาะเมื่อใคร่ครวญถึงชื่อหนังแล้วพบว่าสิ่งที่คนเรา ‘รัก’ มากที่สุดบางทีก็อาจไม่พ้นตัวเราเอง Note: หนังฉายในเทศกาล World Film Festival จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 05:54:55

ความคิดเห็นที่ 2 9. Ruhr (2009, James Benning) หนังที่สองชั่วโมงมีเพียงเจ็ดช็อตเท่านั้น แต่ละช็อตคือการตั้งกล้องนิ่งๆ ถ่ายสภาวะแวดล้อมของเขตรูห์ ประเทศเยอรมัน ในแง่หนึ่งหนังอาจใช้ความอดทนสูงและกลายเป็นมหกรรมการเดินออกจากโรง แต่ในอีกแง่หนึ่ง Ruhr นำเรากลับไปสัมผัสความสวยงามของการสังเกตการณ์อย่างสงบอีกครั้ง อันเป็นสิ่งที่แทบไม่หลงเหลือแล้วในภาพยนตร์ยุคนี้ ส่วนตัวแล้วนี่คือประสบการณ์ทางภาพยนตร์ที่รุนแรงพอๆ กับตอนดู Birth of the Seanema เมื่อปี 2005 Note: หนังฉายในเทศกาล World Film Festival จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 05:56:30

ความคิดเห็นที่ 3 8. The Social Network (2010, David Fincher) อย่างหนึ่งที่ดีใจกับหนังเรื่องนี้คือ ช่วงหลังมาไม่ค่อยชอบงานของ เดวิด ฟินเชอร์ มากเท่าไร แต่มาเรื่องนี้ถือว่าถูกโฉลกเหลือเกิน ราวกับว่าผู้กำกับได้สร้างโลกเฉพาะส่วนตัวของหนังขึ้นมา เขาตีหัวถีบหน้ายันอกเราตั้งแต่ฉากแรก เพื่อให้รู้ตัวว่าเราต้องเจออะไรบ้างหลังจากสองชั่วโมงนี้ น่าประหลาดดีที่หนังที่มีจังหวะรวดเร็วติดจรวดมาตลอด กลับเลือกจบตัวเองอย่างนิ่งสงบ และมันก็กลายเป็นฉากที่ส่งผลทางอารมณ์อย่างรุนแรงหลอกหลอนที่สุด จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 05:57:17

ความคิดเห็นที่ 4 7. Splice (2010, Vincenzo Natali) น่าดีใจว่าท่ามกลางหนังไซไฟโลกแตก วันสิ้นโลก มนุษย์ต่างดาวบุกโลก เรายังมีหนังไซไฟที่สำรวจมนุษย์อย่างถึงแก่นจริงจังบ้าง ชอบการออกแบบตัวละครพระนางของเรื่องเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาดูไม่น่าเอาใจช่วยเสียเลย แต่มันก็สมจริงมาก ยังชอบที่หนังสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับคนดูได้ทุกเรื่อง -ศีลธรรม, เพศสภาพ, ครอบครัวประกอบสร้างอันบิดเบี้ยว และความสัมพันธ์แบบพ่อลูกที่ชวนขนลุก ถือเป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ของ วินเซนโซ นาตาลี และเขาควรจะได้ทำหนังมากกว่านี้ Note: หนังฉายโรงปกติบ้านเรา + ออกแผ่นลิขสิทธิ์แล้ว จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 05:58:22

ความคิดเห็นที่ 5 6. Please Give (2010, Nicole Holofcener) หนังเรื่องนี้มีสิทธิจะกลายเป็นหนังตลกชั่วร้ายสุดขีดแบบหนังของ ทอดด์ โซลอนซ์ แต่ผู้กำกับกลับทำออกมาได้กุ๊กกิ๊กน่ารักและร้ายกาจไปพร้อมกัน ทุกตัวละครมีช่วงเวลาที่ได้แสดงความเลือดเย็น แต่ในอีกฉากหนึ่งพวกเขาก็แสดงความน่าเห็นอกเห็นใจออกมา อีกสิ่งที่ชอบคือไดอะล็อกคมกริบของหนัง เช่น "แม่จะไม่ซื้อกางเกงยีนส์ราคาสองพันดอลล่าร์ ให้ลูกหรอกนะ ตราบใดที่ยังมีคนจรจัดนอนอยู่หน้าบ้านเรา 45 คน" ลูกสาวตอบว่า "แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะแม่ คนพวกนั้นไม่ได้อยากได้ยีนส์นะ!" Note: หนังออกแผ่นลิขสิทธิ์บ้านเราแล้ว จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 05:59:20

ความคิดเห็นที่ 6 5. Lourdes (2009, Jessica Hausner) ดูแล้วรู้สึกว่า เจสสิก้า ฮอสเนอร์ นี่เธออัพเกรดตัวเองไปอีกขั้นแล้ว หนังดูออริจินอลดี ไม่เคยเจอหนังศาสนาหรือหนังคนพิการแบบนี้มาก่อนเลย มันเล่นกับเรื่องปาฏิหาริย์และความศรัทธาได้น่าสนใจ ถ้าเป็นหนังเรื่องอื่น (เช่น Sign ของ เอ็ม ไนต์ ชยามาลัน) มันจะบอกว่าปาฏิหาริย์คือสิ่งที่จะพิสูจน์ศรัทธา แต่หนังเรื่องนี้บอกกับเราว่าปาฏิหาริย์นี่แหละคือสิ่งที่อันตรายและท้าทาย ที่สุดต่อความศรัทธา ฉากสุดท้ายของหนังรุนแรงมาก ทำให้ตระหนักว่าสำนวน Careful What You Wish For น่ากลัวขนาดไหน Note: มีแผ่นขายตามร้านหนังนอกกระแส จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 06:01:07

ความคิดเห็นที่ 8 3. Honey (2010, Semih Kaplanoglu, ตุรกี) ตอนจบของไตรภาคยูซุฟที่ยืนยันกับเราว่า เซมีห์ แคปลาโนกลู คนนี้แกเก่งจริง จังหวะทางภาพยนตร์ของเขาแม่นยำมาก ภายใต้หนังอันนิ่งเรียบ กลับแทรกความสะเทือนใจซึมลึกกับผู้ชมเสมอ นับจาก Egg ที่เล่าถึงลูกชายที่ไม่ไยดีกับการตายของแม่, ย้อนไป Milk ที่เล่าถึงที่มาแห่งความห่างเหินของแม่ลูก จนกลับมาจุดเริ่มต้นที่ Honey กับการหายไปของพ่อ ผู้กำกับได้วางภาพรวมของหนังไว้อย่างน่าทึ่ง นอกจากการย้อนเวลาแล้ว มันคือการทวีขึ้นของความเศร้า Note: หนังฉายในเทศกาล World Film Festival แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 54 06:05:09 จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 06:03:30

ความคิดเห็นที่ 9 2. Black Swan (2010, Darren Aronofsky) หนังหนักอย่างมากจน ถึงหนักที่สุด เรียกได้ว่าเป็นมหกรรมของตึงเครียดแบบไม่สิ้นสุด นาตาลี พอร์ตแมนเหมือนถูกทุกสิ่งทุกอย่างในหนังรุมข่มขืน ไม่ว่าจะพวกตัวละครทั้งหลาย หรือเทคนิคภาพยนตร์ใดๆ พอดูเรื่องนี้จบก็คิดว่าเราควรโคลนนิ่ง ดาร์เรน อารอนอฟสกี้ เก็บไว้ได้แล้ว เพราะเขาทำหนังมา 5 เรื่อง และทุกเรื่องถือได้ว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซ Note: ได้ข่าวว่าหนังมีกำหนดฉายในบ้านเราเร็วๆ นี้ จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 06:04:39

ความคิดเห็นที่ 10 1. Love Exposure (2008, Sion Sono, ญี่ปุ่น) สารภาพว่าเคยรู้สึกดูถูก ดูแคลนผู้กำกับ ซิออน โซโนะ มาตลอด เพราะหนัง Suicide Club ของเขามันช่างเกรียนสิ้นดี แต่หลังจากได้ดูงานอื่นๆ ของเขา รวมทั้ง Love Exposure ก็ต้องเปลี่ยนความคิดไปอย่างสิ้นเชิง หนังเรื่องนี้มีความยาวถึง 4 ชั่วโมง แต่ห่างไกลจากคำว่าน่าเบื่อไปล้านปีแสง มันรวมประเด็นอื้อฉาวไว้มากมาย ลัทธิคลั่งศาสนา, แก๊งแอบถ่ายกางเกงใน, ผู้หญิงที่พยายามยั่วบาทหลวง, พ่อที่ข่มขืนลูกสาว ฯลฯ ทั้งหมดถูกนำเสนอในลีลาคัลต์รุนแรงและสนุกสุดเหวี่ยงชนิดที่คงมีหนังญี่ปุ่น เท่านั้นที่ทำได้ จึงขอคารวะผู้กำกับไว้ ณ ที่นี้ จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 06:06:57

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนอันนี้เป็นหนังที่ชอบมากเหมือนกัน แต่ยัดลงไปใน TOP10 ไม่พอครับ ^^;; (เรียงตามตัวอักษร) The Ghost Writer (2010, Roman Polanski) Greenberg (2010, Noah Baumbach) High-Rise (2009, Gabriel Mascaro) Life During Wartime (2009, Todd Solondz) Mother (2009, Bong Joon-ho) The Portuguese Nun (2009, Eugene Green) The Road (2009, John Hillcoat) Scott Pilgrim vs. The World (2010, Edgar Wright) A Serious Man (2009, Ethan & Joel Coens) Toy Story 3 (2010, Lee Unkrich) Winter’s Bone (2010, Debra Granik) Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Life (2010, Apichatpong Weerasethakul) จบแล้วครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านถึงตรงนี้ สวัสดีปีใหม่, สุขสันต์วันตรุษจีน แบบดีเลย์ๆ + พ่วงแฮปปี้วาเลนไทน์เดย์ ไปด้วยแล้วกัน 555 จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 06:10:50

ความคิดเห็นที่ 12 ยังไม่เริ่มจัดของตัวเองเลย แต่เบอร์หนึ่ง แน่นอน ลงตัว ตายตัวแล้ว Black Swan it's better than sex!! จากคุณ : จูริง เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 06:29:21

ความคิดเห็นที่ 13 อยากดู Black swan มากๆ จากคุณ : The sweet is my revenge เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 06:51:14

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากจ้ะ...ทำให้อยากหามาดูหลายเรื่องเลย... เท่าที่เคยดูจาก top 10 ของ จขกท. มีแค่ 3 เรื่องเองจ้ะ... Black Swan...ดีมากจริงๆ ชอบมากกกก... SNW...เราก็ชอบมากแต่ไม่ที่สุด... ส่วน Splice..มันได้แง่มุมอย่างที่ จขกท.ว่ามาจริงๆด้วยแหละจ้ะ...เราชอบมาก... แต่ส่วนตัวคิดว่า...ช่วงท้ายๆมันเป็นส่วนเกิน...ที่ออกจะทอนคุณค่าของหนังไปพอดู... จากคุณ : .....**{~_^}**..... (สางฝอย) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 08:06:26

ความคิดเห็นที่ 15 ในพันทิปมีคนดูRuhrเป็นเพื่อนด้วย หาคนมาdiscussเรื่องนี้ได้ยากมาก ยิปปี้ จากคุณ : ERWA เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 08:37:37

ความคิดเห็นที่ 16 ไล่ลงมาเรื่อยๆ สะดุดให้กับรูป ใน  # 11 นี่นะ  เรื่องไรครับ  อยากดู จากคุณ : Ain't No Mountain High Enough เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 09:00:16

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ชอบ inception บ้างหรอ ผมชอบที่สุดเลยล่ะ คนเราสไตล์การชอบไม่เหมือนกันจริงๆแล่ะเนอะ จากคุณ : dokya_pladuk เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 09:09:29

ความคิดเห็นที่ 18 สุดยอดอ่ะ หนังหาดูยากตามเทสกาลทั้งนั้นเลย รสนิยมดีมากๆ ผมว่าถ้าผมได้ดูคงสนุกได้เต็มที่ได้แค่่เรื่องสองเรื่องแน่ๆ ป.ล.ไม่มีสุดเขตเหรอ? จากคุณ : nishiet (nishiet) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 10:04:56

ความคิดเห็นที่ 19 พรีวิวกันขนาดนี้ ยิ่งทำให้อยากดู Black Swan แฮะ ส่วน Love Exposure ไม่ได้ดูหนังญี่ปุ่นที่เนื้อเรื่องเสื่อมหลุดโลกมานานแฮะ เลยอยากดูเหมือนกัน ส่วน Splice นี้ ผมจัดว่าหนังเหวอแตกแห่งปีเลย 555+ จากคุณ : mushroom cream soup เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 10:31:55

ความคิดเห็นที่ 20 list ของผมก็ไม่มี Inception ครับ ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าไม่มีหนังเรื่องนี้ในอันดับ จะโดนลากไปด่ามั้ย จากคุณ : OBERON เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 12:49:23

ความคิดเห็นที่ 21 ผมชอบอ่าน ท็อป 10 หนังแห่งปี ที่มีเรื่องที่ผมไม่รู้จัก จะได้หามาดูบ้าง  ^^ จากคุณ : xemikonscuz เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:10:00

ความคิดเห็นที่ 22 Top 10 -องคุณ จขกท.  เราได้ดูแค่  8 +7 +6 จ้ะ ... (ใน 3 เรื่องนี้ ชอบ 6 สุด) และเท่าที่ได้ดูในปี 2010 เราปลาบปลื้ม Baaria ที่สุดอ่ะค่ะ จากคุณ : Another GutZ (Another GutZ) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:16:23

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบ คุณ .....**{~_^}**..... (สางฝอย) ช่วงท้ายๆ ของ Splice มันสุดขีดจริงๆ ครับ ตอนดูยังอึ้งเลยว่าเอาแบบนี้เลยเหรอ ชอบการตัดสินใจของนางเอกในตอนจบมากๆ เลยครับ เรียกว่าไหนๆ ก็มขั้นนี้แล้ว ต้องเอาให้สุดทาง ตอบ คุณ ERWA พูดถึงการ discuss เรื่อง Ruhr แล้ว ตอนออกมาจากโรง เพื่อนผมบางคนก็ตั้งข้อสังเกตว่า ปล่องไฟในฉากสุดท้ายอาจจะเป็น symbol แทน ตึก WTC ก็ได้ แต่บางคนดูแล้วก็นึกถึง ห้องรมแก๊สของนาซี ส่วนผมไม่ได้คิดถึงอะไรเลย 555 ตอบ คุณ Ain't No Mountain High Enough จากเรื่อง "9 สาวมหัศจรรย์" ครับ 55555 ตอบ คุณ dokya_pladuk ได้ดู Inception และเพลิดเพลินกับหนังทีเดียวครับ แต่ไม่ได้โดนใจมาก หนังของโนแลนมักจะมีอะไร 'เยอะ' เกินไปในความคิดของผม อย่าง Inception ผมว่าทำเป้นหนัง 90 นาทียังได้เลย อย่างไรก็ การที่โนแลนไม่ได้ขิงออสการ์สาขา ผกก. ยอดเยี่ยม ผมว่าเป้นอะไรที่ absurd มากๆ ตอบ คุณ nishiet พอดี ช่วงปลายปีที่แล้วยุ่งมาก เลยพลาด สุดเขต ไปครับ จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 17:43:58

ความคิดเห็นที่ 24 กรี๊ดดดด Please Give ออกแผ่นแล้วเหรอออออออ ต้องไปสอยมาดูแล้ว! จากคุณ : Lucy in the sky with diamonds เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 18:00:25

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องที่ 4 ไปไหนอ่ะคะ จากคุณ : Manggahan เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 18:12:31

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณครับ ที่ช่วยเปิดหูเปิดตา จากคุณ : คนไทยในต่างมุม เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 14:14:24

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องที่ 4 คือ Evangelion: 2.0 You Can (Not) Advance ครับ ไม่รู้ไปพิมพ์คำว่าอะไรเข้า โดนลบซะงั้น T_T จากคุณ : merveillesxx เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 17:35:56

ความคิดเห็นที่ 28 ชอบประโยคนี้ 555 >> "เราควรโคลนนิ่ง ดาร์เรน อารอนอฟสกี้ เก็บไว้ได้แล้ว" จากคุณ : นางาเสะจัง เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 15:28:14