ความคิดเห็นที่ 1 กฎของสแตนด์ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:15:01

ความคิดเห็นที่ 2 กฎของสแตนด์ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:15:21

ความคิดเห็นที่ 3 กฎของสแตนด์ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:15:39

ความคิดเห็นที่ 4 กฎของสแตนด์ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:15:56

ความคิดเห็นที่ 5 กฎของสแตนด์ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:16:15

ความคิดเห็นที่ 6 กฎของสแตนด์ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:16:29

ความคิดเห็นที่ 7 ความสามารถเกี่ยวกับ “เวลา” จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:17:48

ความคิดเห็นที่ 8 - หยุดเวลา Star Platinum ร่างต้น - Jotaro Kujo (3/1) Star Platinum เป็นสแตนด์ที่มีรูปร่างแบบมนุษย์ และเป็นสแตนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก JOJO (ตามที่ผู้เขียนว่าไว้) สุดยอดทั้งพลังกาย ความเร็ว และความแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการ “หยุดเวลา” (ที่พัฒนาขึ้นระหว่างการต่อสู้กับ Dio) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:18:57

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อใช้ความสามารถ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวจะหยุดนิ่งหมด มีเพียงเจ้าของความสามารถเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหวในห้วงเวลานั้นได้   Star Platinum สามารถหยุดเวลาได้ประมาณ 2 วินาที ในภาค 4 และ 5 วินาทีในภาค 6 (เป็นร่างที่พัฒนาสมบูรณ์ของ Star Platinum) แต่หากไม่ได้ใช้ความสามารถหยุดเวลาบ่อยๆ จะทำให้ระยะเวลาการหยุดเวลาลดลง จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:19:23

ความคิดเห็นที่ 10 The World ร่างต้น - Dio Brando (3/4) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:20:08

ความคิดเห็นที่ 11 The World เป็นสแตนด์ที่มีลักษณะเช่นเดียวกันกับ Star Platinum  แต่สามารถ “หยุดเวลา” ได้มากกว่า โดยหยุดได้ถึง 9 วินาที ในช่วงแรกหยุดได้ 3-4 วินาที ต่อมาเมื่อส่วนคอ (Dio) เริ่มติดกับร่างกาย (Jonathan Joestar ปู่ของ Joseph) สนิท ก็สามารถหยุดได้ 5 วินาที และได้ 9 วินาที เมื่อได้ดูดเลือดของ Joseph จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:20:33

ความคิดเห็นที่ 12 - เร่งเวลา Stairway to Heaven (Made in Heaven) ร่างต้น - Enrico Pucci (6/6) เป็นสแตนด์ในร่างที่ 3 ของบาทหลวง มีรูปร่างเหมือนคนขี่ม้า เกิดขึ้นเมื่อบาทหลวง Pucci มีพลังแรงดึงดูดสมบูรณ์ จากการไปอยู่ในตำแหน่งของพระจันทร์ที่จะเกิดขึ้นในวันแรม 15 ค่ำ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:21:28

ความคิดเห็นที่ 13 มีความสามารถในการ “เพิ่มความเร็วให้เวลา” หรือ เร่งเวลา  ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนตามความเร็วของสแตนด์ทัน ทฤษฎีในเรื่องกล่าวว่า สแตนด์ใช้แรงดึงดูดของดวงจันทร์โลก และจักรวาล ทำให้เวลาผ่านไปเร็วขึ้น และสิ่งมีชีวิตจะไม่สามารถตามกระแสเวลานั้นได้ทัน  ซึ่งแรงดึงดูดนี้ยิ่งมากเท่าไหร่ เวลาก็ยิ่งช้าเท่านั้น หากแรงดึงดูดน้อยก็จะเกิดผลตรงข้าม เมื่อเร่งเวลาให้เร็วขึ้น เร็วขึ้น สุดท้ายจะเร่งไปจนครบ 1 รอบจักรวาล  จนเกิดโลกใหม่ขึ้น เป็นโลกที่มนุษย์จะรับรู้ชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเองและจดจำได้ด้วยวิญญาณ เนื่องจากเคยผ่านมาแล้วนั่นเอง  เช่น เห็นกระดาษตกอยู่ ก็จำได้ว่า หากเดินเหยียบกระดาษ ตัวเองจะหกล้ม เป็นต้น จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:22:04

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับ ทฤษฎีของเรื่องตอนนี้ ผมเองก็จนปัญญาจะเข้าใจครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องของ การเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสง มีการถกกันแล้วตามนี้ครับ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2006/12/X4978535/X4978535.html http://writer.dek-d.com/dek-d/story/viewlongc.php?id=119904&chapter=1 จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:22:30

ความคิดเห็นที่ 15 - ย้อนเวลา 1) Killer Queen Another One Bites the Dust (3) 2) Moody Blues 3) Gold Experience Requiem 4) Underworld 5) Mandom Killer Queen / Another One Bites the Dust ร่างต้น - Yoshikage Kira  (4/14) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:23:58

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นความสามารถที่ 2 เกิดขึ้นจากการโดนลูกธนูแทงอีกครั้ง มีเป้าหมายเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของร่างต้น หากมีใครรู้ตัวจริงของร่างต้น Killer Queen ร่างจิ๋ว จะเข้าไปในดวงตาของผู้นั้นและกดระเบิด ผลคือ คนที่รู้ความจริงจะตาย และสแตนด์จะย้อนเวลากลับไปยังเช้าก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น และทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างปกติโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้น แม้แต่ร่างต้นที่จะรู้เพียงว่ามีการย้อนเวลา แต่ไม่รู้รายละเอียด นอกจากนี้ ยังสามารถฝังความสามารถนี้กับใครก็ได้ (ตามเนิ้อเรื่องจะฝังไว้กับลูกชายเพื่อป้องกันไม่ให้ไปบอกข้อมูลกับพวกโจสุเกะ) และสแตนด์จะทำการปกป้องผู้นั้นจากอันตรายทั้งหมด รวมถึงการทำร้ายตนเองด้วย จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:24:33

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพยนตร์ที่มีพล็อตของการย้อนกลับไปเป็นวันเดิม คือ Groundhog Day (1993) ชื่อไทยว่า วันรักจงกลม (-__-)'' กำกับโดยHarold Ramis นำแสดงโดยBill Murray และ Andie MacDowell   เรื่องย่อ: http://toptoro.ไม่อนุญาตให้โฆษณา/reviews/item/31 พระเอกในเรื่องนี้เป็นคนเดียวในเรื่อง ที่ตื่นขึ้นมาในวัน GROUNDHOG เขามาทำข่าวงานเทศกาลวัน GROUNDHOG พร้อมทีมงานรวมถึงนางเอกที่เป็นหัวหน้า เขาเริ่มตระหนักว่ามีเขาเพียงผู้เดียว ที่ตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเช้าแล้วพบเจอเหตุการณ์เดิมซ้ำๆ เขาไม่สามารถหนีจากวัน GROUNDHOG ได้สำเร็จ แม้จะได้ทดลองฆ่าตัวตายหลายวิธีแล้วก็ตาม จึงต้องยอมรับและ หาวิธีใช้ชีวิตอยู่ในวัน GROUNDHOG กับเมืองนี้ตลอดกาล ช่วงแรกพระเอกซึ่งมีนิสัยร้าย เห็นแก่ตัวเป็นที่สุด คิดจะทำคือ ทำอะไรก็ได้ในทางที่เลว เช่นชับรถซิ่งจนโดนตำรวจจับ ขโมยเงินจากรถขนเงินของธนาคารไปใช้ หาทางฟันสาวๆในเมืองนี้ไปทั่ว จนกระทั่งถึงคิวของหัวหน้าเขาเอง เขาพยายามจีบหัวหน้าด้วยการลองผิดลองถูก พยายามเก็บข้อมูลความสนใจในเรื่องต่างๆ เพื่อนำกลับมาใช้ในวันใหม่เสมอ จนกระทั่งทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เขารู้ทุกเรื่องของหัวหน้าจึงเข้ากับหัวหน้าได้ดีในทุกเรื่อง ถึงกระนั้นก็ตามหัวหน้ากลับไม่ยอมนอนกับเขาสักที แถมยังเจอตบหน้าอย่างแรงเป็นของขวัญอีกต่างหาก เขาลองผิดลองถูกนับครั้งไม่ถ้วน จนถึงกับหมดหวัง เขาไม่เข้าใจจริงๆว่า ทำไมคนที่รู้ทุกเรื่อง ทั้งรสนิยม สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ จึงไม่สามารถพิชิตใจนางเอกของเราได้ ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาเริ่มหลงรักนางเอกเข้าแล้วสิ ข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้คือ ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเหตุการณ์รอบตัวเกิดซ้ำทุกวัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เกิดซ้ำทุกวันแน่นอน ก็คือนิสัยของเรา ขอเพียงเรารู้จักสังเกต เรียนรู้นิสัยตนเอง และพร้อมแก้ไขให้ดีขึ้นวันละนิดละหน่อย เราก็จะอยู่ใน GROUNDHOG DAY ได้อย่างมีความสุข จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:25:34

ความคิดเห็นที่ 18 Groundhog Day คือ วันเฉลิมฉลองเทศกาล ทุกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ในสหรัฐฯและแคนาดา ตามตำนานพื้นบ้าน กล่าวว่า หากวันไหนที่มีเมฆมาก และเจ้า Groundhog โผล่ออกมาจากโพรงวันนั้นพอดีและทิ้งโพรงไป จะสัญญาณการบอกว่าหน้าหนาวกำลังจะสิ้นสุดแล้ว  แต่ในทางกลับกัน หากวันนั้นฟ้าใส และเจ้า Groundhog สังเกตเห็นเงาของตัวเอง มันจะมุดกลับเข้าไปในโพรง  ซึ่งเป็นการบอกว่าหน้าหนาวจะมีต่อไปอีกกว่า 6 สัปดาห์  งานเฉลองเทศกาลนี้ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ Punxsutawney, Pennsylvania และนี่คือโฉมหน้าเจ้า Groundhog จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:26:17

ความคิดเห็นที่ 19 Moody Blues ร่างต้น Leone Abbachio (5/7) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:27:38

ความคิดเห็นที่ 20 มีความสามารถในการ “Replay” เหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นกับบุคคลคนหนึ่ง รวมถึงตัวเองได้  โดยสแตนด์จะเปลี่ยนร่างตนเองเป็นคนคนนั้น (มีความละเอียดสมจริงทุกอย่าง เห็นแม้กระทั่งลายนิ้วมือ) และกระทำตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ย้อนกลับไป  แต่ในระหว่างที่ทำการ Replay ร่างต้นจะควบคุมการกระทำของสแตนด์ไม่ได้จนกว่าจะปลดความสามารถออก จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:27:59

ความคิดเห็นที่ 21 Gold Experience Requiem ร่างต้น - Giorno Giovanna (5/1) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:28:35

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นความสามารถที่เกิดขึ้นจากการโดนลูกศรแทง และเป็นความสามารถอัตโนมัติ อยู่นอกเหนือการควบคุมของร่างต้น มีความสามารถในการควบคุมเวลาให้ “ย้อนกลับไปที่ 0”  เช่น การจู่โจมใดๆต่อร่างต้น จะถูกทำให้ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น แม้จะเป็นความจริงแต่ความจริงนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น มีผลกับการเหตุการณ์ทุกอย่างแม้แต่กับความตาย ก็จะวนเวียนกลับไปกลับมาอย่างนั้น ไม่รู้จบ (ตายแล้วตายอีกนั่นเอง) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:28:55

ความคิดเห็นที่ 23 Underworld ร่างต้น - Donatello Versace (6/22) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:36:09

ความคิดเห็นที่ 24 มีความสามารถในการ “ขุดความทรงจำที่เกิดขึ้นแล้ว ออกมาจากพื้นดิน”  ขุดนี่คือ ขุดดินจริงๆ (ฮา) สแตนด์จะขุดดินเพื่อทำให้สิ่งที่ต้องการปรากฏขึ้น  และสามารถอ่านความทรงจำในเรื่องที่ต้องการจากพื้นดินได้ สิ่งที่ต้องการ ยังรวมถึง เหตุการณ์ ที่เคยเกิดขึ้นด้วย เช่น เหตุการณ์เครื่องบินตก เป้าหมายจะถูกทำให้อยู่ในเหตุการณ์นั้น และประสบเหตุเช่นเดียวกับเหตุนั้น  ถ้าเครื่องบินตก ก็ตกไปด้วย  นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างเหตุการณ์ให้เกิดขึ้นซ้อนกันก็ได้ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:36:33

ความคิดเห็นที่ 25 นึกถึงฉากเครื่องบินตกใน Final Destination (2000) ขึ้นมาเลยครับ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:36:54

ความคิดเห็นที่ 26 Mandam ร่างต้น - Ringo Roadagain  (7/13) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:40:25

ความคิดเห็นที่ 27 สามารถ “ย้อนเวลากลับได้ 6 วินาที” ไม่ขาดไม่เกิน จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:40:45

ความคิดเห็นที่ 28 สถานที่ตามท้องเรื่อง (ใช้คำโบราณไปไหมนี่) เป็นสวนผลไม้ที่ตัวเอกขี่ม้าวนไปวนมาอยู่หลายชั่วโมงก็หาทางออกไม่ได้  เข็มทิศก็ใช้ไม่ได้เพราะมีลูกพลัม ซึ่งมีธาตุเหล็กอยู่มาก ทำให้เข็มทิศรวนกันเลยทีเดียว ลูกพลัมมีธาตุเหล็กเยอะ (ขนาดนั้น) จริงหรือ? http://www.nal.usda.gov จากข้อมูลตามเว็บ ผลไม้ (raw) ในอัตราส่วน 100 gram Plum มีอัตราส่วนธาตุเหล็ก 0.17 mg  (ก็ยังไม่รู้ว่ามาก-น้อยยังไง) ผมเลยสุ่มเปรียบเทียบกับผลไม้อื่นดู พบว่า Kiwi = 0.31 mg Orange = 0.20 mg Banana = 0.26 mg Mango = 0.16 mg Pineapple = 0.29 mg แต่ถ้า เป็น Prune (แห้ง) = 0.93 mg Plum (กระป๋อง/ในน้ำเชื่อม) = 0.84 mg กลายเป็นว่า ลูกพลัม (แห้ง / เชื่อม) และลูกพรุน (หนึ่งในตระกูลพลัม) กลับมีสัดส่วนธาตุเหล็กสูงกว่า ลูกพลัมสดไปเสียนี่ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:41:21

ความคิดเห็นที่ 29 - ลบเวลา King Crimson ร่างต้น – Diavolo (5/18) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:42:03

ความคิดเห็นที่ 30 มีความสามารถในการ “ลบเวลา” ทิ้งไป (ใช้คู่กับการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า) ซึ่งก่อนจะลบเวลาทิ้ง ร่างต้นจะใช้การคาดการณ์การกระทำ-เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อน แล้วจึงค่อยลบเวลา ซึ่งช่วงเวลาที่ถูกลบไปนี้ จะไม่มีใครรู้ตัวหรือจำได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นจะข้ามเวลาที่ถูกลบไปเลย (แก้ไข จาก ข้ามเวลา เป็น ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าครับ ตามคำแนะนำจากคุณ Ittipol02) อีกช้อครับ คำอธิบายความสามารถอยู่ในความเห็น 109-110 ครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 54 17:27:17 แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 54 17:15:47 แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 54 17:14:23 จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:43:04

ความคิดเห็นที่ 31 Diavolo เป็นตัวละครที่มี 2 บุคลิก (Dissociative identity disorder) อีกบุคลิกหนึ่งคือ Vinegar Doppio ซึ่งผู้เขียนได้กล่าวอ้างถึง Billy Milligan ซึ่งเป็นผู้ที่มีบุคลิกถึง 24 บุคลิกเลยทีเดียว ลักษณะสำคัญของ Dissociative identity disorder : http://www.pocketonline.net/board/view.php?id=1355 ผู้ป่วยจะมีลักษณะบุคลิกนิสัย ตั้งแต่ 2 บุคลิกขึ้นไปซึ่งต่างก็ผลัดกันออกมามีผลต่อพฤติกรรมของผู้ป่วย และมีอาการหลงลืมมากกว่าการหลงลืมตามปกติธรรมดา แต่ละบุคลิกก็จะมีลักษณะที่เฉพาะ เช่นมีประวัติความเป็นมา ลักษณะท่าทางแม้กระทั่งชื่อเฉพาะตัว ช่วงที่ผู้ป่วยอยู่ในบุคลิกเดิมมักไม่ตระหนักว่ามีอีกบุคลิกเกิดขึ้นและจะลืมเหตุการณ์ ในช่วงที่เปลี่ยนบุคลิกไป ในขณะที่บุคลิกใหม่มักจะรู้และจำได้ว่ามีบุคลิกเดิมอยู่ การเปลี่ยนแปลงบุคลิกมักจะเป็นไปอย่างทันทีทันใด บุคลิกแรกมักเป็นแบบ อ่อนแอ สมยอม ซึมเศร้า ส่วนบุคลิกใหม่มักตรงกันข้าม โรคนี้มักพบในผู้หญิง และพบบ่อยว่ามีประวัติการถูกทารุณกรรมทางเพศในช่วงวัยเด็ก  โรคนี้มักจะเป็นเรื้อรังและอาจกำเริบเป็นช่วงๆ และมักเกิดในช่วงที่มีการกดดันต่อจิตใจ อาการอาจทุเลาลงเมื่ออายุมากกว่า 40 ปี การรักษา การรักษาใช้วิธีจิตบำบัดชนิดลึก คือการสะกดจิตให้จิตใต้สำนึกได้ระบายความคับข้องใจโดยตรง ที่ยามปกติไม่สามารถระบายได้จนต้องเบี่ยงเบนออกมาในอีกบุคลิกหนึ่ง โรคอื่นที่มีอาการคล้ายๆกัน 1. Complex Patial Seizure แต่บุคลิกที่เปลี่ยนไปมีความซับซ้อนน้อยกว่า 2. Shizopherenia, Mood Disorder แต่อาการจะคงอยู่นานกว่าและการเปลี่ยนแปลงไม่กระทันหัน จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:44:44

ความคิดเห็นที่ 32 แล้ว นาย Billy ที่ว่า มีอาการอย่างไร? William Stanley Milligan : http://en.wikipedia.org/wiki/Billy_Milligan   เกิดเมื่อปี 1955 หรือรู้จักในนามBilly Milligan เป็นที่รู้จักเมื่อถูกจับฐานก่ออาชญากรรมในมหาวิทยาลัย (พกอาวุธ / ปล้น / ข่มขืน) ในรัฐ Ohio ช่วง 1970แต่ระหว่างการไต่สวน พบว่า Billy มีอาการผิดปกติทางจิต ในลักษณะ Dissociative identity disorder หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ Multiple Personality Disorder   Billy ให้การว่า สอง (ในหลาย) บุคลิกของเขา เป็นคนก่อเหตุโดยที่ Billy ไม่รู้เรื่อง ซึ่งBilly เป็นคนแรกในสมัยนั้นที่อ้างเหตุนี้ขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเอง Billy มีหลายบุคลิกมาตั้งแต่ 5 ขวบ โดยมี 3 บุคลิก คือ 1) เด็กนิรนาม  2) Christene และ  3) Shawn บุคลิกหลักของร่าง คือ Billy Milligan  และมีบุคลิกรอง 2 คน คือ Ragen และ Arthur ซึ่ง 2 คนนี้จะเป็นคนตัดสินว่า จะให้บุคลิกใดปรากฏออกมา (บุคลิกที่น่าพอใจ) บุคลิกที่  Ragen และ Arthur เห็นว่า “น่าพอใจ” มี 10 คน คือ 1. Billy Milligan (William Stanly Milligan) เป็นแกนของร่าง 2. Arthur  เป็นผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และยาชาวอังกฤษ 3. Ragen Vadascovinich  เป็นชาวยูโกสลาเวีย พูดสำเนียงสลาวิคสามารถเขียนอ่านภาษา Serbo-Croatian ได้ รวมทั้งเป็นคอมมิวนิสต์ด้วย  มีความเชี่ยวชาญในด้านอาวุธและมีความแข็งแรงมาก  พร้อมทั้งชอบที่จะช่วยเหลือผู้หญิงที่เดือดร้อน 4. Allen  นักต้มตุ๋น เป็นคนที่ดูปกตินามสนทนาด้วยที่สุดเมื่อปรากฎออกมา สามารถเล่นกลองและวาดรูป portrait และเป็นบุคลิกเดียวที่สูบบุหรี่   5. Tommy  เป็นศิลปินหลุดโลก มักขัดแย้งกับ Allen  สามารถเล่น tenor sax และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์  รวมทั้งเชี่ยวชาญด้านการวาดภาพแนวทิวทัศน์ 6. Danny  เป็นโรคหวาดกลัวผู้คนโดยเฉพาะผู้ชาย 7. David  อายุ 8 ปี ทำหน้าที่รับความเจ็บปวด 8. Christene  เด็กหญิงอายุ 3 ปี มีความบกพร่องในการอ่าน แต่ Arthur  สอนให้อ่านและเขียนได้ มีความผูกพันกับ Ragen เป็นพิเศษ 9. Christopher  พี่ชายของ Christene เล่นharmonica ได้ 10. Adalana  เป็นlesbian  แย่งกับRagen ในการควบคุมร่างกาย  ในตอนนั้น Ragen  ตั้งใจแค่จะปล้น แต่ Adalana โผล่ออกมาและจัดการข่มขืนเหยื่อ  ปกติ Adalana จะทำหน้าที่ทำอาหารและทำความสะอาดบ้าน  มีความสามารถในการแต่งบทกวี บุคลิกที่  Ragen และ Arthur เห็นว่า “ไม่น่าพอใจ” มี 13 คน คือ 11. Phil  เป็นอันธพาล และมีส่วนในการวางแผนก่ออาชญากรรม  พูดสำเนียง Brooklyn 12. Kevin  เป็นคนวางแผนก่อเหตุปล้น 13. Walter  เป็นชาวออสเตรเลียน มีความสามารถพิเศษในด้านทิศทาง ไม่เป็นที่พอใจเพราะฆ่านก 14. April   คิดแต่จะฆ่าพ่อเลี้ยงของ Billy   (เพราะ Billy ถูกทารุณโดยพ่อเลี้ยง) 15. Samual  เป็นชาวยิว เป็นร่างเดียวที่เชื่อในพระเจ้า   ไม่เป็นที่พอใจเพราะเอารูปของร่างอื่นไปขาย 16. Mark  เป็นผู้ใช้แรงงาน ถูกว่าว่าเหมือนซอมบี้ เพราะจะไม่ทำอะไรเลย นอกจากถูกส่งให้ทำ 17. Steve   ชอบทำท่าล้อเลียนไม่เป็นที่พอใจเพราะมุขตลกทำให้เกิดปัญหาในครอบครัว 18. Lee  เป็นพวกบ้าๆบอๆ และทำตลกโดยไม่สนใจปัญหาที่ตามมา 19. Jason  ทำหน้าที่เหมือนpressure valve  ทำหน้าที่ปล่อยความเครียดให้ครอบครัว  แต่หน้าที่นี้มักทำให้เกิดปัญหา 20. Bobby   มักจะฝันเฟื่องว่าได้ช่วยโลกไว้จากวิกฤตการณ์  แต่ไม่มีความทะเยอทะยานในการทำแบบนั้น เลยไม่เป็นที่พอใจ 21. Shawn  อายุ 4 ปีและหูหนวก (เป็นบุคลิกที่ไม่มีประโยชน์) 22. Martin  เป็นคนหัวสูง จากนิวยอร์ค ชอบรับสิ่งของ มากกว่าหามาเอง 23. Timothy  ทำงานในร้านดอกไม้ จนพบ homosexual และเบี่ยงเบนไปทางนั้น บุคลิกสุดท้าย The Teacher 24. The Teacher เป็นร่างที่เหมาะที่สุดสำหรับการรวมบุคลิกทั้งหมด Billy เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวช และออกมาในปี 1988 ปัจจุบันอาศัยอยู่ในรัฐ California แล้วก็สงสัยครับ ว่า บุคลิกที่เกิดขึ้น ทำไมถึงมีความสามารถในด้านต่างๆ โดยเฉพาะ ภาษา และ ศิลปะได้ ทั้งที่ร่างหลักไม่น่าจะรู้จักหรือ ได้รับการศึกษาที่ดีขนาดนั้น  เค้ามีความสามารถเหล่านี้ได้อย่างไร? หรือนี่คือ STAND (O_O)'' จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:45:19

ความคิดเห็นที่ 33 ความสามารถเกี่ยวกับ “มิติ” - โลกแห่งเงา 1) The Hanged Man 2) Man in the Mirror จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:45:56

ความคิดเห็นที่ 34 The Hanged Man ร่างต้น - J. Geil (3/13) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:46:27

ความคิดเห็นที่ 35 สแตนด์ที่จะถูกมองเห็นได้จากภาพสะท้อนเท่านั้น เคลื่อนที่โดยการสะท้อนจากสิ่งสะท้อนแสงสิ่งหนึ่งไปยังอีกสิ่งหนึ่ง มีความสามารถใน “การโจมตีเงาสะท้อนของเป้าหมายที่ปรากฏในวัตถุ” โดยใช้มีดที่มือ และเมื่อเงาสะท้อนถูกโจมตี ร่างจริงจะโดนไปด้วย   (ในตอนนี้ คะเคียวอิง กล่าวว่า โลกในกระจกน่ะไม่มีจริงหรอก...ยังงี้ต้องพามาเจอ Man in the Mirror ซะแล้ว  แต่คะเคียวอิงตายไปแล้วนี่นา) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:46:50

ความคิดเห็นที่ 36 Man in the Mirror ร่างต้น – Illuso (5/12) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:47:13

ความคิดเห็นที่ 37 มีความสามารถในการ “ลากเป้าหมายเข้า-ออกโลกกระจก”  ซึ่งสามารถจำกัดสิ่งที่ผ่านเข้า-ออกได้ตามความต้องการของร่างต้น สิ่งที่ไม่อนุญาตจะผ่านเข้า-ออกไม่ได้  เช่น อนุญาตให้เฉพาะร่างต้น แต่ไม่ให้สแตนด์เข้ามา  หรือ อนุญาตให้เข้ามาแค่แขนซ้าย เป็นต้น ในโลกกระจก ของทุกอย่างจะกลับด้าน เหมือนส่องกระจกอยู่นั่นเอง  นอกจากนี้ อะไรที่เกิดขึ้นในโลกจริง เช่น วัตถุเคลื่อนที่ หรือ นกบินผ่าน ก็จะปรากฏในโลกกระจกด้วย  แต่ความสามารถนี้ต้องใช้พลังสแตนด์มหาศาล ทำให้ Man in the Mirror มีความอ่อนแอกว่าสแตนด์อื่นๆ แต่ก็มีแรงขนาดสังหารคนธรรมดาได้ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:47:36

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วนเพลง Man in the Mirror ของ Michael Jackson เป็นเรื่องของภาพสะท้อนในกระจกเช่นกัน แต่สร้างสรรค์จรรโลงโลกสุดๆ “If you wanna make the world a better place, Take a look at yourself and then make a change” ในปี 2009หลังจากข่าว Michael เสียชีวิต เพลงนี้ได้กลับเข้าชาร์ต Billboard อีกครั้ง โดยได้ลำดับที่ 2 รองจากเพลง Evacuate the Dance Floor ของ Cascada (เพลงนี้เหมาะกับเปิดให้สาวๆ เต้นเก๋ๆ ในคลับมากครับ  …”Whoaa, evacuate the dancefloor , ….., I'm infected by the sound …..stop, this beat is killing me …..Hey Dr. DJ let the music take me underground) Man in the Mirror ยังครองอันดับ 1 ยอด download iTunes ทั้งใน US และ UK อีกด้วย จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:48:05

ความคิดเห็นที่ 39 - ทะลุมิติ 1) Cream 2) Clash 3) Ball Breaker 4) Tusk Act 4 5) Dirty Deeds Done Dirt Cheap 6) Wired 7) Tattoo You! 8) Chocolate Disco จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:48:59

ความคิดเห็นที่ 40 Cream ร่างต้น - Vanilla Ice (3/32) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:49:23

ความคิดเห็นที่ 41 มีความสามารถในการ “กลืนกินวัตถุทุกชนิดและส่งวัตถุนั้นๆไปอีกมิติหนึ่ง”  โดยไนปากของสแตนด์จะเป็นห้วงมิติ ที่แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเป็นมิติอะไร-ไปไหน   สแตนด์จะกลืนตัวเองและโจมตีจากห้วงมิติ (ทำให้ไม่มีใครรับรู้-มองเห็นได้เลย)  แต่เมื่อกลืนตัวเองเข้าไปแล้วจะมองไม่เห็นสภาพภายนอก และการจะเคลื่อนที่ผ่านวัตถุใดๆจะต้องกลืนวัตถุนั้นเข้าไปก่อน ทำให้เป็นจุดอ่อนและถูกจัดการในที่สุด (นี่ผม Spoil มากไปรึเปล่าครับ) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:50:03

ความคิดเห็นที่ 42 Vanilla Ice เป็นชื่อในวงการของ Rapper ผิวขาว Robert Matthew Van Winkle ที่ได้ชื่อนี้เพราะ สมัยละอ่อน ชอบไปกับก๊วนผิวดำ และตัวเองผิวขาวอยู่คนเดียว เพื่อนเลยเรียกว่า Vanilla ส่วน Ice มาจากสไตล์การ Rap ของร่างต้น เอ้ย เจ้าตัว อัลบั้มใหม่ของ Vanilla Ice มีชื่อว่า WTF  เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 ของพ่อหนุ่ม Ice Ice baby คนนี้ มีกำหนดออกจำหน่ายวันที่ 31 มกราคม 2011 ครับ ส่วนเพลง Ice Ice baby (จะยังมีน้องๆรู้จักไหมเนี่ย) อยู่ในสตูดิโออัลบั้มแรกที่ชื่อว่า To the Extreme (1990) ฮิตระเบิดระเบ้อติดทั้งอันดับ 1  ได้ทั้ง Platinum US-UK  ส่วนเสียงเบสสุดจะติดหู “ดึง ดึง ดึง ดะ ดึ๊ง ดึ๊ง ดึ่ง” มาจากเซมเพลอของเพลง Under Pressure ของ Queen & David Bowie  เป็นเพลง Hip Hop เพลงแรกที่ขึ้นอันดับ 1 Billboard ใน US และในอีกหลายประเทศ (ออสเตรเลีย / ไอร์แลนด์ / UK เป็นต้น) Under Pressure จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:50:31

ความคิดเห็นที่ 43 Clash ร่างต้น – Squalo (5/19) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:50:54

ความคิดเห็นที่ 44 สแตนด์รูปร่างเหมือนฉลาม ใช้การโจมตีด้วยการกัด  มีความสามารถในการ “เคลื่อนที่จากของเหลวสู่ของเหลวในพริบตา” ไม่ว่าจะเป็นของเหลวชนิดใดก็สามารถไปได้  และขนาดของสแตนด์จะขยาย-หด ตามปริมาณ-ภาชนะที่บรรจุน้ำนั้น จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:51:22

ความคิดเห็นที่ 45 ผมคงไม่เล่นมุข พี่แคลช วงแบงค์ หรอกครับ พูดถึงฉลาม ก็ต้องเรื่องฉลามสิ (^_^) : http://th.wikipedia.org/wiki/ ปลาฉลามขาว (Great white shark) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง มีขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่ พบได้ตามเขตชายฝั่งแถบทะเลใหญ่ มีความยาวประมาณ 6 เมตร น้ำหนักประมาณ 2250 กิโลกรัม ทำให้ปลาฉลามขาวเป็นปลานักล่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสิ่งมีชีวิตสปีชี่ส์เดียวในสกุล Carcharodon ที่ยังเหลืออยู่ ฉลามสามารถกัดสิ่งที่มีน้ำหนักถึง 1.8 ตันได้ แรงกัดของฉลามยังรุนแรงกว่าสิงโต 3 เท่า รุนแรงกว่ามนุษย์อย่างน้อย 20 เท่า  ส่วน Carcharodon Megalodon ที่อาศัยอยู่ในโลกเมื่อ 1.5 ล้านปีก่อน ยาว 16 เมตร หนัก 100 ตัน สามารถกัดสิ่งที่มีน้ำหนัก 10.8-18.2 ตัน ปลาฉลามขาวมีความสามารถคล้ายกับปลาฉลามสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีอวัยวะรับสัมผัสพิเศษ ที่สามารถตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่แผ่ออกมาจากปลาที่มีชีวิต ที่เคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ ทุกครั้งที่สิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ใต้ผิวน้ำ จะสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา และปลาฉลามขาวมีสัมผัสไวเป็นพิเศษ ที่สามารถตรวจจับได้แม้มีความแรงเพียง 1/1000,000,000 โวลท์ ซึ่งเปรียบเทียบได้กับสามารถตรวจจับแสงแฟลชได้ในระยะ 1600 กิโลเมตร ปลาชนิดอื่นๆ ส่วนมากไม่มีพัฒนาการถึงระดับนี้ แต่มีความสามารถที่คล้ายๆ กันนี้ ที่ลายด้านข้างลำตัว สัตว์เลือดเย็นอย่างปลาฉลามขาวได้พัฒนาระบบรักษาความร้อนภายในร่างกาย ให้สามารถรักษาอุณหภูมิให้สูงกว่าอุณหภูมิของน้ำภายนอกได้ โดยใช้ Rete mirabile ซึ่งเส้นใยเส้นเลือด ที่มีอยู่รอบตัวของปลาฉลามขาวนี้ จะรักษาความร้อนของเลือดแดงที่เย็นตัวลง ด้วยเลือดดำที่อุ่นกว่าจากการใช้พลังงานของกล้ามเนื้อ ความสามารถนี้ทำให้ปลาฉลามขาวรักษาระดับอุณหภูมิในตัว สูงกว่าอุณหภูมิน้ำทะเลรอบตัวประมาณ 14ํC (เมื่อล่าในเขตหนาวจัด) โดยที่หัวใจและเหงือกยังคงอยู่ที่อุณหภูมิของระดับน้ำทะเล ปลาฉลามขาวสามารถอดอาหารได้นานราว 1 สัปดาห์โดยที่ช่วงนั้นไม่ต้องกินอะไร อุณหภูมิของร่างกายส่วนใหญ่ สามารถลดต่ำลงจนเท่ากับอุณหภูมิของระดับน้ำทะเล อย่างไรก็ตาม ก็ยังจัดว่าปลาฉลามขาวป็นสัตว์เลือดเย็นอยู่ดี เพราะว่าอุณหภูมิของร่างกายไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ปลาฉลามขาวจะใช้สัมผัสพิเศษในการหาตำแหน่งเหยื่อจากระยะไกล และใช้สัมผัสในด้านการดมกลิ่น และการฟังเพื่อยืนยันตำแหน่งอีกที ในระยะประชิดฉลามจะใช้สายตาเป็นหลัก ปลาฉลามขาวมีชื่อเสียงในเรื่องเป็นนักล่าที่โหดร้าย เป็นเครื่องจักรสังหาร และมีเทคนิคในการซุ่มโจมตี โดยจู่โจมเหยื่อจากด้านล่าง จากการศึกษาพฤติกรรมพบว่า ปลาฉลามขาวจะจู่โจมบ่อยครั้งในช่วงตอนเช้า ภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากพระอาทิตย์ขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่ามีการพบเห็นปลาฉลามขาวน้อยลง หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นไป อัตราความสำเร็จในการล่าช่วงเช้าอยู่ที่ 55% ในช่วง 2 ชั่วโมงแรก แล้วตกลงเหลือ 40% ในช่วงต่อมา หลังจากพ้นช่วงเช้าไปแล้วก็จะหยุดล่า จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:52:04

ความคิดเห็นที่ 46 เทคนิคการล่าของปลาฉลามขาวแตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของเหยื่อ ในการล่าแมวน้ำปลาฉลามขาวจะจู่โจมแมวน้ำจากด้านล่างด้วยความเร็วสูง เล็งตรงกลางลำตัว ซึ่งความเร็วในการจู่โจมจะสูง จนกระทั่งฉลามกระโจนขึ้นเหนือผิวน้ำได้ และยังจะตามล่าต่อหลังจากที่จู่โจมครั้งแรกพลาดเป้าอีกด้วย สำหรับแมวน้ำบางชนิดปลาฉลามขาวจะใช้วิธีลากลงมาใต้น้ำ จนกระทั่งแมวน้ำหมดแรงดิ้น สำหรับสิงโตทะเลจะใช้วิธีจู่โจมที่ลำตัว แลวค่อยๆ ลากมากิน ทั้งยังมีวิธีกัดส่วนสำคัญที่ใช้ในการเคลื่อนไหว แล้วรอให้เลือดไหลจนตายอีกด้วย ซึ่งวิธีนี้ใช้จู่โจมแมวน้ำบางชนิด ส่วนในการล่าโลมา ปลาฉลามขาวจะจู่โจมจากด้านบน หรือด้านล่างเพื่อหลบหลีกการตรวจจับด้วยโซนาร์ของโลมา เรื่องของปลาฉลามขาวจู่โจมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันมากผ่านทางภาพยนตร์ อย่างเช่นเรื่องJaws ผลงานของSteven Spielberg แสดงให้เห็นถึงภาพฉลามที่โหดร้าย กินคน และเป็นอันตรายอย่างยิ่งกับมนุษย์ ให้ฝังในใจของผู้ชม ซึ่งอันที่จริงแล้วมนุษย์ไม่ใช่เหยื่อของฉลามตามธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีรายงานยืนยันฉลามจู่โจมมนุษย์เพียง 31 รายในรอบ 200 ปี และเป็นส่วนน้อยที่เสียชีวิต กรณีที่เสียชีวิตจะเป็นกรณีที่ฉลามลองกัดดูมากกว่า เพราะอยากรู้อยากเห็น ปลาฉลามขาวยังลองกัดพวกสิ่งของอื่นๆ เช่น ทุ่นลอยน้ำ และของที่มันไม่คุ้นเคยอื่นๆ และบางครั้งก็จะใช้เพียงริมฝีปากกัดโดนนักเล่นเซิร์ฟ เพราะอยากรู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ในกรณีอื่นๆ อาจเกิดขึ้นมาจากความเข้าใจผิด ที่จู่โจมนักเล่นเซิร์ฟจากด้านล่างเพราะเห็นเพียงเงา ดูแล้วคล้ายกับแมวน้ำ หลายกรณีเกิดขึ้นในช่วงที่ทัศนะวิสัย ไม่เอื่ออำนวยกับการมองเห็น และในกรณีที่ประสาทสัมผัสด้านอื่นมีประสิทธิภาพลดลง หรืออาจเป็นเพราะว่า สายพันธุ์ของปลาฉลามขาวไม่ค่อยถูกปากกับรสชาติของมนุษย์ หรือรสชาติไม่ค่อยคุ้นเคย อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์มีทฤษฎีที่ว่า ทำไมอัตราการจู่โจมมนุษย์ที่ร้ายแรงถึงต่ำ มันไม่ใช่เพราะว่าปลาฉลามขาวไม่ชอบเนื้อมนุษย์ แต่เป็นเพราะมนุษย์สามารถหนีขึ้นจากน้ำได้ หลังจากถูกจู่โจมครั้งแรก ในปี 1980 มีรายงานของ John McCosker บันทึกไว้ว่า นักดำน้ำที่ดำเดี่ยวคนหนึ่ง ถูกปลาฉลามขาวจู่โจมจนสูญเสียอวัยวะบางส่วนไป แต่ยังว่ายน้ำหนีมาจนได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ให้ขึ้นมาจากน้ำได้ ก่อนที่จะถูกปลาฉลามขาวเผด็จศึก จึงสันนิษฐานได้ว่ารูปแบบการจู่โจมของปลาฉลามขาว คือ จู่โจมสร้างบาดแผลสาหัสก่อนในครั้งแรก แล้วรอให้เหยื่อหมดแรงหรือเสียเลือดจนตาย แล้วค่อยเข้าไปกิน แต่มนุษย์สามารถขึ้นจากน้ำได้ (อาจหนีขึ้นเรือ) ด้วยความช่วยเหลือของคนอื่น ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเหยื่อของปลาฉลามขาว ทำให้การจู่โจมครั้งนั้นล้มเหลวไป อีกสันนิษฐานหนึ่งก็คือ มนุษย์ไม่มีคุณค่าทางอาหารมากพอสำหรับปลาฉลามขาว เพราะว่าปลาฉลามขาวมีระบบการย่อยที่ค่อยข้างช้า และร่างกายของมนุษย์มีกระดูก กล้ามเนื้อและไขมันมากเกินไป ส่วนใหญ่ปลาฉลามขาวจะเป็นฝ่ายหมดความสนใจ มนุษย์ที่ถูกโจมตีครั้งแรกก่อนเอง และเหตุที่มนุษย์เสียชีวิต ก็เพราะสูญเสียเลือดมากเกินไปจากการสูญเสียอวัยวะบางส่วน มากกว่าที่จะเป็นการสูญเสียอวัยวะสำคัญ หรือถูกกินทั้งตัว จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:52:31

ความคิดเห็นที่ 47 Breaking Ball ร่างต้น – Gyro Zeppeli (7/2) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:53:01

ความคิดเห็นที่ 48 เป็นความสามารถที่เกิดจากการหมุนอีกระดับของลูกเหล็ก (แต่ยังไม่สมบูรณ์เนื่องจาก ลูกเหล็กทรงกลมถูกเฉือน ทำให้กลายเป็นวงรี)  สามารถทะลุผ่านมิติได้ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:53:33

ความคิดเห็นที่ 49 Tusk Act 4 ร่างต้น – Johny Joestar (7/4) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:54:00

ความคิดเห็นที่ 50 เป็นความสามารถที่พัฒนาขึ้นจากการใช้การหมุนที่สมบูรณ์ (ผสานการหมุนเข้ากับม้า) มีความสามารถในการทะลุมิติเช่นเดียวกับ Breaking Ball แต่สมบูรณ์กว่า และทำให้ร่างของD4Cที่โดนความสามารถนี้หมุนวนไปจนถึงระดับเซลล์  และถูกดึงกลับมายังมิติพื้นฐานเสมอ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:54:21

ความคิดเห็นที่ 51 Dirty Deeds Done Dirt Cheap ร่างต้น - Funny Valentine (7/9) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:54:52

ความคิดเห็นที่ 52 เป็นสแตนด์ในหมวด “มิติ” เพียงตัวเดียวที่รู้ว่า มิติ ที่ตัวเองใช้อยู่น่ะ มันไปไหน (ฮา) Dirty Deeds Done Dirt Cheap หรือ D4C มีความสามารถในการ “ผ่านเข้าออกมิติคู่ขนาน” และสามารถดึงเอาบุคคลในมิติเหล่านั้นกลับมายังมิติหลักได้  โดยใช้ช่องว่างระหว่างวัตถุ 2 ชิ้นเป็นทางผ่านเข้าออก  แต่หากบุคคลที่ว่านั้น สัมผัสกับร่างของตนเองในอีกมิติหนึ่ง ร่างกายทั้งคู่จะสลายไป ยกเว้นร่างตัวเอง ที่พิเศษสุดๆ คือ สามารถดึงเอาตัวเองในมิติอื่น มาใช้แทนตัวเองที่กำลังจะตายได้ (สลับตัวได้นั่นเอง) ความทรงจำและความนึกคิดทั้งหมดของร่างเดิมจะถ่ายทอดไปยังร่างใหม่ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ รวมถึงพลังสแตนด์ด้วย (นี่คือคำตอบว่า ทำไมประธานาธิบดีอยู่ๆถึงผอมได้) และเมื่อรวบรวมซากศพครบบรรจุในร่างของลูซี่ ก็เกิดมีความสามารถใหม่ขึ้นมาเกื้อหนุน D4C นั่นคือ D4C Love Train เป็นความสามารถลักษณะ “ช่องแสง” หรือช่องบรรยากาศแทรกขึ้นมาโดยมีลูซี่เป็นศูนย์กลาง ซึ่ง D4C สามารถเคลื่อนที่ผ่านช่องนี้ได้อย่างอิสระ และจะปัดเป่าสิ่งที่เป็นเคราะห์ร้ายให้ไปตกยังสถานที่อื่น เช่น  มีกระสุนยิงใส่  กระสุนนั้นจะถูกเคลื่อนย้ายไปโดนชนเผ่ามาไซในแอฟริกาแทน เป็นต้น จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:55:21

ความคิดเห็นที่ 53 D4C Love Train จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:59:20

ความคิดเห็นที่ 54 Dirty Deeds Done Dirt Cheap เป็นชื่อเพลง และชื่อสตูดิโออัลบั้ม ที่ 3 (1976) ของวงฮาร์ดร็อคจากออสเตรเลีย AC/DC ขายได้ถึง 6 ล้านชุดในสหรัฐฯกันเลยทีเดียว จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 13:59:56

ความคิดเห็นที่ 55 คาดว่า Funny Valentine มาจากชื่อเพลง ”My Funny Valentine"  ซึ่งเป็นเพลงหนึ่งในละครเพลงบรอดเวย์เรื่อง Babes in Arms (เปิดแสดงครั้งแรกเมื่อ14 เมษายน 1937)  ประพันธ์ดนตรีโดยRichard Rodgers  เนื้อร้องโดยLorenz Hart เพลงนี้โด่งดังขึ้นมาจากการนำมาเล่นของ Chet Baker, Frank Sinatra และ Miles Davis  ปละเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลง Standard Jazz ยอดนิยมไปในที่สุด   ปรากฏอยู่ในอัลบั้มถึง 1,300 ชุด ถูกนำมาเล่นโดยศิลปินกว่า 600 คน   Chaka Khan  ผู้ถูก Anubis สิง ยังร้องเพลงนี้เลยครับ ล่าสุดในซีรีย์ Glee (2011)  เพลงนี้ได้ปรากฏในเรื่อง ขับร้องโดย Jenna Ushkowitz เลือก Chet Baker’s version มาให้ฟังครับ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:00:29

ความคิดเห็นที่ 56 Wired ร่างต้น - Pork Pie Hat (7/10) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:00:52

ความคิดเห็นที่ 57 มีความสามารถในการ “ส่งตะขอ ผ่านภาชนะที่บรรจุน้ำ ไปยังบริเวณที่อยู่ภายในระยะโจมตีได้” ตะขอที่ว่ามี 2 อัน มีลักษณะเหมือนปั้นจั่น ติดตั้งอยู่ภายในปากของร่างต้น (สัญลักษณ์สแตนด์ปรากฏอยู่นลิ้นเหมือน Tower of Gray)  เมื่อจะโจมตี  จะยืดตะขอลงไปในภาชนะที่บรรจุน้ำ (ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง) แล้วตะขอสามารถไปโผล่ที่ไหนก็ได้ภายในขอบเขตของสแตนด์  มีพลังขนาดยกม้าขึ้นได้ทั้งตัว รูปแบบการโจมตีจะคล้าย Beach Boy คือการเอาตะขอเกี่ยว และวางกับดักในวัตถุได้  นอกจากนี้ Wired ยังสามารถเห็นว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน จากการมองผ่านน้ำอีกด้วย จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:01:16

ความคิดเห็นที่ 58 Tattoo You! ร่างต้น – ชาย 11 คน  (7/15) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:01:45

ความคิดเห็นที่ 59 บนแผ่นหลังของชายทั้ง 11 คนนี้ จะมีลวดลาย (สัญลักษณ์สแตนด์) เหมือนกัน ซึ่งทั้ง 11 คน สามารถ “เดินทางผ่านมิติระหว่างพวกเดียวกันได้”  โดยย้ายจากแผ่นหลังคนหนึ่งไปยังแผ่นหลังของอีกคนหนึ่ง จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:02:08

ความคิดเห็นที่ 60 Chocolate Disco ร่างต้น – Disco (7/19) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:02:28

ความคิดเห็นที่ 61 มีความสามารถในการ “ควบคุมมิติพื้นที่ภายในขอบเขตของสแตนด์” โดยจะสร้างพื้นที่ลักษณะตาราง XYขึ้นมา   เมื่อเป้าหมายไปอยู่ตรงช่องใด ก็จะทิ้งวัตถุลงพื้น พ้อมกับกดปุ่มที่แขนเพื่อส่งวัตถุไปยังช่องดังกล่าว  เช่น Gyro  อยู่ช่อง A1  ร่างต้นทิ้งก้อนหินลง พร้อมกับกดปุ่ม A1 ที่มือ  ก้อนหินนั้นจะตกใส่หัว Gyro ที่ช่อง A1 ทันที จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:02:49

ความคิดเห็นที่ 62 Chocolate Disco เป็นชื่อเพลงของวง Perfumeกลุ่มนักร้องสาวแนว Electro Danceที่หนึ่งในสมาชิก น้อง Kashiyukaเป็นแฟนตัวยงของ JOJO ซะด้วย   (...ผมหาเทปรายการที่น้องๆมาออกรายการแล้วโชว์ของที่ตัวเองชอบไม่เจอครับ ในรายการจะมีตอนที่น้องๆโพสท่าเลียนแบบปก JOJO ด้วย อย่างฮาเลย ใครมีช่วยโพส link ทีนะครับ)  แล้วยังมีรูปการ์ตูนของวงนี้ที่ใช้ลายเส้นแบบ JOJO ออกมาอีกต่างหาก คุณ Sigurd โพส VDO ไว้ที่ ความคิดเห็นที่ 155 ครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 09:37:30 จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:03:21

ความคิดเห็นที่ 63 - สร้างช่องว่าง 1) Sticky Fingers 2) Mister President จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:04:05

ความคิดเห็นที่ 64 Sticky Fingers ร่างต้น - Blono Buccellati (5/2) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:04:27

ความคิดเห็นที่ 65 Sticky Fingers  จะใช้การติดซิป ให้กับวัตถุที่สัมผัส  ซึ่งสามารถ “สร้างช่องว่างมิติ” ให้เกิดขึ้นจากการรูดซิปในวัตถุทุกชนิดรวมถึงสิ่งมีชีวิตด้วย  สแตนด์สามารถรูดเปิด-ปิดซิปได้อย่างอิสระ วัตถุที่ถูกเปิดซิปจะถูกทำให้แยกออกจากกัน  และวัตถุที่ถูกปิดซิปก็จะติดกัน จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:04:46

ความคิดเห็นที่ 66 พูดถึงซิป  คิดถึงอะไรกันครับ  ใช่ซิป YKK รึเปล่า? YKK เป็นชื่อกลุ่มThe YKK Group  ผู้ผลิตซิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ผลิตอย่างอื่นด้วยแต่ไม่ดังเท่า) YKK ย่อมาจาก Yoshida Kogyo Kabushiki gaisha แปลว่า Yoshida Manufacturing Corporation จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:05:52

ความคิดเห็นที่ 67 Mister President ร่างต้น – เต่า (5/14) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:06:16

ความคิดเห็นที่ 68 สำหรับข้อมูลของเต่าตัวนี้  ใน wiki ทั้งไทยและhttp://jjba.wikia.com  เค้าว่าเต่ามีชื่อว่า CoCo Jumbo และสแตนด์ชื่อ Mr.President อย่างไรก็ตาม ความสามารถของเต่า คือ หากวางกุญแจลงบนกระดองแล้ว จะสามารถ “สร้างห้อง” ให้เกิดขึ้นได้ภายในตัวเต่า โดยห้องนี้จะมีสภาพเหมือนห้องในโรงแรม ที่มีทั้งตู้เย็น TV (ฉายเรื่องกัปตันซึบาสะด้วย) โซฟา  แต่ไม่มีห้องน้ำ   คนที่สัมผัสจะถูกย่อและดูดเข้าไปในห้องนั้น ตามเรื่องเต่าก็โดนความสามารถทำให้แก่เข้าไป แต่ไม่เสดงอาการเป็นอะไร จนมิซูต้าพูดขึ้นมาประมาณว่า เต่ามีอายุเป็นร้อยปี คงไม่เป็นไร แล้วจริงๆ เต่าอายุยืนแค่ไหน? กระทู้นี้มีคำตอบครับ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2010/05/X9211103/X9211103.html http://www.wonderquest.com/LifeSpan-MaxMin.htm จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:07:42

ความคิดเห็นที่ 69 ความสามารถเกี่ยวกับ “แรงดึงดูด” 1) Jumpin' Jack Flash 2) C-Moon จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:09:04

ความคิดเห็นที่ 70 Jumpin' Jack Flash ร่างต้น - Lang Wrangler (6/12) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:11:34

ความคิดเห็นที่ 71 มีความสามารถในการ “ทำให้วัตถุอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก” ด้วยการพ่นน้ำลายใส่ และเป้าหมายที่โดนความสามารถนี้ หากไปแตะถูกอะไรเข้า สิ่งนั้นก็จะไร้น้ำหนักไปด้วย แม้แต่อากาศที่อยู่รอบตัว ใช้การโจมตีใส่ตะปู-น็อต-วัสดุชิ้นเล็กๆลงในช่องที่ข้อมือ ที่จะหมุนตลอดเวลาทำให้เกิดแรงหนีศูนย์กลาง แล้วยิงออกไปเหมือนกระสุน แล้วแรงหนีศูนย์กลาง คืออะไร ? http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/X2537930/X2537930.html จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:11:55

ความคิดเห็นที่ 72 C-Moon ร่างต้น - Enrico Pucci (6/6) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:12:19

ความคิดเห็นที่ 73 เป็นร่างที่ 2 ของสแตนด์ Whitesnake เป็นการรวมร่าง (จะเหมือนฟิวชั่นโกเทน-ทรังค์รึเปล่านะ) ระหว่าง Whitesnake และทารกตัวเขียว มีความสามารถ “ทำให้แรงดึงดูดกลับด้าน” โดยมีบาทหลวง Pucci เป็นศูนย์กลาง  หมายถึง ถ้าบาทหลวงยืนติดพื้น คนอื่นจะลอย / ทำให้ของทุกอย่างตกในแนวนอน ไม่ใช่แนวดิ่ง  และเมื่อชกถูกสิ่งใด สิ่งนั้นจะถูกทำให้กลับด้าน ผมว่าเป็นสแตนด์ที่มีพลังทำลายน่ากลัวมากเลยนะ ถ้าต่อยโดนหัวทีเดียวนี่ดับกันไม่รู้ตัวเลย  แต่ในเรื่องดันแก้ทางกันได้ง่ายๆ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:12:42

ความคิดเห็นที่ 74 ความสามารถในการ “แปลงเป็นวัตถุ” 1) The High Priestess 2) Earth, Wind, and Fire 3) Superfly   4) Baby Face (2) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:13:25

ความคิดเห็นที่ 75 The High Priestess ร่างต้น – Midler (3/21) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:13:56

ความคิดเห็นที่ 76 มีความสามารถ “แปลงร่างเป็นวัตถุชนิดใดก็ได้ ยกเว้นสิ่งมีชีวิต”  โจมตีด้วยเล็บ หรือการแปลงร่างเป็นของมีคมต่างๆ  รวมทั้งแปลงเป็นรูปหน้าขนาดยักษ์ที่มีฟันที่แข็งแกร่งระดับเพชร (แต่โดนโจทาโร่ต่อยแหก...แถมพูดติดตลกว่า เพราะฟันขาดแคลเซียม) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:14:19

ความคิดเห็นที่ 77 งั้น เรามารู้จักแคลเซียมกันเถอะ (เวลาโดนชกฟันจะได้ไม่หักง่ายๆ) http://www.afic.org/FFA%20Issue%2029%20Calcium%20a%20versatile%20and%20essential%20nutrient_Thai.htm แคลเซียม เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต-ฟัน กระดูก เส้นผม และผิวหนัง ต่างก็เป็นส่วนของร่างกายที่ไม่สามารถปราศจากแคลเซียมได้ แม้เป็นที่ทราบดีว่า แคลเซียมมีผลกระทบต่อสุขภาพฟัน แต่คุณทราบหรือไม่ว่า แคลเซียมนั้นมีบทบาทสำคัญในการควบคุมความดันเลือดสูง (hypertension) และการควบคุมน้ำหนักตัวด้วยเช่นกัน แคลเซียม คือ อะไร? แคลเซียมเป็นเกลือแร่ที่พบอยู่มากที่สุดในร่างกายมนุษย์ประมาณ 1.5 ถึง 2% ของน้ำหนักร่างกายโดยรวมในวัยผู้ใหญ่  ฟันและกระดูกเป็นแหล่งที่ประกอบด้วยแคลเซียมมากที่สุดของแคลเซียมที่มีอยู่ทั้งหมดในร่างกาย คิดเป็นประมาณ 99% แคลเซียมที่อยู่ในเนื้อเยื่อเหล่านี้ ส่วนมากอยู่ในรูปของเกลือแคลเซียมฟอสเฟต ส่วนเซลล์ประสาท เนื้อเยื่อร่างกาย เลือด และของเหลวอื่นๆ ในร่างกาย ประกอบด้วยแคลเซียมที่เหลือ แคลเซียมมีประโยชน์อย่างไรต่อตัวคุณ? เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลรักษาสุขภาพฟันและกระดูกให้ดีอยู่เสมอ ร่างกายนำแคลเซียมมาใช้ในการสร้างกระดูก เช่นเดียวกับเนื้อเยื่ออื่นๆ ในร่างกาย เนื้อเยื่อกระดูกมีการดูดแคลเซียมกลับคืนและสร้างกระดูกอย่างต่อเนื่อง และการมีปริมาณแคลเซียมที่พอเพียงอยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อรักษาวงจรนี้ไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงระยะเวลาของชีวิตที่มีการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน เวลาที่สำคัญที่สุด คือ ระยะเวลาในการตั้งครรภ์และให้นมบุตร ตามมาด้วยช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เด็กหญิงและชายส่วนใหญ่มีส่วนสูงและขนาดกระดูกเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว กลุ่มอายุที่สำคัญอันดับสาม ได้แก่ เด็กวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงที่มีกระดูกและฟันเติบโตในอัตราที่รวดเร็ว ร่างกายมีความต้องการแคลเซียมเพื่อการทำงานอื่นๆ เช่น การจับตัวเป็นลิ่มเลือด การส่งผ่านของกระแสประสาท การทำงานของกล้ามเนื้อ การเต้นตามปกติของหัวใจ การกระตุ้นให้เกิดการหลั่งของฮอร์โมน และการกระตุ้นปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ต่างๆ การส่งเสริมสุขภาพของกระดูก แคลเซียมเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญของเนื้อเยื่อกระดูก อีกทั้ง โครงกระดูกทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บสะสมแคลเซียม เพื่อรักษาไว้ซึ่งระดับแคลเซียมในกระแสเลือด จากการศึกษาพบมีความเชื่อมโยงกันระหว่างแคลเซียมและสุขภาพของกระดูกในเกือบทุกกลุ่มอายุ  การได้รับแคลเซียมจากอาหารในปริมาณที่พอเพียงในวัยเด็กและวัยรุ่น ช่วยให้มีความหนาแน่นของกระดูกที่ดีขึ้น การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการได้รับแคลเซียมและวิตามินดีจากอาหารเพิ่มมากขึ้น ทำให้อัตราการสูญเสียกระดูกและการแตกหักของกระดูกลดลงในสตรีและบุรุษสูงอายุ ที่เกี่ยวข้องอย่างมากเกี่ยวกับภูมิภาคเอเชีย มีหลักฐานที่ชัดเจนบ่งชี้ว่า ชาวเอเชียไม่ได้มีพันธุกรรมที่มีร่างกายที่ต่ำเตี้ยกว่าชาวผิวขาวแต่อย่างใด และเด็กชาวเอเชียที่มีการบริโภคดีที่ประกอบด้วยเกลือแร่ชนิดจำเป็นครบทุกชนิดตั้งแต่วัยเยาว์ รวมทั้ง แคลเซียม (ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้วได้รับในปริมาณที่ไม่พอเพียง) สามารถเติบโตสูงใหญ่ได้ใกล้เคียงกับชาวตะวันตก จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:14:57

ความคิดเห็นที่ 78 ควบคุมน้ำหนักตัว จากการศึกษาในปัจจุบันบ่งชี้ว่า อาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมสูง สามารถช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงรสชาติในอาหารมื้อปกติของคุณ ทั้งนี้ เนื่องจากการมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นทำให้คุณตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูงและความเสี่ยงร้ายแรงอื่นๆ ต่อสุขภาพ เช่น โรคหัวใจและโรคลมเหตุ ดังนั้น การบริโภคอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมไขมันต่ำ 2-3 ครั้ง ต่อวัน เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การควบคุมน้ำหนักตัวแต่ละบุคคล ที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ เหล่านี้ได้ทางอ้อม ควรรับประทานอาหารประเภทใด? ผลิตภัณฑ์ประเภทนมเป็นหนึ่งในจำนวนแหล่งอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมมากที่สุด นมและผลิตภัณฑ์นม เช่น โยเกิร์ต เนยแข็ง นมข้นแข็งหรือนมเปรี้ยว เช่น แพเนียร์ (paneer) และเนยสด เป็นแหล่งที่อุดมด้วยแคลเซียมที่สำคัญ อีกทั้ง ยังถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี การบริโภคอาหารประเภทนม 2 หรือ 3 มื้อ (นมหนึ่งแก้วขนาด 200 มิลลิลิตร เทียบเท่าหนึ่งหน่วยบริโภค)เป็นหลักประกันที่ดีว่าเด็กและผู้ใหญ่ทุกคน จะได้รับปริมาณของแคลเซียมต่อวันที่เพียงพอ ผักใบเขียว เช่น บรอคคอลี ผักโขม กะหล่ำปลี มัสตาร์ดเขียว บอคชอย หรือกะหล่ำปลีจีน เป็นแหล่งของแคลเซียมที่พบได้ทั่วไปในอาหารของชาวเอเชียที่สามารถถูกดูดซึมได้ดีในร่างกาย การบริโภคปลา เช่น ปลาแองโชวี หรือ ikan bilis ตลอดจนปลาซาร์ดีนหรือแซลมอนบรรจุกระป๋อง เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีเยี่ยมในอาหารสำหรับชาวเอเชียทั่วไป นอกจากนี้ พืชจำพวกถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเมล็ดแบน สามารถที่จะให้ประโยชน์แม้ว่าจะมีปริมาณการดูดซึมของแคลเซียมน้อยกว่าเมื่อเทียบกับแหล่งอาหารชนิดอื่น ผลิตภัณฑ์ประเภทที่ทำมาจากถั่วเหลืองพบอยู่ทั่วไปในอาหารของชาวเอเชีย ตั้งแต่เทมเป้ของชาวอินโดนีเซีย, เส้นเต้าหู้แห้งของชาวจีน ถั่วหมักหรือนัตโต้หรือถั่วเหลืองหมักของชาวญี่ปุ่น เต้าหู้ที่อุดมด้วยแคลเซียมที่มีรูปลักษณ์และอยู่ในรูปต่างๆ เช่น มิโซและเต้าหู้ถั่วเหลืองและนมถั่วเหลือง ก็เป็นแหล่งที่อุดมด้วยแคลเซียมเช่นกัน แต่ผู้บริโภคควรตรวจสอบให้เกิดความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกซื้อมานั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแคลเซียมอยู่สูงหรือไม่ อีกทั้ง คุณสามารถเลือกหาผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองเสริมแคลเซียมที่อยู่ในรูปผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จำนวนมาก เช่น ไอศครีม และของหวาน เพื่อเพิ่มปริมาณการได้รับแคลเซียมของคุณเอง การได้รับแคลเซียมที่อยู่ในอาหารของคุณอย่างพอเพียง เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพที่ดีโดยรวมทั้งในปัจจุบันและในอนาคต อีกทั้ง การได้รับอาหารที่สมดุลและมีความหลากหลายนั้น นับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายของคุณนำแคลเซียมที่คุณได้รับจากอาหารมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:15:20

ความคิดเห็นที่ 79 Earth, Wind, and Fire ร่างต้น - Mikitaka Hazekura   (4/19) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:16:27

ความคิดเห็นที่ 80 ร่างต้น บอกว่า ตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาว มาเจลแลน (น่าจะพามาให้ Mr.Terran สัมภาษณ์)  มีความสามารถในการ “เปลี่ยนร่างเป็นวัตถุชนิดใดก็ได้”  มีจุดอ่อนคือแพ้เสียงไซเรน  ที่น่าแปลกคือ ร่างต้นมองไม่เห็นสแตนด์ของคนอื่นๆ และเป็นผู้ที่ธนูเลือก แต่ธนูกลับไม่พุ่งเสียบ แค่พุ่งไปชนแปะเฉยๆ....ตกลงเป็นมนุษย์ต่างดาววจริงๆหรือเนี่ย จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:16:53

ความคิดเห็นที่ 81 Superfly ร่างต้น - Toyohiro Kanedaichi  (4/22) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:17:18

ความคิดเห็นที่ 82 เป็นหอจ่ายกระแสไฟฟ้าที่มีพลัง เป็นสแตนด์ที่อยู่ได้ด้วยตนเอง ผู้ที่เข้าไปอยู่ในหอฯจะไม่สามารถออกมาได้ เนื่องจากหากเดินพ้นหอฯออกไป ร่างกายจะ “ถูกเปลี่ยนให้เป็นส่วนหนึ่งของหอฯ” ร่างกายจะกลายเป็นเหล็กไป แต่หากมีคนอื่นมาแทนก็สามารถออกไปได้โดยไม่เป็นอะไร (ตัวตายตัวแทนนั่นเอง) นอกจากนี้ หาก หอฯ โดนโจมตีจะสามารถสะท้อนการโจมตีทุกรูปแบบ กล่าวคือ ดูดกลืนแรงโจมตีแล้วปล่อยแรงนั้นออกมาที่เดิม  เช่น ชกหอฯ คนชกก็จะถูกพลังงานสะท้อนกลับและมีความรู้สึกว่าโดนชก จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:17:40

ความคิดเห็นที่ 83 Baby Face ร่างต้น – Melone (5/16) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:18:04

ความคิดเห็นที่ 84 เป็นสแตนด์ติดตามอัตโนมัติที่เกิดจาก สแตนด์รูปคอมพิวเตอร์มีหน้ามีขาของ Melone สแตนด์ที่เกิดขึ้นมานี้ มีความสามารถในการ “เปลี่ยนตนเอง-คน-วัตถุให้กลายเป็นชิ้นเล็กๆ และประกอบรวมใหม่เป็นวัตถุอะไรก็ได้”  เช่น เปลี่ยนคนเป็นเก้าอี้  หรือ เปลี่ยนตัวเองไปรวมกับก้อนหิน จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:18:26

ความคิดเห็นที่ 85 ความสามารถในการ “ทะลุผ่านวัตถุ” 1) Anubis 2) Beach Boy จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:19:02

ความคิดเห็นที่ 86 Anubis ร่างต้น – ช่างตีดาบที่ตายไปแล้วเมื่อ 500 ปีก่อน (3/26) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:19:36

ความคิดเห็นที่ 87 เป็นสแตนด์ในรูปของดาบ แต่เนื่องจากร่างต้นตายไปแล้ว จึงต้องการหาร่างต้นใหม่ โดยผู้ที่ชักดาบออกจากฝักจะถูก Anubis เข้าสิงจิตใจ และกลายเป็นร่างต้น (Chaka / ช่างตัดผม / โปลนาเรฟ / เด็กในเมือง)  มีความสามารถในการ “ผ่านทะลุวัตถุได้” และสามารถจดจำกระบวนท่า-รูปแบบการโจมตีของคู่ต่อสู้ที่เคยประมือมาแล้วได้  ดังนั้น ท่าที่เคยใช้แล้ว จะใช้กับ Abubis ไม่ได้เป็นครั้งที่สอง จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:20:07

ความคิดเห็นที่ 88 ….หรือว่า Abubisเป็นหนึ่งในเหล่า Saints ของอาเธน่า จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:20:35

ความคิดเห็นที่ 89 Beach Boy ร่างต้น – Pesci (5/13) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:21:04