ความคิดเห็นที่ 1 ความสามารถเกี่ยวกับ “พลังชีวิต” 1) Gold Experience 2) Black Sabbath จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:16:19

ความคิดเห็นที่ 2 Gold Experience ร่างต้น - Giorno Giovanna (5/1) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:16:52

ความคิดเห็นที่ 3 มีความสามารถในการ “มอบพลังชีวิต” ให้แก่วัตถุ-สิ่งมีชีวิตชนิดใดก็ได้ แต่จะต้องใช้มือของสแตนด์สัมผัสเท่านั้น - เมื่อสัมผัสวัตถุ จะสามารถเปลี่ยนวัตถุให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอะไรก็ได้ ทั้งพืชและสัตว์ และเร่งการเติบโตได้อีกด้วย - เมื่อโจมตีมนุษย์ จะทำให้ประสาทสัมผัสของคนคนนั้นเตลิดไปจนควบคุมไม่อยู่ จนรู้สึกว่า การเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆรวมทั้งตัวเองช้าจนผิดปกติ แม้กระทั่งความเจ็บปวดก็ตาม - มีการพัฒนาจนสามารถสร้างชิ้นส่วนร่างกายได้ (พัฒนาตอนที่สู้กับ Baby Face) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:17:31

ความคิดเห็นที่ 4 Gold Experience เป็นชื่ออัลบั้มที่ออกมาในปี 1995 โดยPrince เจ้าของอัลบั้ม เป็นศิลปินที่ออกผลงานอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ดังในไทยเท่าไหร่  (ตัวผมเองฟังถึงชุด Chaos & Disorder (1996) แล้วก็ไม่ได้ติดตามอีกเลย >_<) รวมแล้ว Prince (ชื่อจริง Prince Rogers Nelson / ชื่อในวงการ Prince, The Artist Formerly Known as Prince, The Artist) มีอัลบั้มตั้งแต่ 1978-2010 ถึง  35 ชุด For You (1978) / Prince (1979) / Dirty Mind (1980) / Controversy (1981) / 1999 (1982) / Purple Rain (1984) / Around the World in a Day (1985) / Parade (1986) / Sign o' the Times (1987) / Lovesexy (1988) / Batman (1989) / Graffiti Bridge (1990) / Diamonds and Pearls (1991) / O(+> [146] (1992) / Come (1994) / The Black Album (1994) / The Gold Experience (1995) / Chaos and Disorder (1996) / Emancipation (1996) / Crystal Ball (1998) / The Vault: Old Friends 4 Sale (1999) / Rave Un2 the Joy Fantastic (1999) / Rave In2 the Joy Fantastic (2000) / The Rainbow Children (2001) / One Nite Alone... (2002) / Xpectation (2003) / C-Note (2003) / N.E.W.S (2003) / Musicology (2004) / The Chocolate Invasion (2004) / The Slaughterhouse (2004) / 3121 (2006) / Planet Earth (2007) / Lotusflow3r / MPLSound (2009) / 20Ten (2010) แต่สิ่งที่ติดตาจนทุกวันนี้ คือ สัญลักษณ์ของเค้าครับ เป็นรูปผสมระหว่างสัญลักษณ์เพศชายและหญิง ภาษาอังกฤษเรียกว่า The unpronounceable symbol จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:18:34

ความคิดเห็นที่ 5 สัญลักษณ์เพศหญิง-ชาย (Gender Symbol) : http://en.wikipedia.org/wiki/Male_symbol จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:21:55

ความคิดเห็นที่ 6 มาจากสัญลักษณ์ทางดาราศาสตร์ ซึ่งใช้ชื่อของตำนานเทพเจ้าอีกที สัญลักษณ์เพศหญิง มาจากกระจกมือถือของ Venus ส่วนของเพศชาย มาจากโล่และหอกของMars จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:22:32

ความคิดเห็นที่ 7 Black Sabbath ร่างต้น – Polpo (5/3) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:23:20

ความคิดเห็นที่ 8 จะปรากฏตัวออกมาเมื่อไฟของไฟแช็คดับ เป็นสแตนด์ที่เคลื่อนไหวได้เฉพาะในเงา (ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร เช่น เงาของนกขึ้นไป) และโจมตีเงาของเป้าหมาย โดยจะดึงวิญญาณของเป้าหมายออกมาจากเงา และจะใช้ธนูในปากแทงวิญญาณเป้าหมาย หากเป้าหมายไม่ตายก็จะถูก “ดึงพลังออกมากลายเป็นผู้ใช้สแตนด์”   เป็นสแตนด์อัตโนมัติ จะติดตามเป้าหมายไม่เลิกจนกว่าจะจัดการได้ (เหมือน Sheer Heart Attack / Notorious B.I.G.)  มีจุดอ่อนอยู่ที่แพ้แสงแดด จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:24:20

ความคิดเห็นที่ 9 ความสามารถในการ “ดูดพลัง” 1) Yellow Temperance 2) Highway Star   3) Boy II Man 4) 20th Century Boy จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:25:07

ความคิดเห็นที่ 10 Yellow Temperance ร่างต้น - Rubber Soul (3/12) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:25:50

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นสแตนด์ที่มีรูปร่างคล้ายแผ่นยางคลุมร่างต้นเอาไว้  มีความแข็งแกร่งรับการโจมตีได้ทุกรูปแบบ (การโจมตีที่เข้ามาจะกระจายออกและถูกดูดซับจนหมด....นี่มันชุดเกราะเรื่องอุราชิแมน นี่นา) มีความสามารถในการ “กลืนกินทุกสิ่งที่สัมผัส” (รวมถึงพลังโจมตีด้วย) เมื่อสัมผัสโดนสิ่งใดแล้วจะกินลามไปเรื่อยๆ  และจะจดจำ-ลอกเลียนรูปร่าง-หน้าตาของมนุษย์ที่เคยสัมผัส โดยการรวมร่างกับเนื้อที่กินเข้าไป รวมทั้งสามารถเพิ่มพลังของตนเองด้วยการกินได้อีกด้วย จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:26:31

ความคิดเห็นที่ 12 อูราชิแมน : Mirai Keisatsu Urashiman เรื่องย่อ http://blog.wordthai.com/tag/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%99/ การ์ตูนเรื่องนี้ชื่อว่า อุราชิแมน ซึ่งชื่อก็เหมือนนิทานญี่ปุ่น อุราชิม่า ทาโร่ ที่ช่วยเต่า แล้วได้ไปเที่ยววังเจ้าสมุทร พอกลับมาก็กลายเป็นว่าเวลาไม่กี่วันในใต้สมุทรกลายเป็นหลายร้อยปีบนโลก เมื่อกลับมา โลกที่เขารู้จักก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว เนื้อเรื่องของอุราชิแมนนั้น ตัวเอกนั้นอยู่ในปี 1983 เป็นเหมือนจิ๊กโก๋หลบการไล่ล่าของตำรวจ จนหลุดเข้าไปในพายุแล้วหลงไปอยู่ในปี 2050 ความจำเสื่อมจำอะไรไม่ได้ และมีองค์กรร้ายในตอนนั้นตามล่าตัวเขา ด้วยความสามารถเขาได้มาระหว่างที่เดินทางผ่านกาลเวลาและการถูกล่าตัว ทำให้เขากลายเป็นตำรวจที่ไล่ปราบองค์กรร้ายนั้น เมื่อสืบไปเรื่อย ๆ ก็ดูเหมือนว่า หัวหน้าใหญ่สุดขององค์การนี้จะมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกับเขา แม้กระทั่งรอยแผลเป็นในที่เดียวกัน ทำให้สงสัยว่า หัวหน้าใหญ่คนนั้นก็คือตัวเขาเองที่เติบโตเป็นตัวร้ายมาเรื่อย ๆ จนเป็นใหญ่ และต้องมาเจอกับตัวเขาที่ข้ามกาลเวลามาเป็นตำรวจ เป็นการ์ตูนที่ผมชอบมากๆ อีกเรื่องหนึ่งครับ ยุคอนาคต รถยนต์ไม่มีล้อแล้ว แต่ตัวเอกเอารถโฟล์คเก๋ากึ้กมาดัดแปลง เท่สุดๆ  เพลงประกอบยังติดหูจนทุกวันนี้ด้วยครับ Midnight Submarine จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:27:43

ความคิดเห็นที่ 13 Boy II Man ร่างต้น - Ken Ooyanagi  (4/18) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:28:27

ความคิดเห็นที่ 14 มีความสามารถในการ “ดูดพลังสแตนด์ของเป้าหมายมาเป็นของตนเอง” โดยมีเงื่อนไขคือ การเป่ายิ้งฉุบ ซึ่งจะต้องชนะ 3 ใน 5 ครั้ง จึงจะสามารถดูดพลังสแตนด์ของเป้าหมายมาได้ทั้งหมด จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:28:59

ความคิดเห็นที่ 15 Highway Star ร่างต้น - Yuuya Fungami  (4/20) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:29:24

ความคิดเห็นที่ 16 สแตนด์สุดแนว ที่เมื่อเคลื่อนไหวแล้วจะแยกร่างกายเป็นๆส่วน โดยมีส่วนเท้านำขบวน  มีความเร็วถึง 60 กม./ชม.  มีความสามารถในการ “ดูดเซลล์ชีวิต” ของเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูร่างกายตนเอง นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการดมกลิ่นที่ดีเยี่ยมพอๆกับสุนัขล่าเนื้อ ซึ่งใช้ในการตามหาเป้าหมายได้เป็นอย่างดี (แก้ไข ตามคุณ หมูกระเทียม+ไข่ดาว ครับ) แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 23:13:54 จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:29:59

ความคิดเห็นที่ 17 20th Century Boy ร่างต้น - Magenta Magenta  (7/17) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:30:26

ความคิดเห็นที่ 18 มีความสามารถในการ “ดูดซับแรงโจมตีทั้งหมดแล้วถ่ายทอดลงสู่พื้นดิน”  แปลว่า หากร่างต้นใช้ความสามารถอยู่ จะไม่มีอะไรสามารถทำอันตรายได้เลย  แต่มีจุดอ่อนอยู่ที่ขณะใช้ความสามารถร่างต้นจะขยับอะไรไม่ได้เลย จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:30:50

ความคิดเห็นที่ 19 ความสามารถเกี่ยวกับ “ระเบิด” 1) Killer Queen / Sheer Heart Attack 2) Oyecomova จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:32:52

ความคิดเห็นที่ 20 Killer Queen / Sheer Heart Attack ร่างต้น - Yoshikage Kira  (4/14) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:33:17

ความคิดเห็นที่ 21 Killer Queen เป็นสแตนด์ที่มีความสามารถในการ “จุดระเบิด” โดยมีระเบิด 2 แบบ แบบแรกการ  “ทำให้สิ่งที่สัมผัสกลายเป็นระเบิด”  ใช้การกดสวิตช์ที่มือในการจุดระเบิด แต่ใช้ได้ทีละครั้งเท่านั้น  เป้าหมายที่ถูกระเบิดจะระเหิดหายไปไม่เหลือซาก แบบที่สอง  เป็นการปล่อยระเบิดที่เรียกว่า Sheer Heart Attack ออกมาจากมือ ซึ่งมีรูปร่างเหมือนรถถัง มีความแข็งแกร่ง ทนมือทนไม้อย่างมาก แม้แต่ Star Platinum ต่อยก็ยังไม่พัง  รถถังระเบิดนี้ เป็นเหมือนระเบิดนำวิถี โดยจะติดตามเป้าหมายจากความร้อน และจะไม่หยุดจนกว่าจะทำลายเป้าหมายได้ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:34:07

ความคิดเห็นที่ 22 Oyecomova ร่างต้น – Oyecomova (7/8) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:34:35

ความคิดเห็นที่ 23 มีความสามารถในการ “เปลี่ยนวัตถุที่สัมผัสให้กลายเป็นระเบิด” คล้ายกับ Killer Queen แต่ ใช้การจุดระเบิดด้วยสลัก หมายถึง วัตถุนั้นจะมีสลักติดอยู่ หากสลักหลุด จะใช้ชั่วระยะเวลาหนึ่งจึงจะระเบิด  แต่ตัวสลักสามารถรวมเป็นเนื้อเดียวกับอะไรก็ได้ เช่น เหงื่อ ทำให้ยากต่อการยึดสลักเอาไว้  ความสามารถนี้สามารถติดสลักกับวัตถุ หรือสสารใดก็ได้ เช่น น้ำ ควัน ผึ้ง คน โดยไม่จำกัดจำนวน! ....เทพมากๆเลยเพ่ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:35:35

ความคิดเห็นที่ 24 ความสามารถเกี่ยวกับ “เสียง” 1) Echoes ACT 1-2   2) Cheap Trick 3) In a Silent Way จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:36:32

ความคิดเห็นที่ 25 Echoes ACT 1-2 ร่างต้น - Koichi Hirose  (4/1) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:37:12

ความคิดเห็นที่ 26 Echoes Act 1 มีความสามารถในการ “ฝังเสียง” เข้าไปในวัตถุ ซึ่งจะทำให้วัตถุนั้นมีเสียงออกมา Echoes Act 2 พัฒนาจาก Act 1 อีกขั้น สามารถทำให้เสียงนั้น เกิดพลังขึ้นจริงๆ โดยจะปั้นเสียงเป็นก้อน ขว้างไปติดกับวัตถุที่ต้องการ เช่น คำว่า บึ้ม  (เป็นเสียงของระเบิด) วัตถุที่มีคำนั้นติดอยู่ ก็จะระเบิดตามเสียงจริงๆ  หรือ เสียงดึ๋ง ก็จะเด้งดึ๋งเหมือนสปริง จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:37:41

ความคิดเห็นที่ 27 การโจมตีของ Echo Act 1 เป็นการทำให้ “ได้ยินเสียง” ทีนี้ หูคนเราจะทนเสียงดังได้ระดับไหน? จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:39:08

ความคิดเห็นที่ 28 เดซิเบล (decibel, dB) เป็นหน่วยวัดเทียบอัตราส่วนระหว่างปริมาณเสียงสองปริมาณ ใช้สำหรับวัดความดังของเสียง นิยมใช้กันมากในทางอคูสติก ฟิสิกส์และอิเล็กทรอนิกส์ เดซิเบลเป็นหน่วยวัดที่ไม่มีหน่วยเหมือนค่าเปอร์เซ็นต์ หน่วยเดซิเบลเป็นหน่วยที่สามารถแสดงค่าสูงและค่าต่ำเปรียบเทียบกันได้เนื่องจากคำนวณจากการหาลอการิทึม ระดับเดซิเบลที่ถึงขั้นอันตรายของคนหูปกติคือ “80 เดซิเบลขึ้นไป” (หลังจากรับฟังหลายชั่วโมง) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:40:15

ความคิดเห็นที่ 29 มาดูกฎหมายเรื่องเสียงกันบ้าง ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2540) เรื่อง กำหนดมาตรฐานระดับเสียงโดยทั่วไป ................................................. อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32(5) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ 2535 คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กำหนดมาตรฐานระดับเสียงโดยทั่วไป ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ในประกาศนี้ "ระดับเสียงโดยทั่วไป"  หมายความว่า ระดับเสียงที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อม "ค่าระดับเสียงสูงสุด"  หมายความว่า  ค่าระดับเสียงสูงสุดที่เกิดขึ้นในขณะหนึ่ง ระหว่างการตรวจวัดระดับเสียง โดยมีหน่วยเป็นเดซิเบลเอ หรือ dB(A) "ค่าระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง"  หมายความว่า  ค่าระดับเสียงคงที่ที่มีพลังงานเทียบเท่าระดับเสียงที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งมีระดับเสียงเปลี่ยนแปลงตามเวลาในช่วง 24 ชั่วโมง(24 hours A weighted Equivalent Continuous Sound Level) ซึ้งเรียกโดยย่อว่า Leq 24 hr โดยมีหน่วยเป็นเดซิเบลเอ หรือ dB(A) "มาตรระดับเสียง"  หมายความว่า  เครื่องวัดระดับเสียงตามมาตรฐาน IEC 651 หรือ IEC 804 ของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยเทคนิคไฟฟ้า (international Electrotechnical Commission,IEC) ข้อ 2 ให้กำหนดมาตรฐานระดับโดยทั่วไป ไว้ดังต่อไปนี้ (1) ค่าระดับเสียงสูงสุด ไม่เกิน 115 เดซิเบลเอ (2) ค่าระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่เกิน 70 เดซิเบลเอ ข้อ3  การตรวจวัดระดับเสียงโดยทั่วไปให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) การตรวจวัดระดับเสียงสูงสุด ให้ ใช้มาตรระดับเสียงตรวจวัดในบริเวณที่มีคนอยู่หรืออาศัยอยู่ (2) การตรวจวัดค่าระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมงให้ใช้มาตรระดับเสียง ตรวจวัดระดับเสียงอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 24 ชั่วโมงใดๆ (3) การตั้งไมโครโฟนของมาตรวัดระดับเสียง ที่บริเวณภายนอกอาคาร ให้ตั้งสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 1.20 เมตร โดยในรัศมี 3.5 เมตร ตามแนวราบรอบไมโครโฟน ต้องไม่มีกำแพงหรือสิ่งอื่นใด ที่มีคุณสมบัติในการสะท้อนเสียงกีดขวางอยู่ (4) การตั้งไมโครโฟนของมาตรระดับเสียง ที่บริเวณภายในอาคาร ให้ตั้งสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 1.2 เมตร โดยในรัศมี 1 เมตรตามแนวราบรอบไมโครโฟน ต้องไม่มีกำแพงสิ่งอื่นใด ที่มีคุณสมบัติในการสะท้อนเสียงกีดขวางอยู่ และต้องห่างจากช่องหน้าต่าง หรือช่องทางที่เกิดออกนอกอาคารอย่างน้อย 1.5 เมตร ข้อ 4 การคำนวณค่าระดับเสียงจะต้องเป็นไปตามวิธีการที่องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน (International Organization for Standardization, ISO) กำหนด ซึ่งกรมควบคุมมลพิษจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา : http://www.aqnis.pcd.go.th/noise/noise/regulation_th/ambient_noise.html จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:40:44

ความคิดเห็นที่ 30 Cheap Trick ร่างต้น - Masazo Kinoto  (4/24) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:41:24

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นสแตนด์ที่มีความนึกคิดเป็นของตนเอง และไม่อยู่ใต้การควบคุมของร่างต้น  Cheap Trickจะกระโดดเกาะหลังผู้ที่เห็นแผ่นหลังของร่างต้น พร้อมกับสังหารร่างต้นทิ้ง เท่ากับว่าสามารถย้ายคนเกาะไปได้เรื่อยๆ  เมื่อถูกเกาะหลังแล้ว Cheap Trick จะใช้พลังวิญญาณร่วมกับคนคนนั้น (มีฐานะเป็นร่างต้น) หากโจมตี Cheap Trick เท่ากับโจมตีตัวเอง Cheap Trick มีความสามารถในการ “พูดคุยกับคนและสัตว์”  เช่น เรียกสุนัขมารุมได้ และความสามารถในการสร้างความรำคาญ (>_<) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:42:12

ความคิดเห็นที่ 32 In a Silent Way ร่างต้น – Sandman (แต่อ่านว่า ซาวด์แมน)  (7/1) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:48:16

ความคิดเห็นที่ 33 ความสามารถเหมือนกันกับ Echoes Act 2  ที่ “สร้างเสียงให้ออกมาเป็นรูปธรรม” ปั้นออกมาเป็นก้อนติดกับวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตได้  แต่ออกแนวบู๊มากกว่า บทของ Sandman สุดท้าย ก็ตัวประกอบอดทน (>_<) อุตส่าห์ใช้เท้าเพียวๆแข่งกับม้า สุดท้ายพ่ายแพ้ต่ออำนาจเงิน....แหม้  เจ็บปวดดด จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:49:55

ความคิดเห็นที่ 34 ความสามารถในการควบคุม “ดิน-ทราย-กระดาษ” 1) Judgement 2) The Fool 3) Enigma จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:51:33

ความคิดเห็นที่ 35 Judgement ร่างต้น – Cameo (3/20) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:51:59

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นสแตนด์รูปร่างเหมือนหุ่นยนต์ ปรากฏตัวออกมาจากตะเกียง  และจะให้เป้าหมายขอพรได้ 3 ข้อ มีความสามารถ “สร้างวัตถุ หรือบุคคล (ที่ตายแล้ว) ให้ปรากฏขึ้นตามคำขอ โดยสร้างขึ้นมาจากดิน” ซึ่งบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นจะมีลักษณะคล้ายผีดิบและจะทำการกัดกินเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิต เพื่อสร้างร่างกายเนื้อของตัวเอง จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:52:32

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นตะเกียงแล้วนึกถึงเรื่อง อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ ที่เป็นหนึ่งในนิทานในเรื่อง อาหรับราตรี หรือ พันหนึ่งราตรี (One Thousand and One Nights) แล้ว พันหนึ่งราตรี มันเกี่ยวกับอะไร? จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:53:05

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องย่อ (ไม่มี SS นะครับ หุหุ) กาหลิบเปอร์เซีย นามว่า Shahryar จับได้ว่ามเหสีของตนนอกใจ เลยจับประหารเสีย และด้วยความเศร้าระคนแค้น จึงคิดเหมาเอาว่าผู้หญิงทั้งโลกมันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ  ตั้งแต่นั้น องค์กาหลิบ Shahryar จึงเริ่มกระบวนการโหด กล่าวคือ จะร่วมบรรทมกับหญิงสาวบริสุทธิ์ แล้วฆ่าทิ้งในเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่หญิงสาวเหล่านั้นจะมีโอกาสนอกใจ (ตัดไฟเสียแต่ต้นลม) ("กาหลิบ" คำว่า กาหลิบ มาจากภาษาอาหรับ กาลิฟา (เคาะลีฟะอ์) แปลว่า ผู้สืบตำแหน่งแทน อำนาจหน้าที่ของกาหลิบสูงกว่ามหากษัตริย์ธรรมดา เพราะเป็นผู้มีอำนาจทั้งศาสนาจักรและอาณาจักร เป็นวิธีการใหม่ของอิสลาม เพื่อป้องกันการแก่งแย่งแข่งดีกันระหว่างบ้านเมืองกับศาสนา ทำให้เกิดความเป็นเอกภาพ ศาสนาอิสลามจึงทรงไว้ทั้งพระคุณและพระเดช) จนกระทั่ง อำมาตย์ที่ทำหน้าที่หาหญิงสาว ไม่สามารถหาสาวบริสุทธิ์ได้อีกต่อไป (หมดสต็อกนั่นเอง) ก็มีน้องนางที่ชื่อScheherazade  ซึ่งเป็นลูกสาวของอำมาตย์คนนั้น อาสาที่จะเป็นเจ้าสาวรายต่อไปให้เอง ในคืนสมรสสมรัก นางก็เริ่มเล่านิทานให้กษัตริย์ฟัง แต่กั๊กตอนจบเอาไว้ เพราะเป็นการเล่าแบบนิทานซ้อนนิทาน  ทำให้องค์กาหลิบต้องเลื่อนวันประหารออกไปเพราะอยากรู้ตอนจบของนิทานก่อน  เป็นอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ เรื่องหนึ่งต่ออีกเรื่องหนึ่ง จนกระทั่งวนลูปถึง 1,001 คืน   และหลังจากที่นางเล่าจบ (คิดออกมาได้เป็น 2.74 ปี) องค์กาหลิบก็เลิกที่จะประหารนาง เพราะพระองค์เห็นไหวพริบปฏิภาณของนาง รวมทั้งนิทานที่เล่าให้ฟัง ก็สอดแทรกเรื่องราวของหญิงสาวที่ดี ซึ่งทำให้พระองค์มองผู้หญิงได้ใหม่  สุดท้าย ทั้งสองมีพระโอรส พระธิดาด้วยกันหลายพระองค์ (อย่างว่าอยู่ด้วยกันตั้งพันคืน) และได้สถาปนานางขึ้นเป็นพระราชินี (จากคุณ : ปิรันย่าน้อย (feizhu)) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:58:08

ความคิดเห็นที่ 39 The Fool ร่างต้น – สุนัขพันธุ์ บอสตัน เทอเรียร์ (Boston Terrier) ชื่อ Iggy (3/22) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:58:56

ความคิดเห็นที่ 40 สแตนด์ที่สามารถ “ควบคุมทรายได้อย่างอิสระ” โดยสามารถแปลงทรายให้เป็นรูปร่างอะไรก็ได้ จับมาดวลกับ กาอาระ ซะทีดีไหมเนี่ย  นี่แหละ สัตว์หางเดี่ยวของจริง....อ้อ ไม่ได้สิ อิกกี้ก็ตายไปแล้ว จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:59:54

ความคิดเห็นที่ 41 มารู้จักเจ้าบอสตัน เทอร์เรียร์ กันดีกว่า บอสตัน เทอร์เรียร์พัฒนาสายพันธุ์ในประเทศสหรัฐอเมริกา บรรพบุรุษของเขาคือสายพันธ์อิงลิช บูลด็อก และ อิงลิช ไวท์ เทอร์เรียร์ ข้อมูลทั่วไป http://www.oknation.net/blog/wittawatt/2008/01/21/entry-1 น้ำหนัก：4.5-11.3kg ส่วนสูง：15-17inch ความต้องการออกกำลังกาย : ต่ำเมื่ออยูในบ้านแต่กระตือรือร้นเมื่ออยูข้างนอก ความสามารถในการเรียนรู้ : สูง ลักษณะนิสัย : สุภาพ ตื่นตัว มีมารยาทมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ ความสามารถในการปกปอง : ต่ำ ความสามารถในการเฝ้าระวัง : สูง ลักษณะทางกายภาพ บอสตันเทอเรียร์เป็นสุนัขขนาดเล็กแต่ดูบึกบึนแข็งแรง มีหูตั้ง หางสั้น ใบหน้าข้อนข้างเหลี่ยม แต่ไม่มีรอยย่น ตามมาตรฐานของแล้วสุนัขพันธ์นี้ไม่ควรมีน้ำหนักต่ำกว่า4.5กิโลกรัมแต่ไม่เกิน11.3กิโลกรัม และส่วนสูงระหว่าง15-17นิ้ว สีของสุนัขพันธ์นี้นั้นจะมีทั้งสีขาว ดำ และลายเสือหรือผสมผสานกันระหว่าง3สีดังกล่าว สีที่สมบูรณ์แบบนั้นสีขาวจะปกคลุมบริเวณปากแผงคอและอก ขาหน้า และพาดบริเวณระหว่างดวงตา สำหรับสุนัขที่ใช้ประกวดนั้นต้องการความสมมาตรของสีด้วย สุนัขพันธ์นี้นั้นมีนิสัยร่าเริงและเป็นที่รู้จักดีในความสุภาพ ตื่นตัว และเฉลียวฉลาดของมัน ลักษณะนิสัย ในตอนแรกเริ่มนั้นสุนัขพันธ์นี้ได้รับการผสมขึ้นมาสำหรับการต่อสู้แต่ในภายหลังมันสามารถที่จะมีมารยาทที่ดีรวมทั้งยังสุภาพและเฉลียวฉลาดอีกด้วย สุนัขจำนวนมากยังมีความกล้าหาญซึ่งเป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากสายพันธ์เทอเรียร์อีกด้วย อย่างไรก็ตามสมาคมสุนัขในอเมริกานั้นไม่จัดมันอยู่ในประเภทเทอเรียร์ แต่จะจัดอยู่ในประเภทสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเล่นแทน ที่มาของชื่อสุนัขพันธ์นี้นั้นค่อนข้างจะสับสนอยู่ ในตอนเริ่มต้นนั้นมันเป็นลูกผสมระหว่าง old English bulldogและwhite English terrier ซึ่งสุนัขพวกนี้นั้นได้สูญพันธ์ไปแล้ว บอสตัน เทอร์เรียร์ จะเห่าเฉพาะในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น และส่วนใหญ่ชอบที่จะอยู่ใกล้กับคนและยังสามารถเข้ากันได้ดีกับเด็ก คนชรา และสุนัขและสัตว์เลี้ยงตัวอื่น สุนัขบางตัวอาจจะขี้อ้อนแต่ส่วนใหญ่จะค่อนข้างเป็นส่วนตัว สุขภาพ ปัญหาเรื่องสุขภาพของบอสตัน เทอเรียร์ที่น่าเป็นห่วงก็คือเรื่อของต้อที่ตาทั้งสองข้าง (ไม่ว่าจะเป็นลูกสุนัขหรือสุนัขที่โตแล้วก็ตาม....ผมเคยเลี้ยง ค็อกเกอร์ ตอนแก่ตามันก็มองไม่เห็นเหมือนกัน) หูหนวก,การเต้นที่ผิดปกติของหัวใจและภูมิแพ้ ส่วนใหญ่นั้นไม่สามารถที่จะทนต่อสภาวะอากาศที่รุนแรงได้ไม่ว่าจะร้อนหรือเย็นจัด มันมีปัญหาคล้ายกับสุนัขบางพันธ์เช่นปั๊ก ชิสุ ที่มีหน้าสั้นเหมือนมันซึ่งทำให้มันหายใจไม่สะดวกและอาจจะส่งเสียงเหมือนการกรนออกมาตลอดเวลา จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:00:50

ความคิดเห็นที่ 42 Enigma ร่างต้น - Terunosuke Miyamoto  (4/23) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:01:35

ความคิดเห็นที่ 43 มีความสามารถในการ “เปลี่ยนสสารและวัตถุทุกชนิดให้เป็นกระดาษ” สามารถเก็บ กระแสไฟฟ้า / บะหมี่ทั้งถ้วย / รถแท็กซี่พร้อมคนขับ เข้าในกระดาษและพับเก็บได้เหมือนกระดาษธรรมดาๆ  แต่หากจะเปลี่ยนมนุษย์ จำเป็นต้องทำให้คนคนนั้นแสดงอาการกลัวขึ้นมาก่อนจึงจะใช้ความสามารถได้  นอกจากนี้ หากกระดาษเสียหาย ของที่อยู่ในกระดาษจะเสียหายไปด้วย นับว่าเป็นสแตนด์ที่มีประโยชน์มากๆ ลดปัญหาที่จอดรถ / การใช้ถุงพลาสติก / การพกพาสิ่งของต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:02:27

ความคิดเห็นที่ 44 Enigma ยังเป็นชื่อของเครื่องพิมพ์ดีดสุดล้ำของเยอรมนีอีกด้วย Enigma เป็นเครื่องเข้ารหัสและถอดรหัสที่ใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2ในกองทัพนาซีเยอรมนีในการทำสงคราม ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือ การได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นความลับ การทำงานของเครื่องอินิกมา มีความซับซ้อนสูงมาก ยากแก่การถอดรหัส จนนาซีเยอรมนีมั่นใจว่าไม่มีใครสามารถเข้าใจข้อความที่ถูกเข้ารหัสโดยเครื่องอินิกมาได้ การที่อังกฤษสามารถถอดรหัสอินิกมาได้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนของโฉมหน้าของสงครามเลยทีเดียว http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2008/11/X7242577/X7242577.html จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:02:56

ความคิดเห็นที่ 45 ความสามารถในการ “ควบคุมน้ำ” 1) Geb 2) Aqua Necklace จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:03:33

ความคิดเห็นที่ 46 เดี๋ยวลืมขอแทรกเลยหน่อยนะครับ ตกไปนิดครับในส่วนรายละเอียดของ Gold E วัตถุที่ถูก Gold E มอบพลังชีวิตให้จนกลายเป็นสิ่งมีชีวิต จะไม่มีอะไรสามารถทำร้ายมันได้ เพราะการโจมตีทุกอย่างทางกายภาพที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตที่ได้รับพลังชีวิตของ Gold E จะสะท้อนความเสียหายทั้งหมดกลับคืนสู่ผู้ที่กระทำมัน ส่วนคิลเลอร์ควีนความสามารถระเบิดที่ 3 ไบร์ท เดอะ ดัสท์ มันจัดเป็นสายเวลา ระเบิดคนที่สอบถามตัวตนของคิระ โยชิคาเงะ จากตัวเป้าหมายที่คิลเลอร์ควีนแฝงตัวได้ แล้วย้อนเวลากลับไป(กี่ชั่วโมงไม่รู้)พอเวลาดำเนินไปถึงช่วงที่โดนสอบถามคนที่สอบถามจะโดนระเบิดหายไปทันที โดยไม่ต้องมีเหตุการณ์ซ้ำเดิมหรือต้องเจอกับคิลเลอร์ควีนอีกครั้ง โดยเป้าหมายที่โดนแฝงตัวจะมีประสบการณ์และความทรงจำจากครั้งก่อนด้วย และได้มาจากการโดนธนูแทงซ้ำเลยไม่พูดถึงสินะครับ ปล.ถ้าธนูแทงร่างต้นจะได้ความสามารถเพิ่มสินะ แต่ถ้าแทงสแตนท์ตัวของสแตนท์จะวิวัฒนธนาการไปอีกขั้น โดยความสามารถจะเปลี่ยนสายไปเลยเหมือนเปลี่ยนคราส(แต่น่าจะใช้ความสามารถเก่าได้อยู่นะ) แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 23:05:53 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 23:04:42 จากคุณ : wingaura เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:04:05

ความคิดเห็นที่ 47 Geb ร่างต้น - N'Dour (3/23) เป็นสแตนด์น้ำ (น้ำจริงๆครับ) ที่ “จู่โจมหรือเคลื่อนไหวตามเสียงที่ได้ยิน”   (เนื่องจากร่างต้นตาบอดจึงอาศับแค่การได้ยินเท่านั้น) เมื่อโจมตีจะมีรูปร่างเหมือนกรงเล็บ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:05:00

ความคิดเห็นที่ 48 คุณ wingaura....ขอบคุณครับ ผมพิมพ์ตกไปเรื่องการสะท้อนการโจมตีของ Gold E เหะๆ ส่วน Killer Queen ระเบิดแบบ 3 อยู่ใน Part 1 ครับ และอยู่ในหมวดความสามารถเกี่ยวกับเวลาครับ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A10229828/A10229828.html ส่วนเรื่องสแตนด์โดนแทงแล้ว จะใช้ความสามารถเดิมได้รึเปล่า อันนี้ ไม่แน่ใจครับ (เพราะเรื่องจบก่อน)  แต่ส่วนตัวคิดว่า ไม่น่าได้ เพราะเหมือนการลอกคราบ ทิ้งร่างเก่าไปแล้วพัฒนาเป็นร่างใหม่ครับ (เดาทั้งนั้น) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:11:07

ความคิดเห็นที่ 49 #16  60 กม/ชม.  นี่มันแค่ 16.667 เมตร ต่อวินาทีเองนะครับ 100 ม./วินาที นี่ ตีเป็น 360 กม/ชม. นะครับ จากคุณ : หมูกระเทียม+ไข่ดาว เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:11:19

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณมากครับงั้นเดี๋ยวกลับไปอ่าของเก่าๆก่อนนะครับ(ผมเพิ่งเห็นอันแรกนี่เองครับ) จากคุณ : wingaura เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:13:56

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ หมูกระเทียม+ไข่ดาว ....เอ้อ จริงครับ ขอบคุณมากครับ  วันนี้เบลอๆจัง เหะๆ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:14:49

ความคิดเห็นที่ 52 Aqua Necklace ร่างต้น - Anjuro "Angelo" Katagiri  (4/3) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:16:26

ความคิดเห็นที่ 53 มีลักษณะเป็นสแตนด์น้ำ มีความสามารถในการ “แปลงร่างเป็นของเหลวชนิดใดก็ได้” รวมถึงไอน้ำด้วย  นอกจากนี้ยังสามารถเข้าสิงร่างเป้าหมายแล้วบังคับควบคุมตามใจได้อีกด้วย จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:17:11

ความคิดเห็นที่ 54 ความสามารถเกี่ยวกับ “อากาศ-ก๊าซ” 1) Stray Cat 2) Aerosmith 3) Weather Report 4) Manhattan Transfer จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:18:19

ความคิดเห็นที่ 55 Stray Cat ร่างต้น – แมวพันธุ์ British Blue  (4/21) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:18:45

ความคิดเห็นที่ 56 จะเรียกว่าสแตนด์ก็ไม่เชิง เอาเป็นว่า เป็นการรวมร่างของแมวและสแตนด์ ออกมาเป็น ต้นไม้ที่มีนิสัยเหมือนแมว มีความสามารถในการ “ควบคุมอากาศในรัศมีสแตนด์” ได้อย่างอิสระ เช่น รวมอากาศเป็นก้อนแล้วยิง / ทำให้เกิดภาวะสูญญากาศ / ตรึงเป้าหมายไว้กลางอากาศ เป็นต้น   พลังควบคุมอากาศนี้จะแข็งแกร่งมากหากได้แดดจัดๆ เพราะพลังของ Stray Cat มาจากการสังเคราะห์แสง  ถ้าอยู่ในที่มืดจะอ่อนกำลังลง จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:19:32

ความคิดเห็นที่ 57 แมวพันธุ์ British Blue http://pirun.ku.ac.th/~b4609079/cat6.html เจ้าแมวอังกฤษพันธุ์ที่ชื่อ " บริติชบลู " นี้  เป็นแมวที่เป็นที่รู้จัก  และ  มีการเลี้ยงกันอย่างกว้างขวางที่สุดในเกาะอังกฤษ  และ  เป็นพันธุ์ที่มายาวนานที่สุด  ที่จริงมันเป็นลูกผสมจากแมวธรรมดา  ไม่มีเชื้อสายตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19  ผสมกัน ไปผสมกันมา  ในที่สุด  ก็ได้เจ้าตัวที่เรียกขานกันว่า BRITISH BLUE ( คือขนยาวนิดหน่อยออกสีฟ้าหม่น )  ตัวที่ว่านี้แหละ จากนั้นก็ได้สีแตกต่างกันออกไป  เป็นพวกสีน้ำตาลและเทาอมดำ พวกที่ไปผสมเลี้ยงกันในอเมริกาเหนือเรียกกันว่า " ชาทรุส ( CHARTREUSE ) "  ที่มีเลี้ยงกันหลายประเทศในยุโรป  เจ้าบริติชบลูเป็นแมวอารมณ์ดี ชอบใกล้ชิดคนและเมื่ออบรมสั่งสอนก็สามารถเข้าใจคำสั่ง แต่เป็นพวกที่ไม่ค่อยตื่นตัว คล่องแคล่วเมื่อเทียบกับเจ้าพวกแมวขนสั้นด้วยกัน รูปร่างลักษณะตัวหนักตัน  ขาสั้น  หูกางสั้น  หน้ากงเป็นแมว  มีขนที่ไม่ค่อยนุ่มนวลเวลาอุ้ม  พวกนี้เป็นแมวตาใหญ่กว้าง  ตาสีส้มหรือสีทองแดงที่ไทยเรารวมกันเรียกว่า  ตาเหลืองอมแดง  เหลืองอมเขียว และ เหลืองเฉยๆ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:20:02

ความคิดเห็นที่ 58 Aerosmith ร่างต้น - Narancia Ghirga (5/4) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:21:10

ความคิดเห็นที่ 59 สแตนด์รูปเครื่องบินใบพัด โจมตีด้วยการยิงกระสุน และทิ้งระเบิด (ใช้ใบพัดโจมตีได้ด้วย) มีความสามารถในการ “ตรวจจับคาร์บอนไดออกไซด์”  โดยใช้ในการติดตามเป้าหมายจากลมหายใจ ซึ่งปริมาณก๊าซของสิ่งมีชีวิตภายในรัศมีสแตนด์จะปรากฏในจอเรดาร์ขนาดเล็ก จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:22:46

ความคิดเห็นที่ 60 การหายใจ http://www.med.cmu.ac.th/dept/vascular/human/lesson/lesson3.php การหายใจ (respiration) เป็นการนำอากาศเข้าและออกจากร่างกาย ส่งผลให้แก๊สออกซิเจนทำปฏิกิริยากับสารอาหาร ได้พลังงาน น้ำ และแก๊สคาร์บอนไดออกไซต์ กระบวนการหายใจเกิดขึ้นกับทุกเซลล์ตลอดเวลา การหายใจจำเป็นต้องอาศัย โครงสร้าง 2 ชนิดคือ กล้ามเนื้อกะบังลม และกระดูกซี่โครง ซึ่งมีกลไกการทำงานของระบบหายใจ กลไกการทำงานของระบบหายใจ :: 1. การหายใจเข้า (Inspiration) กะบังลมจะเลื่อนต่ำลง กระดูกซี่โครงจะเลื่อนสูงขึ้น ทำให้ปริมาตรของช่องอกเพิ่มขึ้น ความดันอากาศในบริเวณรอบ ๆ ปอดลดต่ำลงกว่าอากาศภายนอก อากาศภายนอกจึงเคลื่อนเข้าสู่จมูก หลอดลม และไปยัง ถุงลมปอด 2. การหายใจออก (Expiration) กะบังลมจะเลื่อนสูง กระดูกซี่โครงจะเลื่อนต่ำลง ทำให้ปริมาตรของช่องอกลดน้อยลง ความดันอากาศในบริเวณรอบ ๆ ปอดสูงกว่าอากาศภายนอก อากาศภายในถุงลมปอดจึงเคลื่อนที่จากถุงลมปอดไปสู่ หลอดลมและออกทางจมูก จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:23:39

ความคิดเห็นที่ 61 สิ่งที่กำหนดอัตราการหายใจเข้าและออก คือ ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด - ถ้าปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดในเลือดต่ำจะทำให้การหายใจช้าลง เช่น การนอนหลับ - ถ้าปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดในเลือดสูงจะทำให้การหายใจเร็วขึ้น เช่น การออกกำลังกาย การหมุนเวียนของแก๊ส เป็นการแลกเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซออกซิเจน เกิดขึ้นที่บริเวณถุงลมปอด ด้วยการแพร่ของก๊าซออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย และก๊าซออกซิเจนทำปฎิกิริยากับสารอาหารในเซลล์ของร่างกาย ทำให้ได้พลังงาน น้ำ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีระหว่างก๊าซออกซิเจนกับอาหารจะแพร่ออกจากเซลล์เข้าสู่หลอดเลือดฝอยและ ลำเลียงไปยังปอด ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะแพร่เข้าสู่หลอดลมเล็กๆ ของปอดขับออกจากร่างกายพร้อมกับลมหายใจออก จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:24:05

ความคิดเห็นที่ 62 โอร่าๆๆๆๆ จากคุณ : UdornBoy2 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:24:34

ความคิดเห็นที่ 63 Weather Report ร่างต้น – Weather Bluemarine จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:24:35

ความคิดเห็นที่ 64 SPOILER ALERT! ท่านที่ยังไม่ได้อ่านภาค 6 กรุณาข้ามไปเลยครับ เปิดเผยเนื้อหาหักมุม (ที่แท้เป็นน้องชายฝาแฝดที่พลัดพรากของบาทหลวง Pucci นี่เอง) มีความสามารถในการ “ควบคุมสภาพอากาศ” ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะในพื้นที่แคบ-กว้างขนาดไหน เช่นทำให้ฝนตก  ทำให้เกิดหมอก  ทำให้ออกซิเจนมารวมกัน เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 54 23:35:26 จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:26:08

ความคิดเห็นที่ 65 และหลังจากได้ Disc ความทรงจำคืนมาก็สามารถใช้อากาศหักเหแสงอาทิตย์ขณะส่องผ่านชั้นบรรยากาศของโลกทำให้เกิดผลทาง Subliminal ต่อสิ่งมีชีวิต ทำให้หลงคิดไปว่าตนเองคือ หอยทาก และร่างกายก็เปลี่ยนแปลงเป็นหอยทากไปด้วย  เรียกความสามารถนี้ว่า Heavy Weather จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:27:15

ความคิดเห็นที่ 66 อืมถ้าผมจำไม่ผิด killer queen ใช้กับระเบิดได้ด้วยนี่ครับ ประเภทที่เปลี่ยนสิ่งที่แตะให้กลายเป็นกับระเบิด แล้วพอใครมาแตะก็ตู้มระเหิดไปเลย เคยใช้กับ กระดุม ลูกบิดประตู อะไรพวกนี้ จากคุณ : ผีสิง ยืมล็อกอินมาใช้ (RennasS) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:29:58

ความคิดเห็นที่ 67 Wiki ให้ข้อมูลเรื่อง Subliminal ไว้ ตามนี้ครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Subliminal_stimuli ส่วนเรื่องที่เปลี่ยนคนเป็นหอยทาก คุณๆนึกถึงเรื่องะไรกันครับ ที่ติดตาผมที่สุดก็คือ เรื่องจากอาจารย์ จุนจิ อิโต นั่นเอง http://media-eater.exteen.com/20081223/junji-ito http://www.animemangagame.com/index.php?option=com_content&view=article&id=185:2010-03-12-14-20-15&catid=3:manga-review&Itemid=88 จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:30:22

ความคิดเห็นที่ 68 คุณ ผีสิง ยืมล็อกอินมาใช้ (RennasS) ...ใช่ครับ  ก็คือเป็นปความสามารถแบบแรกนั่นเอง  “ทำให้สิ่งที่สัมผัสกลายเป็นระเบิด”  ใช้การกดสวิตช์ที่มือในการจุดระเบิด แต่ใช้ได้ทีละครั้งเท่านั้น  เป้าหมายที่ถูกระเบิดจะระเหิดหายไปไม่เหลือซาก ก็คือ แตะลูกบิดประตู ทำให้เป็นระเบิดไว้ก่อน แต่ยังไม่กดสวิตช์ไงครับ รอเหยื่อมาก่อนค่อยกด (>_<) โหดซะ 55 จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:32:43

ความคิดเห็นที่ 69 นอกจากนี้ Weather ยังทำให้ทึ่งด้วยการเสกกบจากฟ้า (กบพิษซะด้วย) ในตอนที่ Jolyne ต้องเอา Disc ความทรงจำของ Jotaro ไปที่สวนหย่อมกลาง Weather ได้ใช้ความสามารถสร้าง ปรากฏการณ์ “ฝนกบ” ทำให้กบ (พิษ) ตกลงมาจากฟ้าเป็นร้อยๆตัว ฉากนี้ปรากฏในเรื่อง Magnolia (1999) กำกับโดย Paul Thomas Anderson นำแสดงโดย Jeremy Blackman, Tom Cruise, Melinda Dillon, Philip Baker Hall, Philip Seymour Hoffman, Ricky Jay, William H. Macy, Alfred Molina, Julianne Moore, John C. Reilly, Jason Robards และ Melora Walters เป็นเรื่องของการเชื่อมโยงของบุคคล-เหตุการณ์ ความสุข-การให้อภัย http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A2986563/A2986563.html ฉากฝนกบ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:34:34

ความคิดเห็นที่ 70 Manhattan Transfer ร่างต้น - Jongalli A (6/5) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:35:16

ความคิดเห็นที่ 71 สแตนด์รูปร่างเหมือนจานดาวเทียม ไม่มีทั้งพลังโจมตี หรือพลังป้องกัน แต่มีความสามารถในการ “อ่านการเคลื่อนไหวของกระแสอากาศ”  ระบุได้ว่าวัตถุที่อยู่รอบๆมีขนาด-ปริมาณเท่าไหร่ มีการเคลื่อนไหวอย่างไร สแตนด์จะหลบหลีกการโจมตีได้จากกระแสอากาศที่เกิดขึ้น  นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนทิศของกระสุนปืนให้เข้าเป้าหมายได้ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:36:01

ความคิดเห็นที่ 72 ในเรื่องตอนนี้มีการกล่าวถึง Lee Harvey Oswald จากคดีลอบสังหารประธานาธิบดี John F. Kenedy (เนื่องจากเนื้อเรื่องตอนนี้เป็นการลอบสังหารเช่นกัน) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:38:06

ความคิดเห็นที่ 73 เหตุการณ์การลอบสังหารจอห์น เอฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีลำดับที่ 35 แห่งสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 เมื่อเวลา 12.30 น. ตามเวลามาตรฐานสหรัฐอเมริกา (เวลา 18.30 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด) ณ ดีลีพลาซา แดลลัส รัฐเท็กซัส ประธานาธิบดีเคนเนดีถูกยิงถึงแก่ชีวิตระหว่างที่นั่งขบวนรถประธานาธิบดีไปกับภรรยาของเขา แจ๊คเคอลีน เคนเนดี การสืบสวนของคณะกรรมการวอร์เรน ซึ่งกินเวลา 10 เดือนระหว่าง พ.ศ. 2506-พ.ศ. 2507 การสืบสวนของคณะกรรมการสมาชิกผู้แทนราษฎรสหรัฐว่าด้วยการลอบสังหารประธานาธิบดี (HSCA) ระหว่าง พ.ศ. 2519-พ.ศ. 2522 และการสืบสวนของรัฐบาล สรุปว่าประธานาธิบดีถูกลอบสังหารโดยลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ซึ่งในเวลาต่อมาออสวอล์ดถูกฆาตกรรมโดยแจ๊ค รูบี้ ก่อนที่เขาจะต้องขึ้นศาล ในช่วงแรกที่มีการเปิดเผยผลการสืบสวน ข้อสรุปนี้ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนอเมริกัน อย่างไรก็ดีผลสำรวจที่มีการจัดทำขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2509 ถึง พ.ศ. 2547 เปิดเผยว่าชาวอเมริกันประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์มีความเชื่อตรงกันข้ามกับข้อสรุปที่ได้จากการสืบสวนดังกล่าว การลอบสังหารนี้ยังคงเป็นประเด็นการอภิปรายในวงกว้าง และก่อให้เกิดประเด็นเรื่องทฤษฎีสมคบคิดและการจัดฉากอย่างนับไม่ถ้วน ใน พ.ศ. 2522 คณะกรรมการสมาชิกผู้แทนราษฎรสหรัฐว่าด้วยการลอบสังหารประธานาธิบดี ค้นพบว่ารายงานการสืบสวนของเอฟบีไอและ คณะกรรมการวอร์เรนมีข้อบกพร่องอย่างร้างแรง คณะกรรมการฯ ยังสรุปด้วยว่ามีการยิงปืนใส่ไม่ต่ำกว่า 4 นัด ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าอาจมีฆาตกรสองคน และทฤษฎีสมคบคิดดังกล่าวเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาในภายหลัง ซึ่งรวมถึงผลการศึกษาของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของหลักฐานที่คณะกรรมการฯ ใช้เพื่อสนับสนุนทฤษฎีกระสุนสี่นัดดังกล่าว ปัจจุบันยังมีคนไม่น้อยที่ติดใจเกี่ยวกับคดีนี้อยู่ หนึ่งในนั้นคืออัยการ จิม แกริสัน(Jim Garrison) อัยการของเมือง นิว ออร์ลินส์ แกริสันเชื่อว่าออสวอลด์เป็นแพะรับบาปในคดีนี้ แกริสันพยายามสืบค้นเรื่องนี้ แหล่งข่าวต่างๆและฟิลม์ภาพยนตร์ และแกริสันก็ได้พบกับตัวละครเพิ่มอีก คือ เคลย์ แอล ชอร์ นักธุรกิจในเมือง นิว ออร์ลินส์ เขาเป็นคนจ้างทนายให้ออสวอลด์หลังถูกจับ เดวิด เฟอร์รี หัวหน้าหน่วยบินกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นอาจารย์ของออสวอลด์สมัยเป็นทหาร วิลเลียม กาย บานิสเตอร์ อดีต FBI เชื่อว่าติดต่อออสวอลด์สมัยอยู่โซเวียต แกริสันเชื่อว่าบุคคลเหล่านี้มีความเกี่ยวโยงกับหน่วยงานของรัฐ รวมถึงเหล่ามาเฟีย และแกริสันยังเชื่ออีกว่าบุคคลทั้ง 3 น่าจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ ในครั้งนี้ ซึ่งบานิสเตอร์ก็ได้ฆ่าตัวตายอย่างหน้าสงสัยไปก่อนหน้านี้ แกริสันพยายามเอา2คนแรกไปสอบสวนและขึ้นศาล แต่ก็ถูกขัดขวางโดยเจ้าหน้าที่รัฐ พยานถูกข่มขู่ ไม่กล้ามาให้ปากคำ บางคนได้เสียชีวิตอย่างปริศนา ทั้งชอร์และเฟอร์รีถูกยกฟ้อง ตัวเฟอร์รีนั้นแม้จะถูกยกฟ้องแต่ก็เสียชีวิตอย่างปริศนา ตัวแกริสันก็ถูกกล่าวหาว่าสร้างเรื่องราวขึ้นมาเพราะอยากดัง การสืบสวนของแกริสันนั้นก็กลายเป็นเพียงหนึ่งในทฤษฎีสมคบคิดในหลายๆทฤษฎีที่ เกี่ยวกับเรื่องนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตามเรื่องของแกริสันนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้โอลิเวอร์ สโตน นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง JFK ในปี 2534 โดยเควิน คอสต์เนอร์รับบทเป็นแกริสัน จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:38:30

ความคิดเห็นที่ 74 ความสามารถในการ “ควบคุมอุณหภูมิ” ความร้อน 1) Magician's Red 2) The Sun จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:39:06

ความคิดเห็นที่ 75 Magician's Red ร่างต้น - Mohammed Abdul (3/3) แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 23:39:48 จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:39:35

ความคิดเห็นที่ 76 รูปครับ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:40:32

ความคิดเห็นที่ 77 สแตนด์รูปร่างครึ่งคนครึ่งนกที่สามารถ “สร้าง-ควบคุมไฟได้อย่างอิสระ” ไฟที่ถูกสร้างขึ้นมีความร้อนขนาดหลอมละลายโลหะได้ รวมทั้งประยุกต์ใช้ได้ในหลายๆรูปแบบ เช่น ใช้ตรวจจับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งของ หรือ ใช้ปิดกั้นลมหายใจ (ออกมาตอนสู้กับโจทาโร่ตอนแรกๆ) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:41:43

ความคิดเห็นที่ 78 The Sun ร่างต้น – ชายอ้วน (3/18) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:42:12

ความคิดเห็นที่ 79 สแตนด์รูปดวงอาทิตย์ สามารถ “เพิ่มอุณหภูมิ (ความร้อน)” และยิงลำแสงความร้อนโจมตีได้ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 23:43:00 จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:42:45

ความคิดเห็นที่ 80 ...วันนี้ดูท่า เนท จะมีปัญหา (>_<) รูปครับ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:43:52

ความคิดเห็นที่ 81 แล้วมนุษย์ทนความร้อนได้เท่าไหร่? (Heat stress: setting an upper limit on what we can adapt to : http://www.gwwn.net/bb/data/00043-2-1.html) ภาวะเครียดจากความร้อน: ขีดสูงสุดที่มนุษย์จะปรับตัวได้ บางคนอาจจะเชื่อว่ามนุษย์สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศใดๆ ก็ได้ ดังจะเห็นได้ว่ามนุษย์เราในปัจจุบันสามารถอยู่อาศัยได้ในเกือบทุกที่บนผิว พื้นโลกใบนี้ อย่างไรก็ตามรายงานวิจัยโดย Sherwood และ Huber (2010) เรื่อง An adaptability limit to climate change due to heat stress ได้คัดค้านความคิดนี้โดยนำเสนอว่าภาวะโลกร้อนขึ้นเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้ ประชากรโลกจำนวนมากมีภาวะเครียดจากความร้อนสูงเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็น มาก่อน และภาวะโลกร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงนั้นจะนำไปสู่ภาวะที่มนุษย์สุดจะทานทนได้ให้หลายพื้นที่ของโลก อุณหภูมิที่ผิวหนังของมนุษย์ถูกควบคุมให้ค่อนข้างคงที่ ที่ประมาณ 35 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิของร่างกายจะต้องสูงกว่าอุณหภูมิของอากาศรอบข้างเพื่อให้ความร้อนสามารถระบายออกจากร่างกายได้ หรือถ้ากล่าวให้ถูกต้องก็คืออุณหภูมิของร่างกายจะต้องสูงกว่าอุณหภูมิของเทอร์โมมิเตอร์กระเปาะเปียก (TW) ซึ่งเป็นการวัดผลรวมของอิทธิพลของอุณหภูมิอากาศ ความชื้นและลมของ ณ ที่นั้นๆ โดย Sherwood และ Huber (2010) ประมาณว่า TW สูงสุดต่อเนื่อง 6 ชั่วโมงที่มนุษย์สามารถทนได้ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 35 องศาเซลเซียสด้วยเช่นกัน ถ้าอุณหภูมิสูงกว่านี้หรือร้อนต่อเนื่องนานกว่านี้ก็จะทำให้เกิดภาวะ hyperthermia ได้ Sherwood และ Huber (2010) สรุปว่าถ้าอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7 องศาสเซลเซียส จะทำให้ค่า TW ของโลกขึ้นสูงจนแตะ 35 องศาเซลเซียส และนั่นจะทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นจากระบวนการในร่างกายไม่สามารถระบายออกไป ได้ และถ้าอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 11-12 องศาสเซลเซียส ก็เกือบจะไม่มีที่ใดบนโลกที่มนุษย์จะอาศัยอยู่ได้โดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือ ถึงแม้ว่าอุณหภูมิโลกคงจะไม่เพิ่มสูงถึงระดับที่วิกฤติโดยตรงของร่างกายของ มนุษย์ งานวิจัยนี้ก็ช่วยชี้ให้เห็นว่าความเชื่อที่ว่ามนุษย์เราสามารถทนต่อความ ร้อนได้โดยดูแต่อุณหภูมิอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เพราะจะต้องพิจารณาผลของความชื้นประกอบด้วยเนื่องจากปัจจัยทั้งสองร่วมกัน ส่งผลต่อการระบายความร้อนออกจากร่างกาย โดยเฉพาะในเขตภูมิอากาศร้อนชื้นผลจากการเพิ่มของอุณหภูมิก็จะรุนแรงกว่าใน เขตร้อนแห้ง จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:44:55

ความคิดเห็นที่ 82 ความเย็น 1) Horus 2) White Album จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:46:46

ความคิดเห็นที่ 83 Horus ร่างต้น  - เหยี่ยว Pet Shop (3/30) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:47:28

ความคิดเห็นที่ 84 มีความสามารถในการ “ลดอุณหภูมิ จนถึงจุดเยือกแข็ง” และสามารถยิงแท่งน้ำแข็งที่สร้างขึ้นโจมตีเป้าหมายได้ จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:48:11

ความคิดเห็นที่ 85 White Album ร่างต้น – Ghiaccio (5/17) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:48:39

ความคิดเห็นที่ 86 เป็นสแตนด์ในรูปของชุดเกราะบอดี้สูท ที่มีความแข็งแกร่งขนาดกันกระสุนได้ มีความสามารถในการ “ลดอุณหภูมิ” ทำให้สิ่งแวดล้อมกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง -273.15 C  ใช้ทำให้อากาศกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งป้องกันตัวที่เรียกว่า Gently Weep จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:50:09

ความคิดเห็นที่ 87 อุณหภูมิ -273.15 C  หมายถึง จุดเยือกแข็งสัมบูรณ์ หรือ 0 เคลวิน ที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะหยุดนิ่งหมด แก้ไขตาม คุณ Panda-baker ครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 54 13:09:26 จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:50:39

ความคิดเห็นที่ 88 ความสามารถในการควบคุม “ไฟฟ้า-เหล็ก-แม่เหล็ก” 1) Red Hot Chili Pepper 2) Bast 3) Metallica 4) Boomboom Family 5) Tubular Bells จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:52:42

ความคิดเห็นที่ 89 Red Hot Chili Pepper ร่างต้น - Akira Otoishi  (4/6) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:53:18

ความคิดเห็นที่ 90 สแตนด์ไฟฟ้า มีความสามารถในการทำให้เป้าหมาย “กลายเป็นกระแสไฟฟ้า” ใช้ได้ทั้งกับมนุษย์และสิ่งของ  (ร่างต้นใช้ความสามารถนี้ในการขโมยของโดยเปลี่ยนให้เป็นไฟฟ้าแล้วลากผานสายไฟมาบ้านตัวเอง... แหม้ สะดวกดีแท้) โจมตีด้วยการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่เป้าหมาย แต่จำเป็นต้องอาศัยแหล่งกำเนิดไฟฟ้าในการคงสภาพและรักษาความแข็งแกร่งไว้ ยิ่งแหล่งกำเนิดไฟมีมากเพียงใด สแตนด์ก็แข็งแกร่งเท่านั้น (เทียบเท่า Star Platinum กันได้ทีเดียว) จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:54:58

ความคิดเห็นที่ 91 สแตนด์โจมตีด้วยการช็อตไฟฟ้า แล้วมนุษย์โดนช็อตเท่าไหร่ถึงจะตาย? http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2006/03/X4241440/X4241440.html จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 23:55:32