[Trans Op-ed] บทบรรยายเรี่องเครื่องสำอางค์ ตอนที่ 2: องคภาวะตามกฎหมายและการใฝ่หาความสุข
A Cosmetic(s) Discourse, Part II: On Legal Entities and the Pursuit of Happiness
Written by: Jimmie of TheJYJFiles
Shared by: TheJYJFiles
แปลไทย: ลูกแก้วใสกิ๊งระริ๊ง (walking along with JYJ @ pantip)
[T/N: บทความนี้ใช้คำว่า Yo' Mama joke ค่ะ อธิบายเล็กน้อยว่าเป็นมุกตลกล้อเลียนแม่แบบหยาบคายหน่อยๆ ที่ตลกคาเฟ่เมืองนอกชอบเล่นกัน]
บทบรรยายเรี่องเครื่องสำอางค์ ตอนที่ 2:
มุกตลกล้อแม่ตรงประเด็นมากกว่า
ในตอนแรกของบทความนี้ เราได้ทำลายโครงสร้างของบทบรรยายเรื่องเครื่องสำอางค์ที่แสนจะตื้นเขินไป เมื่อเปิดโปงแผนคำโต้เถียง เราทราบได้ว่าบทบรรยายนั้นมีจุดบอดทางตรรกะในการพยายามจะพิสูจน์ว่าสมาชิกของวง JYJ และการที่พวกเขาเข้าไปเกี่ยวข้องธุรกิจเครื่องสำอางค์นั้นทำให้เกิดการแยกเป็น 3:2 ของวง TVXQ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะท้าทายขั้นตอนการโต้เถียงของบทบรรยายไปแล้ว แต่ยังมิได้พูดถึงเนื้อความของคำโต้เถียงเอง ในตอนที่สองของบทบรรยายเรี่องเครื่องสำอางค์นี้ เราจะเริ่มชี้ให้เห็นปัญหาใหญ่ๆ ของตัวคำกล่าวอ้างว่าการที่แจจุง จุนซูและยูชอนเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้ร่วมลงทุนของ CreBeau นั้นทำให้เกิดวิกฤตปัจจุบันของดงบังชินกิ
บุคคลจริงสู้กับบุคคลปลอม
ผู้ที่มีส่วนร่วมในบทบรรยายเรื่องเครื่องสำอางค์นี้ รวมถึงบริษัท SM Entertainment มักจะชอบยืนยันว่าสมาชิกของวง JYJ นั้นออกจากบริษัท SM ไปเพื่อหวังตามเรื่องการลงทุนในธุรกิจเครื่องสำอางค์ และเพราะทั้งสามออกจากบริษัท SM ก็ยังออกจากวงดงบังชินกิไปด้วย เป็นผลให้วงต้องแตกกันในที่สุด การทึกทักเอาเองนี้หมายความว่าบริษัท SM และดงบังชินกิคือสิ่งสิ่งเดียวกัน; เพราะบริษัท SM "สร้าง" ดงบังชินกิ ศิลปินกลุ่มนี้ไม่สามารถคงอยู่นอกบริษัทได้
อย่างไรก็ตาม บริษัท SM Entertainment และ TVXQ คือมีองคภาวะตามกฎหมายที่แตกต่างและไม่ขึ้นต่อกัน มีความแตกต่างทางสิทธิและข้อบังคับในสถานภาพทางกฎหมายที่แยกกันอย่างสิ้นเชิง สมาชิกของวง TVXQ ในฐานะมนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อเป็นถือเป็นบุคคลทางกฎหมาย ในฐานะที่ SM Entertainment เป็นกลุ่มบริษัทที่จะถูกเกี่ยวถึงในฐานะบุคคลเทียม (มากกว่าหนึ่งด้าน) หรือมีสภาพเป็นนิติบุคคล คำกล่าวอ้างที่ผลักดันโดยบทบรรยายเรื่องเครื่องสำอางค์ว่าการ JYJ ออกจากบริษัท SM ทำให้ดงบังชินกิต้องแยกกันนั้นวางอยู่บนฐานที่สั่นคลอนอยู่แล้ว บริษัท SM Entertainment และดงบังชินกิไม่ใช่สิ่งเดียวกัน; มันเป็นไปได้อย่างเต็มที่ที่ศิลปินกลุ่มจะคงอยู่และออกแสดงในฐานะ TVXQ นอกบริษัท SM ที่จริงแล้ว ศิลปินกลุ่มไอดอลที่เคยอยู่ภายใต้บริษัท SM กลุ่มหนึ่งคือชินฮวากำลังทำอย่างนั้นอยู่: ศิลปินกลุ่มนี้ไมได้อยู่กับบริษัท SM แล้วแต่ยังคงทำงานในฐานะของชินฮวาแม้ว่าสมาชิกวงจะอยู่ในบริษัทบริหารศิลปินคนละบริษัทกันก็ตาม เมื่อไม่นานมากนี้ ศิลปินไอดอลอีกกลุ่มหนึ่งคือ SS501 ได้แยกกันไปอยู่คนละบริษัทบริหารศิลปินแต่ก็ยังคงอยู่ด้วยกันในฐานะวง SS501; หลักของนิติบุคคลนี้แยกระหว่างบริษัทบริหารศิลปินกับกลุ่มศิลปินไอดอลออกจากกันอย่างชัดเจน ผลที่ตามมาก็คือมันยังเป็นไปได้ที่สมาชิกคนใดคนหนึ่งหรือสมาชิกทั้งหมดของวงดงบังชินกิจะออกจากบริษัท SM และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของดงบังชินกิเช่นเดิม ความจริงแล้ว นี่คือสิ่งที่สมาชิกของ JYJ ต้องการ ดังนั้นปัญหาจึงตกอยู่ในเรื่องการปฏิเสธแบบยืนกระต่ายขาเดียวจากบริษัท SM เนื้อความนี้จึงแสดงให้เห็นว่าไม่มีปัญหาที่ JYJ จะกล่าวยืนยันว่าพวกเขาออกจากบริษัท SM ไม่ได้ออกจากดงบังชินกิ และพวกเขายังคงเป็นสมาชิกของวง TVXQ อยู่
โครงร่างพื้นฐานทางกฎหมายระหว่างบุคคลที่มีตัวตนจริงกับบุคคลเทียมนั้นยังแสดงให้เห็นถึงสาเหตุเบื้องหลังของการที่คำร้องจากบริษัท SM Entertainment ในการใช้ชื่อดงบังชินกิแบบอักษรจีนกลางเป็นเครื่องหมายการค้านั้นถูกปฏิเสธ (สองรอบ) ตามที่ทนายทรัพย์สินทางปัญญา คุณจวนโซจองได้ชี้ให้เห็นว่า "สิ่งที่บริษัทบริหารวงดงบังชินกิมองไม่เห็นก็คือว่าการพยายามยื่นคำร้องขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า 'ดงบังชินกิ' นั้นยิ่งเป็นการขีดเส้นใต้เน้นย้ำความจริงที่ว่าดงบังชินกิและบริษัท SM Entertainment เป็นองคภาวะทางกฎหมายที่ไม่เกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน..."
การสนทนากับเพื่อนร่วมงานในโรงเรียนกฎหมายที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในประเทศเกาหลีและอีกแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาเผยความจริงที่ว่าบริษัท SM ไม่สามารถอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของดงบังชินกิได้อย่างสมบูรณ์หรือถาวร ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม บริษัท SM สามารถอ้างสิทธิได้มากที่สุดก็เพียงการสิทธิแบบจำกัดในการใช้ชื่อศิลปินกลุ่มในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง; นี่จริงๆ แล้วก็คือการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศเกาหลีชี้ไว้ชัดเจนว่าเมื่อเครื่องหมายการค้าใดๆ เกี่ยวข้องกับบุคคลจริงผู้มีชื่อเสียง สิทธิที่มีจะไม่เป็นสิทธิขาด ยิ่งถ้าสาธารณชนสามารถเชื่อมโยงชื่อที่ขอจดทะเบียนว่าคือบุคคลที่มีชื่อเสียงคนใด สิทธิขาดก็จะตกเป็นของบุคคลนั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ณ จุดนี้ ถ้าสมาชิกของ JYJ ฟ้องคัดค้านวิธีที่บริษัท SM ใช้ชื่อดงบังชินกิในรูปแบบไหนๆ ก็มีโอกาสสูงมากที่พวกจะชนะบริษัท SM ถ้าสมาชิกทั้งสามยกเรื่องฟ้องขึ้นมา จะยิ่งชี้ให้เห็นชัดว่า TVXQ กับบริษัท SM นั้นเป็นองคภาวะทางกฎหมายที่ไม่ขึ้นต่อกัน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเรื่องของธุรกิจเครื่องสำอางค์เข้ามาเกี่ยวก็ตาม
วิชา การใฝ่หาความสุข 101
แม้จะอ้างว่าบทบรรยายไม่ได้ต่อต้านการลงทุนส่วนตัวของดาราศิลปิน แต่บทบรรยายชอบที่จะล้อเลียนการลงทุนของ JYJ กับ CreBeau จริงๆ แล้วมันก็คือการดึงประเด็นที่ว่าการลงทุนในธุรกิจข้างเคียงนั้นแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่ขัดกันของนักร้องอย่างสมาชิกทั้งสามของดงบังชินกิ บทบรรยายยืนยันอย่างผิดๆ ว่าบริษัท SM Entertainment มีสิทธิ์และกฎเกณฑ์ข้อบังคับในการเข้ามาขัดขวาง แต่ความดื้อดึงของสมาชิกทั้งสามโดยไม่เห็นแก่บริษัทและยังคงเดินหน้าลงทุนต่อไปนั้นทำให้เกิดการแยกวงของดงบังชินกิ
อย่างแรกก็คือ สมาชิกทั้งสามของดงบังชินกินั้นลงทุนในนามของตัวเอง ไม่ใช่ในฐานะตัวแทนของบริษัท SM หรือแม้แต่ตัวแทนจากกลุ่มศิลปินของพวกเขา นี่คือสิ่งหนึ่งที่บริษัท SM ยังไม่ได้ท้าทายจนถึงตอนนี้ ดังนั้นจึงไม่มีการขัดผลประโยชน์กันแต่อย่างใด คิมแจจุง ปาร์คยูชอนและคิมจุนซูในฐานะบุคคลเดี่ยวๆ นั้นถือเป็นประชาชนคนหนึ่งในสาธารณรัฐที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าสาธารณรัฐเกาหลี - หรือเกาหลีใต้ตามภาษาพื้นเมือง - ประเทศซึ่งมีรัฐธรรมนูญที่การันตีสิทธิในการใฝ่หาความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีทางการเศรษฐกิจ (อารัมภกถา, มาตราที่ 10) พวกเขาเพียงใช้สิทธิพื้นฐานนี้ตอนที่ลงทุนกับเครื่องสำอางค์ CreBeau แต่ทั้งสามก็ให้ความเคารพบริษัทโดยที่ขออนุญาตก่อนจะลงทุนส่วนตัวดังกล่าวแม้ว่าจะไม่จำเป็น ไม่ว่าสัญญาจ้างผูกขาดระยะยาวจะมีความศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่มากไปว่ารัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐเกาหลี
เว้นเสียแต่ว่าบริษัท SM Entertainment ในฐานะนิติบุคคลได้ร่วมการลงทุนเดียวกับสมาชิกทั้งสามผ่านช่องทางสัญญาอย่างเป็นทางการ บริษัทก็ไม่มีสิทธิ์อันใดในการจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวขัดขวางการลงทุนส่วนตัวของพวกเขา โดยไม่ได้คำนึงถึงสิทธิพื้นฐานของทั้งสามในฐานะพลเมืองเกาหลีใต้ บริษัท SM ไม่ได้รวมลงทุนกับ CreBeau และไม่ได้รับความเสี่ยงใดๆ ความเสี่ยงในการจะได้หรือจะเสียรวมทั้งความรับผิดชอบที่ตามมานั้นจะตกเป็นของบุคคลผู้ลงทุน ในกรณีนี้ก็คือแจจุง ยูชอนและจุนซู โดยไม่เกี่ยวกับคนอื่นๆ นี่ไม่ใช่เรื่องทางกฎหมายด้วยซ้ำ นีคือสามัญสำนึกแบบตรงไปตรงมา... เมื่อไม่มีพันธะหนี้สินก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้ามายุ่งเกี่ยว
แม้กระทั่งถ้าธุรกิจเครื่องสำอางค์นั้นไปพัวพันกับเรื่องผิดกฎหมายอาญาอย่างที่บริษัท SM ได้อ้าง บริษัท SM ก็ยังคงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งกับชีวิตส่วนของทั้งสามอย่างที่ได้ทำไป ในกรณีแบบนี้ บริษัท SM ควรจะ (และคงจะทำถ้าหากไม่ได้มีแรงจูงใจเบื้องหลังอื่นๆ) แจ้งแก่ผู้มีอำนาจรัฐอื่นๆ ที่เกี่ยวจ้อง หรือว่าบริษัทหลงในภาพลักษณ์ของเมืองและอาณาจักรที่ตนเองปั้นขึ้นมาจนกระทั่งลืมว่ามีหน่วยงานรัฐบาลที่ทำให้บริษัทมีอยู่ได้ไปแล้ว? นี่ความไม่สำนึกบุญคุณอย่างแท้จริง ถ้าธุรกิจเครื่องสำอางค์นั้นไม่โปร่งใสและเรื่องนี้ออกสู่สาธารณชนทำให้เกิดความกลลาหลจากสื่อที่น่ากลัวว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของ TVXQ แปดเปื้อน มันจะทำให้ทักษะการบริหารและการประชาสัมพันธ์ของบริษัท SM เองดูไม่ดี ไม่ใช่เรื่องที่สมาชิกทั้งสามได้ร่วมลงทุนหรือเรื่องสิทธิ์ของพวกเขา
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมอัยการเกาหลีถึงได้ยกฟ้องข้อหาที่บริษัท SM ตั้งต่อ CreBeau และส่งบริษัท SM กลับบ้านไปด้วยคำต่อว่าอย่างเด็ดขาดในเรื่องการรับมือในเชิงประชาสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม การใช้อำนาจรัฐของเกาหลีไปในทางที่ผิดเพื่อแผนการเล็กๆ น้อยๆ ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงช่องทางกฎหมายที่เหมาะสมในการแก้ไขความขัดแย้ง
(ยังมีต่อค่ะ)