สาเหตุของการซูบผอมและกระวนวายของหลินฮุ่ย..แม้จะไม่สามารถทราบได้ว่าเกิดจากสารเคมีหรือยาหรือฮอร์โมนอย่างใดหรือไม่
แต่เรามองจากอาการของหลินฮุ่ยจากภายนอกแล้วคิดว่าหลินฮุ่ยคิดถึงลูกเหมือนกับหลายท่าน.. เพราะการเดินวนในกรงแต่ละครั้งจะมาหยุดลงที่ประตูกรง...หันหน้าไปทางประตูกรง เช่นเดียวกับตอนที่ยังได้กลับไปหาลูกตามเวลา
ช่วงบ่าย การเดินวนไปที่ประตูเข้าบ้าน ก็เพราะอยากกลับบ้าน
ตอนนี้มีการเดินวนหันหน้าไปชะเง้อทางกรงช่วง ช่วง บ่อยๆ ก็เพราะอยากจะกลับบ้านเช่นกัน คงจะคิดว่ามีทางออกอื่นด้านโน้นอีกมั้ย
ถ้าจะคิดว่าตอนนี้ฮุ่ยเดินวนหาช่วง ช่วง เพราะเป็นสัด..ก็ขอให้สังเกตว่าฮุ่ยเดินไปชะเง้อประตูและเมื่อประตูไม่เปิด ก็จะเดินไปยืน ไปนั่งชะเง้อที่กรงช่วง ช่วง มานานสามเดือนแล้ว ตั้งแต่ฮุ่ยถูกแยกจากปิงตอนกลางวัน....เป็นอย่างนี้มาตลอด...และนั่นไม่ใช่ช่วงเวลาที่ฮุ่ยจะเป็นสัด (หลายเดือนก่อนเราเคยรายงานสดตลกๆ ว่า หลินฮุ่ยมาบอกตาช่วงให้ช่วยไปเปิดประตูให้ ฮุ่ยจะไปหาลูก)
ดังนั้นการเดินวนใกล้กรงช่วง ช่วง ในตอนนี้ จึงบอกไม่ได้ว่าเกิดจากการเป็นสัด เพราะทำแบบนั้นมานานแล้ว
และที่แปลกคือ ระยะหลังนี้มีการเดินวนไปใกล้คูแห้ง ไปชะเง้อ และนั่งซบก้อนหินมองไปทางนักท่องเที่ยว...ซึ่งเมื่อสองสามเดือนก่อนไม่มี
จึงคิดไปว่าฮุ่ยน่าจะหาทางออกจากที่นั่น....แต่ด้วยความที่เป็นสัตว์ไม่ก้าวร้าว ไม่แสดงออกรุนแรงเหมือนหมา แมว เมื่อหาทางออกไม่ได้ จึงได้แต่นอนนิ่งเงียบ แทนที่จะตะกายกรง กัดโน่นกัดนี่เหมือนสัตว์อื่น
เหตุผลที่เราคิดว่าฮุ่ยคิดถึงลูก...เพราะว่าฮุ่ยยังไม่ได้แสดงอาการไล่ลูกไป และลูกก็ไม่ได้แยกจากไปเอง...หลินฮุ่ยยังมีสัญชาตญาณความเป็นแม่มาจนวันสุดท้ายที่ถูกแยก เพราะทุกวันเมื่อมาเจอลูก จะพาลูกไปกินนมอย่างเต็มใจ เราเคยโพสไว้นานแล้วว่า ที่ว่าหลินฮุ่ยอยากแยกจากลูกนั้น ทดลองเอาหลินฮุ่ยไปกักไว้คอกเก่าทั้งคืนสักคืน ดูซิว่าหลินฮุ่ยจะมีอาการอย่างไร บางทีหลินฮุ่นอาจมีอาการมากกว่าปิงก็เป็นได้
ได้อ่านข้อความจาก blog ของจนท. SDZ กรณีของ Yun Zi ที่รายงานว่าสามารถผ่านกระบวนการหย่านมได้ดีกว่าลูกหมีตัวอื่นๆ และ มีรายงานทางวิชาการพบว่าแม่ของสัตว์ชนิดอื่นๆที่มีประสบการณ์มาแล้ว จะแสดงอาการกังวลกระวนกระวายน้อยกว่า ในวันแรกหลังการหย่านมสำเร็จ
อย่าลืมว่าหลินฮุ่ยเป็นแม่มือใหม่ เพิ่งมีลูกตัวแรก เธอย่อมยังไม่ชำนาญในการแยกลูกออกไป ควรให้เวลาเธอได้เรียนรู้ด้วยตัวเองด้วยว่า จะแยกจากลูกอย่างไร
ถ้าเธอไม่เคยได้ตัดสินใจเอง มีลูกครั้งต่อไป เธอคงให้นมลูก ไปจนลูกตัวเท่าเธอ และคนต้องจับแยกเองอีก...เธอก็ต้องเศร้า เครียดเหมือนเดิม..และน้ำตาท่วมประเทศอีกครั้งแน่ ๆ...
น่าประทับใจคำพูดของเจ้าหน้าที่ของ SDZ ที่บอกว่า
"แม้ว่าเราจะทำอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้กับสัตว์ (หมี) ของเรา แต่นั่นเป็นการเข้าใจผิด เพราะแม่ Bai Yun มีบทบาทยิ่งใหญ่ที่สุดในการตัดสินใจให้เกิดผลลัพธ์ (ที่ดี) เช่นนี้"
"...Yun Zi had done amazingly well through this process. I have witnessed the weaning of each of our five cubs, and it is my opinion that he handled it the best. He displayed very few signs of concern about the process until the end. Even when he did get restless, the intensity of his anxiety seemed lower than that of some of the other cubs. Yun Zi is a champ.
Is this a factor of our fine-tuned process? Or is it just a result of his mellow personality? Or could it be that he was taking his cues from his mother, Bai Yun? After all, she has been through this process many times before, and she probably recognizes the opportunity to wean when it arises. The literature on weaning in other species strongly suggests experienced mothers are more likely to wean early and show fewer signs of anxiety in the first days after weaning is accomplished. Although we do the best we can for our animals, it is my suspicion that Bai Yun played the biggest role in determining the outcome here."...
ที่มา: Panda Yun Zi: On His Own February 11, 2011
(หากใครอ่านแล้ว รู้สึกว่าผู้โพสคิดไปเอง..ขอให้ดูข้อความบนสุดของกรอบนี้ ที่บอกไว้ว่า "ความคิดเห็นที่..." ซึ่งในความคิดเห็น อาจมี Fact มี Truth หรือไม่มีก็ได้)
ภาพประกอบ..จากไฮไลท์วันนี้ 18-2-54
แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 54 01:40:25
แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 54 19:55:44