 |
ชาฟต์ขึ้นชื่อในเรื่องความแนวของงานด้าน Visual Effect (ไม่ใช่ลายเส้น), การกำกับ และการตีความมังงะเป็นอนิเมที่ไม่เหมือนใคร ถ้าการ์ตูนเรื่องไหนชาฟต์ได้ทำ แฟนๆ จะโอดครวญทันที เพราะไม่รู้จะโดนปู้ยี่ปู้ยำขนาดไหน (จากกรณีเนกิมะ) แต่เพราะความแนวนี่แหละกลับทำให้เรื่องนั้นเป็นที่สนใจขึ้นมา (แต่อนิเมก็ขายไม่ได้อยู่ดี) ชาฟต์จึงเป็นที่รักของสำนักพิมพ์ต่างๆ (โคดันฉะ, โฮบุนฉะ, สแควร์อีนิกซ์) ที่มีการ์ตูนอยากให้ทำอนิเมส่งเสริมการขายมังงะอย่างมาก........มากจนชาฟต์แทบเอาตัวไม่รอด ต้องรับงานนอกประทังชีวิตไปด้วย (ช่วงนั้นไปโผล่ในเครดิตกันดั้มบ่อยอย่างมีนัยสำคัญ)
ผลงานของชาฟต์ช่วงหลังเนกิมะที่อยากแนะนำเป็นพิเศษนอกจากครูสิ้นหวังที่รู้จักกันดีอยู่แล้วคือ ef - a tale of memories ที่แสดงให้เห็นว่าชาฟต์ไม่ได้ทำเป็นแต่การ์ตูนยิงมุก ทำอนิเมซีเรียสเป็น (ฉากฉีกไดอารี่ได้อารมณ์มาก ดูรอบแรกเหมือนหัวใจจะสลายตามพระเอกไปเลยทีเดียว)
ชาฟต์อยู่ในสภาพลุ่มๆ ดอนๆ ทำอนิเมแบบบ้าคลั่งเพื่อผ่อนสำนักงานใหม่ไปเรื่อยๆ (ย้ายจากบ้านตึกแถวสี่ชั้นไปเป็นสำนักงานขนาดใหญ่) จนกระทั่งชาฟต์ได้งานดัดแปลงนิยายเป็นอนิเมมาจาก Aniplex คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเรื่องอะไร และขณะฉายเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เนื่องจากผ่านมาปีกว่าแล้ว ขี้เกียจพูดเรื่องเกี่ยวกับบาเกะโมโนกาตาริแล้ว แบบว่ามันยาวมาก อ่านของเก่าแล้วกัน
[Bakemonogatari] บทวิเคราะห์: ทำไมเรื่องนี้จึงขายได้ http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/12/A8614026/A8614026.html
อ่านเพิ่มเติมจากบทความของคุณโทมาเระก็ดี ยังไงก็ฝากทวงตอน 2 ไว้ ณ ที่นี้นะครับ :-D Bakemonogatari (1) http://tomare.exteen.com/20100922/bakemonogatari-1
สำหรับเรื่องนี้ ผมไม่เคยสนใจเลย กระทั่งได้ดูเทรลเลอร์แรกนี้แหละ มัน"เฮ้ย" ขึ้นมาทันที
แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 54 16:17:53
จากคุณ |
:
AceANE
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.พ. 54 16:16:31
|
|
|
|
 |