ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าจะแก้ต้องแก้ทั้งระบบ ชาวนาทำนางกๆ ขายข้าวเปลือกได้เงินนิดเดียว  แต่พ่อค้าคนกลางเอาไปกินหมด(นอนกินเลยทีเดียว) ข้าวตกมาถึงผู้บริโภคในราคาแพง คนเราทำงานยังอยากขยับขยายไปในที่ที่ดีกว่า เงินเดือนมากกว่า   ชาวนาเค้าก็ต้องกินต้องใช้เหมือนกัน  ถ้ามองในมุมของเค้ามันก็น่าสงสารอยู่นะ พวกเราไม่เคยคิดจะทำอะไรเพื่อชาวนา  แต่หวังให้เค้าดำรงอาชีพนี้ต่อไปเพื่อประเทศ   ให้เค้าทำงานลำบากแต่ได้ค่าตอบแทนน้อย  ส่วนพวกเราทำงานสบาย เงินเดือนเยอะ ที่เค้าหันไปปลูกกัน ไม่ใช่เพราะเค้าโลภ แต่การทำนานั่น เงินที่ได้มาเอาไปจ่ายค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าเก็บเกี่ยว ก็แทบไม่เหลือเก็บ หากจะแก้ก็ควรแก้เป็นระบบ พวกพ่อค้าคนกลางไม่ควรได้เงินเป็นกอบเป็นกำขนาดนั้น ทำนาบนหลังคนโดยแท้ ไม่ใช่แค่ต้นยูคา เดี๋ยวนี้เริ่มเปลี่ยนที่นาเป็นสวนยางกันแล้ว ทางเพชรบูรณ์เริ่มตัดต้นมะขามหวาน(ของดังเมืองเพชรบูรณ์)ทำเป็นสวนยางกันแล้ว  เมืองมะขามหวานจะยังคงอยู่ได้ไหมในอนาคต   การกระจายรายได้เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยได้ในระยาวค่ะ จากคุณ : เทมปุระ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 11:48:14

ความคิดเห็นที่ 2 ก็ยังงงกับเรื่องที่เขาว่ายูคาทำให้ดินเสื่อมนะ คือเราไม่เชื่อว่ามันทำให้ดินเสื่อมอะค่ะ เพราะทางบ้านญาติ เขาปลูกยูคามานานเป็นสิบๆปีแล้ว ที่อีกส่วนทำไร่มันสำปะหลัง ทำเองและให้คนเช่า ตอนนี้รื้อยูคาออก เน้นปลูกมันอย่างเดียว มีแต่คนมาแย่งกันขอเช่าที่ เพราะปลูกแล้วมันหัวใหญ่ ได้ผลผลิตดีว่างั้น จากคุณ : lovelypam เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 11:51:24

ความคิดเห็นที่ 3 มาร่วมกังวลด้วยคนค่ะ บ้านเราเดี๋ยวนี้วิกฤติอาหารยิ่งส่อเค้าชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : La Dolce Vita เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 11:55:31

ความคิดเห็นที่ 4 ขายต้นกล้าให้ต้นละ 5 บาท คนละ 100 ต้น หลังจากนั้น 3 ปี รับซื้อคืนต้นละ 23 บาท ++++++++++++ ไม่บอกด้วยว่าต้นยูคา บอกว่าต้นกระดาษ สุดยอดไหม จากคุณ : เทวดาน้อย เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 11:56:55

ความคิดเห็นที่ 5 ยิงโฆษณาทีนึง ก็มาถกในกระทู้กันทีนึง จำได้ว่าเคยอ่านกระทู้แบบนี้ในหว้ากอเมื่อปี-2ปีก่อน ฝ่ายนึงบอก ต้นยูคาฯทำให้ดินเสียแห้งแล้ง บลาๆๆๆ อีกฝ่ายว่า ต้นยูคาฯของ AA ปรับปรุงสายพันธุ์แล้ว ที่ดินเสียหายเพราะไม่ปลูกพืชหมุนเวียนต่างหาก ใคร่จะเชื่อแบบไหนก็เชิญเถิด จากคุณ : Beekini เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 11:57:21

ความคิดเห็นที่ 6 มีการตัดแต่งสายพันธุ์แล้วค่ะ รวมทั้งทำให้ไม่มีรากแก้วด้วย ซึ่งเมื่อไม่มีรากแก้วรากก็จะไม่หยั่งลึกแล้วดูุดประโยชน์จากดินชั้นลึกๆเหมือนเมื่อก่อนค่ะ จากคุณ : powerploy เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 12:16:36

ความคิดเห็นที่ 7 ต้นยูคาไม่ใช่ผู้ร้ายครับ  ถ้าจัดการเป็นก็มีประโยชน์ ปลูกไม่เป็นก็เป็นโทษ ต้นยูคาไม่ได้ทำให้ดินเสีย เพียงแต่ว่ามันหากินเก่ง ทำให้พืชข้างๆตายหรือไม่ขึ้น สมมุติผมมีที่ดินอยู่แปลงนึง ไม่ใช่ประโยชน์อะไรเลย ดินก็แห้งต้นอะไรไม่ขึ้น การปลุกยูคาในที่แบบนี้ ผมว่ามีประโยชน์เพราะไม่ต้องไปดุแลอะไรมันเลยซักอย่างปล่อยมันทิ้งไว้แบบนั้น   แต่ถ้าคุณปลุกปนๆกับสวนมะม่วง ต้นฝรั่ง อะไรแบบนั้นทั้งสวน ปนกันทั้งไร่ มันก็คงไม่ดีแน่ การปลุกตามคันนาเป็นแถวเดียว มันก็ไม่ได้รบกวนนาข้าวอะไรมาก  คือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วมันน้อยมาก ต่อพื้นที่ มันก็เลยไม่ส่งผลเสียอะไรเป็นรูปธรรม บวกลบแล้วมีประโยชน์มากกว่า  ชาวนาเค้าไม่ได้โง่ เค้าก็รู้ก่อนพวกเราอีกครับ ถ้าต้นข้าวมันเหี่ยวไม่โตเพราะยูคา เค้าก็คงโค่นกันทิ้งนานแล้ว ที่บริษัทเค้าต้องใช่คำว่าต้นกระดาษ เพราะมีคนเชื่อผิดๆ เชื่อครึ่งเดียวกันอีกเยอะ เลยตั้งชื่อแบบนั้น แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 54 12:19:46 จากคุณ : seven-elephant เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 12:17:54

ความคิดเห็นที่ 8 ตาม คห.7 ค่ะ คนไทยยังมีความเชื่อผิดๆ อยู่อีกมากมายนัก จากคุณ : balahala เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 12:32:58

ความคิดเห็นที่ 9 ต้นยูคาทำให้ดินเสื่อมเร็วจริงๆครับ ไม่เชื่อทดสอบเอาดินบริเวณที่ปลูกต้นยูคา ไปทดสอบหาสารอาหารในดินได้เลยครับว่าปริมาณสารอาหารในดินแต่ละปีจะลดลงแบบกราฟเอ็กซ์โปแนนเชียลมีลักษณะเป็นฟังก์ชั่นลด ฉะนั้นการปลูกต้นยูคามากๆก็จะทำให้ดินเสียไปจริงๆ ส่วนการเอาต้นยูคาไปปลูกตามคันนา อันนี้ยังไม่มีงานวิจัยว่า รากของต้นยูคาที่ไปดูดสารอาหารออกจากนาที่ชาวบ้านปลูกนั้นจะทำให้ผลผลิตข้าวในนาของเกษตรกรลดลงหรือไม่ ผมว่าทุกอย่างควรอ้างอิงตามหลักวิชาการและกระบวนการวิทยาศาสตร์มากกว่าคำว่า"เขาว่า"เป็นต้น จากคุณ : อัญญ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 12:44:46

ความคิดเห็นที่ 10 ไปถามพี่กู (เกิ้ล) ดีกว่าเรา ~~~ฟิ้วววววว แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 54 12:45:14 จากคุณ : pmacal เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 12:44:49

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ต้องยูคาฯ หรอกครับปลูกพืชอะไรก็ตามซ้ำๆ ดินก็เสียเหมือนกัน ถ้าไม่บำรุง จากคุณ : อาคิลิส เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 12:48:12

ความคิดเห็นที่ 12 ลองไปอ่านใน web ของ สวทช.ดูน่าจะมีประโยชน์นะคะ มีคนเขียนบทความเรื่องนี้ไว้แล้ว ไปค้นดู e-magazine ของม.เกษตรศาสตร์ก็ได้ค่ะ ใช้อากู๋เสิร์ชดูซิคะ มี list เพียบ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 54 13:27:41 จากคุณ : FrozenICEs เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 13:20:47

ความคิดเห็นที่ 13 สภาพดินหลังจากปลูกต้นยูคา (ขอยืมภาพมาจากเวบแถวๆนี้) จากคุณ : The Junior เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 13:22:20

ความคิดเห็นที่ 14 อีกภาพหนึ่งค่ะ จากคุณ : The Junior เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 13:25:07

ความคิดเห็นที่ 15 ขอเรียนว่าการตั้งกระทู้ไม่ได้ต้องการโจมตีโฆษณาตัวนี้ แต่อยากให้มีเหตุผล (ทางวิชาการ) มาสนับสนุน ว่าถ้าชาวนาของไทยหันมาปลูกต้นนี้ ผลจะเป็นอย่างไร คุ้มกันหรือไม่ระหว่างผลดี กับผลเสีย และองค์กรของรัฐควรหันแก้ไข และปรับปรุงแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ทำให้ชาวนาต้องหันมาช่วยตัวเองและสุดท้ายอาจตกเป็นเครื่องมือของนายทุนได้ ขอเรียนว่า พวกเราเองก็เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ การคิดถาม หรือสงสัยในทางที่ถูกที่ควรและมีประโยชน์ ก็เป็นสิ่งที่ดีนะคะ จากคุณ : The Junior เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 13:26:43

ความคิดเห็นที่ 16 อันที่จริงแล้วการเกษตรเชิงเดี่ยว (mono crop) มันส่งผลเสียต่อดินหมดแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นข้าว มันสำปะหลัง ถั่ว งา ฯลฯ เพราะมันเป็นการดึงสารอาหารกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดออกจากดินไปโดยไม่มีการเติมกลับไป ทฤษฎีเกษตรผสมผสานตามพระราชดำริที่ให้ปลูกพืชหมุนเวียนในพื้นที่ และปลูกพืชผสมผสานนั่นแหละครับดีที่สุดแล้ว เวลาเกิดปัญหาราคาตก...จะได้ขายอย่างอื่น พอมีแมลงศัตรูพืชก็ไม่เสียหายทั้งหมด ไม่มีคำว่าสิ้นเนื้อประดาตัวเหมือนอย่างทุกวันนี้ จากคุณ : Into the Groove เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 14:38:11

ความคิดเห็นที่ 17 อาหารแช่แข็งก็ไม่อร่อยนะ ไม่ใช่แค่ปลูกต้นยูคาลิปตัสแล้วทำให้ดินเสื่อมนะฮะ =============================== สารอาหารที่ต้นยูคาดึงมาใช้งานนั้น มีน้อยมาก ทั้งสารอาหารหลัก และสารอาหารรอง ปลูปให้ตายยังไงดินก็ไม่เสื่อม นอกจากใช้สารเคมีและอคติมากเกินไป จึงเรียนมาเพื่อทราบ... จากคุณ : เฮียมี่ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 14:41:32

ความคิดเห็นที่ 18 เราว่าถ้ายังไงก็ปลูกพืชหมุยเวียน น่าจะมีประโยชน์สำหรับน่าดินไม่น้อย แต่ถ้าเน้นปลูกพืชที่เน้นแต่ได้เงินอย่างเดียว แล้วพอพืชขาดตลาด อย่างเช่นเคยเกิดขึ้นกับปาล์มมาแล้ว เพื่อเราที่เป็นคนใต้เราให้ฟังว่า "เมื่อก่อนปาล์มเยอะนะ พอๆกันกับยางพารา เดี๋ยวนี้เราเน้นปลูกยางพาราเพราะราคาที่ดีกว่า แทบจะลืมปาล์มไปเลย พอปาล์มเกิดขาดตลาดก็อดเสียดายไม่ได้ อะไรแบบนี้" จากคุณ : เจ๊ฟ้า เมืองสกล เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 14:45:40

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่มีความรู้เรื่องนี้โดยตรง แต่ดีใจที่มีกระทู้ที่ทำให้เกิดการถกเถียงและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือให้ข้อมูลตามความคิดความเชื่อของแต่ละคนอย่างตรงไปตรงมาค่ะ จากคุณ : Stay alivE เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 14:58:30

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์ค่ะ.. กรณีมีที่ว่าง.. ก็น่าจะทำประโยชน์จากตรงนี้ได้บ้าง ไม่มากก็น้อยย จากคุณ : chabby เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 16:36:15

ความคิดเห็นที่ 21 ผลการศึกษาของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยพบว่า ผลกระทบของการปลูกยูคาลิปตัสที่มีต่อคุณภาพดิน จะขึ้นกับสภาพของดินก่อนปลูกและการตัดฟันเป็นสำคัญ โดยยูคาลิปตัสที่ปลูกในสภาพดินเลว โดยไม่มีการตัดฟันเลยคุณสมบัติของดินจะดีขึ้นจากการสะสม และสลายตัวของใบยูคาลิปตัส แต่หากปลูกเป็นป่าเพื่อตัดฟันไปใช้ประโยชน์ในระยะ สั้น  ปริมาณธาตุอาหารจะลดลงอย่างรวดเร็ว   ซึ่งเป็นผลจากการย้ายมวลชีวภาพออกไปจากพื้นที่  รวมทั้งงานวิจัยของคุณจักรฤษณ์ หอมจันทร์และ คณะที่สรุปว่าอินทรียวัตถุจากยูคาลิปตัสกระทบในทางลบต่อเปอร์เซ็นต์การงอกของเมล็ด   การเจริญเติบโตและผลผลิตพืชหลายชนิด   นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่พบว่าสารสกัดจากใบยูคาลิปตัส   เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินลดลง   ทำให้ดินเป็นกรดมากขึ้น และสาร เทนนินที่สะสมในผิวดินยังไปยับยั้งการเคลื่อนที่ของธาตุอาหาร  ทำให้ข้าวโพดที่ปลูกต่อจากต้นยูคาลิปตัสเจริญเติบโตช้าลง    ดังนั้นแนวทางที่เป็น ไปได้ในการปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัสในลักษณะพืชเชิงเดี่ยว จึงควรปลูกในพื้นที่ที่กรมพัฒนาที่ดินได้จำแนกว่ามีความเหมาะสมเท่านั้นและควรมี การควบคุมพื้นที่  และปริมาณการปลูกให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ในประเทศ   ไม่ให้ขยายตัวมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ หลายๆ  ฝ่ายเข้ามาสร้างกระแสให้ปลูกกันอย่างแพร่หลาย   โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมของสภาพพื้นที่และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นถ้าหากเป็นไป ได้ควรกำหนดพื้นที่ปลูกไม่ให้ลุกล้ำเข้าไปในเขตเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งสามารถใช้ปลูกพืชอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี กรมพัฒนาที่ดิน  และกรมป่าไม้/ ข้อมูล http://it.doa.go.th/pibai/pibai/n11/v_11-mar/ceaksong.html จากคุณ : ยะทิทัง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 17:36:44

ความคิดเห็นที่ 22 ผิดทู้ครับ ลบออก แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 54 18:53:25 จากคุณ : keerati Arm เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 54 18:46:34

ความคิดเห็นที่ 23 เดี๋ยวจมีคนบอกว่าแถบสระแก้ว-กบินทร์บุรี-ละหานทราย แถบนั้นดินเสียกลายเป็นทราย เพราะปลูกยูคา ผมเถียงขาดใจแถบนั้นเป็นดินทรายมาหลายพันปีแล้วไม่ใช่เพิ่งมาเป็น ผมอยู่สระแก้วแต่กำเนิดเห็นมานานแล้วดินทรายจังหวัดสระแก้วตอนบนจะเป็นแบบนั้น แต่ตอนกลางลงมาเป็นดินปนหิน ดินลูกรัง พอล่างลงมาเกือบถึงจันทบุรี ถึงจะเป็นดินธรรมดา จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 54 19:59:01

ความคิดเห็นที่ 24 ตาม คห.1 เลยครับ ชาวนาก็ต้องกินต้องใช้ ถ้าหาอย่างอื่นที่ทำเงินได้ดีกว่าให้เขาทำ ใครมันจะไม่อยากทำครับ จะหวังพึ่งพารายได้จากการปลูกข้าวอย่างเดียวมันยากนะครับ ขายข้าวแพงก็บ่นกันอีก ... "ชาวนา" อาชีพมีเกียรติมีศักดิ์ศรี แต่ไม่มีจะกินครับ จากคุณ : เพลีย... (prokamon) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 00:48:18

ความคิดเห็นที่ 25 ต่อ และความเห็นส่วนตัวของผมอีกอย่างคือ ถ้าเราไม่ปลูกพืชกระดาษนี้ แล้วเราจะเอาต้นไม้อะไรมาทำกระดาษกันดีครับ? ใช้กระดาษกันบ้าคลั่ง แต่ให้ปลูกเอง...ไม่เอา! ดินเสีย ใช้ไฟฟ้ากันบ้าคลั่ง แต่จะผลิตเอง...ไม่เอา! ซื้อเขาใช้ก็ดีอยู่แล้ว นี่ล่ะประเทศไทย จากคุณ : เพลีย... (prokamon) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 00:50:14

ความคิดเห็นที่ 26 แต่รู้สึกว่าใบยูคานี่ วัวควายไม่กินนะครับ เพราะมันมีน้ำมันยูคาลิปตันปนอยู่ จากคุณ : AW Milan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 11:31:55