ความคิดเห็นที่ 1 มันอยู่ที่โรงฉายครับ กับนโยบายของทางโรงฉาย ถ้าฉายเต็มจอมันจะใช้เครื่องที่ต้องใช้กำลังฉาย+การกินไฟมากกว่า แต่การกินไฟมันก็ไม่ได้มากจนทำให้ขาดทุนหรอกครับ (ขึ้นกับความงกของทางเจ้าของโรงฉายครับ) จากคุณ : อัญญ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 19:51:09

ความคิดเห็นที่ 2 lew mak จ่ายตั้ง 140 บาท จากคุณ : มังกรวังทอง เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 20:08:07

ความคิดเห็นที่ 3 ใช่แล้วครับ เรื่องปัญญาเรณู ถ่ายทำด้วยระบบจอกว้าง 2.35 : 1 ทำให้ดูเพลินตาดีจริง ๆ ครับ ไม่ได้เห็นหนังไทย ถ่ายทำด้วยสัดส่วน 2:35 : 1 มานานแล้ว สมัยก่อนจะใช้วิธีบีบภาพลงบนฟิล์ม ทำให้เราเห็นเวลาเอาหนังโรงมาฉายในทีวี คนจะตัวยาว ๆ ส่วนเวลาฉายในโรง จะใช้เลนส์พิเศษ ยืดภาพในแนวนอน เรียกว่า เลนส์ anamorphic เป็นระบบการฉายแบบ cinemascope แต่ปัจจุบัน ใช้วิีธีพิมพ์ภาพแบบจอกว้าง ๆ ลงไปในฟิล์ม 35 โดยตรง ทำให้เห็นในฟิล์ม มีส่วนแถบดำมากขึ้น เวลาฉาย ในโรงจึงต้องใช้กำลังไฟมากขึ้น เพื่อให้ภาพขยายได้มากขึ้นเต็มจอกว้าง ๆ โดยยังมีความสว่างอยู่ อย่างที่คุณอัญญ ความคิดเห็นที่ 1 ว่าไว้นั่นแหละครับ เดี๋ยวนี้แม้แต่หนังฝรั่งเองก็ไม่ค่อยทำจอกว้าง 2.35 :1 เท่าไหร่ครับ เคยเห็นหนังจอกว้าง ๆ ก็หนังจีนเรื่อง Road Home กับหนังเกาหลีเรื่อง The Classic ครับ ดูเต็มตาดีจริง ๆ จอกว้างก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ปัญญา เรณู ดูสนุกขึ้นครับ โดยเฉพาะฉากท้องทุ่ง ฉากขี่จักรยาน ฉากกองฟาง และฉากเวทีโปงลางครับ จากคุณ : หม่องวิน มอไซ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 20:44:36

ความคิดเห็นที่ 4 ภาวนาให้ เวลาทำเป็น DVD ขอให้เก็บภาพไว้เต็ม ๆ แบบ Anamorphic Widescreen นะครับ ถ้าทำออกมาเอาใจทีวี 4:3 ล่ะก็ เซ็งสุด ๆ แน่ ๆ ครับ จากคุณ : หม่องวิน มอไซ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 20:46:17

ความคิดเห็นที่ 5 นี่ครับ ฟิล์มหนังที่ถ่ายทำแบบ 2.35 : 1 ในปัจจุบัน จะเห็นว่ามีเนื้อที่ภาพเหลือนิดเดียว ที่เหลือกลายเป็นแถบดำ เปลืองเนื้อที่ฟิล์มครับ แต่ให้ภาพที่คมชัด ถ้าเครื่องฉายของโรงหนังคุณภาพดี ๆ มีความสว่างสูง จากคุณ : หม่องวิน มอไซ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 20:53:22

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเป็นสมัยก่อน จะถ่ายทำโดยบีบภาพตามยาวลงให้พอดีกับเฟรมของฟิล์ม แบบนี้ครับ ภาพจะยืดยาวกว่าปกติ ต้องใช้เลนส์แอนามอร์ฟิค ยืดภาพกลับออกให้ได้สัดส่วนเหมือนเดิม ข้อดีคือ ไม่ต้องใช้เครื่องฉายที่กำลังสูงมาก แต่ข้อเสียคือ ภาพจะสูญเสียความคมชัดลงไปมากจากการใช้เลนส์ยืดภาพ เดี๋ยวนี้หาดูฟิล์มแบบนี้ยากขึ้นแล้วครับ จากคุณ : หม่องวิน มอไซ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 20:56:43

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าเอาหนังปัญญา เรณู ไปฉายหนังกลางแปลงตามงานวัดในปัจจุบัน จะมีปัญหาภาพไม่ได้สัดส่วนกับจอแน่ ๆ ครับ เพราะจอหนังกลางแปลงเดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำจอไว้ยาว ๆ เหมือนในโรงหนังครับ ถ้าจะฉายไม่ให้ภาพตกขอบ ด้านบนด้านล่าง จะเหลือจอขาว ๆ ที่ไม่มีภาพอยู่ครับ และถ้าถามว่าเหตุใดหนังไทยสมัยนี้ไม่ค่อยทำจอกว้าง ๆ แบบปัญญา เรณู ก็ขอใช้ความคิดเห็นส่วนตัวว่า จัดแสงและองค์ประกอบของภาพได้ยากครับ และเลนส์กล้องต้องมีคุณภาพดีด้วย รอความรู้จากท่านอื่น ๆ ด้วยครับ จากคุณ : หม่องวิน มอไซ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 21:10:41

ความคิดเห็นที่ 8 คห 5-6 อืมมม มิน่า เมื่อก่อนพ่อเรียกหนังที่เอามาฉายในทีวีว่า "หนังหน้ายาว" จากคุณ : Nogkrajib เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 21:20:14

ความคิดเห็นที่ 9 เราดูไม่ทันคะT.T ออกโรงไปตั้งแต่เมื่อวาน จากคุณ : rakwahnron เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 21:33:31

ความคิดเห็นที่ 10 ยังมีอยู่นะครับ ผมยังไปดูมาเลย จากคุณ : หลังโรง เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 21:40:59

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่มีฉายแล้วหรือคะ ไม่มีเวลาไปดู T T จากคุณ : fossil05 เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 22:00:00

ความคิดเห็นที่ 12 หนังฝรั่งทุกเรื่องฉายแบบ Scope ครับ ตอนฉายก็ใช้เลนซ์ยืดเอาอย่าง คห.ที่ 6 ครับ สังเกตุได้คือตอนฉายเขาจะเปิดม่านให้กว้างขึ้น แต่ก่อนที่จะฉายเขาจะมีโฆษณาที่ส่วนใหญ่เป็นไวด์สกรีน คือ 1:1.85 ฉนั้นหนังฝรั่งที่เป็น 1:2.35  จึงต้องย่อยฟิลม์ลงมาอยู่พอดีเฟรมอย่าง คห.ที่ 5  ฉนั้นตอนดูตัวอย่างหนังฝรั่ง จะสังเกตุเห็นแถบดำบนล่างครับ หนังไทยที่ฉายระบบscope เท่าที่รู้ก็มี บางระจันสอง อีส้มสมหวังชะชะช่า ครับ จากคุณ : looklikepanda เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 54 16:20:27

ความคิดเห็นที่ 13 ผมชอบ จอแบบนี้จริง 6*9 วายสกีน มันยอดเยี่ยมมากรู้ไหมถ้าหนังไทย เรื่องไหนทำเเบบนี้ รักตายเลยอะ จากคุณ : เพื่อพ่อแม่ลูกเมีย เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 54 17:58:10

ความคิดเห็นที่ 14 ^__^ จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 54 19:06:46