• กว่าจะเป็นฮีโร่
แม้ว่าจะเริ่มได้ขึ้นไปฝึกซ้อมที่สนามบนฝั่งบ่อยมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปได้บ่อยๆ เพราะไหนจะเวลาที่เสียไปจากการเดินทาง ไหนจะต้องคอยอาศัยเรือชาวบ้านซึ่งไม่รู้ว่าจะมีหรือเปล่า ขณะเดียวกันบ้านเรือนบนเกาะเองก็เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น ยื่นออกมาจนยามน้ำลงเหลือผืนทรายให้วิ่งเล่นได้ไม่มากเท่าไหร่ เดอะแก๊งเลยต้องคิดหาวิธีแก้เกมกันอีกครั้ง
"ตอนหลังสันทรายที่เคยใช้ซ้อมบอลมันเล็กลง เราก็ต้องหาที่ใหม่ ก็ยังเป็นสันทรายอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ แต่มันไม่ได้อยู่หน้าบ้านเรา ต้องนั่งเรือออกไปอีกที่หนึ่ง พอได้เวลาเราก็ออกเรือกันไปเป็นกลุ่มเลย พอถึงที่ก็เริ่มจากการเคลียร์สนาม คือ เคลียร์เอาพวกเปลือกหอยแหลมคมออกให้หมด เอาไม้โกงกางมาปักเป็นเสาโกวล์แล้วก็เล่นกัน ซึ่งตรงสันทรายที่ใหม่นี้ เรา ใช้เล่นกันอยู่นานเหมือนกัน หลังๆ ยิ่งไปกันเยอะขึ้น บางทีไปกันเป็นสิบลำ ทั้งนักบอล ทั้งกองเชียร์รุ่นน้องๆ ที่เริ่มสนใจอยากจะเล่นบ้าง ก็เล่นกันจนกว่าน้ำจะขึ้นเหมือนเดิม"
ความยากลำบากไม่ใช่แค่การหาสนามซ้อมเท่านั้น เพราะในยามที่จะต้องไปแข่งก็เรียกว่าต้องอาศัยความอึดไม่แพ้กัน เพราะประสิทธิ์บอกว่า กว่าจะแข่งเสร็จ กว่าจะเดินทางกลับ ลงเรือต่อมาอีก ถึงบ้านก็ปาเข้าไปตีสอง พอเช้าก็ต้องออกไปแข่งอีก เป็นอย่างนี้อยู่บ่อยๆ แต่ทุกคนก็ไม่บ่นอะไร เพราะใจมันอยากจะแข่งท่าเดียว
หนำซ้ำ บางทีความเหนื่อยจากการเดินทางก็ว่าหนักหนาแล้ว พอเจอกลโกงสารพัดจากผู้ใหญ่ คนตัวโตทั้งหลายเข้าไป ก็ทำเอาคนมีฝันทดท้อเข้าได้เหมือนกัน
"เคยไปแข่งฟุตซอลรายการหนึ่ง ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้ดังมาก แต่ก็เริ่มมีแฟนๆ ตามเชียร์แล้ว เพราะเราเล่นมีสีสัน ลีลาคล่องแคล่ว ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เป็นตัวเก็งแต่พวกผู้ใหญ่ก็น่าจะเห็นใจกันบ้าง เราอุตส่าห์มีใจเดินทางมาแข่ง ไปมาก็ลำบาก ไม่เหมือนทีมบนฝั่งที่ขี่มอเตอร์ไซค์แป๊บเดียวก็ถึง แถมพอเรามาเล่น ยังโกงกันอีกด้วย เป่าเข้าข้างฝ่ายตรงข้ามบ้าง บางทีก็ต่อเวลารอให้เขาไล่มาตีเสมอบ้าง จนเราเริ่มทนไม่ไหวก็บอกไปเลยว่า ถ้าทำอีกวันหลังเราก็ไม่มาเล่นแล้ว ผมปาถ้วยเลยนะ บอกว่าถ้วยอะไรเราไม่สน เรามาเพราะแค่อยากแข่งเท่านั้น จนหลังๆ เขาก็เริ่มให้ความสำคัญกับเรา ต่อมางานไหน งานไหน ต้องโทรเรียกไปทุกครั้ง"
จนกระทั่งในที่สุดทีมปันหยีก็ ได้กลายเป็นหนึ่งทีมในสายตาผู้จัดและคนดู ซึ่งขาดไปไม่ได้ในทุกๆ ทัวร์นาเมนท์เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปมองรสชาติความลำบากที่พวกเขาต้องเจอมานั้น เมื่อเทียบกับเด็กๆ วันนี้ ประสิทธิ์บอกได้ในทันทีเลยว่า คนละเรื่องกันเลย
"เด็กเดี๋ยวนี้มีสนามปูนเตะกันอย่างดี เพราะรัฐมาสร้างไว้ให้ อยากจะเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ มองแง่ดีมันก็ดี แต่ถ้ามองในอีกแง่ก็กลายเป็นว่า มันง่ายเกินไป จนเด็กๆ สมัยใหม่วินัยก็ไม่มี ความรับผิดชอบก็ไม่ค่อยจะมี ความจริงจังยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเดี๋ยวนี้สะดวกสบาย ไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเอง
อย่างพวกผม เวลาบอกว่าเล่นบอลก็คือ เตะบอล แต่เด็กเดี๋ยวนี้ ถ้าบอกเล่นบอล บางคนหมายถึงเล่นการพนัน บางคนก็เล่นเกมคอมพิวเตอร์ คือมันเป็นอะไรที่ปรุงแต่งมาก แต่ที่ชอบเล่นกันจริงจังก็ไม่ใช่ไม่มี เพียงแต่ว่า แรงสู้ยังอาจจะน้อยกว่ารุ่นพวกผม"
แม้ว่าวันนี้ ประสิทธิ์จะทิ้งสตั๊ด และ หันมาเล่นการเมืองท้องถิ่น มีตำแหน่งเป็น รองประธานสภา อบต.เกาะปันหยีแล้ว เขาก็ยังเป็นโต้โผสนับสนุนให้เด็กๆ บนเกาะได้แข่งขันฟุตซอลกันจริงจัง เพราะหลังจากรุ่นพวกเขา ภาครัฐได้เข้ามาสร้างสนามปูนให้แทน เลยกลายเป็นว่า จุดแข็งของทีมปันหยีอยู่ที่ "ฟุตซอล" มากกว่าเนื่องจากเป็นสนามปูน โดยฟุตซอลเป็นกีฬายอดนิยมน้องๆ การแข่งขันเรือยาวไปแล้วในปัจจุบัน
โดยล่าสุดเขาเพิ่งจัดแข่งขันกีฬาฟุตซอลสำหรับเยาวชน ผลปรากฏว่า จากเวลาเริ่มแข่งในช่วงหัวค่ำ กว่าจะได้ฟาดแข้งกันครบทุกทีมก็ปาเข้าไปตีสี่ เพราะจำนวนผู้เข้าแข่งขันมากถึงเหยียบร้อยชีวิต
นั่นคือ สิ่งที่ประสิทธิ์ภาคภูมิใจสุดๆ เพราะพวกเขาได้กลายเป็นฮีโร่ และเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ลูกหลานชาวปันหยี รักอยากจะเล่นฟุตบอลเหมือนอย่างพวกเขา