ความคิดเห็นที่ 1 พิมพ์สดเลย ช้านิดนึงนะครับ ^^ จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 22:20:26

ความคิดเห็นที่ 2 แนะนำว่าให้พิมพ์ใส่โน๊ตแพดหรือโปรแกรมสักตัวก่อนดีกว่านะ จะได้ลงทีเดียว หรือถ้าโดนลบเพราะติดคำต้องห้ามจะได้ไม่เสียเวลาพิมพ์ใหม่ จากคุณ : sirpass เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 22:40:02

ความคิดเห็นที่ 3 2. ชนะออสการ์เพราะใกล้ตาย         นางเอกของงานออสการ์ปี 1960 คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอลิซาเบธ เทย์เลอร์ แต่ก่อนจะถึงตรงนั้น อลิซาเบธรับบทนางทางโทรศัพท์ที่คิดจะเลิกอาชีพนี้เมื่อเธอมีโอกาสเจอคนที่ใช่ ในหนังเรื่อง Butterfield 8 ซึ่งถือเป็นผลงานที่ไม่เข้าตานักวิจารณ์เลยแม้แต่น้อย ซึ่งแม้กระทั่งตัวเทย์เลอร์เองก็ไม่ได้เก็บความรู้สีกใดๆ เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ออกมา โดยเธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอเกลียดบทนี้ และที่ต้องรับเล่นเพราะติดสัญญากับ MGM ซึ่งเป็นสตูดิโอของเธอในขณะนั้น ไม่งั้นเธอไม่มีทางยอมรับบทเป็นอีตัวเป็นอันขาด แต่ไม่รู้เพราะความบังเอิญหรือเพราะตัวเทย์เลอร์เองที่กำลังฉาวโฉ่จากเรื่องแย่งผัวเพื่อนรักอย่าง เด๊บบี้ เรย์โนลด์ ในขณะนั้น Battlefield 8 เลยกลายเป็นหนังทำเงินซะยังงั้น          ถึงแม้บทของเทย์เลอร์ดูจะอ่อนกว่าผู้เข้าชิงรายอื่นในสาขาของเธอมาก แต่เธอก็ยังได้เข้าชิงเป็นปีที่สามติดต่อกัน แต่พอใกล้เวลาประกาศผลผู้ชนะ เทย์เลอร์กลับเป็นต่อคู่แข่งคนอื่น เหตุผลแรกคือ สองครั้งที่เข้าชิงก่อนหน้าเธอแพ้ทั้งที่น่าจะชนะไปแล้ว ส่วนสาเหตุที่สองคือ หนึ่งเดือนก่อนประกาศผู้ชนะ เทย์เลอร์เกิดล้มป่วยถึงขั้นต้องไปรักษาตัวในโรงพยาบาลลอนดอนหนึ่งเดือนเต็มๆ และในช่วงหนึ่งหมอถึงขณะต้องเจาะคอเพื่อช่วยชีวิตเธอเลยทีเดียว โดยขณะนั้นมีข่าวออกมาว่าเธอจะตายเมื่อไหร่ก็ได้           เมื่อวินาทีประกาศผล แม้กระทั่งคู่แข่งเทย์เลอร์อีกสี่คนยังคิดตรงกันว่าเทย์เลอร์ต้องชนะแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้น จึงเกิดคำครหาว่า เทย์เลอร์เป็นคนเดียวที่ชนะออสการ์เพราะใกล้ตาย แต่ไม่ใช่ทุกคนสงสัยในความสามารถทางการแสดงของเทย์เลอร์ เพียงแต่ไม่น่าใช่ Battlefield 8 เท่านั้น ฮอลลีวู้ดเห็นใจเทย์เลอร์ขณะไหนเห็นได้จาก แม้กระทั่งเรย์โนลด์ส ที่ถูกเทย์เลอร์แย่งสามีไป ยังบอกในภายหลังว่า หนึ่งในคะแนนที่โหวตให้เทย์เลอร์ชนะในคืนนั้น...มาจากเธอ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 01:32:35 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 22:40:41

ความคิดเห็นที่ 4 3.ผู้ชนะออสการ์ที่ดังที่สุดในปี 1945       ผู้ชนะที่ดังที่สุดในออสการ์ปี 1945 คงหนีไม่พ้น เจ้าแม่ โจน ครอว์ฟอร์ด ที่ได้รับออสการ์จากบทแม่ผู้ถูกลูกสาวแย่งคนรักใน Mildred pierce ซึ่งถือเป็นโปรเจกต์แจ้งเกิดให้ครอว์ฟอร์ดอีกครั้ง และยังเป็นออสการ์ที่เจ้าตัวรอคอย และกว่าบทนี้จะตกมาเป็นของเธอบทนี้ก็เคยถูกบอกปัดโดยเบตตี้ เดวิส มาแล้ว อันที่จริง ผู้กำกับไมเคิล เคอร์ติซไม่อยากจะร่วมงานกับครอว์ฟอร์ดด้วยซ้ำ แต่ก็ยอมร่วมงานหลังจากครอว์ฟอร์ดยอมทดสอบบทให้ แถมยังเป็นฝ่ายชื่นชมครอว์ฟอร์ดในภายหลังอีกด้วย ครอว์ฟอร์ดอยากได้ออสการ์ขนาดไหนเห็นได้จาก เธอถึงขนาดจ้างประชาสัมพันธ์เพื่อประโคมข่าวเธอนับตั้งแต่เริ่มถ่ายทำยันเข้าชิง สุดท้ายครอว์ฟอร์ดก็เป็นผู้ชนะโดยที่เจ้าตัวกลัวแพ้ถึงขนาดล้มป่วยและขอนอนฟังผลอยู่บ้าน โดยผู้กำกับเคอร์ติสเป็นคนขึ้นไปรับรางวัลแทนและนำออสการ์ไปมอบให้ครอว์ฟอร์ดถึงบ้าน โดยมีนักข่าวไปมากมาย        ในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังงานออสการ์ ภาพที่ปรากฏในทุกสื่อไม่ใช่ภาพภายในงานแต่เป็นภาพคนป่วยที่แต่งหน้าจัดและเซ็ทผมเข้าที่นั่งฉีกยิ้มอยู่บนเตียงในบ้าน...พร้อมออสการ์นำหญิงยอดเยี่ยมในอ้อมกอด แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 05:28:40 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 05:27:10 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 03:10:00 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 54 23:03:58 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 54 23:00:45 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 22:59:44

ความคิดเห็นที่ 5 ... จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:01:24

ความคิดเห็นที่ 6 รออ่านนะคะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:03:12

ความคิดเห็นที่ 7 ครอว์ฟอร์ดครับ จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:03:28

ความคิดเห็นที่ 8 ขอปาดแล้วนั่งรออ่านอย่างเงียบๆครับ จากคุณ : Zonic_HK เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:10:32

ความคิดเห็นที่ 9 มารออ่านค่ะ จากคุณ : mooyo เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:12:25

ความคิดเห็นที่ 10 จขกทเขียนเองเหรอเนี่ย เก่งมากๆเลย ชื่นชมๆๆ คาดว่าต่อไปต้องกลายเป็นFWMแพร่ไปตามเวปต่างๆ จากคุณ : ยีราฟตาหวาน เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:14:53

ความคิดเห็นที่ 11 4. In Which We Serve หนึ่งในหนังที่ดีสุดในโลก ที่ถูกออสการ์หักหลัง  ในปี 1942 หนังสงครามโลกจากเกาะอังฤษ เรื่อง In Which We Serve ซึ่งได้รับการขนานนามว่า เป็นหนึ่งในหนังี่เยี่ยมที่สุดที่โลกภาพยนตร์เคยสร้างมากลับหลุดวงโคจรออสการ์ไปอย่างไม่ควรจะเป็น     สาเหตุเป็นเพราะว่า ยูไนเต็ด อาร์ติสท์วางกำหนดเปิดตัวหนังเอาไว้ในสัปดาห์แรกของมกราคม 1943 ซึ่งนั่นแหละทำให้เกิดปัญหา เพราะจู่ๆ ออสการ์ปี 1942 ก็ขอเปลี่ยนกฏใหม่สามสัปดาห์ก่อนสิ้นปี โดยบอกว่าหนังที่จะได้รับการพิจารณาจะต้องเปิดตัวภายในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี ไม่ใช่ 12 มกราคมเหมือนอย่างที่เคยเป็น ในเมื่อยูไนเต็ด อาร์ติสท์ไม่สามารถหาโรงฉายได้ทัน In Which e Serve จึงไม่ได้ข้องเกี่ยวกับออสการ์ 1942 แม้แต่รางวัลเีดียว ออสการ์ก็รู้ตัวว่าผิดถึงขนาดประกาศให้ โนเอล โคเวิร์ด ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างของ In Which We Serve เป็นเจ้าของออสการ์เกียรติยศในปีต่อมา แต่เจ้าตัวแค้นและไม่ยอมมาร่วมงานแต่อย่างใด... แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 01:29:48 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 54 23:18:31 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:15:33

ความคิดเห็นที่ 12 รอติดตามค่ะ จากคุณ : ตันหยง บูรณา เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:21:06

ความคิดเห็นที่ 13 เสียใจจัง น่าจะเชื่อคนข้างบน เพราะเมื่อกี้พิมพ์อย่างเมามันแล้วหายหมดเลย เสียใจแล้วพิมพ์ต่อ T^T จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:34:34

ความคิดเห็นที่ 14 ให้กิฟท์ปลอบใจนะ จากคุณ : ยีราฟตาหวาน เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:35:37

ความคิดเห็นที่ 15 In Which We Serve อยากดูเรื่องนี้จังคะ หนังที่ดีที่สุดเรื่องนึงของโลก จากคุณ : picozuu เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:35:55

ความคิดเห็นที่ 16 มาลงชื่อรอค่ะ จากคุณ : AuSi เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:36:20

ความคิดเห็นที่ 17 ลงชื่อ รออ่านอยู่ค่ะ จากคุณ : tAzZii เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:39:42

ความคิดเห็นที่ 18 5. ผู้ชนะที่ได้รับทั้งเสียงปรบมือและเสียงโห่ไล่       ในปี 1977 (ปีที่ Annie Hall ได้ Best pic) ขณะที่ผู้ชนะรางวัลสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Julia วาเนซซ่า เร็ดเกรฟ กล่าวบนเวที เรดเกรฟสร้างความอึดอัดให้ทั้งผู้จัดงานและแขกในงานเป็นอย่างมากจากการดึงประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวในออสการ์ โดยเธอกล่าวถึงกลุ่มชาวยิวกลุ่มหนึ่งที่เธอคิดว่าทำให้ชาวยิวส่วนใหญ่เสื่อมเสีย จริงๆแล้วไม่ผิดที่เธอจะคิดเช่นนั้น แต่เธอกับใช้สิทธิในการพูดอย่างไม่ถูกกาละเทศะ เธอจึงเจอทั้งเสียงปรบมือและเสียงโห่ไล่จากคนในงาน โดยแพ็ดดี้ ชาแยฟสกี้ ผู้ประกาศรางวัลต่อจากรางวัลของเธอถึงขณะกล่าวตำหนิเธอบนเวทีว่า "ชัยชนะของคุณเร็ดเกรฟไม่ใช่เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ ดังนั้นแค่กล่าวคำว่า...ขอบคุณ ก็น่าจะพอแล้ว" หลังจากชาแยฟสกี้พูดจบ เขาก็ได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้องจากผู้ที่เห็นด้วย แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 02:59:01 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 23:42:42

ความคิดเห็นที่ 19  6. เวทีที่ไร้ผู้ชนะ     ถือเป็นดราม่าประจำปีของงานออสการ์ปี 1970 เพราะผู้ชนะสาขาหลักนั้นแทบไม่มีใครมางานเลย !!!       เริ่มจาก ออร์สัน เวลส์ ผู้ได้รับรางวัลออสการ์เกียรติยศกรทำงานดีเด่น วัย 55 ที่หายไปอยู่กองถ่ายที่ไหนซักแห่ง ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำงานแต่อย่างใด (อาจจะเจ็บแค้นสมัย Citizen Kane 5555+)       คนต่อมาคือเจ้าของออสการ์นำหญิง เกลนด้า แจ๊คสัน นักแสดงอังกฤษวัย 33 ด้วยเหตุผลที่ไม่มางานว่า  ในเมื่อยูนิเวอร์แซลเจ้าของหนัง Women in Love ไม่มีปัญญาซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอ แล้วเธอจะไปเอาเงินจากไหนมาซื้อตั๋ว !!        คนต่อมานี่เจ๋งจริง คือนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จอร์จ ซี สก๊อตต์ จาก Patton โดยก่อนหน้านี้ สก๊อตต์ก็ขึ้นชื่อเรื่องความหัวแข็งอยู่แล้ว โดยเห็นได้ชัดจากปีนี้ทั้งที่เจ้าตัวก็น่าจะรู้ว่าเป็นผู้ชนะรางวัลอย่างแน่นอน แต่เลือกที่จะไม่ไปร่วมงาน แล้วเลือกที่จะนอนดูการแข่งขันฟุตบอลอยู่ที่อพาร์ตเมนท์ในแมนฮัตตัน โดยไม่คิดจะเปิดไปดูการถ่ายทอดสดงานออสการ์ด้วยซ้ำ (สก๊อตต์ถือเป็นผู้ชนะนำชายคนแรกที่ไม่มาร่วมงาน)       นอกจากนี้ภายในงานนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น ผุ้ที่ไม่มารับรางวัลอีกได้แก่ ผู้เขียนบทหรือแม้กระทั่งผู้กำกับยอดเยี่ยม !! แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 05:01:42 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 01:05:00 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 00:11:00 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 00:08:44 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 00:05:41 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 00:03:05

ความคิดเห็นที่ 20 ตามอ่านค่ะ จากคุณ : ลั่นทมสีแสด เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 00:07:58

ความคิดเห็นที่ 21 มาแอบเดาว่า ว่าจะมี Marlon Brando หรือเปล่า จากคุณ : MoogiN เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 00:09:28

ความคิดเห็นที่ 22 รออย่างตั้งใจค่ะ จากคุณ : kugkik_kugkik เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 00:14:36

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณที่มีมาให้อ่า่นครับ จากคุณ : จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีหัวใจ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 00:21:47

ความคิดเห็นที่ 24 จขกท เห็นคนมาอ่านเยอะ เมื่อกี้เลยไปค้นลังมา อยากหาเรื่องของพี่น้องตระกูล เดอ ฮาวิลแลนด์ มาให้อ่าน แต่ค้นทั้งลังแล้วไม่เจอ เสียใจ 555 งั้นมาพิมพ์ต่อละ ^^ จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 00:29:52

ความคิดเห็นที่ 25 รออยู่ค่ะ ตาจะปิดแหล่ว =_= จากคุณ : ถั่วน้อยจ้าวยุทธภพ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 00:32:20

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณค่ะ ^^   กระทู้นี้ต้องโหวต จากคุณ : ** Riviera ** เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 00:43:39

ความคิดเห็นที่ 27 7. เมื่อชาวฮอลลีวู้ดให้อภัย อิงกริด เบิร์กแมน     ในค่ำคืนงานประกาศรางวัลออสการ์ปี 1956 ไม่มีรางวัลไหนได้รับการปรบมือ โห่ร้องแสดงความยินดีไปมากกว่า รางวัลนักแสดงนำหญิงที่ตกเป็นของ อิงกริด เบิร์กแมน จาก Anastasia ในวัย 41 ปี (สำหรับ จขกท คิดว่าดารายุคเก่าที่สวยที่สุดคือ อิงกริดนี่แหละ ส่วนผู้ชายคือ พอล นิวแมน ตอนหนุ่มๆ หล่อ มว๊ากกกก) อดีตเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง เอ๊ย ! เจ้าหญิงแห่งฮอลลีวู้ด ตลอดยุค 1940 โดยก่อนหน้าเคยคว้าออสการ์มาแล้วในปี 1944 จาก Gaslight แต่พอมาถึงปี 1950 กลับกลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ เพราะดันมาเบนโล (เอ๊ะ คุ้นๆ) กับผู้กำกับโรแบร์โต้ รอสเซลลินี่ ขณะถ่ายทำ Terra di Dio ทั้งๆ ที่ทั้งสองฝ่ายก็มีครอบครัวอยู่แล้ว เมื่อข่าวแพร่ออกไป เบิร์กแมนถึงขนาดต้องหนีไปปารีสและแทบจะหมดสิทธิ์กลับฮอลลีวู้ด จนกระทั่งชัยชนะในครั้งนี้ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่พร้อมมารับได้ด้วยตนเอง  แต่เสียงปรบมือหลังจากชื่อเธอถูกประกาศโดยมีเพื่อนรักอย่างแครี่ แกรนต์ ขึ้นมารับแทน ก็ทำให้รู้ว่า...เธอได้รับการอภัยแล้ว แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 00:47:32 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 00:46:18

ความคิดเห็นที่ 28 รออ่านค่ะ^-^ จากคุณ : patty babeby เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 00:49:53

ความคิดเห็นที่ 29  8. โหว โรแมนติกอ่ะ ไม่รู้จะตั้งชื่อหัวข้อว่าไร 555        หนึ่งในช่วงเวลาที่ประทับใจที่สุดของงานออสการ์ปี 1986  คือช่วงประกาศผลนักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม โดยผู้ประกาศคือ วิลเลี่ยม เฮิร์ต ผู้ชนะนำชายปีก่อนหน้านั้น ใช้สัญญาณมือประกาศชื่อมาร์ลี แมตลิน นักแสดงใบ้ วัย 21 จากการขึ้นจอครั้งแรกใน Children of a Lesser God ซึ่งเขาเป็นพระเอกและคู่รักของเธอในขณะนั้นเป็นผู้ชนะไป วินาทีที่ทั้งสองกอดและจูบกันบนเวทีถือเป็นหนึ่งในวินาทีประทับใจตลอดกาลของออสการ์เลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 01:03:20 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 01:02:26 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:01:35

ความคิดเห็นที่ 30  9. ตายเพราะไม่ได้ไปงานออสการ์       หลังจากพ่ายแพ้ให้กับโจแอน วู้ดเวิร์ด ในสาขานักแสดงหญิงในปี 1957 ได้ 10 วัน ลาน่า เทอร์เนอร์กลับมาเป็นข่าวใหญ่ยิ่งกว่า เมื่อหลังจากเทอร์เนอร์ถูกสามีมาเฟีย จอห์นนี่ สตอมพานาโต้ทำร้ายร่างกาย ทุบตี มาหลายครั้ง(หนึ่งในนั้นคือค่ำคืนวันงานออสการ์ จากการที่เทอร์เนอร์ไม่ยอมพา สตอมพานาโต้ไปงานออสการ์ด้วย) ในค่ำคืนนั้นเมื่อเทอร์เนอร์ถูกทุบตีอีกครั้ง สตอมพานาโต้ถูกเชอรีลลูกสาววัย 15 ของเทอร์เนอร์กับสามีเก่าแทงตาย เชอรีลรอดพ้นจากการรับโทษเพราะทำไปเพื่อปกป้องแม่ ... แต่ทุกวันนี้ยังมีเรื่องเม้าท์ักันอยู่ว่า จริงๆ แล้ว คนที่แทงสตอมพานาโต้ คือเทอร์เนอร์ต่างหาก!!   แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 01:16:39 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 01:16:13 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 01:15:17 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:14:05

ความคิดเห็นที่ 31 In Which We Serve รู้สึกว่าจะได้ nominated Oscars ในปีถัดไปนะคะ จากคุณ : ^PlumCreek^ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:23:58

ความคิดเห็นที่ 32 และแล้ว ในที่สุด ก็เหตุการณ์สุดท้าย ขอจบที่เหตุการณ์ที่เจ้าของกระทู้ประทับใจละกัน มีคนถามว่าเขียนเองหรือเปล่า ขอบอกว่าน่าจะใช้คำว่าเป็นคนรวบรวม พิมพ์ และแต่งเติมมากกว่าครับ คือ จขกท เก็บนิตยสารเกี่ยวกับหนังไว้เยอะ วันนี้รื้อจะเอาไปชั่งกิโลขาย รื้อไปก็นั่งอ่านไป ไปๆ มาๆ เลยไม่ได้ขาย มานั่งพิมพ์อยู่นี่ซะงั้น 5555 จริงๆ มีอีกหลายเหตุการณ์มากที่ดราม่าจริงไรจริง แต่มันอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้หาไม่เจอครับ รู้สึกดีจังมีคนมาอ่านเยอะ ^^ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 03:04:21 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:28:06

ความคิดเห็นที่ 33 ตอบ 31 ใช่ครับ เค้าชิงภาพยนตร์กับบท แล้วแพ้ให้ Casablanca (ซึ่งเป็นอีกสุดยอดหนังของโลก) อาจจะใช้หัวข้อผิดไปหน่อย แก้ละครับ ^^ จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:31:13

ความคิดเห็นที่ 34 10. ชาร์ลี แชปปลิน ตำนานแห่งโลกภาพยนตร์        ในปี 1971 ชาร์ลี แชปปลิน ในวัย 81 ปีกลับมาเยือนฮอลลีวู้ดอีกครั้ง หลังจากอัปเปหิตัวเองไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์นานกว่า 20 ปี หลังจากในปี 1951 มีคนกล่าวหาว่าเค้าเป็นคอมมิวนิสต์         โดยเมื่อถึงวินาทีที่แชปปลินขึ้นรับออสการ์เกียรติยศ ซึ่งนับเป็นออสการ์ตัวเดียวในชีวิตของเค้า ผู้คนในงานต่างลุกขึ้นยืนปรบมือให้เค้ากว่า 5 นาที !! เพื่อแสดงความรักและความเคารพที่มีต่อแชปปลิน โดยไม่มีใครจำอดีตอันเลวร้ายของแชปปลิน เพราะถ้าจะนึกถึงแชปปลินจริงๆ ฮอลลีวู้ดเลือกจะนึกถึงความยิ่งใหญ่ในฐานะนักแสดงเจ้าของฉายา The Little Tramp          ความประทับใจอยู่ตรงที่ นี่ถือเป็นการปรากฏตัวในช่วงบั้นปลายตัวเป็นๆ และไร้เมกอัพ พูดได้ว่าสร้างความอึ้งให้ทั้งชาวฮอลลีวู้ดและคนทางบ้าน ยิ่งเมื่อแจ๊ค เลมม่อนผู้ทำหน้าที่มอบรางวัลได้มอบหมวกกับไม้เท้าประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของแชปปลิน เสียงโห่ร้องกับยิ่งกระหึ่มขึ้น ปล. ผมแถมให้เรื่องนึง อยู่ คห. ที่ 50 นะครับ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 09:16:43 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 04:02:52 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 02:03:09 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 02:03:09 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:44:10

ความคิดเห็นที่ 36 ^ ^ จขกท. อายุเท่าผมเลย นี่เเสดงว่าโตขึ้นต้องเป็นผู้เขียนข่าว หรือไม่ก็บทความเเน่เลย เยี่ยมครับ จากคุณ : Peradol16 เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:51:37

ความคิดเห็นที่ 37 พอล นิวแมนอย่างหล่อ 5555 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:53:38

ความคิดเห็นที่ 38 อ่า โพสกล่าวจบของผมหาย ไม่มั่นใจทำไรผิดกติการึเปล่า 555 เอาเป็นว่าเข้ามาอ่านกันเยอะๆ นะครับ กลั่นกรองมาจากเด็กอายุ 18 ปีคนนี้ ^^   แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 01:58:38 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:58:17

ความคิดเห็นที่ 39 ชอบอันที่ 10 มากสุดค่ะ ชาลี แชปปลิน ตลกเค้าเป็นสากลมากค่ะ คนต่างชาติต่างภาษายังหัวเราะ (พ่อเราชอบมาก หัวเราะแบบจะเป็นจะตาย) จากคุณ : peachcandy เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:58:39

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณ จขกท. ที่เขียนมาให้อ่าน รอนานมากกกก กว่าจะครบ 10 เหตุการณ์ อิอิ ขออะไรแบบนี้อีกเรื่อยๆ นะครับ จะติดตาม... จากคุณ : อยากลองเป็นสับปะรดดูสักที เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 02:00:01

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านเพลินเลย  ขอบคุณที่โพสให้อ่านค่ะ จากคุณ : p-annipe เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 02:01:08

ความคิดเห็นที่ 42 เข้ามาศึกษาประวัติศาสตร์วงการบันเทิงต่างประเทศขอรับกระผม ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ที่นำมาฝากกันขอรับ จากคุณ : xcessshin เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 02:02:42

ความคิดเห็นที่ 43 กว่าจะอ่านครบ สนุกดี จากคุณ : thisname เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 02:38:15

ความคิดเห็นที่ 44 เข้ามาขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ อ่านเพลินเลยทีเดียว ^^ ปล.คาดว่าที่ข้อความหายเพราะมีคำว่า หลัง . . . ค่ะ ทันเห็นตอนจขกทโพสบอกเรื่องอายุพอดี จากคุณ : ziginzane เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 02:41:13

ความคิดเห็นที่ 45 ชาร์ลี แช็ปปลิ้น ถ้าใครที่เคยอ่านประวัติชีวิตของเขามาก่อน อาจรู้สึก ไม่ชอบเขาขึ้นมาเหมือนกับดิฉันนะคะ ทั้งข่าวกับเด็กหญิงรุ่นราวคราวลูกและความเป็นคนเจ้าชู้ หนุ่มเจ้าสำราญ ซึ่งขัดกับภาพหน้าจอที่มีแต่เรียกเสียงหัวเราะจริงๆ จากคุณ : คนสุภาพ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 03:48:23

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณมาที่แบ่งปันค่ะ อ่านสนุกมากๆ :D จากคุณ : KoiisMe เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 04:31:49

ความคิดเห็นที่ 47 ให้ Give ไปแล้วเรียบร้อยค่ะ;) จากคุณ : PZ_TN เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 04:39:57

ความคิดเห็นที่ 48 น้ำตาไหลพรากด้วยความดีใจ ขึ้นกระทู้แนะนำ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 08:11:34 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:11:10

ความคิดเห็นที่ 49 ติดตามอ่านตั้งแต่เมื่อคืน ง่วงซะก่อน ก็เลยกลับมาอ่านต่อตอนเช้า ขอบคุณ จขกท.มากค่ะ   จากคุณ : ไตรบลู เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 09:00:05

ความคิดเห็นที่ 50 แถมเรื่องนึงครับ พีึ่งหาเจอไม่รู้จะกลับมาอ่านกี่คน แหะๆๆ 11. ผู้โดดเด่นที่สุดในงานออสการ์ โดยไม่ต้องแม้แต่เข้าชิง       เป็นที่รู้กันว่า เบตตี้ เดวิส และโจน ครอว์ฟอร์ด ทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือในกองถ่ายภาพยนตร์ What Ever Happened to Baby Jane ? โดยแม้กระทั่งผู้กำกับก็เอาไม่อยู่        และแล้วจุดแตกหักก็มาถึงเมื่อเดวิสได้เข้าชิงออสการ์สาขานำหญิง ส่วนครอว์ฟอร์ดถูกออสการ์เมินไม่เสนอชื่อให้เข้าชิง ครอว์ฟอร์ดจึงทำทุกทางเพื่อจะหักหน้าและได้รับความโดดเด่นกว่าเดวิส โดยเธอติดต่อไปยังผู้เข้าชิงสาขาเดียวกับเดวิสและขอขึ้นไปรับรางวัลแทนถ้าพวกเธอชนะแต่ไปรับรางวัลไม่ได้และโชคก็เข้าข้างครอว์ฟอร์ดเมื่อ แอนน์ แบนคอฟต์ ผู้เข้าชิงจาก The Miracle Worker ไม่สามารถมาร่วมงานได้         ในคืนวันประกาศรางวัล ขณะที่เดวิสกำลังเตรียมตัวจะรับออสการ์ตัวใหม่ของเธอ เธอก็ต้องผิดหวังแทบกระอัก เพราะผู้ชนะดันเป็นแบนคอฟต์ ครอว์ฟอร์ดผู้ไม่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงด้วยซ้ำกับได้ก้าวขึ้นสู่เวทีและรับรางวัลต่อหน้าต่อตาเดวิส !! ปล. แถมให้อีกรอบอยู่ คห ที่ 77 ครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 17:35:58 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 17:27:03 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 09:42:03 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 09:13:34

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ จากคุณ : araidee_ja เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 09:36:33

ความคิดเห็นที่ 52 อายุ18 เรียบเรียงได้ขนาดนี้ เก่งนะ อยากโหวตให้แต่โหวตไม่ได้ จากคุณ : ปลาดุกทอง เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 09:40:34

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณนะคะ โหวตค่ะ จากคุณ : B L A I R W O R D O L F เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 09:42:27

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านแล้วซึ้งมากเลยกับชาลี แชปปลิ้น จากคุณ : Bluedonut เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 09:43:39

ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อคืนรอจนหลับเลยคุณเจ้าของกระทู้ รีเฟรชจนง่วง 555 ยังไงก็ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลสนุกๆนะคะ จะเข้ามหาลัยแล้วสิ ขอให้ได้เรียนสาขาที่ถนัดนะคะ จากคุณ : kugkik_kugkik เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 09:45:00

ความคิดเห็นที่ 56 ชอบดูรูปดาราเก่าๆ ขลังดี จากคุณ : มินเอง เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 10:05:21

ความคิดเห็นที่ 57 เข้ามาอ่าน+ให้กิฟท์+โหวตครับ และก็เห็นด้วยกับคุณจขกท.นะครับที่ว่าดาราฮอลลีวู้ดหญิงที่สวยที่สุดในยุคนั้นต้อง Ingrid Bergman เท่านั้น(โดยมี Grace Kelly เป็นมือวางอันดับสอง) ส่วนดาราฮอลลีวู้ดชายที่หล่อที่สุดนี่...ผมยกให้ Marlon Brando นะ ปู่ The Godfather แกสมัยหนุ่มๆตอนเล่นหนังเรื่อง A Streetcar Named Desire นี่หล่อ+แสดงดีเกินมนุษย์มนามากๆ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 10:15:26 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 10:13:33

ความคิดเห็นที่ 58 ชอบอ่านกระทู้แบบนี้ค่ะ อ่านแล้วเพลินดี ได้ดูรูปสวย ๆ ด้วย จากคุณ : สวยอย่างแรงนิ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 10:14:18

ความคิดเห็นที่ 59 ดาราเก่าๆหน้าอย่างสวย! อิงกริดสวยมากค่ะ >< ป.ล. อายุ จขกท. น้อยกว่าเราแค่สองปีเอง รู้เรื่องพวกนี้เยอะมากๆเลย ชื่นชมค่ะ :)) จากคุณ : aki (Midou_Ban) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 10:23:54

ความคิดเห็นที่ 60 ขอชื่นชม จขกท. เรียบเรียงเรื่องราวได้น่าอ่าน น่าสนใจมากคะ เราก็เคยอ่านอัตชีวประวัติของชาลี แชปปลิ้นเหมือนกัน แต่เราก็ยังซาบซึ้งและยินดีเมื่อถึงตอนที่เค้าขึ้นรับออสการ์ เพราะสิ่งที่ชาลีได้มอบให้กับฮอลลีวูด ให้กับวงการภาพยนต์และโลกใบนี้ เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก... ...ชายผู้มอบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับโลก... แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 14:01:11 จากคุณ : ฟักทองสยองขวัญ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 10:24:46

ความคิดเห็นที่ 61 ขออนุญาตแปะคลิป คห.29 ค่ะ ^^ จากคุณ : Conglomerate เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 10:42:32

ความคิดเห็นที่ 62 What Ever Happened to Baby Jane ? นี่มันส์ทั้งในจอนอกจอเลยทีเดียว จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 10:43:03

ความคิดเห็นที่ 63 ขอแปะคลิปประกอบข้อ 10. สักหน่อยนะครับ Charles 'Charlie' Chaplin ตอนขึ้นไปรับรางวัล Honorary Award จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 10:56:40

ความคิดเห็นที่ 64 เข้ามาลงชื่อว่าอ่านนะจ๊ะ จากคุณ : สมัครกี่ที ก็ไม่มีชื่อที่ตรงใจ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 11:15:02

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณกับเกล็ดของออสก้า น่าสนใจมากเลย จขกท เก็บรายละเอียดได้ดีมากคะ จากคุณ : หางหวาย เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 11:19:17

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณสำหรับเกร็ดสนุกๆ ค่ะ ^^ จากคุณ : กระเทียมเถา เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 11:19:43

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณจ้า ^^ จากคุณ : iamkeita เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 11:53:05

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณครับ  ว่าแล้วก็อ่านต่อ จากคุณ : น้องตีปสุดหล่อข้ามทางช้างเผือก เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 12:08:52

ความคิดเห็นที่ 69 อยากอ่าน Julie Andrews - My Fair Lady - Audrey Hepburn กับคู่พี่น้อง Olivia De Havilland กับ Joan Fontaine ด้วยครับ มันๆ ทั้งนั้น จากคุณ : รักเรเน่ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 12:17:58

ความคิดเห็นที่ 70 สุดยอด ปรบมือให้ เรื่องWhat Ever Happened to Baby Jane ?ได้เคยดูตอนเอามาฉายช่อง9 จบหักมุมแบบนึกไม่ถึงจริงๆ  นึกว่าเกลียดกันแต่ในเรื่อง ตัวจริงก็เกลียดกันด้วยหรือเนี่ย จากคุณ : The Yearling เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 13:07:45

ความคิดเห็นที่ 71 จขกท เก่งมากเลยครับ จากคุณ : Real Eminem เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 14:54:50

ความคิดเห็นที่ 72  เยี่ยมมาก ๆ เลยจ๊ะ จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 15:00:54

ความคิดเห็นที่ 73 ตกใจตรงจขกท.อายุ 18 นี่แหละ จากคุณ : lonea เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 16:10:12

ความคิดเห็นที่ 74 รู้นะว่ามีอีก จัดมาอย่าให้เสีย จากคุณ : Bacardi Boy เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 16:12:55

ความคิดเห็นที่ 75 จริงๆ แล้ว จขกท คิดว่า มาลอน แบรนโดหล่อมากๆๆ ในตอนหนุ่มๆๆ แต่เมื่ออายุมากขึ้นหน้าตาเริ่มไปทางน่ากลัวมากกว่า แหะๆ จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 16:26:33

ความคิดเห็นที่ 76   น้อง Snooker ครับ  อายุ 18 แต่มีความรู้และความรักในหนังมากมาย ฝีมือการการเขียนก็ดีมากๆ  ขอฝากตัวเป็นแฟนกระทู้น้องเลยนะครับ มาเขียนเกร็ดภาพยนตร์เก่าๆให้พี่ๆน้าๆป้าๆลุงๆอ่านอีกบ่อยๆนะครับ จะรอน้องอย่างใจจดจ่อ   อายุ 18 และเป็นเนิร์ดแอนด์เอ็นไซโคทางหนัง หน้าตาแบบนี้แน่เลย จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 16:31:35

ความคิดเห็นที่ 77 ผมบ้ายุครับ มีคนบอกว่าให้ลงอีก เลยหามาลงต่อ 555 ไม่รู้จะกลับมาอ่านกี่คน 12. พี่น้องคู่อริแห่งฮอลลีวู้ด       โจน ฟอนเทน และ โอลิเวีย เดอ  ฮาวิลแลนด์ ถือเป็นคู่พี่น้องคู่สำคัญของประวัติศาสตร์แห่งฮอลลีวู้ด เพราะถือเป็นนางเอกแถวหน้าของฮอลลีวู้ดในสมัยนั้นด้วยกันทั้งคู่ และเป็นด้วยความที่ไม่ถูกกันมาตั้งแต่เด็ก....       และเหมือนโชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อทั้งคู่เข้าชิงออสการ์ครั้งเดียวกันและสาขาเดียวกันในปี 1941 โดยเป็นสาขานำหญิง ฟอนเทนเข้าชิงจาก Suspicion ส่วนเดอ ฮาวิลแลนด์เข้าชิงจาก Hold Back the Dawn ผลคือฟอนเทนชนะไปในค่ำคืนนั้น ด้วยความที่เดอ ฮาวิลแลนด์เข้าวงการมาก่อน แต่กับเสียหน้าแพ้ให้กับน้องสาวที่ไม่ถูกกัน สร้างความแค้นให้กับเดอ ฮาวิลแลนด์เป็นอย่างมาก        ต่อมาถึงคราวเดอ ฮาวิลแลนด์ก็ถึงคราวเป็นผู้ชนะนำหญิงปี 1946 จาก The Each His Own  ฟอนเทน(ค่ำคืนนั้นเธอไม่ได้เข้าชิง)หลังจากทำหน้าที่ประกาศรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปีเสร็จ จะเข้าไปแสดงความยินดีกับพีสาวหลังเวที แต่ไปๆ มาๆ พี่กับน้องแทบจะฆ่ากันตาย แถมไม่รู้ว่าโชคร้้ายหรือดี ที่มีนักข่าวเก็บภาพขณะนั้นไว้ได้ด้วย ... ผลสรุปในวันรุ่งขึ้นแทนที่ข่าวงานออสการ์จะดังกลายเป็นสองศรีพี่น้องคู่นี้ซะงั้นทีเป็นดาวเด่นไป        ที่ตลกคือในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นต่างเสียชีวิตกันไปหมดแล้วแต่สองศรีพี่น้องกับยังอยู่ยงคงกระพันจนถึงทุกวันนี้ด้วยกันทั้งคู่โดยทั้งคู่ไม่เคยพูดกันอีกเลยหลังจากปี 1975 อันที่จริงแม้กระทั่งตอนที่แม่ของพวกเธอตาย เดอ ฮาวิลแลนด์ ไม่เชิญฟอนเทนมาร่วมงานด้วยซ้ำ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 17:26:04 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 17:25:24 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 17:21:30 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 17:11:18

ความคิดเห็นที่ 78 รอฟังต่อค่ะ ขอบคุณมากๆ จากคุณ : Viv_Leigh เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 17:38:55

ความคิดเห็นที่ 79 รออ่านต่อด้วยอีกเสียงค่ะ ^ ^ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 18:35:19

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ จากคุณ : RjK เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 18:35:43

ความคิดเห็นที่ 81 รออ่านต่อด้วยอีกเสียงค่ะ ^ ^ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 18:35:52

ความคิดเห็นที่ 82 เข้ามาอ่านด้วยคน กำลังเพลินเลยค่ะ หมด ซะแล้ว  post ต่อเถอะค่ะ อยากอ่านอีก จากคุณ : Maeyee เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 19:05:20

ความคิดเห็นที่ 83 เก่งจัง อายุ 18 ปี เอง  แต่มีความสนใจในหนังและภาพยนตร์มากๆ นับถือๆ รู้จริงๆอะไรจริงนะนี่ สุดยอดเลย ^^ จากคุณ : นี่มันเรื่องอะไรกัน เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 19:08:43

ความคิดเห็นที่ 84 สุดยอดเลยค่ะ.. อายุเท่านี้แต่รวบรวมเรื่องเก่าๆได้เยอะมากๆ เจ๋งจริง 55 จากคุณ : izenith55 เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 19:29:53

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านนะคะ ชอบมากๆเลย จากคุณ : willwadee เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 20:14:20

ความคิดเห็นที่ 86 อยากอ่านต่อๆๆๆ เอาอีกสัก 100 อัน  5555 จากคุณ : ArTiT_KuNg!! เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 20:26:16

ความคิดเห็นที่ 87 เรื่องดาราคู่พี่น้องคู่อริ เกิดมาเป็นพี่น้องกัน แต่เกลียดกันขนาด เศร้านะ จากคุณ : ดอกลินสีด เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 20:34:44

ความคิดเห็นที่ 88 ชอบมากครับน้อง เชียร์ให้เขียนต่อเรื่อยๆ นะครับ จากคุณ : จ้าวอสูรแดง เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 21:03:08

ความคิดเห็นที่ 89 เอาอีกครับๆ  อยากได้แบบยุคที่ผมเกิดมาแล้วบ้าง  ฮ่าๆ จากคุณ : shinozukable เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 21:11:36

ความคิดเห็นที่ 90 เห็นรูปอิงกริด เบิร์กแมนแล้ว ...นี่มันisabella rosselliniสมัยสาวๆชัดๆ จากคุณ : Q.NUH เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 21:24:26

ความคิดเห็นที่ 91 ว่าด้วย คคห 50  แสบมาก .........ขอคาราวะ จากคุณ : แพะรับบาป เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 21:27:55

ความคิดเห็นที่ 92 ชอบ Isabella Isabella Rossellini and her mother Ingrid Bergman จากคุณ : Q.NUH เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 21:32:24

ความคิดเห็นที่ 93 ว่าด้วย คคห 50  แสบมาก .........ขอคาราวะ จากคุณ : แพะรับบาป เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 21:32:59

ความคิดเห็นที่ 94 แวะมาให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ จากคุณ : น้ำผึ้งพระอาทิตย์ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 21:52:18

ความคิดเห็นที่ 95 และผมก็กลับมาอีกครั้ง 555 13. ชายแขนด้วนผู้ชนะสองออสการ์ในปี 1946       ปี 1946 ถือเป็นปีแรกหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง จึงไม่น่าแปลกใจใดๆ ที่ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจะตกเป็นของ The Best Year of Our Lives หนังที่เล่าถึงการใช้ชีวิตหลังสงครามของนายทหารที่พึ่งกลับมาจากสงคราม        หนึ่งในนักแสดงคนสำคัญในภาพยนตร์คือ แฮโรลด์ รัสเซลล์ที่เคยเป็นทหารพลร่มในสงครามโลกครั้งที่สองแต่โชคร้ายเมื่อลูกระเบิดระเบิดคามือและต้องเสียมือทั้งสองข้างไป เมื่อหลังจากรักษาตัวและใส่เหล็กที่มือทั้งสอง รัสเซลล์มีโอกาสเล่นสารคดีทหารและไปเข้าตาผู้กำกับวิลเลี่ยม ไวเลอร์จึงได้กลายมาเป็นทีมผู้แสดงหลักของหนัง The Best Year of Our Lives โดยเขียนบทให้รัสเซลล์โดยเฉพาะ ผลปรากฏว่ารัสเซลล์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาสมทบชาย แต่ในขณะนั้นเนื่องจากคู่แข่งของรัสเซลล์ีมีแต่มืออาชีพ และเค้าเป็นแค่มือสมัครเล่น ออสการ์จึงคิดว่ายังไงเค้าก็คงไม่มีทางได้รางวัล จึงชิงมอบออสการ์เกียรติยศให้ก่อนจัดงาน แต่ในที่สุด เป็นรัสเซลล์นั้นแหละที่ชนะออสการ์สมทบชายปีนั้น ...กลายเป็นว่าปีนั้นรัสเซลล์ได้ออสการ์กลับบ้านไปถึง 2 ตัว รู้หรือไม่ : ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจ ออสการ์ถึงขนาดต้องทำสัญญาห้ามผู้ชนะนำรางวัลไปขายเด็ดขาด !! แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 21:59:31 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 21:57:46 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 21:55:30

ความคิดเห็นที่ 96 14. อันนี้มาแบบสั้นๆๆ เกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อ ... แคธารีน เฮ็ปเบิร์น         คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเจ้าแม่แห่งฮอลลีวู้ดตัวจริงเสียงจริงคงหนีไม่พ้น แคธารีน เฮ็ปเบิร์น ถ้าจะเรียกว่าแปลกก็ได้เพราะเธอไม่เป็นตามพิมพ์นิยมของชาวฮอลลีวู้ดซะเลย ทั้งบุคลิกการแต่งตัวค่อนข้างห้าว(การให้สัมภาษณ์หลายครั้งเธอมักจะใส่สูทผู้ชายมาให้สัมภาษณ์) โทนเสียงที่ต่ำกว่าสาวปกติ และความเย่อหยิ่งที่จะรับแต่บท"นำ"เท่านั้น แต่จากการชนะ 4 ออสการ์และเข้าชิง 12 ครั้งและเป็นแบบนำหญิงทั้งหมดคงถือเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าเธอนี่แหละตัวจริง        แต่ถึงจะชนะและเข้าชิงมากขนาดนั้นแต่คุณก็จะไม่มีทางหารูปเธอบนเวทีขนาดถือออสการ์ได้เลย เพราะตลอดชีวิตการแสดงเธอเคยไปงานออสการ์แค่ครั้งเดียว !! และไม่ได้ไปในฐานะผู้ชนะหรือผู้เข้าชิงแต่ไปแนะนำเพื่อนของเธอ ลอว์เรนซ์ วีนการ์เต็นซึ่งได้รับรางวัลเกียรติยศในปี 1974        เมื่อเธอขึ้นไปบนเวทีผู้คนต่างลุกปรบมือใ้ห้เธอ จึงอดคิดไม่ได้ว่าตลอดชีวิตของ เธอได้รับการยืนปรบมือในงานออสการ์แค่ครั้งเดียวเท่านั้น รู้หรือไม่ : ทั้งๆ ที่ชนะถึง 4 ออสการ์ และเข้าชิง 12 ครั้ง แต่เฮ็ปเบิร์นเข้าชิงลูกโลกทองคำในสาขาภาพยนตร์เพียง 7 ครั้ง และไม่เคยชนะเลยแม้แต่ตัวเดียว !! ปล. อย่างงเรื่องลักษณะรางวัลบนโพเดี่ยมในรูปนะครับ มันเป็นรางวัลพิเศษชื่ออะไรยาวๆๆ ซักอย่างครับ แหะๆๆ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 22:59:54 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 22:29:30 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 22:27:55

ความคิดเห็นที่ 97 ชอบมากเลยคะ อยากอ่านอีกจัง ^^ จากคุณ : กระท่อมเปลือกหอยของบิล&เฟลอร์ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 22:29:21

ความคิดเห็นที่ 98 จขกท อายุเท่ากันเลย (แ่ต่เก่งกว่าเราเยอะ ฮ่าๆ) อิงกริดสวยจัง.. จากคุณ : Strawberry Fields Forever เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 22:42:59

ความคิดเห็นที่ 99 นับถือ จขกท. จริงๆค่ะ มีความรู้ดีมาก แถมเป็นคนรักหนังซะขนาดนี้ อายุก็ยังน้อย น่าชื่นชมค่ะ มารออ่านอยู่เรื่อยๆนะคะ ชอบอ่านอะไรแบบนี้ สนุกและเป็นความรู้ดี ปล. อยากอ่านเกี่ยวกับ Audrey Hepburn หรือไม่ก็ Marilyn Monroe ด้วยค่ะ จากคุณ : Hirino เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 22:50:19

ความคิดเห็นที่ 100 เยี่ยมมากๆเลยค่ะ นั่งอ่านแล้วแบบ เอ้ เราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย อยากให้มีอีกเยอะๆเลยอ่ะค่ะ จากคุณ : myp เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 23:25:50

ความคิดเห็นที่ 101 ลงชื่อรออ่านต่อค่ะ ขอบคุณ จขกท มากมายสำหรับทู้ดีๆ จากคุณ : 2am and the rain is falling เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 23:35:02

ความคิดเห็นที่ 102 สั้นๆ สนุก และได้ความรู้ สำหรับคนชอบออสการ์อย่างผมครับ จากคุณ : ต้นคุง ณ โดราเอมอน เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 00:13:59

ความคิดเห็นที่ 103 เอาอีกค่ะ  เพลินดี  ถึงจะรู้จักชาร์ลี แชปปลิ้นคนเดียวก็เถอะนะ -*- จากคุณ : Synthia เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 00:18:13

ความคิดเห็นที่ 104 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 00:34:13 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 00:33:37

ความคิดเห็นที่ 105 ชอบจังเลย ขอบคุณนะค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : PLOIISKA เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 00:34:38

ความคิดเห็นที่ 106 อันนี้ให้คุณ Hirino กับคุณรักเรเน่ (คห 69) ผมหาให้ครบทั้งสองเรื่องที่คุณรักเรเน่ขอแล้วนะครับ ^^ 15. My Fair Lady ของออเดรย์ เฮ็พเบิร์น       ถึง My Fair Lady จะเป็นสุดยอดภาพยนตร์แห่งปี 1964 แต่นักแสดงนำหญิงอย่างออเดรย์ เฮ็พเบิร์น กลับไม่ได้รับการยอมรับเช่นนั้น       ย้อนกลับมาตั้งแต่การเลือกนักแสดงเพื่อรับบทอีไลซ่า ดูลิตเติ้ล ฮอลลีวู้ดต่างคาดหวังว่าน่าจะเป็น จูลี่ แอนดรูวส์ ผู้รับบทนี้ในฉบับบรอดเวย์ แต่ถึงยังงั้น เจ้าพ่อแจ๊ค วอร์เนอร์กลับมองไปที่ เฮ็พเบิร์นเพราะมองเห็นศักยภาพความเป็นนางเอกหนังทำเงินในตัวเฮ็พเบิร์นมากกว่าเรื่องฝีมือ        อันที่จริงแล้วแม้กระทั่งตัวเฮ็พเบิร์นเองก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับบทนี้ ทั้งเรื่องเธอไม่มีประสบการณ์ร้องเพลง (ในภาพยนตร์เธอลิปซิงค์เสียงของ มาร์นิ นิกสัน) และอายุของเธอที่น่าจะมากเกินกว่าจะรับบทตัวละครนี้ได้ แต่กระนั้นเธอก็ยังถูกยืนกรานให้รับบทนี้อยู่ดี           แม้กระทั่ง เร๊กซ์ แฮร์ริสัน ผู้ร่วมแสดงในเรื่องของเธอยังบอกว่า ถึงเฮ็พเบิร์นจะเป็นนางเอกคนโปรดของเขา แต่เค้าก็รู้สึกว่าเป็นการเลือกที่ผิดพลาดที่ให้เฮ็พเบิร์นมารับบทนี้        เมื่อภาพยนตร์เข้าฉายคำวิจารณ์เป็นไปอย่างหลากหลาย และผลสุดท้ายเธอก็ไม่ได้เข้าชิงออสการ์ในปีนั้น และไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญอย่างไร ผู้ชนะออสการ์นำหญิงในปีนั้นกลับเป็น จูลี่ แอนดรูวส์ ที่เคยเป็นว่าที่นางเอก My Fair Lady มาก่อน โดยแอนดรูวส์ได้ออสการ์จาก Mary Poppins เมื่อผลออกมาเช่นนี้ สื่อเลยพยายามที่จะเล่นข่าวเกี่ยวกับสงครามของสองนางเอก        แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่มีน้ำใจนักกีฬาพอ(จากรูปคงยืนยันได้ดี) เพราะนอกจากทั้งคู่จะปฏิเสธข่าวดังกล่าว เฮ็พเบิร์นยังส่งดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับแอนดรูวส์อีกด้วย รู้หรือไม่ : ผู้ชนะที่พูดบนเวทีนานที่สุด คือ เกรียร์ การ์สัน ในสาขานำหญิงจากเรื่อง Mrs. Miniver ในปี 1942 โดยใช้เวลาเกือบ 6 นาทีพูดไปเรื่อยอย่างไม่รู้จะจบตรงไหน สร้างความอึดอัดให้คนในงานเป็นอย่างมาก (และนั่นอาจเป็นสาเหตุให้การ์สันไม่เคยชนะออสการ์อีกเลย 5555) แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 01:47:15 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 00:41:00 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 00:39:54 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 00:38:03 จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 00:36:56

ความคิดเห็นที่ 107 ใครอยากได้เรื่องอะไรโพสไว้ละกันครับ แต่โหว จากตอนแรกตั้งใจทำแค่ 10 เรื่องกลายมาเป็น 15 ได้เนาะ 555 กลัวคนอ่านจะเอียนอยู่ จากคุณ : ผมชื่อ SnooKer นะครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 00:42:55

ความคิดเห็นที่ 108 ไม่เคยสนใจเกี่ยวกับออสการ์เลย  แต่พอมาอ่านกระทู้นี้  เยี่ยมจริงๆ  :) จากคุณ : แฟนหุ่นยนต์ > 3< (Honey_lovely) เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 00:57:51

ความคิดเห็นที่ 109 ชอบครับ อยู่มาสามสิบกว่าปีแล้วยังไม่เคยรู้สักข้อเลย ขอบคุณคุณสนุ๊กเกอร์ มากๆ ครับ จากคุณ : ลุงปลาทองสีนำ้เงิน (platong_trumpet) เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 01:21:37

ความคิดเห็นที่ 110 ชอบๆๆๆ จากคุณ : Kkarolina เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 02:52:18

ความคิดเห็นที่ 111 มาลงต่อเยอะๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ จากคุณ : อยากเป็นโปร เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 08:05:41

ความคิดเห็นที่ 112 อ่านสนุกมากเลยค่ะ จขกท.เขียนได้เข้าใจง่ายดี ^^ มาเล่าอีกนะคะ จากคุณ : b.rabbitz เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 10:33:11