 |
หัวหน้า: มีนักปราชญ์ชื่อเอริค ฟอร์ม
The philosopher, Erich Formm
เขาทำนายว่าสังคมจะหมกมุ่นกับการเป็นเจ้าของ
He forecasted the society that would be success for possession.
เขาเชื่อว่ามนุษย์มีพื้นฐานสองประการ อยากมีและอยากเป็น
He believes that human beings have two basically orientations, having and being.
ผู้ที่โน้มเอียงไปทางอยากมี จะดิ้นรนให้ได้มาซึ่งสิ่งของหรือแม้แต่มนุษย์ด้วยกัน
Persons who have potential 'having' orientation seek to acquire things and properties even people.
แต่ผู้ที่โน้มเอียงไปทางอยากเป็น จะมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ ค้นหาความหมายจากการแลกเปลี่ยนพบปะและแบ่งปันกับผู้อื่น
But persons who have 'being' orientation will focus on experience, they do like the meaning of exchanging, engaging and sharing with other people.
ลูกน้อง: เป็นแนวทางที่น่าสรรเสริญ
It sounds like the way it gonna be?
หัวหน้า: โชคร้ายที่ฟอร์มทำนายไว้เช่นกันว่าวัฒนธรรม...ที่ขับเคลื่อนด้วยเชิงพาณิชย์อย่างที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้จะโน้มเอียงไปทางอยากมี ซึ่งนำไปสู่ความไม่รู้จักพอและความว่างเปล่า
Unfortunately, Formm also predicted that the culture driven by commercial like the one were living today is doom to the having orientation which lead to the dissatisfaction and emptiness.
เมื่อนึกย้อนไปว่าในปี 1960 ยังไม่มีโกดังส่วนบุคคลในอเมริกา แต่วันนี้มันกลับกินพื้นที่กว่าสองพันล้านตารางฟุต
When you considered that in 1960 there were not such things like public storage in America. Today there're 2 billion square feet delegated to it.
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาพูดถูก
Making think that he hit to the point.
ลูกน้อง: เป็นความผิดของสังคมงั้นสิ
So the society was blamed, wasnt it?
หัวหน้า: ประเด็นคือมีคนที่สุดขั้วอย่างคุณนายซานติเอโก้อยู่ทุกที่
The point is there gonna be the extreme like Mrs.Santiako everywhere
ทุกเรื่องไม่จำเป็นต้องมีความหมายแต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไร้ความหมาย
Things dont have to mean everything or they have to avoid the meaning.
มันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เราจะสัมผัสและสนุกไปกับชีวิต
There is another way we experience and enjoy our lives.
(ลอกซับไตเติ้ลที่แปลโดยทีม SDI Media ของทรู ส่วนภาษาอังกฤษก็จับความเองแบบไม่ค่อยสมบูรณ์มากนักเพราะบางคำก็ฟังไม่ออก ก็มั่วๆไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
ฟังแล้วก็งงๆไม่เก็ตเท่าไหร่ แต่ที่เก็ตก็คือความอยากมีและอยากเป็นนี่แหละ ที่ก่อให้เกิดความอิจฉาริษยาตาร้อนนำพาไปสู่การทะเลาะวิวาท จิกกัด
| จากคุณ |
:
INERTIA 
|
| เขียนเมื่อ |
:
21 มี.ค. 54 01:53:10
|
|
|
|
|
((((( รวมข่าว รวมมิตร A&K ))))) #445 บทสัมภาษณ์แอนในมาดามฟิกาโร่ฉบับมีนาคม 2554{แตกประเด็นจาก A10342907}
แก้ไขใหม่แล้วจ้ะ 
)