ความคิดเห็นที่ 1 อย่างงี้ยังจะมีคนอยากเป็นโอตาคุอีกมั้ยเนี่ย ขนาดญี่ปุ่น ต้นกำเนิดยังรังเกียจ แต่เด็กไทยบ่างส่วนกลับอยากเป็น จากคุณ : นายขนมหวาน เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 13:16:06

ความคิดเห็นที่ 2 มิน่าหละ ในการ์ตูนต่างๆเขียนถึงตัวละครที่เป็นโอตาคุทีไรตัวนั้นมักจะกลัวคนรอบข้างรู้ จากคุณ : PromZero เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 13:26:07

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่เจอกับตัวไงก็ไม่รู้หรอกของงี้น่ะ และก็พยายาที่จะเป็นโอตาคุกันต่อไป จากคุณ : เลิกใช้บัตรผ่านแล้ว เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 13:34:08

ความคิดเห็นที่ 4 ถูกต้อง โลกแห่งความเป็นจริงก็เช่นนี้แหละ  เวลาผมไปทำงานเรื่องพวกนี้ห้ามยกมาพูดเด็ดขาดเลย จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 13:38:46

ความคิดเห็นที่ 5 มันคือ "ความจริงที่เจ็บปวด" สำหรับคนอยากเป็นโอตาคุละนะ จากคุณ : Drake เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 13:41:58

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเป็นโอตาคุรึเปล่าหว่า? ถ้าดูจากภาพรวมโดยส่วนตัวแล้ว โอตาคุการ์ตูน....... No ชอบอ่านการ์ตูน แต่เลิกซื้อมาชาตินึงละ ของเก่าที่ซื้อมาสมัยเด็กๆ ก็ขายทิ้งเอาตังค์มาใช้แล้วด้วย ส่วนเมะสมัยนี้ขี้เกียจดู รู้สึกว่ามันสู้ยุค90ไม่ได้ ของสะสมเกี่ยวกับการ์ตูนหรือเมะ? มีแค่การ์ดยูกิโอมั้ง? แต่ก็เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายนะ 555 โอตาคุเกม....... No ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง? อาจจะเคยบ้าเกมเป็นระยะๆ แต่พอมีเมียมีลูก ก็ไม่มีเวลาเล่น แต่ก็ไม่เห็นจะลงแดงอะไร ไอด้อลมาสเตอร์สนุกตรงไหน? คนเขียนเบอร์เซิร์กมันถึงได้ติดงอมแงม มอนฮันท์? ลองเล่นดู แค่ล่าทีกะเร็กซ์ยังไม่มีปัญญาเลย-*- โอตาคุกีฬา....... Nes(No+Yes) เคยติดบอลกัลโช่งอมแงม ทีมโปรดคืออินเตอร์ รู้จักแทบทุกรูขุมขนของเนรัซซูรี่ ปัจจุบันจะหาเวลาดูบอลสักคู่ยังไม่มีเลย แน่นอนว่าไม่ค่อยได้ออกกำลังด้วย-*- แต่สมัยม.ต้นเล่นบาสฯเก่งพอตัวนะ โอตาคุดนตรี.......Yes I do!! อันนี้ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า เป็นโอตาคุเพลงคลาสสิก โดยเฉพาะรัคมานินอฟ ชอบที่ซู้ดดดดด สะสมซีดีทุกแผ่นที่เป็นเพลงของรัคมานินอฟ (แม้ว่าจะเป็นเพลงเดียวกันต่างกันแค่นักดนตรีก็ตาม) อยากรู้อะไรเกี่ยวกับรัคมานินอฟถามอับดุลได้ 555+ โอตาคุแฟชั่น........ Not at all!! ฝันไปเถอะ เสียตังค์เรื่องเสื้อผ้าน้อยมาก สมัยก่อนใส่เสื้อเชิ้ต+กางเกงสแล็ก+รองเท้าหนังไปทำงาน ปัจจุบันทำงานอิสระอยู่บ้าน ใส่เสื้อยืด+กางเกงยีนส์/กางเกงสามส่วน+ลากแตะ-*- โอตาคุรถ......... No นิยมการเดิน อย่างมากก็ขึ้นเรือขึ้นรถไฟฟ้า ชอบพริตตี้มากกว่ารถยนต์ แต่ก็ไม่เคยไปงานมอเตอร์โชว์ ขนาดชิ้นส่วนรถยนต์ยังเรียกผิดๆถูกๆ บางชิ้นก็ไม่รู้จัก นับประสาอะไรกับจะขับรถ โอตาคุอาหาร......... เข้าข่ายเซียนบริโภค ที่ไหนมีของอร่อยเราต้องตามไปกิน รู้จักร้านอาหารอร่อยๆเยอะมาก แต่ทำกับข้าวเองทีไรก็ต้องกินเองทุกที โอตาคุท่องเที่ยว......... บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกบในกะลา ชอบไปแต่ที่ๆตัวเองรู้จัก แล้วก็ต้องไม่ไกลด้วย วนเป็นลูปอยู่อย่างงั้น หรือเป็นเพราะนิสัยขี้เกียจเดินทางกันแน่นะ โอตาคุการลงทุน........... ช่วง2ปีมานี้บ้าเรื่องหุ้นมาก ถึงผมจะไม่ใช่วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์, จอร์จ โซรอส หรือ ดร.นิเวศน์ แต่ก็ได้ตังค์ใช้จากหุ้นอย่างสม่ำเสมอ คงไม่ใช่ระดับแมงเม่าแล้วล่ะ สรุป.....โอตาคุในเรื่องที่ค่อนข้างดูดีก็มีออกถมไปนะ สำหรับในชีวิตจริงโอตาคุที่ต้องระวังตัวให้ดี ก็คือโอตาคุที่ชอบในสิ่งที่สังคมไม่ค่อยยอมรับมากกว่า ー　ー ー　ー 　く 　ー จากคุณ : baby_naked เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 13:44:16

ความคิดเห็นที่ 7 อ๊าย ชั้นก็เป็นโอตาคุซิแบบนี้ จากคุณ : บีแชยอง เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 13:44:26

ความคิดเห็นที่ 8 คิดว่าเดี๋ยวซักพักอาจจะมีคนออกมาบอกว่า บริษัทที่มองคนแค่ด้านเดียวแบบนี้ ไม่เข้าได้/ ไม่ได้สัมภาษณ์ตั้งแต่แรก หน่ะ ดีแล้ว แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะมองว่าเป็นพวก องุ่นเปรี้ยว นะ คนที่ชื่นชอบอะไรซักอย่างมากๆ แบบว่าถามมารู้ทุกอย่าง แต่ยังใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ โดยไม่ถูกคนรอบข้างมองด้วยสายตาแปลกๆ หรือไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิตทั่วไปในสังคม เราว่าไม่ใช่โอตาคุ นะคะ ชื่นชอบมาก (แบบที่รู้ละเอียดทุกอย่างในเรื่องที่ชอบ) กับ ชื่นชอบจนคลั่ง /เกินพอดี  เราคิดว่ามันไม่้เหมือนกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 13:51:45 จากคุณ : Cartoonnetwork เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 13:51:19

ความคิดเห็นที่ 9 "ตอนที่คุยกัน เห็นว่าเจ้าตัวชอบดูอนิเม ชอบเล่นเกม อะไรพวกนี้ แล้วเห็นว่าใฝ่ฝันจะไปเรียนทำอนิเมที่ญี่ปุ่นน่ะ" < ตอบแบบนี้ เป็นผม ผมก็ไม่เอานะครับ คือมันก็ต้องดูเนื้อหางาน กับบริษัทด้วยว่าบริษัทเกี่ยวข้องกับทางญี่ปุ่นทางไหน ถ้าเป็นบริษัทที่ทำเรื่องอนิเมอยู่แล้ว จะปล่อยอะไรออกมาก็ตามสบายเลย อย่างเช่นบริษัทบางแห่งเขาต้องการคนที่มีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องสภาพการเมือง เศรษฐกิจญีี่่ปุ่น ตอบแบบนี้ ต่อให้คนไทยเ็ป็น HR เขาคงไม่เอา เพราะตัวเองก็แสดงออกแล้วเป็นคนที่ชอบญี่ปุ่นแค่เพียงเพราะอนิเม เรียนญี่ปุ่นก็เอาไว้ดูการ์ตูน แ่ต่ไม่สามารถพิสูจน์ให้เขาเห็นได้่ว่าคุณรู้เรื่องอื่นดีเท่าไหน ทำงานกับคนญี่ปุ่นได้ไหม  (แต่ผมไม่ได้หมายความว่าคนที่ชอบอะไรแบบนี้ไม่ดีนะครับ บางทีเราก็ต้อง "อ่านบรรยากาศ" นิดนึง) พวกที่คลั่งอะไรด้านเดียวของญี่ปุ่นมากๆ ไปอยู่ญี่ปุ่นจริงๆ ทำงานกับญี่ปุ่นจริงๆ ก็ไม่มีความสุขหรอกครับ เห็นมานักต่อนักแล้ว แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 14:14:55 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 13:58:07 จากคุณ : Govinda Gopala เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 13:56:47

ความคิดเห็นที่ 10 เข้าใจผิดทั้งยุ่น ทั้งคนไทยในเวปบอดเลย ถามห้องการ์ตูนได้ เค้าไม่ได้อยากเป็นโอตาคุแบบนั้นกันครับ ไม่ใช่แบบนั้น ที่แต่งคอสเพล ทําไรแปลกๆนั้น แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 15:19:56 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 15:17:23 จากคุณ : ไม่ได้มีสิบมือ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:01:02

ความคิดเห็นที่ 11 ^^ ^^ ^^ ข้อความข้างบนนี้ผมอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง รบกวนเขียนใหม่ให้เข้าใจง่ายกว่าเก่าได้มั้ยครับ? จากคุณ : Drake เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:10:24

ความคิดเห็นที่ 12 ความจริงเรื่องอย่างนี้ เค้าไม่ควรจะเอามาพูดกันน่ะ มันเป็นสิทธิของเค้าคนนั้นนิที่อยากมีความฝันอย่างนั้นน่ะ เรื่องที่ว่าชอบอนิเมะมีความฝันคือทำอนิเมะที่ญี่ปุ่น แล้วโดนหาว่าเป็นโอตาคุ อย่างนี้มันเหมือนไปตัดสินเค้าอย่างหน้าด้านๆเลยว่าเป็น ถ้าอย่างนั้น ใครมีความฝันอะไรที่เกี่ยวกับ อนิเมะ พวกนั้น ก็โดนหาว่าเป็นหมด ล่ะสิ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 14:23:14 จากคุณ : Blackrx เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:13:02

ความคิดเห็นที่ 13 สงสัยว่าบางคนอ่านหรือเปล่า นายหนึ่งไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นโอตาคุ แต่ถูก A ซังตัดสินจากคำพูดที่ว่า "ตอนที่คุยกัน เห็นว่าเจ้าตัวชอบดูอนิเม ชอบเล่นเกม อะไรพวกนี้ แล้วเห็นว่าใฝ่ฝันจะไปเรียนทำอนิเมที่ญี่ปุ่นน่ะ" ที่เหลือยุ่นซัง ก็คิดไปเอง เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เลี่ยงการบอกสิ่งเรื่องที่ชอนอนิเมะกับเกม เวลาสมัครงาน การทำงานคงไม่มีใครอยากร่วมกลุ่มกับคนที่ชอบอะไรเฉพาะทาง เพราะมีัปัญหาอื่นตามมา ขนาดลงทุนฝึกภาษาคงพอคาดได้ว่าติดขนาดไหน แต่ก็ไม่คิดว่าคนญี่ปุ่นจะคิดแบบเดียวกันทั้งหมดหรอก จากคุณ : Vortex เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:16:26

ความคิดเห็นที่ 14 คห.10 เขาเมายากันยุงมารึเปล่า? จากคุณ : Speak เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:24:29

ความคิดเห็นที่ 15 - ญี่ปุ่นสองคนที่พูดอายุเท่าไรคะ ถ้าซัก 40+ เราว่าสภาพการณ์ไม่ต่างจากไทยมากนัก เวลาเขียนสมัครงานช่องงานอดิเรกเรายังไม่กล้าใส่ว่าอ่าน/ดูการ์ตูนเลยค่ะ (ยิ่งถ้าตอบไปว่าฟังดราม่าซีดี สะสมฟิกเกอร์คงยิ่งงงกันเข้าไปใหญ่) งานอดิเรกการ์ตูนนี่เครดิตติดลบยิ่งกว่าดูหนังฟังเพลง ดูฟุตบอลต่างประเทศ หรือแม้แต่เล่นอินเตอร์เน็ตด้วยซ้ำไป เรียกว่าถ้าไม่โดนถามแบบเจาะประเด็นตอนสัมภาษณ์จะไม่มีทางพูดออกมาเด็ดขาด - ถ้าอายุต่ำกว่านั้น เราว่าคนไทยจะเฉยๆกับเรื่องนี้มากกว่า เป็นงานอดิเรกอย่างนึงไปเครดิตจะเทียบเท่าอ่านนิยายหรือเล่นเกมส์ แต่ที่ญี่ปุ่นขนาดในระดับเด็กมหาลัยหรือวัยรุ่นยังมองโอตาคุไปทางรังเกียจอยู่มากค่ะ เพื่อนเราที่ญี่ปุ่นตอนไปที่นู่นใหม่ๆเคยจะไปอากิบะเพื่อซื้อสมุดภาพให้เรา เพื่อนที่เป็นคนญี่ปุ่นเตือนเลยค่ะว่า "ไปอากิบะก็ระวังๆตัวด้วยนะ มีแต่คนแปลกๆน่ากลัวๆ" (- -;) - ส่วนคุณหนึ่ง เราว่าพลาดตรงพูดว่าใฝ่ฝันจะไปเรียนทำอนิเมที่ญี่ปุ่นเนี่ยแหละ คือตอบแค่ดูอนิเมเล่นเกมส์ น่าจะพอแล้วนะ ถ้าเราเจอคนมาสมัครพูดแบบนี้แล้วบริษัทเราไม่ได้เกี่ยวอะไรกับธุรกิจการ์ตูนเลย แล้วมี candidate คนอื่นที่ใกล้เคียงเราก็คงเลือกรับอีกคนมากกว่าค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 14:27:44 จากคุณ : ลิงลี่ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:25:23

ความคิดเห็นที่ 16 สัมภาษณ์งานเนี่ย ต้องศึกษาเกี่ยวกับ ที่ทำงานด้วยก่อนจะไปนะผมว่า คือถ้ามันไม่เกี่ยวอะไรเลย ก็ไม่ควรพูดออกไป ยิ่งตอบว่าชอบเล่นเกม ดูอนิเมะนี่ ยิ่งเเอ่อ.... บ้านเราไม่ค่อยมีงานสายนี้มั้ง เลยคิดว่า บ. ข้างบนไม่น่าจะเกี่ยวกับทางนี้แน่นอน แต่ที่เค้าบอกแบบนั้น เค้าอาจจะพยายามสื่อว่า เค้ามีใจรักในภาษาญี่ปุ่น ก็ได้ (เดาเอา) แต่พูดผิดลักษณะไปหน่อยล่ะมั้ง ป.ล.เจ้าของที่ทำงานผมก็คนญี่ปุ่น(พูดไทยได้) แต่เวลาคุยกันเรื่อยเปื่อยกับเจ้านาย ผมไม่เคยบอกหรอกว่าชอบดูเมะ อ่านตูน เล่นเกม เจ้านายผมอาจจะชอบก็ได้ แต่ผมไม่เสี่ยงหรอก เพราะมันมีแต่เสีย กับ เท่าทุน มั้ง 555 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 14:28:51 จากคุณ : Firepocket เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:25:41

ความคิดเห็นที่ 17 คห. 10 นี่หมายความว่ายังไงครับ คนญี่ปุ่นเข้าใจผิด? มันก็ต้องเข้าใจตามเขาสิ ก็ที่มามันมาจากเขานี่ จากคุณ : Forever Delay เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:26:30

ความคิดเห็นที่ 18 โอตาคุนี่ผมยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ รายละเอียดมันเยอะมากเลย ^^ แต่คิดว่าถ้าเป็นฝรั่งคงคล้าย Nerd มั้ง (ใช่มั๊ย) Steven Spielberg Quentin Tarantino Bill Gates Mark Zuckerberg เป็น Nerd มาก่อนทั้งนั้น เพียงแต่เค้าได้ทำในสิ่งที่เค้าชอบ ... ผมว่าคนญี่ปุ่นคงไม่ได้รังเกียจขนาดชนตัวโอตาคุไม่ได้เลยมั้งครับ เพียงแต่โอตาคุในความเข้าใจ อาจจะค่อนข้างเก็บตัว มนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคงไม่ค่อยดีเวลาทำงานร่วมกัน อาจจะทำงานเป็นทีมไม่ได้ ... จากคุณ : มณีเล้ง เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:39:46

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่า #10 อาจจะประชดก็ได้นะ นายหนึ่งนี่ก็เหลือเกิน บอกเขาให้เบาๆ ลงหน่อย อย่าเกินความจำเป็น เช่นว่า "รู้จักภาษาญี่ปุ่นมาจากเกม" ก็พอแล้วนา เล่นไปบอกเขาว่าชอบทั้งเกมทั้งอนิเม แถมยังใฝ่ฝันอยากไปทำอนิเมชั่นที่ญี่ปุ่นอีก เขาจะเข้าใจว่าเป็นโอตาคุก็ไม่แปลกหรอก อันที่จริงนอกจากเรื่องเกมหรืออนิเมแล้ว พวกที่ไปสมัครงานแล้วแสดงอาการมาเนียสุดโต่งตอนสัมภาษณ์ (เช่น ดูซี่รี่ย์ทั้งวันหยุดไม่ได้หลับได้นอนเลย, ชอบฟังเพลงโดยเฉพาะของวงนี้ เวลามาไทยทีไรต้องไปชาบูให้ได้ ตั๋วแพงเท่าไหร่ก็ซื้อ ฯลฯ) เนี่ย ก็มักจะเป็นผลลบทั้งนั้นแหละครับ ยิ่งคนญี่ปุ่นมีอคติกับโอตาคุแล้ว ก็จงยอมรับความเฟลไปเถิดครับน้อง... จากคุณ : Vladimir Putan เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:42:18

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่เคยได้ยินคำว่าโอตาคุดารา,โอตาคุดนตรี,โอตาคุกีฬา รึแม้กระทั่งโอตาคุการ์ตูนที่ไหนเลย     นอกจากในพันทิปเวลามีพูดเรื่องแบบนี้เท่านั้น ที่จะเห็นคนมาบอกว่าโอตาคุแบบอื่นนอกจากการ์ตูนนั้นดูดี      ไม่เข้าใจว่าจะแบ่งเกรดทำไมว่าโอตาคุแบบนั้นดูดีโอตาคุแบบนั้นดูไม่ดี จะพยายามยกตัวอย่างดีๆงั้นหรอ? ทั้งๆที่สังคมภายนอก โอตาคุก็คือโอตาคุ(ซึ่งส่วนมากก็คือพวกบ้าการ์ตูน) ญี่ปุ่นเค้าเรียกโอตาคุเค้าก็เรียกกันทั้งยังงั้น ไม่มีติดยศติดเกรดตามท้ายระบุว่าเป็นโอตาคุอะไรกันหรอก - - แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 14:46:16 จากคุณ : Aya+EVE เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:43:58

ความคิดเห็นที่ 21 คิดว่าเรื่องที่เล่านี้สรุปมาจากบทสนทนาอีกที ผมว่าตอนที่คุณ A สัมภาษณ์อาจได้คำตอบที่น่าปวดหัวกว่านี้ก็ได้ครับ ดูจากคำพูดเหมือนคุณ A ยังเกรงใจไม่เปิดประเด็นพูดตรงๆซะทีเดียวด้วยซ้ำไปนะครับ เวลาสัมภาษณ์นี่บางเรื่องเลี่ยงไม่พูดน่าจะดีกว่าครับ รักษาฟอร์มไว้บ้างเรื่องจะง่ายขึ้นเยอะครับ จากคุณ : XXXG-00W0 เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:49:18

ความคิดเห็นที่ 22 จากประสบการณ์เคยสัมภาษณ์คน เคยดูบุคลิกคน และเคยได้ยินความเห็นของระดับหัวหน้าในการตัดสินใจรับหรือไม่รับคนเข้าทำงานมาแล้ว.... ขอบอกว่า เรื่องบุคลิกนี่บางทีระดับผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์เยอะ เคยเจอคนมามากนี่เขามองออกค่อนข้างทะลุเลยค่ะ บางเรื่องเราเองไม่เคยคิดเลยแต่มันก็จริง ส่วนตัว เวลาต้องดูคนนี่บางทีการได้คุยไปเรื่อย ๆ พวกบุคลิก แนวคิด อะไรต่อมิอะไรมันจะแสดงออกมาเอง สามารถตัดสินได้อยู่พอสมควรค่ะว่าเขาเป็นคนอย่างไร ขนาดเรายังขนาดนี้ ถ้าระดับหัวหน้า สัมภาษณ์มาไม่รู้เท่าไหร่ เจอคนมาหลายประเภท เขายิ่งเชี่ยวชาญค่ะ จากบทสนทนานี้... เห็นว่าเป็นไปได้ ที่ A ซัง จะสัมภาษณ์นายหนึ่งแล้วสามารถรู้ได้ในการสัมภาษณ์เลยว่านายหนึ่งนั้นมีบุคลิกเป็นโอตาคุ ไม่ใช่แค่แฟนบอย ส่วนเหตุผลที่ A ซังไม่รับนายหนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่าจะสรุปได้ดังหัวข้อกระทู้ หรือมิฉะนั้น A ซังก็มองเห็นว่านายหนึ่งบุคลิกไม่ตรงกับตำแหน่งหน้าที่ค่ะ ซึ่งตรงนี้ต่อให้ไม่โอตาคุ ถ้าไม่ตรงเขาก็ไม่รับค่ะ เช่น รับเข้ามาเป็นนักวิชาการ หรือเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงาน หรือตำแหน่งอะไรก็ตามที่บุคลิกผู้สมัครไม่เข้ากับบุคลิกประจำตำแหน่ง เขาคงพิจารณาแล้วไม่รับค่ะ จากคุณ : มานะฯ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 15:07:47

ความคิดเห็นที่ 23 มันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคลและสังคม ไม่มีอะไรผิดหรือถูกมากไปกว่านั้น ตามสมการ "โอตาคุXX+บทบาทที่สังคมกำหนด=ตัวตนของเรา" เมื่อXXคืออะไรก็ได้สักอย่างที่คนๆนั้นชอบ,หลงใหล,รู้จักดี ขนาดคนระดับนักการเมืองญี่ปุ่น ยังมีคนที่เป็นโอตาคุรถถัง/เครื่องบินรบ ด้วยความภาคภูมิใจเลย ขี้เกียจพิมพ์ละเมื่อย สุดแล้วแต่จะหยั่งถึง จากคุณ : baby_naked เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 15:08:38

ความคิดเห็นที่ 24 ต้องดูว่าบริษัทที่จะจ้างทำธุรกิจอะไร แล้วคนที่มาสมัครสนใจในงานนั้นจริงๆหรือว่าอยากมาทำเพื่อฝึกฝนภาษา แล้วที่บอกว่าอยากไปเรียนทำอนิเมที่ญี่ปุ่น มันเกี่ยวข้องกับงานที่ทำมั้ย? ถ้าจะจ้างคนทำงาน ระหว่างคนที่หางานทำเพื่อรอเรียนต่อ(สาขาที่ไม่เกี่ยวกับงาน) กับคนที่อยากทำงานจริงจัง เราเลือกแบบหลังนะ จากคุณ : Q.NUH เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 15:16:15

ความคิดเห็นที่ 25 เอาง่าย ๆ ครับ แค่ตอบว่า "อยากจะไปทำงานที่....." ประโยคนี้ก็ไม่ควรพูดเวลาสมัครงานแล้วครับ เพราะมันทำให้เขาเข้าใจว่าคุณแค่จะใช้หน่วยงานเขาเป็นทางผ่าน ไม่ได้คิดจะอยู่มั่นคงอะไร ใครไปสัมพาทย์งาน ลองหาคู่มือการตอบคำถามพวกนี้ไว้หน่อยก็ดีนะครับ การตอบตามจริงทั้งหมด ไม่ดีเสมอไปนะครับ จากคุณ : alcalshel เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 15:16:39

ความคิดเห็นที่ 26 อืม แต่เพื่อนที่เป็นคนญี่ปุ่นชอบมาแซวๆล้อว่าเป็นโอตาคุเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วหนูไม่ใข่อะหนูไม่ช่ายยยยยยยย ก็แค่ชอบดู + อ่านการ์ตูนอ่า เล่นเกมบ้าง แต่ไม่ได้หมกมุ่น แค่การ์ตูนดังๆรู้จักหมดแค่นั้นเองที่รู้จักเพราะตามอ่านในห้องการ์ตูนเนี่ยแหละ รู้แค่เผินๆไม่ได้ดูลึก พอเพื่อนญี่ปุ่นถามเลยรู้จักเกือบหมดเลย เหอๆ จากคุณ : pakoro เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 15:37:41

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องความชอบ แค่พูดลอยๆ เฉยๆก็พอครับ หากยังต้องทำงานเป็นลูกจ้าง ตอนไปสมัครงาน เรื่องความชื่นชอบส่วนตัวก็อย่าไปเผยมากเลยครับ ทั้งงานอดิเรก รายการทีวี ทีมกีฬา บุคคลหรือกลุ่มการเมืองต่างๆ ผมยังออกมาเปิดร้านเป็นของตัวเองเลย ยอมลำบากไปสักพักไม่กี่ปีเอง... พออยู่ตัว...ครานี้เราชอบอะไร จะฟังอะไรก็เต็มที่ ผมยังเคยต่อโปรเจคเตอร์ดูอนิเมเลย สะใจ!!! จากคุณ : olokung เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 15:39:31

ความคิดเห็นที่ 28 ถึงคนที่17 ผมไม่ทราบหรอกว่าไหม   คนญี่ปุ่นแค่ฟังจากเพือน ก็กังวลจนไม่อยากคุยเนี้ย เพราะอะไร ซึ่งเค้าคงเห็นภาพโอทาคุญี่ปุ่นเป็นภาพด้านไม่ดีมากๆ แต่กับคนไทยแค่อ่านการ์ตูน ดูอนิเมะแล้วเกิดสนใจการทํางานด้านนี้ ผมว่าเป็นคนปรกติ แต่ญี่ปุ่นคนในเรื่องคงมองไม่ด้านไม่ดี ***และเห็นด้วยกับคนอื่น เรื่องแบบนี้ไม่ควรบอก*** ส่วนคนไทยหลายท่าน รู้สึกกังวลกับโอทาคุเหลือเกิน ว่าคนไทยเรายังไม่ถึงขั้นน่ากังวลขนาดญี่ปุ่นครับ <ยังไม่เคยเจอแบบเพี้ยนๆนะ> จากคุณ : ไม่ได้มีสิบมือ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 15:58:59

ความคิดเห็นที่ 29 เรื่องที่เขาูพูดเเค่มัน"ไม่ควรจะพูด"เวลาสัมภาษณ์งานมากกว่า ถ้ามีกึ๋น เเละคิดอีกนิดนายหนึ่งคงได้งานเเล้วล่ะ จากคุณ : b r i s e a d h c r o i เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 16:06:36

ความคิดเห็นที่ 30 ^ คือ อย่าหาว่าผมอคติหรืออะไรนะครับ ผมเองก็ดูอนิเม อ่านการ์ตูน เล่นเกมส์เหมือนกัน แต่ว่า ไอ้ขนาดบอกว่าอยากไปเรียนต่อเพื่อทำอนิเมเนี่ย ผมว่าไม่ธรรมดาแล้วครับ ค่อนข้างลึกทีเดียว เพราะถ้าแค่ทำเล่นๆแบบงานอดิเรก มันต้องขนาดเรียนต่อเลยเหรอ ถ้าแค่บอกว่าชอบการ์ตูน ดูการ์ตูน เล่นเกมส์เนี่ย เค้าอาจจะมองลบๆ แต่คงไม่มากขนาดว่าโอตาคุหรอก (อาจจะระดับเดียวกับผู้ใหญ่ทั่วๆไปที่เห็นว่าพวกนี้มันเรื่องของเด็กนั่นแหละ หรือมากกว่านิดนึง) แต่พูดขนาดนี้ เค้าจะคิดก็ไม่แปลกหรอก ส่วนเรื่องความหมาย ถ้ามันระดับไม่ถึง ก็ไม่ควรเรียกสิครับ ก็เรียกคนรักการ์ตูนอะไรไปสิ น่าจะเป็นตามนั้น จะเอาไอ้ที่ไม่ดี มาใช้แล้วแปลงให้เป็นดีทำไม แล้วจะไปเรียกโอตาคุตามเขาทำไมครับ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 16:12:08 จากคุณ : Forever Delay เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 16:10:56

ความคิดเห็นที่ 32 ไปสัมภาษณ์ บ.เกี่ยวกับการ์ตูนมา เค้าก็บอกมาว่า... "โอตาคุบาคนไม่มีความรับผิดชอบ" เพราะงี้มั้งคะ เค้าเลยไม่อยากจ้างอ่ะค่ะ เรื่องงานอดิเรกส่วนตัวเวลาไปสัมภาษณ์ที่ไม่ใช่ บ.การ์ตูนเราก็คงตอบไปว่า ชอบอ่านหนังสือ หรือดูทีวี มากกว่าไปจะไปบอกว่าชอบการ์ตูนหรือเมะแบบระบุลึกอ่ะน้าาาา ไม่ระบุไปมันคงจะดีกว่าและเป็นตัวเลือกให้เค้าต้องการเรามากกว่าด้วย จากคุณ : leprosy-cat เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 17:38:51

ความคิดเห็นที่ 33 คนที่30หมายถึงผมรึเปล่า ผมว่า คนเค้าชอบอะไรเค้าก็ศึกษาเพิ่มมันแปลกตรงไหน คนเค้าชอบการ์ตูนแล้วมีความคิด อยากลองทํามันไม่ดีตรงไหน เค้าไม่ได้เอาตุ๊กตาไปแต่งงาน หรือเอาไปเดินโชว์ซะหน่อย คําว่าโอตาคุ อันนี้ไม่ทราบความหมายจริงๆ เห็นด้วยระดับไม่ถึงไม่ควรเรียก ผมไม่เคยไปเรียกใครว่าโอตาคุ แต่หลายคนเรียก คนอ่านการ์ตูนว่าพวกโอตาคุ ซึ่งเข้าใจกันไม่ใช่สิ่งที่ดี หลายคนเรียกแบบดูถูกกันเลย แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 18:59:41 จากคุณ : ไม่ได้มีสิบมือ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 18:56:02

ความคิดเห็นที่ 34 น่าจะไปเขียนนิยายขายนะ... จากคุณ : GrandOpera เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 19:00:24

ความคิดเห็นที่ 35 เอ่อ อ่านดูแล้ว จับใจความได้ว่า 1. คนไทยยังไม่เข้าใจความหมายของ โอตาคุ 2. โอตาคุไทยกะญี่ปุ่นไม่เหมือนกัน 3. โอตาคุของญี่ปุ่นอาจจะดูแย่มากในสายตาคนญี่ปุ่น สำหรับคนไทยอาจจะเฉย ๆ 4. ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า โอตาคุ คืออะไร จากคุณ : yutkmit เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 19:37:39

ความคิดเห็นที่ 36 #35 ข้อ 3 โอตาคุในสายตาคนไทย ไม่ได้ดูดีนักหรอก อย่างน้อย ๆ ก็ในพันทิปนี่แหละ จากคุณ : ซินเดอเรล่า เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 21:18:58

ความคิดเห็นที่ 37 ตลกดี ใครแต่งเหรอครับ จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 21:32:10

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นด้วยกับคห.ข้างบนค่ะว่ายังไม่รู้จักความหมายของโอตาคุ โอตาคุไม่ได้แปลว่าชอบ สนใจ หรือเชี่ยวชาญในอะไรด้านใดด้านหนึ่ง (ไม่จำเป็นต้องเป็นการ์ตูนเท่านั้น จะรถไฟ ดนตรีหรืออะไรก็ได้หมด) แล้วทำไมคนที่สนใจอะไรสักอย่างจริงจังต้องมีภาพพจน์ไม่ดี ? คำว่าโอตะคุ มาจากคันจิตัว 宅 (Taku) ที่แปลว่าบ้าน ฉะนั้นโอตะคุจึงมีอิจเมจของพวกเก็บตัวแต่ในบ้าน หมกมุ่น (สังเกตว่าเราไม่ได้ใช้คำว่าสนใจนะคะ เราเรียกว่าหมกมุ่นค่ะ) แปลกแยก และไม่มีสังคมแบบคนปกติ ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆก็คงเปรียบได้กับคำว่า nerdy พอจะนึกภาพหนังฝรั่งที่พวกเด็กแว่นหนา พูดจาไม่รู้เรื่อง หอบหนังสืองึมงำๆอยู่คนเดียว โดนเพื่อนในโรงเรียนแกล้งอะไรแบบนั้นมั้ยคะ ประมาณนั้นแหละ โอตะคุยังเคยถูกโยงกับคดีฆาตกรรมรุนแรงในอดีตด้วย (นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาพของโอตะคุติดลบ) เคยมีคดีที่เด็กโดนข่มขืนแล้วฆ่า โดยผู้ร้ายเป็นพวกหมกมุ่นกับการ์ตูน lolicon แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเรื่อง densha otoko ที่ตัวเอกเป็นโอตะคุรถไฟ ออกมา ทำให้ภาพพจน์ของโอตะคุดีขึ้นนิดนึง คราวนี้ทำไมสังคมการทำงานไม่ยอมรับ ? เรื่องว่าตัวเองชอบอ่านการ์ตูนอะไรประเภทนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดในการสัมภาษณ์งานค่ะ มันแสดงถึงว่า คนๆนั้นไม่รู้จักกาละเทศะว่าตอนไหน สมควรพูดเรื่องไหน (โดยเฉพาะกับสังคมคนญี่ปุ่นที่เน้นเรื่องการอ่านบรรยากาศเป็นอย่างมาก) ยิ่งถ้าไปประกาศว่าตัวเองเป็นโอตะคุอย่างหน้าชื่นตาบานแล้ว อิมเมจว่าเป็นคนเข้าสังคมไม่ได้ หมกมุ่น ไม่มีความสามารถในการสื่อสารกับผู้อื่น และไม่อยู่ในโลกความเป็นจริงจะพุ่งเข้ามาในหัวเลย ข้อมูลทั้งหมด เราไม่ได้มั่วนะคะ เรียบเรียงจากการลงเรียนวิชา contemporary Japanese culture ปีที่แล้ว แล้วต้องเรียน theory ที่เกี่ยวกับ fan ค่ะ จากคุณ : littlejt (littlejt) เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 21:34:29

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่ว่าจะอ้างนู่น อ้างนี่ ให้ดูดียังไง ก็โดนมองแบบเหมารวมอยู่ดี สังคมทำงาน มันไม่เหมือนสังคมตอนเรียนครับ ถึงเราจะดึงดันว่าไม่กวนใคร ไม่เดือดร้อนใคร เพราะนั่นเรามองในมุมของเรา แต่ในมุมมองของสังคม ไม่ได้มองแบบที่เรามอง ต้องให้ถึงจุดที่เจอกับตัวเอง ผมว่าน่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น ว่าทำไมเพราะอะไร อธิบายไปก็เท่านั้น ให้เจอเอาเองเถอะ จากคุณ : ถมท่อ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 21:37:16

ความคิดเห็นที่ 40 พวกที่ชอบอัพภาพตัวเองคอสเพลย์ลงเวบก็ระวังๆ กันไว้ด้วยนะครับ HR บางบริษัทเดี๋ยวนี้เขามีการค้นข้อมูลพวกคุณบนอินเตอร์เน็ตด้วย ถ้าไปเจอรูปโพสท่าแนวๆ มากๆ เข้าเขาคัดชื่อคุณออกเลยนะครับด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า "วุฒิภาวะไม่มากพอที่จะมาทำงาน" (แต่เขาไม่บอกคุณหรอกว่าเขาไปเจอรูปคุณบนเน็ตและใช้มันเป็นส่วนในการตัดสินใจ) หลายคนอาจมาเถียงว่าเป็นการทำกิจกรรม, เป็นสิทธิส่วนบุคคล, เป็นงานอดิเรกไม่สร้างความเดือดร้อน, etc. อันนั้นเรื่องของคุณครับมาเถียงที่นี่ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรคุณได้หรอก ยอมรับความจริงแล้วไปวางแผนชีวิตตัวเองจะดีกว่าครับ จากคุณ : velasco เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 22:15:14

ความคิดเห็นที่ 41 เรามีสิทธิเป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่อาจเลี่ยงอคติของคนอื่น จากคุณ : ratichan เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 23:22:31

ความคิดเห็นที่ 42 โอะตะขุก็มีหลายประเภทนั่นแหละ ถูกแล้วครับ ใครไม่รู้จักก็อาจจะคิดว่ามีแต่โอะตะขุที่บ้าเกมและอนิเมอย่างเดียว.. คนที่คลั่งดารานักร้องพวกไอด้อล เขาก็เรียก ไอด้อลโอะตะขุ คนชอบเกมจัดๆ เขาก็เรียก เกมโอตะขุ คนบ้าอนิเมก็คือ อนิเมโอะตะขุ คนชอบดาราตลกก็คือ เกนิงโอะตะขุ คุณไปอ่านนิแชนเนลเอาเองก็จะรู้ โอะตะขุที่ชอบรถไฟ คอม การท่องเที่ยว กล้อง มีเยอะแยะมากมายครับ นี่ข้อมูลการสำรวจมูลค่าตลาดและพฤติกรรมการใช้จ่ายของเหล่าโอะตะขุ http://www.nri.co.jp/news/2005/051006_1.html อย่าว่าแต่คนทั่วไปรังเกียจโอะตะขุเลย โอะตะขุก็รังเกียจและดูถูกคนทั่วไป อิมเมจของโอะตะขุสมัยนี้ก็ไม่ได้เป็นแบบสมัยก่อน มีคนรังเกียจ ก็มีคนที่มองเหล่าโอะตะขุเป็นแหล่งขุมทรัพย์ คนที่ยอมรับก็มี ไม่ยอมรับก็มี คนที่ชอบก็มี ไม่ชอบก็มี แล้วแต่ การจะพยายามบอกว่าโอะตะขุคือสิ่งที่น่ารังเกียจ มีแต่เพียงด้านลบเสียมากกว่า ที่เป็นการมองอะไรผิดไปจากความจริง โดยความรู้สึกส่วนตัวแล้ว ผมก็ไม่ชอบโอะตะขุที่ชอบตั้งท่ารังเกียจคนอื่น แต่คนญี่ปุ่นที่เขาออกตัวว่าตัวเองเป็นโอะตะขุ ทั้งแฟชั่นและท่าทางการพูดก็ใช่เลย แต่เขาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ พูดคุยกับผู้คน ทำงานทั่วไปก็มีครับ จากคุณ : กุลบุรุษ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 00:22:32

ความคิดเห็นที่ 43 เสียใจแทนนายหนึ่งด้วยนะครับ ความจริงนายสองก็ไม่ได้ต่างจากนายหนึ่งหรอก แต่เขารู้จักเลือกตอบ ทุกครั้งที่ไปสัมภาษณ์งาน นายสองจะบอกว่างานอดิเรกคือ อ่านหนังสือ กับดูหนัง (ความจริงคืออ่านการ์ตูนกับดูอนิเมนั่นแหละ) พอโดนถามว่าทำไมถึงเรียนภาษาญี่ปุ่น ก็จะตอบว่า "เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในหน้าที่การงาน อยากพูดได้หลายๆภาษา" (ความจริงคือจะเอาไว้อ่านการ์ตูนกับดูอนิเมภาษาญี่ปุ่นนั่นแหละ) แล้วถ้าถูกถามว่าชอบดูอนิเมชั่นญี่ปุ่นไม๊ ก็จะตอบว่า "ผมชอบงานของจิบลิ ดูเป็นบ้างเรื่องเช่นโตโรโร่" (ความจริงคลั่งเอวาฯสุดๆ แถมเป็นสาวกไกแนกซ์อีกตะหาก) แล้วพอตอนได้เข้าทำงานก็เก็บงานอดิเรกส่วนตัวไว้เฉพาะเวลาส่วนตัวอย่างเดียว ไม่เอาไปพูดกับคนที่ทำงาน ยกเว้นนานๆครั้งที่เจอคนชอบแนวเดียวกันจริงๆ แต่ก็ต้องรักษาภาพลักษณ์อยู่หน่อยนึง ไม่ปล่อยไปหมดหรอก เรียกว่ารู้จักวางตัวในสังคมให้เป็นแล้วจะอยู่ได้อย่างสบายใจ จากคุณ : นายสอง (omega.) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 01:04:49

ความคิดเห็นที่ 44 หา???  แค่ชอบอนิเม เล่นเกม ดูการ์ตูน อ่านการ์ตูน อยากเป็นคนทำอนิเม มันโอตาขุมากเลยหรอ เราก้เป็นแบบนี้เหมือนกันค่ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่สายทำอนิเมชั่น บางคนเห็นบอกว่า แค่อยากเรียนทำอนิเม นี่ถือว่าลึกแล้ว มันยังไงคะ? ลึกแบบ เข้าไปเป็นโอตาขุแล้วแบบนี้เหรอ?  บ้าแล้ว แค่ชอบ รักในสายงานอนิเม วาดรูปเป็น ไม่เห็นต้องเป็นโอตาขุ โอตาขุมันแรงกว่านั้นเยอะ  อย่าเหมารวมว่าคนชอบอไรพวกนี้เป็นเหมือนกันหมด ถ้าเป็นโอตาขุ เค้าคงไม่มาสมัครงานกับคุณหรอก จากคุณ : นู๋เป็นสาววาย เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 02:09:38

ความคิดเห็นที่ 45 ^ คนที่พูดเขาเห็นตัวจริงมาแล้วครับ ส่วนคุณฟังมาจากคนที่ฟังเขาคุยกันมาอีกที จากคุณ : keerati Arm เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 09:33:27

ความคิดเห็นที่ 46 จะตอบอีกที เพราะว่าที่ตอบไปตอนแรกๆ อาจจะดูน่าเกลียดไปหน่อย เพราะมีบางส่วนที่คิดไม่รอบคอบ พิมพ์ตก ถ้าคุณชอบแล้วคุณไปเรียนเพิ่ม ไม่แปลกหรอก แต่ ไปสมัครงานกับบริษัทที่ไม่ได้ทำธุรกิจอนิเม แล้วดันบอกว่าอยากเรียนทำอนิเม "ที่ญี่ปุ่น" นี่แปลกมากครับ ไม่รู้จักเลือกพูดจริงๆ มันจำเป็นมากมั้ยต้องไปเรียนถึงญี่ปุ่น แล้วถ้าอยากไปเรียนจะไปสมัครงานกับเขาทำไม ก็ไปเรียนสิ แล้วทำไมไม่เรียนตอนตรีแบบคุณ 44 จะได้ไปทำสายอนิเมเลย (หรือเรียนอยู่แล้วตอนตรีหว่า) ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหนถ้าเขาจะคิดว่าเป็นพวกแบบนั้น ไม่จริงจัง เอาแต่เล่นน่ะ อ้อ ผมก็ฟังมาจากเขาเหมือนกันนั่นแหละ ไม่ได้เห็นเองหรอก แต่ลองดูจากที่คุณ A กับ คุณ B คุยกัน ก็ลองพิจารณาเอานะครับว่า เขามองคุณหนึ่งเป็นยังไงกัน แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 54 10:27:53 จากคุณ : Forever Delay เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 10:23:58

ความคิดเห็นที่ 47 ลองตอบวิเคราะห์ตามประสา ฟังมาอีกต่อ... 1. ส่วนตัวเชื่อว่า นายหนึ่ง กับ นายสอง ก็ อ่านดูการ์ตูน เล่นเกมทั้งคู่นั้นแหละ แต่นายหนึ่งพลาดที่พูดเอาใจ(หรือชื่นชม)คนญี่ปุ่น? ผิดเรื่องผิดประเด็นกับงานที่ไปสมัคร... 2. B ซังจัดเป็นพวกหัวโบราณจากคำที่พูดถึง หน้าหวาน/กระเทย รวมถึงไม่ชอบพวกอากิบะชัดเจน คนหัวเก่ายังมีการรังเกียจคนกลุ่มนี้อยู่ (มีทั้งญี่ปุ่น-ทั่วโลก ไม่ต้องด่าแต่ประเทศตัวเองก็ได้) 3. B ซัง ฟังจาก A ซังข้างเดียว...ถ้าหากว่า A ซัง มีอคติตัดสินซะเองก่อนแล้วแปลงสารให้ Bซัง ฟังก็อาจแย่นะ... 4. การบ่งบอกความใฝ่ฝันฟังดูดี แต่คนรับพนักงานเขาก็คงไม่อยากได้ คนที่มาทำงานซักพักก็ชิงลาออกไปอยู่ที่อื่น ซักเท่าไหรหรอกนะ...(ไปดูห้องสีลมได้ ทำงานแป๊บๆก็เบื่อจะออกไปหางานใหม่แล้ว...) 5. ทำให้เรารู้ว่า คนญี่ปุ่นวัยทำงาน...เขารังเกียจพวกแต่ง Cosplay ในไทยก็โดนด้วยเพราะพูดถึงหน้า MBK สุดท้าย คิดว่านายหนึ่งไม่น่าเป็นโอตาคุนะ หวังว่าคงไม่มีใครในนี้ชิงด่วนตัดสินกันไปแล้วล่ะ    ปล. ความเหมือนในความต่าง... โอตาคุ ผู้ใหญ่ : รังเกียจ โอตาคุ : เออ อย่าให้ถึงยุควกกรูนะ   การ์ตูน/เกม ผู้ใหญ่ : รังเกียจ คนบางคน : เออ ไอ้พวกไดโนเสาร์ อย่าให้ถึงยุคพวกกรูนะ   จากคุณ : A... เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 11:50:25

ความคิดเห็นที่ 48 ลองมองในมุมของคนจ้างงานนะคะ คนจ่ายเงินเดือน ต้องการอะไรจากพนักงานบ้าง 1. มีความสามารถพอที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ 2. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย 3. มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน และกระตือรือร้น 4. มีจิตสำนึกรักองค์กร 5. สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานและวัฒนธรรมองค์กรได้ ซึ่ง ถ้ามองจากที่ จขกท. เขียนมาแล้ว 1. นายหนึ่ง อาจจะผ่านข้อแรก วัดได้จากวุฒิการศึกษาที่ยื่นมา 2. เรื่องความรับผิดชอบ มองอย่างเป็นกลาง (เอียงเข้าข้างนายหนึ่งนิดๆด้วยซ้ำตามประสาพวกเดียวกัน) ก็เป็นเรื่องที่ตัดสินได้ยาก เว้นแต่จะสอบถามจากนายเก่า อาจารย์ที่ปรึกษา หรือบุคคลอ้างอิงอื่นๆ 3. เรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานนี่น่าสงสัยอยู่ค่ะ ถ้าเจ้าตัวใฝ่ฝันอยากไปทำอนิเมะ แต่งานของบริษัทไม่ได้เกี่ยวกันเลย ผู้จ้างย่อมมีสิทธิ์กังวลว่านายหนึ่งอาจจะไม่กระตือรือร้นกับงานของตัวเอง (ประมาณว่า ถ้าให้ทำโอที นายหนึ่งอาจจะอยากกลับบ้านไปวาดการ์ตูนมากกว่า) 4. เรื่องจิตสำนึกรักองค์กรนี่ก็สำคัญค่ะ ยิ่งเป็นงานที่ต้องอาศัยเวลาฝึกอบรม สะสมประสบการณ์ หรือเป็นงานที่จะวุ่นวายถ้าต้องเปลี่ยนตัวพนักงานแล้วล่ะก็ นายจ้างย่อมอยากได้พนักงานที่จะทำงานไปนานๆค่ะ ในกรณีนี้ ถ้างานที่บริษัทไม่เกี่ยวกับอนิเมะ แล้ววันดีคืนดีนายหนึ่งได้งานเกี่ยวกับอนิเมะขึ้นมา อาจลาออกไปง่ายๆ ซึ่งนายญี่ปุ่นของคุณย่อมเดือดร้อน ถ้าผู้ช่วยที่หามาได้ลาออกไปเฉยๆ 5. ถ้านายหนึ่งหน้าเด้งมาสัมภาษณ์งาน แล้วประกาศอย่างชัดแจ้งว่าชอบอนิเมะ แล้วโดนมองว่าเป็นโอตาคุอีกนี่ คงผ่านข้อนี้ลำบาก พูดตามตรงนะคะ เราก็เป็นคนหนึ่งที่บ้าการ์ตูน บ้านิยาย เป็นสาววาย ซี้หลายคนก็เป็นเด็กคอส (เราโดนลากไปเป็นตากล้อง) นิสัยเราก็ชอบเก็บตัว อยากนอนอ่านการ์ตูนอยู่บ้านมากกว่าไปงานเลี้ยงสังสรรค์ แถมยังโลกส่วนตัวสูงอีกต่างหาก แต่เราพิสูจน์ให้เจ้านายและเพื่อนร่วมงานเห็นแล้วค่ะ ว่าเราทำงานของตัวเองได้ดี(ถึงขั้นดีมาก) เราสนุกกับงาน (ถึงจะไม่ได้เกี่ยวกะการ์ตูน นิยาย หรือวายซักนิดเลยก็เหอะ) เราทุ่มเทกับงานของตัวเอง รับผิดชอบงานสุดๆ (ลากลับบ้านสงกรานต์+น้องแต่งเมีย เราเข้ามาทำงานเสาร์-อาทิตย์ เคลียร์งานทั้งหมดจนเรียบร้อย หยุดยาวปีที่แล้วเรากลับบ้าน 11 วัน แต่ไม่ใช้วันพักร้อนซักวัน เพราะเอามาหักลบกับเสาร์อาทิตย์ที่เข้ามาทำงานแล้ว จำนวนวันที่เราเข้ามาเคลียร์งานมากกว่าจำนวนวันที่ลาหยุดไปด้วยซ้ำ) เป็นพนักงานที่ไว้วางใจได้เวลามอบหมายงานสำคัญๆให้ เชื่อเถอะค่ะว่า จะเป็นโอตาคุหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับว่า คุณพิสูจน์ตัวเองได้หรือเปล่าว่าเหมาะกับตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองค่ะ จากคุณ : Thanatchaya เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 10:53:53

ความคิดเห็นที่ 49 เป็นธรรมดาครับ สำหรับบริษัทญี่ปุ่น เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวจะแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เพราะคนญี่ปุ่นเขาเป็นคนที่ตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ เขาจึงชอบคนที่ทุ่มเทให้กับงานของเขา มากกว่า คนที่มาบอกว่า ผมมีรสนิยมยังไง อย่าว่าแต่บริษัทญี่ปุ่นทั่วไปเลยครับ เท่าที่รู้มา บริษัทญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับอนิเมในไทย ยังไม่สนใจเลยว่า คุณมีรสนิยมแบบไหน เค้าสนแค่ว่าคุณทำงานให้เค้าได้ไหม คุณทุ่มเทกับงานที่เค้าให้รึเปล่า เท่านั้นเอง จากคุณ : Perfect Duck เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 20:46:59