 |
ไม่ต้องเถียงกันครับ เพราะ Disney - Pixar ต่างพึ่งพากัน
ถ้าใครเคยอ่านประวัติแล้ว(ผมอ่านจาก PIXAR Story ของนิตยสาร Starpics) จะพบว่า ยุคโบราณนั้น วงการอนิเมชั่นมีเพียงดิสนีย์เจ้าเดียวเลยด้วยซ้ำไป แถมเย้อหยิ่งไม่พึ่งใคร หัวโบราณ เคยดูถูกคอมพิวเตอร์อนิเมชั่นด้วยซ้ำไป (แม้แต่ร่วมมือกับค่ายอื่นก็ไม่ทำ) เพราะคิดว่าแบรนด์ตัวเองแข็ง เมื่อก่อน John Lasseter (ผมขอพูดในทีมผลิตนะครับ ไม่ค่อยรู้เรื่องทีมบริหารใน pixar)ก็เคยอยู่ดิสนีย์ แต่โดนไล่ออก จำสาเหตุไม่ได้ แล้วก็ไปร่วมกับ Ed Catmull ทำภาพยนต์ขนาดสั้นเรื่องแรก นั่นคือ Luxo, jr. โคมไฟเล่นลูกบอลที่เป็นสัญลักษณ์ของ pixar จนทุกวันนี้ เป็นภาพยนต์จากคอมพิวเตอร์ที่ดูมีชีวิตชีวา น่าทึ่ง ขนาดดิสนีย์ที่เคยดูถูก ยังต้องเหลียวมอง แล้ว Steve Jobs ก็ซื้อไป แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีผลงานอะไรมากมาย มีนิดๆหน่อยๆ เช่น Tin Toy, Red Dream, Kinck nack ทำเป็นผลงาน เอาตัวรอดไปวันๆจากการขาย Renderman ซอฟต์แวร์การเรนเดอร์แพงหูฉี่ ให้บริษัทหนัง เช่นเรื่อง Terminator 2 และทำภาพยนต์โฆษณาเอาตัวรอดมาเรื่อยๆ แต่หลังจากนั้น Steve Jobs เริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้ว เพราะ pixar ใช้เงินทุนเยอะมากๆๆๆ จึงหาพาร์ทเนอร์ใหม่ ขณะนั้น Disney ก็สถานการณ์ดีมากๆ กำไรหนังหลายเรื่อง และอยากคิดเทคโนโลยีใหม่ๆเลยชวน John Lasseter กลับมา เพราะเห็นฝีมือมาแล้วจากหลายผลงาน แต่กลับกัน John Lasseter ชวนให้ Disney มาร่วมมือกับ PIXAR อีกต่างหาก สมัยนั้น CEO ก็เริ่มเปลี่ยนความคิดบ้าง จากการที่หยิ่งไม่เคยร่วมมือกับใครมาก่อนเลย แต่หลังร่วมมือกับ Tim Burton ในเรื่อง Nightmare Before Christmas เกิดทำเงินอย่างมากๆ ทำให้กำแพงนี้ทลายลงไป โดยเซนต์สัญญาร่วมงานกัน โดยออกทุนให้ แบ่งผลกำไรให้ PIXAR 10% เท่านั้น (ขั้นตอนผลิต ออกทุนให้หมดนะ) และสร้างภาพยนต์ 3 เรื่อง
คนเขียนบนหลายคนจาก Disney มาช่วยสอนช่วยทำงานให้ในเรื่อง Toy Story อย่างมาก แถม ถ้าไม่มี Disney มาช่วย Tom Hanks ดาราภาพยนต์ระดับรางวัลออสการ์ คงไม่ยอมมาพากย์เสียงให้กับ Animation Studio ที่ยังไม่มีใครรู้จักในสมัยนั้นหรอกครับ แต่เมื่อก่อนต้องยอมรับว่า PIXAR พึ่งชื่อ Disney ล้วนๆจริงๆในยุคแรกๆ
หลัง Toy Story ภาคแรกออกฉาย ทำให้เกิดกระแส CG มากมาย ทำให้ภาพยนต์ขนาดยาวที่เกิดจาก CG เรื่องแรกฮิตถล่มทลายกลายเป็นภาพยนต์คลาสสิคจนทุกวันนี้ หลังจากนั้นภาพยนต์ของ PIXAR ทุกเรื่องก็ทำเงินไม่หยุดบวกด้วยคุณภาพ ทั้ง A Bug's Life, Toy Story 2, Monsters inc, Finding Nemo, The Incredibles
แต่ หลังจาก Finding Nemo ทำเงินมหาศาลและเกิดกระแสปลาน้อยฟีเวอร์ PIXAR เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า ตัวเองไม่เป็นสองรองใคร จึงอยากจะแก้ไขสัญญา กำไร 30%-40% ให้มากขึ้น เพราะดิสนีย์เป็นเหมือนเสือนอนกิน ขายอย่างเดียว ส่วนเรื่องยากเช่นสร้างสรรค์ผลงาน คิดเรื่อง PIXAR ต้องคิดค้นน แต่สัญญาที่ต่อมาคือ อีก 3 เรื่องยังต้องทำต่อไป ภายใต้สัญญากำไรน้อย 40% จึงเสนอข้อสัญญาใหม่ให้ Disney เป็น 50-50 ดิสนีย์รู้สึกเหมือนโดนตบหน้า(เขาเขียนไว้งี้นะ)ไม่ยอม Pixar จึงคิดจะฉีกสัญญาทิ้ง แต่ ก็มองสองแง่ เพราะลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนทั้งหมดของ PIXAR อยู่ที่ดิสนีย์ทั้งหมด ทั้งวุดดี้, บัส, ฟลิค, ไมค์-ซัลลี่, นีโม ถ้าไปทำบริษัทอื่น เกรงว่าอาจจะเจอ PIXAR Vs PIXAR คือ อาจจะเจอ Toy Story ที่ผลิตโดย PIXAR ชนกับ Toy Story ภาคต่อที่ผลิตโดย Disney เอง (ซะงั้น) แถม Disney ยังหน้าด้าน ทำผิดข้อสัญญาภาพยนต์ จริงๆสัญญาจะหมดที่ The Incredibles แต่ Disney ดันบอกว่า Toy Story 2 เป็นภาพยนต์ภาคต่อไม่ได้อยู่ในสัญญา(ภาพยนต์ภาคต่อของดิสนีย์ส่วนใหญ่ จะส่งตรงลง DVD อย่างเดียว ไม่เอาขึ้นจอใหญ่ แต่เรื่องนี้เอาขึ้นจอใหญ่ ฮิตถล่มทลายกว่าภาคแรกอีก) ดังนั้น สัญญาจึงหมดหลังจากเรื่อง Cars
Steve Jobs ก็หัวใสคิดว่า Disney ยังไงก็อยากได้ PIXAR แน่นอน จึงประวิงเวลา จากเปิดตัว Cars ใน เดือน November 2005 ไปช่วง Summer ปี 2006 โดยอ้างว่า จะได้ขาย DVD ตอนปลายปีได้ แต่จริงๆทำเพื่อเพื่อกดดัน Disney มากขึ้นโดยประกาศจะไม่ร่วมมือกับ Disney อีก ทำให้ CEO ดิสนีย์ถูกการเมืองภายในกดดันให้ออก แถมสตูดิโออื่นๆก็สนใจสุดๆที่จะร่วมมงานกับ PIXAR ทั้ง FOX, Sony และอื่นๆ
ส่วน Disney ก็สองจิตสองใจ เพราะสถานการณ์ของตัวเองหลังปี 2000 ก็ดีขึ้นมาก จากรายได้ของ pixar แถมถ้าคนอื่นได้ไป คงไม่ส่งผลดีแน่ๆ และ Animation ตัวเองในระยะหลังๆก็เสื่อมความนิยมลงอย่างรวดเร็ว แถมลองทำภาพยนต์ CG ด้วยตัวเองเรื่องแรกนั่นคือ Chicken Little ก็ดันค่อนข้างแป้กพอสมควรทั้งๆที่โหมโปรโมทขนาดนั้น ยังได้ขนาดนี้ PIXAR จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
ดังนั้น จึงทำเหมือน อัฐยายซื้อหนมยาย คือ Disney จึงรวบ PIXAR มาด้วยเม็ดเงินมหาศาล 7.4 billion(7.4 พันล้าน) เหมือนเอารายได้ที่ได้จาก PIXAR มาซื้อ PIXAR อีกที และกำไรก็แบ่ง 50-50
หลังจากนี้ไป จะได้เห็นภาพยนต์จาก PIXAR Studio มากขึ้น รวมถึงภาพยนต์ที่เป็น "คน" จริงๆไม่ใช่ CG เช่น John Carter of Mars และ 1906
อ้อ เมื่อกี๊อ่านๆด้านบนอยากแก้อะไรหน่อย ที่เขาำทำเรื่อง BRAVE ไ่ม่เกี่ยวอะไรกับ How to Train Your Dragon ครับ เพราะเรื่อง BRAVE สร้างมาสองปีแล้ว ก่อนเรื่องที่ว่าออกฉายอีก แถมตอนนี้ก็คิดเรื่องอะไรอีกเยอะแยะครับ ที่ยังไม่ได้ประกาศ
Monsters, inc 2 ประกาศชื่อใหม่แล้วนะครับ ชื่อว่า Monsters University
ส่วน newt เป็นเรื่องกิ้งก่าสีน้ำเงิน สองตัวสุดท้ายในโลก ที่นักวิทยาศาสตร์ต้องให้มันผสมพันธุ์กันให้ได้ไม่งั้นสูยพันธุ์แน่ๆ แต่ สองตัวนี้เกิดไม่ชอบหน้ากันซะงั้น จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้แล้ว เพราะยกเลิกไปแล้ว เสียดายอ่ะ T_T
เหนื่อยแระครับ เนื้อหาก็ประมาณนี้แหละ จะเห็นได้ว่า ถ้าไม่มี Disney ก็ไม่มี PIXAR ทุกวันนี้ ถ้าไม่มี PIXAR เอง Disney ก็คงอยู่ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น อย่าเถียงกันเลย ทั้งสองก็ต่างเป็นพี่น้องกัน ทะเลาะกันบ้าง เป็นเรื่องปรกติของการอยู่ร่วมกันนะครับ ^_^
จากคุณ |
:
T.mix
|
เขียนเมื่อ |
:
31 มี.ค. 54 10:02:51
|
|
|
|
 |