ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าจะเอ่ยชื่อผู้กำกับระดับตำนานของวงการหนังฮ่องกงแล้ว ชื่อของคิงฮูน่าจะถูกจัดอยู่ในลำดับต้น ๆ ด้วยผลงานระดับคลาสสิคหลายเรื่อง แต่คงเป็นเพราะคิงฮูไม่ได้มีผลงานมากมายเหมือนผู้กำกับหลายคนในยุคนั้น ผลงานของเขาจที่มีอยู่อย่างจำกัด เกือบทั้งหมดเป็นผลงานปลายยุค 1960 ต่อเนื่องถึงต้นยุค 1970 แต่ผลงานเหล่านั้นไม่เพียงแค่ได้รับการยอมรับในฮ่องกงเท่านั้น แต่ได้รับการยอมรับในอีกหลายประเทศเลยทีเดียว เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของคิงฮูในยุคนั้นคือบทบู๊ที่ฉับไวดุดัน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความสวยงาม การเล่าเรื่องที่ไม่ซับซ้อนและชวนติดตาม หลายเรื่องของเขามีตัวเอกเป็นผู้หญิงตามความนิยมของหนังจีนฮ่องกงในเวลานั้น และยังสามารถสร้างสรรค์ให้พวกเธอเป็นจอมยุทธหญิงที่น่าเกรงขามได้ หงษ์ทองคะนองศึก นับเป็นผลงานสร้างชื่อให้กับคิงฮู เนื้อหาของเรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนดังที่กล่าวไปแล้ว เมื่อโจรกลุ่มหนึ่งต้องการแก้แค้นแทนหัวหน้าใหญ่ที่ถูกทางการจับตัวไป จึงทำการจับตัวขุนนางหนุ่มบุตรชายเจ้าเมืองไว้เพื่อต่อรองให้ปล่อยหัวหน้าใหญ่ของพวกเขา ระหว่างนั้นเองได้มีหญิงสาวในคราบการปลอมแปลงเป็นชายหนุ่มเดินทางมายังถิ่นของพวกโจรร้ายเพื่อช่วยเหลือขุนนางหนุ่มผู้นั้น เพราะเธอคือน้องสาวของขุนนางหนุ่มที่ถูกจับตัวไป กลุ่มโจรร้ายมีมากมายและร้ายกาจ ผู้หญิงคนเดียวย่อมไม่ใช่คู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อกันนัก โชคดีที่เธอได้รับการช่วยเหลือจากชายขี้เมาที่มักจะอาศัยการร้องเพลงเล่านิทานหาเลี้ยงชีพอยู่ในละแวกนั้น โดยที่ไม่เคยมีใครรู้ว่าชายพเนจรขี้เมาคนนี้เป็นผู้ที่มีวิชาฝีมือล้ำเลิศกว่าเหล่าโจรร้าย แต่ชายพเนจรขี้เมาผู้นี้ก็พบปัญหาแหมือนกัน เมื่อเหล่าโจรร้ายได้ร่วมมือกับอดีตศิษย์ผู้พี่ของเขา ซึ่งศิษย์ผู้พี่คนนี้เองก็มีอดีตอยู่กับเขาเช่นกัน เพราะเป็นผู้ที่เคยช่วยเหลือเขาไว้ในอดีต แต่ก็เป็นผู้ที่ฆ่าอาจารย์ของเขาด้วยเช่นกัน หนี้บุญคุณและความแค้นครั้งนี้จึงต้องชำระในคราเดียว (ยังมีต่อ) จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 17:03:09

ความคิดเห็นที่ 2 บทบาทหงษ์ทองจอมยุทธหญิงในเรื่องแสดงโดยเจิ้งเพ่ยเพ่ยที่ถือได้ว่าเป็นนักแสดงหน้าใหม่ในยุคนั้น และบทบาทหงษ์ทองในเรื่องนี้เองที่ทำให้เจิ้งเพ่ยเพ่ยกลายเป็นดารายอดนิยมของชาวฮ่องกงมาขึ้นมาทันที หงษ์ทองเป็นหญิงที่ชอบแต่งตัวเป็นชาย ซึ่งเจิ้งเพ่ยเพ่ยนั้นเมื่อแต่งเป็นจอมยุทธหญิงในคราบผู้ชายก็ดูสวยสง่าเป็นพิเศษ จึงไม่แปลกที่หลังจากหนังเรื่องนี้แล้ว เจิ้งเพ่ยเพ่ยมักจะได้รับบทในทำนองเดียวกันอยุ่เสมอ ซึ่งเธอก็ยังทำได้ดีเช่นเดิม จนเมื่อเธอต้องแต่งเป็นหญิงแท้ในบางเรื่องอาจจะดูแปลกตาไปบ้างแต่ก็ยังความสวยสง่าไว้ไม่เปลี่ยนแปลง บทหงษ์ทองในเรื่องนี้เป็นอีกบทบาทหนึ่งของจอมยุทธหญิงในความทรงจำ ซึ่งหนังจีนกำลังภายในที่มีตัวละครหญิงเป็นตัวเอกนั้นมีอยู่ได้เพียงช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะถูกเบียดให้มีบทบาทน้อยลง หลังการมาของจางเชอะผู้กำกับที่ชอบใช้นักแสดงชายเป็นหลัก หงษ์ทองในเรื่องหงษ์ทองคะนองศึกนี้ จึงเปรียบเสมือนหลักไมล์สำคัญของวงการหนังฮ่องกงในยุคหนึ่งเลยทีเดียว หงษ์ทองอาจจะไม่ใช่จอมยุทธที่มีฝีมือเป็นที่หนึ่ง แต่อย่างน้อยเธอก็มีความกล้าหาญเป็นหนึ่ง โดยเฉพาะการบุกถิ่นโจรแต่เพียงผู้เดียว ฉากการทักทายด้วยการประลองฝีมือในโรงเตี๊ยมด้วยการโยน ไหเหล้าและเงินเหรียญเข้าหากัน ย่อมอยุ่ในความทรงจำของใครหลายคน เพราะความสนุกพิศดารด้วยการประลองที่ไม่ต้องยกมือเท้ามาเตะต่อยกัน และสำหรับคอหนังจีนขนานแท้คงจำตัวประกอบที่เป็นลูกน้องโจรร้ายได้ในฉากนี้ เพราะมีอยู่สองคนได้กลายเป็นตำนานของวงการหนังฮ่องกงในเวลาต่อมา เขาคือ กุ๊ฟง และหยวนเสี่ยวเถียน (ยังมีต่อ) จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 17:03:57

ความคิดเห็นที่ 3 ในช่วงท้ายของฉากต่อสู้ในโรงเตี๊ยม เราได้เห็นฝีมือของชายขี้เมาพเนจรที่รับบทโดยเยี่ยหัวเป็นครั้งแรก และทำให้เกิดซับพล็อตเกี่ยวกับเขาคนนี้ เราไม่รู้ว่าชื่อจริงของชายพเนจรชื่ออะไร แต่ได้รู้ว่าเขามีอดีตเป็นยอดฝีมือ แต่ต้องถอนตัวจากยุทธจักรหลังจากการตายของอาจารย์ โดยมีศิษย์ผู้พี่ของเขาคือหลวงจีนเหลียงคุนเป็นฆาตกร แต่หลวงจีนเหลียงคุนคนนี้มีบุญคุณกับเขามาก่อน ด้วยการที่บุญคุณและความแค้นอยู่ที่ตัวบุคคลเดียวกัน ชายพเนจรจึงไม่กล้าตัดสินใจที่จะแตกหัก จนกระทั่งการมาถึงของหงษ์ทอง เรื่องราวของชายพเนตรและศิษบ์ผู้พี่หลวงจีนเหลียงคุน แม้จะเป็นเพียงซับพล๊อต แต่ก็มีส่วนต่อเรื่องราวในช่วงท้ายไม่น้อย เพราะหลวงจีนเหลียงคุณมีวิชาฝีมือเหนือล้ำกว่าผู้ใดทั้งหมด ผู้เดียวที่จะพิชิตได้คือชายพเนจร ศิษย์ผู้น้องของเขานั่นเอง นักแสดงอีกคนที่เรียกได้ว่าเกิดกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ เฉินหงลี่ ในบทพยัคฆ์หน้าหยกหมายเลขสองของค่ายโจรร้าย ที่เป็นผู้นำขบวนโจรร้ายในการช่วยหัวหน้าของพวกเขาออกมา เฉินหงลี่มีใบหน้าและบุคลิคที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะใบหน้าและรอยยิ้มที่ยียวน ทำให้เขาเป็นที่จดจำในฐานะผู้ร้ายมากกว่าจะเป็นฝ่ายดี แม้จะเป็นผู้ร้ายแต่เฉินหงลี่ก็เป็นผู้ร้ายที่เป็นขวัญใจของคนดูคนหนึ่งเหมือนกัน แม้เวลาจะผ่านมานาน เทคนิคในฉากต่อสู้ของหนังจีนกำลังภายในจะเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปแค่ไหน แต่ความทรงคุณค่าของหนังอย่างหงษ์ทองคะนองศึกต่อคอหนังกำลังภายในยังมีอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะนี่คือหนึ่งในต้นแบบผู้บุกเบิกหนังกำลังภายในนั่นเอง จากคุณ : Mackenna เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 17:04:45

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องนี้...  ผมเกิดไม่ทันชัวร์ !? หนังกำลังภายในสมัยก่อน มันก็น่าสงสัยอยู่อย่างว่า จะถ่ายทอดอารมณ์ของผู้เขียนออกมาได้เหมือนแค่ไหน เพราะจะว่าไป สมัยนั้น ยังไม่มีเทคนิคการถ่ายทำสูงเท่าปัจจุบัน...  มันน่าสนใจตรงนี้แหละ ^__^ จากคุณ : ฟาฬ เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 17:58:19

ความคิดเห็นที่ 5 แค่ชื่อก็เมาแล้ว 555 จากคุณ : Moviegangs เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 19:05:30