ตอนที่ 9
ซิลเวียวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก คว้าโทรศัพท์ โทร.ไปหาไทรรัตน์ด้วยน้ำเสียงร้อนรนเป็นทุกข์ แต่เวลานั้นไทรรัตน์กำลังทานอาหารกลางวันอยู่กับกรองกาญจน์ เขาจึงปฏิเสธที่จะไปพบเธอ แต่ให้เธอโทร. มาหาใหม่ตอนค่ำวันนี้ แล้วเขาจะฟังปัญหาของเธอ
กรองกาญจน์นั่งเฉยไม่สนใจว่าไทรรัตน์คุยกับใคร ขนาดเขาวางสายแล้วเธอก็ไม่คิดที่จะถามสักนิด ทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อยกับท่าทีของเธอ และไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะทนเป็นคู่หมั้นของเธอไปอีกนานแค่ไหน
ตกเย็นเลิกงาน ไทรรัตน์ต้องแวะไปรับกรองกาญจน์ที่มหาวิทยาลัยเพราะวันนี้เธอไม่ได้เอารถมา จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปบ้านเจ้าสัวเชงตามนัด โดยที่ไม่รู้ว่าท่านต้องการพบเขาด้วยเรื่องอะไร ลองถามกรองกาญจน์ก็ไม่ได้คำตอบ ซ้ำเธอยังพูดให้เขารู้สึกเซ็งหนักไปกว่าเมื่อตอนกลางวันเสียอีก
ทั้งๆที่ร่างกายยังอ่อนเพลียไม่ค่อยพร้อมที่จะพบใคร แต่เพราะมีเรื่องร้อนใจเจ้าสัวเชงจึงเรียกทั้งไทรรัตน์และกรองกาญจน์มาพบ พอเจ้าสัวจะเริ่มพูดธุระ ปรากฏว่าเม่งฮวยโผล่เข้ามาอีกคน กรองกาญจน์ที่รู้แก่ใจว่าบิดาจะพูดเรื่องอะไรถึงกับชักสีหน้าทันที
เจ้าสัวกับเม่งฮวยยื่นคำขาดให้กรองกาญจน์แต่งงานกับไทรรัตน์ ถ้ายังไม่แต่งก็ไม่ต้องเรียกพวกตนว่าอาเตีย อาม้า...กรองกาญจน์ฟังแล้วอึดอัดเป็นบ้า โพล่งขึ้นมาว่า
"หนูยังไม่พร้อม ตอนนี้ไม่แต่งก็เหมือนแต่งอยู่แล้ว"
"ลื่อหมายความว่าไง"
"ทำไมพูดอย่างนั้น...อาไซรัก ลื่อสองคนเป็นผัวเมียกันแล้วเหรอ"
คำถามคาดคั้นของทั้งเจ้าสัวและเม่งฮวยทำเอาไทรรัตน์ หน้าเสีย แต่ก็รีบตอบ
"เปล่าครับ หมวยใหญ่กับผมไม่ทำอะไรผิดประเพณีหรอกครับ"
"อาไทรรัตน์...จะเป็นผัวเมียกันต้องทำตามประเพณีให้คนรับรู้ อั้วกับอาม้า และอาเตียอาม้าของลื่อมีชื่อเสียง คนซูฮกนับถือเยอะแยะ อย่าทำให้พวกอั้วต้องอับอาย ถ้าไม่คิดจะแต่งกับลูกสาวอั้ว อย่าได้กันก่อนแต่งเด็ดขาด"
เจ้าสัวเสียงดังดุดัน ไทรรัตน์ก้มศีรษะรับแทนคำตอบ ส่วนก้องเกียรติที่กำลังจะเข้ามาถึงกับหยุดกึกยืนฟังเงียบๆ
"รับคำเฉยๆไม่ล่ายนะอาไซรัก หรือว่าลื่อคิดจะเล่นๆกับอาหมวยใหญ่" เม่งฮวยสำทับ
"คนที่ลื่อจะเล่นๆด้วยน่ะมี แต่ไม่ใช่หมวยใหญ่" เจ้าสัวมองไทรรัตน์สายตาคมกริบ เขาหมายถึงซิลเวีย แต่ไทรรัตน์คิดไม่ถึง ทำหน้าฉงนก่อนยอกย้อน
"แต่ถ้าหมวยใหญ่ยอมล่ะครับ"
เจ้าสัวกับเม่งฮวยหันขวับมามองกรองกาญจน์เป็นตาเดียว คนถูกมองเลยร้อนฉ่า โวยวายทันทีว่า
"ยังค่ะ...ยัง ไทรรัตน์พูดบ้าอะไร ทำให้วุ่นวายไปหมดแล้ว กลับเถอะ"
"หมวยใหญ่...ท่าทางลื่อแปลกๆ ที่ว่าไม่แต่งเหมือนแต่ง ลื่อหมายความว่ายังไง"
"ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยค่ะอาเตีย ไม่มีอะไรอย่างที่อาเตียกลัวด้วย หนูรับรอง"
กรองกาญจน์ตอบด้วยหน้าตานิ่งเฉยมาก แสดงความบริสุทธิ์ใจ เจ้าสัวจ้องตอบแล้วลุกขึ้นช้าๆ เอ่ยโดยไม่มองหน้าใคร
"ผู้ชายต้องให้เกียรติผู้หญิง ได้เขาเป็นเมียแล้วไม่ ยอมรับ ไม่ใช่ผู้ชาย"
ก้องเกียรติสะดุ้งวาบ เจ้าสัวหันไปเห็นลูกชายยืนอยู่ นอกห้องจึงร้องทัก แล้วหันกลับมาทางลูกสาว
"หมวยใหญ่ อาเตียจะคุยกับอาเฮียลื่อเรื่องผลประกอบการของบริษัท ลื่อมาฟังด้วย"
"หนูไม่อยากฟัง ปันผลแล้วใส่บัญชีหนูแล้วกันค่ะ" กรองกาญจน์พูดจบเดินออกจากห้องทันที ไทรรัตน์รีบยกมือไหว้เจ้าสัวกับเม่งฮวยแล้วเดินตามเธอออกไป
ooooooo
ครู่ต่อมา เจ้าสัวเดินนำหน้าก้องเกียรติไปใน ห้องส่วนตัว พอลูกชายปิดประตูห้องเสร็จหันมา เจ้าสัวก็เปรยขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ
"หมวยใหญ่อีประหลาด เป็นเมียเขาแล้วแต่ไม่ยอมแต่งงาน"
"อาเตียทราบได้ไงครับว่า หมวยใหญ่กับไทรรัตน์..." ก้องเกียรติอึกอักไม่กล้าพูดตรงๆ
"ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ใกล้กันเหมือนไม้ขีดไฟใกล้น้ำมัน เหมือนมดอยู่ใกล้ขนม เหมือนผีเสื้ออยู่ใกล้ดอกไม้ ลื่อคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนอดใจได้เหรอ"
ก้องเกียรติหน้าไม่ดี แต่เจ้าสัวไม่ทันสังเกต เดินไปนั่งเปิดแฟ้มบัญชีเล่มใหญ่
"อาจจะมี...ผู้ชายอย่างลื่อไงล่ะอาใหญ่ ร้อยคนมีคนเดียว"
"ถ้าหมวยใหญ่เกิดพลาดขึ้นมา แล้ว..."
"ท้องน่ะหรือ ลื่ออย่าลืมว่าสองคนนั่นเรียนหนังสือเมืองนอก เรื่องพวกนี้อีรู้ดี อีไม่ปล่อยท้องหรอก แต่ถ้าท้อง ไทรรัตน์ก็ต้องรับผิดชอบ ผู้ชายทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบก็เป็นหมาแล้ว"
คราวนี้ก้องเกียรติถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย...ขณะเดียวกันนั้นที่สนามหน้าตึกเล็ก ไทรรัตน์กำลังเครียดจัดอยู่ต่อหน้ากรองกาญจน์ เพราะแน่ใจว่าเจ้าสัวรู้เรื่องของเราสองคนแล้ว แต่กรองกาญจน์กลับเฉยๆ แถมเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ยี่หระ
"ไม่รู้ก็ไม่ใช่อาเตีย ท่านมีเมียกี่คนแล้วล่ะ"
"งั้นก็...ตามที่ท่านพูด แต่งงานกันซะเถอะ"
"ยังไม่แต่งหรอก"
"ระวังเถอะ ผมจะแต่งกับคนอื่นให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย" ไทรรัตน์ยัวะ ผลุนผลันกลับไปทางตึกใหญ่ กรองกาญจน์ ไม่สนใจเดินเข้าตึกเล็กไปหน้าตาเฉย
ไทรรัตน์เดินกลับมาขึ้นรถที่จอดหน้าตึกใหญ่ พอจะออกรถปรากฏว่าซิลเวียโผล่พรวดมาเคาะกระจกข้างรถ เขาลดกระจกลงถามไถ่เธอว่าเป็นยังไงบ้าง ซิลเวียโอดครวญว่าอยากตาย พลางขอร้องให้เขาลงมาคุยกับเธอก่อน
"ตอนนี้ไม่ได้...โทร.หาผมตอน 3 ทุ่มแล้วกัน" เขาปิดกระจกแล้วออกรถทันที ไม่นึกว่าซิลเวียจะวิ่งตัดสนามไปดักหน้ารถอย่างไม่กลัวตาย
ไทรรัตน์ตกใจมาก เบรกรถตัวโก่งแล้วลงมากระชากเสียงถามเธอว่า
"ทำไมทำอย่างนี้ล่ะ"
"ฉันรอคุณมาทั้งวันแล้ว"
"ก็บอกแล้วว่าคืนนี้ค่อยคุยกันตอน 3 ทุ่ม"
"ไม่..."
"แล้วจะเอาไงซิลเวีย"
"ขอฉันไปกับคุณด้วย ฉันเบื่อ อยากไปให้พ้น นะ... ไซรัส Take me out please."
"ไม่ได้หรอก อาเตียรู้เข้าเราตายทั้งคู่แน่"
"เขาไม่สนใจหรอกว่าฉันจะอยู่หรือตาย ฉันแค่อยากไปพ้นที่นี่...For sometimes เท่านั้น...ฉันเบื่อ" ซิลเวียจ้องไทรรัตน์ด้วยสายตาวิงวอนสุดๆ
ooooooo
ก้องเกียรติขับรถกลับบ้านด้วยความไม่สบายใจ คำพูดของเจ้าสัวที่ก่นด่าผู้ชายได้ผู้หญิงเป็นเมียแล้วไม่รับผิดชอบยังกึกก้องอยู่ในหู...พอเข้ามาในบ้านไม่เห็นณฤดี เขาจึงเรียกสมปองมาถาม
"คุณผู้หญิงล่ะสมปอง"
"อยู่บนห้องค่ะ เห็นว่าจะนอนแล้ว คุณผู้ชายจะเอาอะไรรึเปล่าคะ"
"ขอยาแก้ปวดหัวเม็ดนึง ไม่ต้องบอกคุณผู้หญิงนะ ทานยาแล้วฉันจะทำงานต่อสักครู่"
สมปองรับคำแล้วไปจัดการเรื่องยา ส่วนก้องเกียรติเดินไปนั่งเหม่อหน้าทีวี นานเท่าไหร่เขาไม่รู้ แต่สะดุ้งสุดตัวก็ตอนได้ยินเสียงณฤดีเรียก
"คุณใหญ่...ได้ยินเสียงรถนานแล้ว เป็นอะไรคะ ปวดศีรษะหรือคะ" ณฤดีเห็นยากับแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆ
"นิดหน่อยน่ะครับ"
"อาม้าโทร.มาบอกว่าอาเตียเรียกคุณใหญ่ไปกะทันหัน มีอะไรรึเปล่าคะ"
"ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่คุณดี๋มีนักสืบประจำตัวแบบนี้ ผมต้องระวังตัวหน่อยแล้ว"
"ค่ะ คุณใหญ่ทำอะไรอย่าให้อาม้าทราบเท่านั้น" ณฤดีพูดยิ้มๆ
"คุณดี๋ล่ะครับ ถ้าทราบ..." ก้องเกียรติพยายามทำเสียงเล่นๆ แต่ลุกเดินกลบเกลื่อน
"เคยบอกแล้วไงคะ ถ้ามีอะไรๆแบบนั้นจริง คุณใหญ่ ไม่ต้องกลัวเรื่องอื้อฉาว เราไม่ต้องทะเลาะกันให้วุ่นวาย คุณใหญ่ สบายใจได้ค่ะ"
ก้องเกียรตินิ่งไป ณฤดีจึงเปลี่ยนเรื่อง
"ซัมเมอร์นี้น้าต๋อมจะไปเยี่ยมมิ มิก็เลยโทร.มาชวนเราไปด้วย คุณใหญ่จะชวนอาม้าไปด้วยก็ได้นะคะ"
"อาม้าคงไม่ไป ผมเองก็คงไปไม่ได้เพราะช่วงนี้งานยุ่ง คุณดี๋คงคิดถึงคุณแม่ ก็ไปเยี่ยมท่านสิครับ"
"คิดดูก่อนค่ะ คุณใหญ่ทำงานหนัก ดี๋ไม่อยากทิ้งไป ดี๋สิสบาย...ไม่ทำอะไรเลย"
ก้องเกียรติเดินมาใกล้ภรรยา กอดเธออย่างนุ่มนวลสุภาพ
"ผมสัญญากับคุณพ่อคุณแม่คุณว่าจะดูแลและไม่ทำให้ คุณดี๋เสียใจไปตลอดชีวิต จำได้มั้ยครับ"
"ตลอดชีวิตมันนานมากนะคะ คุณใหญ่ไม่ต้องสัญญานานขนาดนั้นก็ได้ กว่าจะถึงวันนั้นทุกอย่างเปลี่ยนแปลงกันได้ค่ะ ถ้าเมื่อไหร่ดี๋กลายเป็นสิ่งรกตาในบ้านที่คุณใหญ่ไม่อยากดูแลแล้วก็ขอให้บอก ให้ดี๋ได้จากไปอย่างที่อาจจะอยู่ในความทรงจำคุณใหญ่บ้าง ดีกว่าจะให้อยู่อย่างไร้ความหมาย"
น้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความจริงจังของณฤดี ทำให้ก้องเกียรตินิ่งงันไปด้วยความทุกข์ที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ooooooo
จากคุณ |
:
klink077
|
เขียนเมื่อ |
:
5 เม.ย. 54 11:36:42
|
|
|
|