ลองเข้าไปอ่านดูมีหลายคำน่าสนใจเลย ขออนุญาตนำมาโพสต์ให้อ่านกันนะคะ
ความคิดเห็นที่ 3
ชั่ว
มีความหมายหนึ่งว่า ระยะ ระยะเวลา ช่วงเวลา ใช้นำหน้าคำบอกระยะเวลาหลายคำเพื่อบ่งบอกช่วงเวลานั้นๆ เช่น ชั่วครู่ ชั่วข้ามคืน ชั่ววันเดียว ชั่วคืนเดียว ชั่วเดือนเดียว ชั่วปีเดียว ชั่ว ๕ ปี และปรากฏในสำนวนบอกเวลาอีกหลายสำนวน เช่น ชั่วพริบตาเดียว ชั่วอึดใจเดียว ชั่วลัดนิ้วมือ ชั่วเคี้ยวหมากจืด ชั่วหม้อข้าวเดือด ชั่วคน ชั่วนาตาปี ชั่วกัลปาวสาน ชั่วกัปชั่วกัลป์ ชั่วนิรันดร หรือ ชั่วนิจนิรันดร
ชั่วพริบตาเดียว
หมายความว่า ระยะเวลาเท่ากับการกะพริบตาครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่สั้นมาก เช่น นักเล่นกลทำอย่างไรไม่รู้ ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นทำให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่เป็นแถวกลายเป็นดอกไม้ไปได้ คำว่า ชั่วพริบตาเดียว อาจจะใช้เพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกว่า เป็นเวลาสั้นมาก แม้ว่าเวลาจริงอาจจะไม่เท่ากับเวลาที่กะพริบตาหนึ่งครั้งก็ได้ เช่น ขอเวลาฉันเปลี่ยนกระโปรงตัวเดียว เสื้อไม่ต้องเปลี่ยน รับรองว่าชั่วพริบตาเดียวก็เสร็จ คำที่มีความหมายถึงระยะเวลาที่สั้นมาก ในภาษาพูด อาจใช้คำว่า แผล็บเดียว หรือ แป๊บเดียว ได้อีก เช่น เห็นเขานั่งอยู่ตรงนี้ เผลอแผล็บเดียวหายไปไหนเสียแล้ว เราบอกว่าหิวมาก เธอเข้าไปในครัวแป๊บเดียว เอาข้าวต้มร้อน ๆ มาให้กินแล้ว คำว่า แผล็บ เป็นอาการที่แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างรวดเร็ว แผล็บเดียว คงจะเป็นระยะเวลาที่แลบลิ้นเลียริมฝีปากครั้งหนึ่ง ๆ อาจนานกว่าการกะพริบตา แต่ใช้บอกเวลาที่สั้นมากได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ คำว่า แผล็บ ยังใช้เป็นคำกริยาในภาษาพูดได้ด้วย หมายความว่า ไปมาอย่างรวดเร็ว เช่น แม่คนนี้เขาเดินทางไปเมืองนอกแผล็บไปแผล็บมาอย่างกับไปแค่บางลำพู
ชั่วอึดใจเดียว
เป็นคำบอกเวลาที่เทียบระยะเวลาการกลั้นหายใจของคนเรา โดยปกติคนเราต้องหายใจเข้าออกอยู่ตลอดเวลา แต่หากจำเป็นต้องกลั้นหายใจ เช่น ในเวลาดำน้ำ ก็อาจจะกลั้นหายใจ คือหยุดหายใจเข้าหายใจออกได้ระยะเวลาหนึ่ง ช่วงเวลากลั้นหายใจของคนหนึ่ง ๆ จะนานไม่เท่ากัน คำว่า ชั่วอึดใจเดียวจึงเป็นคำบอกเวลาโดยประมาณ และมักจะใช้บอกเวลาที่ต้องรอคอย เพื่อให้ผู้ที่ต้องคอยรู้สึกว่าไม่นานเกินไป เช่น หิวแล้วหรือยัง รออีกชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นแหละ ข้าวกำลังจะสุกแล้ว หนูรอเดี๋ยวนะจ๊ะ คุณแม่ไปหยิบของชั่วอึดใจเดียวก็จะกลับมาหาหนู
ชั่วลัดนิ้วมือ หรือ ชั่วลัดนิ้วมือเดียว
คำว่า ลัดนิ้วมือ หมายความถึง อาการที่งอนิ้วมือเข้ามาแล้วดีดออกไป ชั่วลัดนิ้วมือ นำมาใช้เป็นสำนวน หมายถึง ช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก มักใช้บอกระยะเวลาในการเดินทางไกลของผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์ ซึ่งสามารถเหาะเหินไปถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็ว เช่น หนุมานเหาะไปชั่วลัดนิ้วมือเดียวก็ถึงกรุงลงกา พระยาครุฑบินชั่วลัดนิ้วมือเดียวก็ถึงวิมานฉิมพลี ชั่วลัดนิ้วมือ เป็นสำนวนที่ใช้ในวรรณคดีมากกว่าจะใช้ในภาษาพูด
ชั่วเคี้ยวหมากจืด
เป็นสำนวนที่ใช้บอกเวลาอีกสำนวนหนึ่ง โดยเทียบกับระยะเวลาในการเคี้ยวหมาก ๑ คำ ตั้งแต่เริ่มเคี้ยวจนหมากจืดหมดคำ การเคี้ยวหมากของคนแต่ก่อนเรียกว่า กินหมาก แต่ไม่ได้กินจริงๆ ส่วนมากจะนำหมาก ใบพลูที่บ้ายปูนแล้ว เคี้ยวรวมไปกับเกล็ดพิมเสน กานพลู ยาจืด และเครื่องหอมอื่นๆ เคี้ยวไปพอหมากพลูผสมกับน้ำลายกลายเป็นน้ำหมากสีแดงก็บ้วนทิ้งเสียครั้งหนึ่ง แล้วเคี้ยวต่อไป พอมีน้ำหมากก็บ้วนน้ำหมากทิ้ง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนหมากหมดรสฝาด เรียกว่า หมากจืด จึงคายชานหมากทิ้ง คนโบราณกะระยะเวลาที่เคี้ยวหมากคำหนึ่ง ๆ จนจืด ซึ่งเป็นเวลาประมาณ ๒๐-๓๐ นาที มาใช้อธิบายช่วงเวลาหนึ่ง เช่น เรารออยู่นานชั่วเคี้ยวหมากจืดเห็นจะได้ กว่าเขาจะพาเราเข้าไปพบท่านเจ้าคุณ จากนี่ถ้าจะเดินไปบ้านผู้ใหญ่ ก็ไกลชั่วเคี้ยวหมากจืดนั่นแหละ ในสมัยโบราณยังไม่มีนาฬิกาบอกเวลา จึงมักคำนวณเวลาด้วยการเปรียบเทียบกับสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ สำนวน ชั่วเคี้ยวหมากจืด ปัจจุบันคนที่ไม่เข้าใจแผลงใช้คำว่า ชั่วเคี้ยวหมากแหลก ก็มี
ชั่วหม้อข้าวเดือด
เป็นสำนวนที่กล่าวถึงระยะเวลาอีกสำนวนหนึ่ง โดยเทียบกับเวลาที่ใช้หุงข้าวหม้อหนึ่ง คนไทยกินข้าวเป็นอาหารหลัก การหุงข้าวจึงเป็นสิ่งที่คนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงไทยแต่ก่อนเรียนรู้กันทุกคน วิธีหุงข้าวนั้นต้องนำข้าวมาล้างเอาฝุ่นและรำข้าวออก เรียกว่า ซาวข้าว แล้วใส่น้ำให้มากพอควร ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ เมื่อเดือดแล้วต้องคนไม่ให้เมล็ดข้าวติดกัน และเคี่ยวไปจนข้าวสุกเกือบทั่ว จึงรินน้ำข้าวออก เรียกว่า เช็ด เมื่อน้ำข้าวไหลออกหมดเรียกว่า ข้าวสะเด็ดน้ำ แล้ว ก็นำหม้อข้าวมาตั้งไฟอ่อนๆ หมุนหม้อข้าวบ่อยๆ ให้ข้าวร้อนระอุทั่วทั้งหม้อ เรียกว่า ดง ระยะเวลาที่ตั้งหม้อข้าวจนข้าวเดือดนานประมาณ ๒๐-๓๐ นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่ง คนสมัยก่อนจึงนำมากำหนดเวลาต่างๆ เช่น เราเดินไปชั่วหม้อข้าวเดือดก็พบหมู่บ้านหนึ่ง เขามานั่งคุยอยู่สักชั่วหม้อข้าวเดือดนั่นแหละถึงได้ไปบ้านกำนัน
จากนิตยสารสกุลไทยฉบับที่ ๒๔๗๘ ปีที่ ๔๘ ประจำวันอังคารที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๔๕ ศ. ดร.กาญจนา นาคสกุล
มีคำอื่นอีกที่นึกออก ชั่วช้างกระดิกหู บางทีใช้ว่า ชั่วช้างสะบัดหู แล้วตามว่า ชั่วงูแลบลิ้น ก็มี
ส่วนเรื่องระยะทาง นอกจาก สุดเสียงสังข์ (คำนี้ใช้กับขนาดของสะโพกสุภาพสตรีมากกว่า) ที่นึกออกก็มี สุดหล้าฟ้าเขียว สุดลูกหูลูกตา ซึ่งล้วนเป็นการเปรียบระยะทางซึ่งไกลมาก ๆ
มีอยู่สำนวนหนึ่งค่อนข้างสมัยใหม่หน่อย คือ "กิโลแม้ว" มาจากคำว่า กิโลเมตร + แม้ว คำว่ากิโลเมตร บอกถึงว่าเกี่ยวกับระยะทาง ส่วนแม้ว (คำนี้ถ้าเป็นชื่อเรียกชนเผ่าเจ้าของชื่อชอบให้เรียกว่า "ม้ง" มากกว่า แต่ไม่เกี่ยวกับชื่อคนที่อยู่ปักกิ่งเวลานี้นะ) บอกถึงความแข็งแรงของคนชนบทซึ่งสามารถเดินไกล ๆ ได้เร็วโดยไม่บ่นด้วย และเป็นการเล่นคำจาก "เมตร" มาเป็น "แม้ว" โดยรวมหมายถึงระยะทางไกล ที่มีความยากลำบากในการเดินร่วมด้วยนั่นแหละ
จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 25 ธ.ค. 49 06:17:59 ]
จากคุณ |
:
Yimie
|
เขียนเมื่อ |
:
วันจักรี 54 22:08:52
|
|
|
|