ความคิดเห็นที่ 1 ไลอ้อนคิงใช้ไป 45ล้านเหรียญครับ จากคุณ : GrooVe_(t -_-)t เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 21:48:29

ความคิดเห็นที่ 2 น่าจะต่างกันเพราะทุนสร้างนั่นแหละ เรื่องฝีมือผมว่าไม่เป็นรอง จากคุณ : seven-elephant เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 21:58:18

ความคิดเห็นที่ 3 ขนาดของสตูดิโอกับเทคโนโลยีในการทำก็มีผลเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยครับ ต้องดูค่าเงินในแต่ละปีที่มีการสร้างอนิเมในปีนั้นๆด้วยครับ แล้วก็รูปแบบในการทำงานก็มีผลต่อค่าแรงด้วย บางสตูไม่พึ่งคอมพ์ใช้แรงงานคนล้วนๆก็แพงกว่าแน่นอน บางสตูใช้เทคโนโลยีในการสร้างภาพเคลื่อนไหวเข้าช่วยก็อาจจะลดต้นทุนได้มากครับ จากคุณ : SNRI เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 22:05:34

ความคิดเห็นที่ 4 ดูทุนสร้างของ disney ก่อนสิครับ The Little Mermaid (1989) - Budget: $40,000,000 (estimated) The Lion King (1994) - Budget: $79,300,000 (estimated) Pocahontas (1995) - Budget: $55,000,000 (estimated) The Hunchback of Notre Dame (1996) - Budget: $70,000,000 (estimated) Hercules (1997) - Budget: $70,000,000 (estimated) Mulan (1998) - Budget: $70,000,000 (estimated) Tarzan (1999) - Budget: $150,000,000 (estimated) Lilo & Stitch (2002) - Budget: $80,000,000 (estimated) The Princess and the Frog (2009) - Budget: $105,000,000 (estimated) Tangled (2010) - Budget: $260,000,000 (estimated) ขนาดหนังเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ทุนสร้างยังเยอะกว่าเรื่องที่ จขกท.ว่ามาเลยนะครับ = =" ปล. ข้อมูลจาก IMDb จากคุณ : Houdini เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 22:09:59

ความคิดเห็นที่ 5 โมโนโนเกะ ฮิเมะ ยาว 134 นาที  ต้นทุนเลยไปขนาดนั้น..   อีกอย่างรายระเอียดค่อนข้างเยอะและฉากที่มีการต่อสู้หรือวาดกองทัพแบบนี้ก็เยอะ ต้นทุนเลยไปขนาดนั้น... แม้ว่าจะลดเฟรมแต่เรื่องจังหวะ ไดนามิก กับรายระเอียดเราว่าจิบลิทำได้ดีกว่ามากๆนะ   อย่างพวกฉากต่อสู้  ฉากวิ่ง หรือบิน ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งของมีน้ำหนัก จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 22:11:14

ความคิดเห็นที่ 6 Disney ใช้ Outsource ด้วยนะครับนั่น หลังๆ จากคุณ : Ex-Sentinel เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 22:11:40

ความคิดเห็นที่ 7 มันเป็นสไตล์ภาพของ Ghibli เค้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ เอาจริงๆผมว่าเค้าทำพริ้วๆก็ทำได้นะ จากคุณ : Shinwa เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 22:19:10

ความคิดเห็นที่ 8 สมมุติถ้าตัดเรื่องเปรียบเทียบกับ disney ไป ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ มันดูแทบจะไม่ต่างจาก anime ปกติเลยน่ะครับ รายละเอียดอาจจะมากหน่อย แต่ความเร็วเฟรมก็เท่ากัน แล้วก็ใช้ฉากนิ่งๆเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้เคลื่อนไหวตลอดเวลาแล้วทำไมต้องใช้ทุนตั้ง 25 ล้าน ผมก็รอมานานแล้วเหมือนกัน anime ที่ลื่นไหล แล้วไม่ใช่รูปเดิมซ้ำๆกันเนี่ย จากคุณ : onwan เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 22:21:16

ความคิดเห็นที่ 9 จิบบลิกินขาดดดดดดดดดดด จากคุณ : อินเตอร์นะคะน่ะ เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 22:25:20

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้า animation ฝั่งญี่ปุ่นเค้าชอบก็คงไม่แปลกไม่ใช่เหรอครับ อีกอย่างขนาด animation พวกการ์ตูนหุ่นยนต์เก่ามาก เห็นฝรั่งยังชอบกันเยอะแยะ มันขึ้นกับผู้ผลิตมากกว่าว่าจะต้องการทำแบบไหน ต้องลองเทียบกับ animation ญี่ปุ่นด้วยกันเองว่าเวลาเป็น movie มันเป็นยังไงต่างจากทั่วไปแค่ไหน จากคุณ : Buddykung เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 22:36:13

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบแบบขวานผ่าซาก เปรียบเทียบอะไรช่วยยืดปี พ.ศ กับ ค่ายที่สร้างมาด้วยสิครับ ค่ายจิบลิ ผู้กำกับฮายาโอะ เค้าต้องการให้งานของค่ายตัวเองวาดออกมาด้วยมือ เพื่อคงความ Classic ของการ์ตูนสมัยก่อนที่วาดด้วยมือล้วนๆไม่ใช้คอมเหมือนสมัยนี้ อีกอย่าง ตัวเงิน ไม่ใช่ตัววัดคุณภาพของผลงานน่ะครับ มันเป็นเพียงต้นทุนในการสร้างสรรค์ผลงาน เท่านั้น จากคุณ : Blackrx เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 22:37:35

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความพลิ้ว งานเส้นฝั่งตะวันตก จะใช้เป็นเส้นโค้งค่ะ ทำให้ดูอ่อนโยนและพลิ้วกว่า ส่วนทางญี่ปุ่น จะมีเส้นตรงเยอะงานภาพเลยแลดูแข็งกว่า (คิดว่าน่าจะ...นะ) จากคุณ : wayo เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 22:49:08

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้า จขกท. หมายถึงการเคลื่อนไหวไหลลื่น การวาดการ์ตูนด้วยมือ ไม่มีทางลื่นไหลเหมือนใช้คอมพิวเตอร์หรอกครับ เสน่ห์ก็ต่างกัน ผมกลับชอบลายเส้นด้วยมือมากกว่า ลายเส้น และสีสันดูมีชีวิตชีวามากกว่า จากคุณ : kriza เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 23:03:21

ความคิดเห็นที่ 14 เปิด MotionFlow MotionPlus TrueMotion 120Hz 200Hz เลยครับ ลื่นหัวแตกแน่ จากคุณ : แย่งแฟนชาวบ้าน (Qmansama) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 23:14:31

ความคิดเห็นที่ 15 จิบลิน่าจะ 12 เฟรมต่อวิรึเปล่า  เราว่าก็พอดีแล้ว ลองทำภาพเคลื่อนไหวง่ายๆในแฟรช 12 เฟรมตาเราก็มองไม่ทันแล้วค่ะ ... จริงๆเราไม่ได้สงสัยว่าทำไมมันถึง 25 ล้านดอลลาร์ เพราะงานมันระเอียดมาก ยิ่งระเอียดงานก็ยิ่งยาก ลองวาดรูปสองรูปแล้วเอามาซ้อนกัน ส่องไฟ   แล้วหากระดาษอีกแผ่นมาทาบวาดรูปที่สามระหว่างสองรูปนั้น   จะเห็นว่ายิ่งรายระเอียดเยอะก็จะยิ่งวาดภาพที่สามได้ยากขึ้นค่ะ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงไม่ไหลตลอดเวลา ขอเล่าย้อนไปหน่อย แต่ก่อนๆเลยญี่ปุ่นทำการ์ตูนตามฝรั่ง  ก็จะพยายามใช้มาตรฐานแบบฝรั่ง คือไหลๆตลอดเวลา  แต่เพราะสงครามทำให้ต้องลดต้นทุน แต่กลายเป็นว่าแบบที่มีภาพนิ่งกลับทำให้คนสนใจในเนื้อเรื่อง และการถ่ายทอดอารมณ์ได้มากกว่า ไม่จำเป็นว่าภาพต้องขยับตลอดเวลาก็ได้ รวมทั้งอิทธิพลของมังงะแบบญี่ปุ่นๆ  ที่ไม่ใช่แนวนิทานภาพ แต่เป็นเหมือนช๊ิอตสั้นๆในภาพยนต์  ที่ตัดมาเป็นฉากๆ   เลยยิ่งทำให้อนิเมะญี่ปุ่นฉีกตัวออกไปจากแนวของฝรั่ง   แล้วมันก็เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน  ในฉากที่นิ่งก็นิ่งไป แต่ฉากที่เคลือนไหว หรือต่อสู้เขาก็ทำได้สวยสมบูรณ์แบบ การ์ตูนญี่ปุ่นเขาก็มีรูปแบบของเขาเอง   ไม่จำเป็นต้องทำตามฝรั่งเสมอไป   ส่วนเรื่องจิบลิกับค่ายอื่นๆ  ปัจจุบันเราว่าคุณภาพอนิเมะเดี๋ยวนี้สูงมาก แต่.. ก็ยังหางานงามๆเทียบชั้นจิบลิได้ยาก   *คงเพราะกำลังเงินด้วย 55+ แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 54 23:53:15 จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 23:52:58

ความคิดเห็นที่ 16 บรรทัดฐานในการเปรียบเทียบ ใช้หลักเกณฑ์ยังไงล่ะครับ เท่าที่ได้ดูมา anime ที่ ghibli ทำ ณ ปีที่สร้างก็ถือว่า ดีกว่ามาตรฐาน anime ที่ฉายในปีที่ออก ยิ่งถ้าเอาไปเปรียบกับ เรื่องที่ฉายทางทีวีแล้ว แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ส่วนถ้าเอาไปเทียบกับ disney ต้นทุนก็ต่างกันมาก อีกทั้งตลาดก็แคบกว่า แล้ว mononoke ที่แพงก็เพราะยังใช้วาดเป็น cell เป็นส่วนใหญ่ disney ทำ animation มาหลายก่อนเป็นสิบปี บุคคลากร ทรัพยากรต่างๆ ก็พร้อมกว่า ต้นทุนจึงถูกกว่า แถมตลาดก็ใหญ่โตกว่ามาก เม็ดเงินในการลงทุน ก็ลงได้มากกว่า เพราะโอกาสขายคืนทุนสูงกว่า ถ้าได้เคยศึกษาประวัติวงการ animation ของญี่ปุ่นมาบ้าง จะพอรู้ครับ ว่าทำไมถึงใช้ เฟรม น้อยกว่า แล้วเรื่องการขยับปากนี่ มีสารคดีเยอะแยะ ที่เปรียบเทียบระหว่าง animation ของ disney กับตะวันตก ว่าทำไมถึงออก มาเป็นพะงาบๆแบบที่ จขกท ว่า ศึกษามายังไงเหรอครับ เพราะโพสเหมือนใช้แต่ความรู้สึกส่วนตัวเป็นบรรทัดฐาน ส่วนข้อมูลที่ใช้อ้างอิงก็ไม่อธิบาย เพียงพอที่จะสนับสนุนความเห็นที่โพส แล้วก็ anime สมัยใหม่ แทบจะไม่ได้วาดด้วยมือบน cell แล้ว วาด + ลงสี ด้วย computer พวกภาพ in-between ระหว่าง frame บ้างก็ใช้ software ช่วยเติม ไม่ก็ทำ model 3d ขึ้นมาเลย เพราะประหยัดต้นทุนค่า animation แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 54 00:18:45 จากคุณ : n (NemoAtlantis) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 00:10:14

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ค่อยรู้เรื่องเทคนิคและทุนสร้าง แต่เราว่ามันสไตล์นะ ไอ้ปากพะงาบ ๆ เนี่ย โดยส่วนตัวรู้สึกว่า ไม่ต้องพลิ้วไม่ต้องเหมือนแบบการ์ตูนญี่ปุ่นน่ะเป็นเอกลักษณ์ดี ถ้าจะทำการ์ตูนให้ภาพสมจริง งั้นก็ไปดูหนังเอาดีกว่า จากคุณ : สวัสดีขอโทษขอบคุณ เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 11:43:11

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แต่คิดว่าไม่ต้องเหมือนกันก็ได้ ต่างก็มีเอกลักษณ์ดี เราชอบหมดแหละ ทำออกมาเถอะรอบริโภคอยู่ จากคุณ : น.ส.แสงแก้ว เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 17:43:36

ความคิดเห็นที่ 19 ฉากหลังมันแล้วแต่เรื่องนะ หลังๆ ก็เคลื่อนไหวหมดนะ ปากพะงาบๆ การ์ตูนฉายทีววีบางเรื่องปากตามเสียงก็มี(บางฉาก) ก็มี เช่น Fractale การ์ตูนที่วาดโคตรสวยแต่โดนแอนตี้เพราะผกก.ไปถอดหัวเน็นด๋อยขวัญใจโอตาคุ ปล.เอาจริงๆ Ghibli เก่าๆอย่างเนาสิก้า นี่อลังการกว่าเมะขายโอตาคุเดี๋ยวนี้บางเรื่องซะอีกนะครับไม่กระจอกนะ จากคุณ : bloodsoap_cdaz เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 18:44:44

ความคิดเห็นที่ 20 ที่เขียนในคห.8 ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่า Disney มีเนื้อเรื่องที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ไม่มีฉากซ้ำด้วยเหรอ นึกออกแต่เคลื่อนไหวสมจริงกว่า รายชื่อในคห.4 ส่วนใหญ่ Disney ทำแต่เรื่องที่มาจากนิทาน ที่รู้จักกันดี ประกอบเพลง การเคลื่อนที่แบบลื่นไหลเลยสำคัญมาก มุ่งเป้าไปที่การส่งออก สาเหตุหนึ่งที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยสร้างอนิเมชั่นทุนสร้างสูงเกินไป เพราะมุ่งเป้าไปที่ขายในประเทศมากกว่า ตั้งทุนไว้สูงแต่ไม่ใช่ซีรีส์ดัง โอกาสขาดทุนก็สูง แต่ถ้าทุนสร้างเท่ากัน ผมว่าญี่ปุ่นคงเลือกไปเน้นด้านฉาก Effect กับรายละเอียดตัวละคร มากกว่าการเคลื่อนไหวสมจริง จากคุณ : Vortex เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 20:18:28