ในตู้มีเสื้อผ้าทารกที่ทอขึ้นจากเปลือกไม้นั่นเป็นแบบเสื้อที่ เซี่ยวเล้งนึ้งเคยตัดให้เอี้ยก้วยเมื่อครั้งอยู่ในฮวงซุ้ยโบราณ เอี้ยก้วยพอเข้ามาในห้องนี้ลูบคลำโต๊ะเตียงแล้วน้ำตาเอ่อคลอด้วยความสะทก สะท้อนตอนนี้ไม่อาจจะสะกดกลั้นไว้ได้อีก ปล่อยให้หลั่งไหลจนอกเสื้อเปียกชุ่มชื้น
พลันมีมือนุ่มนิ่มข้างหนึ่งลูบมาบนทรงผมแล้วส่งเสียงนุ่มนวล
ก้วยยี้ มีเรื่องใดไม่สบายใจ?
มือที่ลูบทรงผมนี้เป็นกิริยาที่เซี่ยวเล้งนึ้งเคยปลอบเอี้ยก้วยมาในกาล กระโน้น เอี้ยก้วยหันขวับมาทันที และเห็นที่เบื้องหน้าเป็นสตรีอาภรณ์ขาวยืนชดช้อย ผิวกายผุดผาดขาวผ่อง หน้าสะคราญปานบุปผาดังเดิม เป็นเซี่ยวเล้งนึ้งที่ครุ่นคิดคำนึงตลอดวันคืนมาสิบหกปีเต็มนั่นเอง
ทั้งสองยืนจ้องมองกันตะลึงลานเป็นครู่ใหญ่ ต่างอุทานเบาๆ โผเข้ากอดกันแนบแน่นสงสัยว่าเป็นความฝันหรือความจริง ? อีกเนิ่นนานให้หลัง เอี้ยก้วยจึงกล่าวเสียงสั่นสะท้าน
เล้งยี้ หน้าของท่านมิได้เปลี่ยนสักน้อยนิด แต่ข้าพเจ้าชราแล้ว
เซี่ยวเล้งนึ้งเพิ่งพิจารณาชั่วครู่จึงตอบ
มิใช่ชราแล้ว แต่เป็นก้วยยี้ของเราเติบใหญ่แล้ว
จากคุณ |
:
Carroth
|
เขียนเมื่อ |
:
22 เม.ย. 54 21:15:07
|
|
|
|