 |
เอามาฝากค่ะ ข่าวนี้ก่อนจะมีการคัดค้าน แต่คนก็เริ่มจะมองเห็นอะไรกันบ้างแล้ว ลงทุนไปตั้งเยอะ (สมน้ำหน้า ยังไงก็ต้องเสัยเงินอยู่ดี ถ้าสร้างไม่เสร็จหรือหยุดสร้างไปเลย ก็ต้องจ่ายค่าปรับอยู่แล้ว) ถ้าไม่ได้เปิดแล้วจะทำไง คิดว่าคงไม่ดันทุรัง เหมือนกรณีหลินฮุ่ยอีกนะ สวนสัตว์คงลุกเป็นไฟแน่ (เปรียบเทียบค่ะ ถ้าลุกจริงสัตว์ตายหมด) เมื่อไหร่ คนจะลุกขึ้นมาทำอะไรให้แพนด้าแบบนี้บ้าง เราจะร่วมด้วย ตอนนี้เราเสียงเดียว คนก็อยู่ข้างตัวนี่ แต่ไม่เคยอ้าปากพูดให้เค้าฟัง กลัวเค้าว่าบ้า .................................................................................................................................................................................................... http://www.sarakadee.com/blog/oneton/?pล่านี้ สวนสัตว์ในโลกนี้ จึงพยายามมองหาสัตว์โลกผู้น่ารักเหล่านี้ เพื่อเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดผู้มาเที่ยวชม และเป็นจุดขายเพิ่มรายได้ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2546 ทางการประเทศจีนได้อนุญาตให้ยืมหมีแพนด้าคู่หนึ่งมาจัดแสดงที่สวนสัตว์ เชียงใหม่ ภายใต้โครงการทดลองศึกษาวิจัยชีวิตหมีแพนด้า นับเป็นประเทศที่ห้าของโลก ต่อจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เม็กซิโก เยอรมนี และไทย หมีแพนด้า ตัวผู้มีนามว่า ช่วง ช่วง ตัวเมียมีนามว่า หลินฮุย ทั้งคู่สร้างรายได้อย่างงดงามให้กับสวนสัตว์แห่งนี้ และเวลาผ่านไปทั้งคู่ก็ได้ทำการผสมเทียมและคลอดลูกหมีแพนด้าออกมา เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศไทยว่า หลินปิง ช่วงเวลาที่หลินปิงลืมตาออกมาดูโลกนั้น ช่วยทำให้คนไทยจำนวนมากลดความเครียดลงจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง หลินปิงจึงกลายเป็นขวัญใจของผู้คนในเวลาอันรวดเร็ว มีการถ่ายทอดชีวิตของหลินปิงออกอากาศแบบเรียลไทม์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง คิวการเข้าชมหลินปิงยาวเหยียดทุกวัน เพื่อนผู้เขียนหลายคนบอกว่า เป็นแฟนคลับหลินปิง และพอกลับบ้านก็ต้องเปิดดูหน้าตาหลินปิงทางเคเบิ้ลทีวี ดูแล้วสบายใจคลายเครียด แต่คงไม่มีใครเดาออกว่าหลินปิง กับพ่อแม่ของเค้าจะเครียดจากการถูกกักขังตลอดชีวิตหรือไม่ ช่วงเวลานั้นเองรายได้ของสวนสัตว์ดุสิตที่ลดฮวบฮาบ ขาดทุนอย่างหนักจากสถานที่ตั้งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการชุมนุมทางการเมือง ทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้ามาเที่ยวเขาดิน แต่ ก็ได้หลินปิงจากสวนสัตว์เชียงใหม่เป็นอัศวินม้าขาวมาช่วยชีวิต สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ลูกหมีตัวน้อย ๆ ตัวเดียวภายใต้ชื่อโครงการวิจัยชีวิตหมีแพนด้า สามารถทำรายได้ถึงปีละ 200 กว่าล้านบาท หมีแพนด้าเป็นตัวอย่างของเสน่ห์ของสัตว์โลกผู้น่ารัก เป็นจุดขายที่สร้างความแตกต่างได้ชัดเจน สามารถเปลี่ยนเป็นรายได้อย่างงดงาม ภายใต้ชื่อที่ดูสวยหรูว่าโครงการวิจัย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า เมื่อกลางปีที่แล้ว ขณะที่ประเทศกำลังเพิ่งผ่านความบอบช้ำจากความรุนแรงทางการเมือง มีข่าวเล็กมากทางหน้าหนังสือพิมพ์ไม่กี่ฉบับว่า สวนสัตว์เชียงใหม่ได้วางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างอาคารจัดแสดงพันธุ์สัตว์ ขั้วโลก มูลค่า 71 ล้านบาท เตรียมนำหมีขั้วโลกและเพนกวินคิง มาจัดแสดงเพื่อ สร้างเป็นจุดขายใหม่ กำหนดเสร็จพร้อมเปิดในปี 2556 โดยเบื้องต้นมีแผนจะติดต่อเจรจากับทางสวนสัตว์โตรอนโต ประเทศแคนาดา และสวนสัตว์ในรัสเซีย ถึงความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนสัตว์ระหว่างกัน โดยรูปแบบการจัดการแสดงพันธุ์สัตว์ขั้วโลก จะ เหมือนกับโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารจัดแสดงพันธุ์สัตว์ขั้วโลก (Polar World Chiang Mai Zoo) มูลค่า 71 ล้านบาท ของสวนสัตว์เชียงใหม่นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติ ศาสตร์ ภูมิศาสตร์และภูมิอากาศของขั้วโลก รวมทั้งระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของขั้วโลก และเป็นแหล่งศึกษาวิจัยอนุรักษ์พันธุ์หมีขั้วโลกและนกเพนกวิน โดยมีพื้นที่ประมาณ 2,909 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่เลี้ยงและจัดแสดงหมี ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ห้องคอกกัก ห้องปฏิบัติการ ห้องเตรียมอาหาร และอาคารระบบยังชีพ โดยในส่วนที่เป็นพื้นที่จัดแสดง และที่อยู่ของสัตว์ขั้วโลกจะเป็นพื้นที่ปรับอากาศและจำลองบรรยากาศให้เหมือน ขั้วโลกจริง ล่าสุดมีข่าวว่าการก่อสร้างอาคารดำเนินไปได้ประมาณ 30 เปอร์เซนต์แล้ว โดยที่ยังไม่มีใครได้ทันทักท้วงตั้งคำถามว่า การที่สวนสัตว์เชียงใหม่จะนำเอาหมีขั้วโลก ที่มีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติในเขตขั้วโลกเหนือ มากักขังอยู่ในบริเวณอากาศร้อนแถบเส้นศูนย์สูตรนั้น เพื่อเป็นจุดขายสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับทางสวนสัตว์ เป็นเรื่องเหมาะสมเพียงใด หมีขั้วโลกจัดว่าเป็นสัตว์กินเนื้อบนบกขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตัวผู้หนัก 350-650 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 150-250 กิโลกรัม ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 40,000 ตัว ถือว่าเป็นสัตว์อยู่ในบัญชีรายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ หากินอยู่แถบขั้วโลกเหนือตั้งแต่อลาสก้า ไปจนถึงรัสเซีย จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด พบว่าหมีขั้วโลกเป็นสัตว์ที่ใช้พื้นที่หากินขนาดใหญ่มาก มันเป็นนักพเนจรตัวยง เดินทาง ว่ายน้ำหาอาหารตามล่าแมวน้ำรวมแล้วปีละสามพันกว่า กิโลเมตร และตลอดชีวิตของมัน ใช้พื้นที่หากินถึง 260,000 ตารางกิโลเมตร หมีขั้วโลกเป็นสัตว์ฉลาด เป็นสัตว์ที่เลี้ยงได้เชื่องยากมาก เพราะชีวิตของมันคือการเดินทาง การเอาหมีขั้วโลกมาอยู่บนพื้นที่ไม่กี่ตารางเมตร และในสภาพอากาศเขตร้อน คงสร้างความเครียดอย่างแน่นอน เพราะพื้นที่หากินตามธรรมชาติของหมีขั้วโลกมีขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ ไทยเสียอีก นึกถึงคนที่เดินทางตลอดชีวิต แต่ต้องมาอยู่ในที่จำกัดตลอดเวลา จะมีสภาพและความรู้สึกเก็บกดอย่างไร เรา ๆท่าน ๆคงเข้าใจดี ทุกวันนี้สวนสัตว์หลายแห่งในประเทศเยอรมนี อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ ที่ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพอากาศร้อนแบบบ้านเรา มีการจำลองบรรยากาศแบบขั้วโลกเหนือ แต่ทางสวนสัตว์เหล่านี้ ได้เรียนรู้และมีบทเรียนจากธุรกิจการเอาหมีขั้วโลก มาจัดแสดงว่า เป็นการทรมานสัตว์ชนิดนี้เพียงใด จึงมีนโยบายค่อย ๆ ทยอยเลิกการเลี้ยงหรือจัดแสดงหมีขั้วโลกในสวนสัตว์แล้ว เพราะการศึกษาพบว่า สร้างความเครียดให้กับธรรมชาติของหมีขั้วโลกเพียงใด ขณะที่หมีขั้วโลกในสวนสัตว์สิงคโปร์ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า หมีขั้วโลกเหล่านั้นมีอาการเครียด ทรมานจากอากาศร้อนและการถูกกักขังในที่คับแคบ ล่าสุดคนุต หมีขั้วโลกขวัญใจคนเยอรมนี ในสวนสัตว์กรุงเบอร์ลิน ที่แม่หมีคนุต คลอดทิ้งไว้ และเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ต้องมาเลี้ยงดูแล จนกลายเป็นคนุต หมี แสนน่ารักที่โด่งดังไปทั่วโลก ได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่าน มา การเสียชีวิตของคนุต ยิ่งกดดันให้บรรดาผู้รักสัตว์ทั้งหลาย รู้สึกแล้วว่า การเอาหมีขั้วโลกมาจำกัดสถานที่ตามสวนสัตว์ทั่วโลกนั้น คงไม่เป็นผลดีต่อการอนุรักษ์สัตว์หายากชนิดนี้อย่างแน่นอน วัตถุประสงค์ของสวนสัตว์เชียงใหม่ ที่อ้างว่าจะนำเอาหมีขั้วโลกมาเป็นจุดขายน่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะขนาดหลินปิง ยังสร้างรายได้ถึงปีละ 200 กว่าล้านบาทมาแล้ว แต่ที่ประกาศอย่างสวยหรูว่าเพื่อ “เป็นแหล่งศึกษาวิจัยอนุรักษ์พันธุ์หมีขั้วโลก” คงเป็นเรื่องที่สวนทางกับความจริงว่า สวนสัตว์แห่งนี้ น่าจะเป็นแหล่งทรมานหมีขั้วโลกมากกว่า แม้อาคารจัดแสดงจะสร้างไปแล้วกว่า 30 เปอร์เซนต์ แต่การนำหมีขั้วโลกมาใช้ชีวิตอยู่ในเขตอากาศร้อนของเมืองไทย คงไม่ใช่เรื่องที่ปรกติแน่นอน เชื่อเถอะครับ โครงการทุกอย่างทบทวนใหม่ได้เสมอ ก่อนจะนำความเสียหายมามากกว่านี้ มติชน 17 เมษายน 2554
จากคุณ |
:
??
|
เขียนเมื่อ |
:
23 เม.ย. 54 17:56:32
A:124.122.232.239 X: TicketID:202490
|
|
|
|
 |