ความคิดเห็นที่ 1 คห.2 ว่าไง จากคุณ : งามกระจ่างจันทร์ เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 10:25:33

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่รู้อ่ะ  เค้ายังไม่ได้ดู รอ คห ต่อไปนะ จากคุณ : โทรจิกทุก5นาที เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 10:27:35

ความคิดเห็นที่ 3 อืม.......... ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน...ข้างล่างว่าไง? จากคุณ : กุ๊กอ้วน เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 10:29:48

ความคิดเห็นที่ 4 ยังไม่ได้ดูด้วย รอข้างล่างแล้วกันนะ ข้างล่างว่าไง จากคุณ : แง่บแง่บ เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 10:31:41

ความคิดเห็นที่ 5 ประเด็นลึกๆก็ต้องให้ผู้สร้างหนังตอบครับ ส่วนที่ตอบได้เท่าที่ผมรู้ครับ กรณีหนังลำดับเหตุการณ์ผิดไปอย่างไม่น่าเชื่อ.. คนสร้างรู้ครับเรื่อง Timeline ประวัติศาสตร์ แต่เจตนาโยกเรื่องราวให้ไปเรียงแบบที่เห็นในหนัง อีกกรณี ดูเรื่องเล่าเช้านี้มา.. ไอ้ขามบ้าใบ้ ปูพื้นเรื่องมาว่า คุยกับสัตว์รู้เรื่อง ช้าง ม้าต่างๆ จะมีบทในภาคต่อๆไป เป็นผู้ที่อยู่หลังช้างทรงพระนเรศวรครับ นอกนั้น ความเห็นต่อหนังของแต่ละคนที่ได้ดูก็แสดงความเห็นได้ตามอิสระครับ แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 54 10:32:34 จากคุณ : ทุ่งหัวช้าง เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 10:31:45

ความคิดเห็นที่ 6 ดูเเล้วเกือบหลับไปหลายรอบ จากคุณ : HNK48 เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 10:32:12

ความคิดเห็นที่ 7 " ผมสังเกตผู้คนที่ชมในโรง ก็นั่งดูกันแบบให้หนังจบๆกันไป ผมเองก็ยกนาฬิกามาดูถึง 2-3 ครั้ง" สังเกตุเห็นผู้คนที่ชมในโรงทุกคน 100% เต็มเลยรึเปล่าครับ ที่ดูกันแบบให้หนังจบ ๆ กันไป เพราะผมกับแฟนแล้วก็เพื่อนอีก 2 คน รวมเป็น 4 คน ไม่ได้มีอาการแบนั้นนะครับ สงสัยว่าผมกับท่าน จขกท. คงไปดูกันคนละรอบนะครับ จากคุณ : น้องเล็ก Soi 1 เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 10:36:51

ความคิดเห็นที่ 8 แต่เราไม่เสียดาย ไม่เสียใจที่ได้ดู   เราว่าหนังเรื่องนี้โอเค  อาจจะเพราะเราไม่ได้คาดหวัง หรือรอชมหนังเรื่องนี้มากเหมือน จขกท  เรราเป็นอีกคนนึงที่ดูแล้วสนุก หนังประวัติศาสตร์ก็จริงแต่อย่าไปคิดอะไรมากเพราะมันก็คือหนัง  ขนาดหนังสือประวัติศาสตร์แต่ละเล่มยังเขียนไม่เหมือนกันเลย เราเชื่อว่ามีคนไทยหลายคนนะที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วอยากอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ไม่ก็ศึกษาที่มาของชาติเรามากขึ้นเท่านี้ก็พอแล้ว จากคุณ : mudjai404 เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 10:41:05

ความคิดเห็นที่ 9 เริ่มคิดออกนิด นิด..... ยุทธนาวี มันเป็นการรบทางน้ำซึ่งไม่มีในตำราพิชัยสงคราม พระนเรศวร ออกไปจับพระยาจีนจันตุ และมีการรบทางน้ำ (พระนเรศวรก็สามารถรบทางน้ำได้) ทำให้ตั้งเป็นชื่อเรื่องว่า ยุทธนาวี  มั๊ง....... ใครจะว่ายังไงก็ช่างเราก็ว่าสนุกอยู่นะ.. แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 54 10:41:57 จากคุณ : งามกระจ่างจันทร์ เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 10:41:12

ความคิดเห็นที่ 10 ที่จริง ภาคยุทธนาวี น่าจะหมายถึง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมากกว่า เพราะตลอดการรบของพระองค์ท่าน ทรงใช้ กองทัพเรือ เป็นหลักกว่า 90% มีอยู่ครั้ง ทหารพายเรือพระที่นั่งไปล่มกลางแม่น้ำ พระเจ้าตากต้องทรงว่ายน้ำเข้าฝั่ง พอถึงฝั่ง ก็ยังเป็นห่วงทหารที่จมน้ำ ต้องกลับไปช่วย แต่ สมเด็จพระนเรศวร ท่านชำนาญการรบทางบก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทัพทหารม้าของพระองค์ เป็นสุดยอดในเอเชียอาคเนย์   ภาคสาม เราจึงไม่ได้เห็นพระนเรศวร ทรงแสดงฝีมือเลย เพราะพระองค์ไม่มีบทบาทในการรบทางน้ำ ตอนได้ยินว่า ภาคสามตั้งชื่อ ยุทธนาวี ก็ฉงนใจอยู่เหมือนกัน ว่าจะเอาฉากไหนในประวัติศาสตร์มาทำ ปรากฏว่า เป็นฉากไล่ลาพระยาจีนจันตุ ถ้าใครดูภาคสอง ซึ่งเป็นการรบทางบก และพระนเรศวรทรงม้า จะรู้ว่าสนุกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนทรงม้า กลับไปช่วยพระราชมนู มาข้ามแม่น้ำสะโตง พงศาวดารบันทึกว่า สมเด็จพระนเรศวร ทรงชำนาญอาวุธบนหลังม้า ทุกชนิด ไม่ว่า ทวน หอก ธนู ดาบคู่ ในภาค 4 น่าจะมีฉากที่ ลักไวทำมู นำสุดยอดทหารพม่ากว่าพันคน ล้อมจับพระองค์ขณะทรงม้า ไม่มีทหารพม่าคนใดทำอันตรายพระองค์ได้เลย จนลักไวทำมูทนไม่ไหว ควบม้าเข้ามาจะจับพระองค์ แต่ถูกทวนแทงสวนเสียชีวิต หนังประวัติศาสตร์ ถ้าทำไม่อิงประวัติศาสตร์ ความสมจริงจะหายไป ยิ่งรู้ว่า จะนำไอ้ขาม มาเป็นหลังช้าง หรือทหารรักษาเท้าช้าง พระนเรศวร ในภาค 4 ยิ่งตกใจ ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น อรรถรสในการชมจะหายไป อาจจะตลกขึ้น แตความตลกนั้นไปทำร้าย ความสมจริงของภาพยนตร์ และทำให้ฉากยุทธหัตถี fake ไปเลย เหมือนคนดูขำ ตอนที่พระราชมนูพูดขณะรบกับพม่าว่า "จะตัดหัวกระผมจริงๆหรือ" คนดูในโรงหัวเราะ นั่นแสดงว่า คนดูไม่ได้อินกับบทการรบกับพระเจ้าเชียงใหม่เลย ดูเป็นจำอวดมากกว่า ภาค 4 เป็นภาคสุดท้าย ถ้าทำเสียหายแบบภาค 3 ประวัติศาสตร์ก็จะจารึกไว้อีกแบบ ภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ก็ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่ง เช่นกัน จากคุณ : รักหลอกจึงบอกให้ เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 11:01:49

ความคิดเห็นที่ 11 คหที่ 10 พูดถูกทุกข้อ ทั้งเรื่องหนังและประวัติศาสตร์ จากคุณ : SLAMS เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 11:08:06

ความคิดเห็นที่ 12 รู้สึกเหมือนการเขียนบทไม่ได้ตั้งใจให้เป็นภาค 3 แบบสมบูรณ์ แต่เป็นการตัดแบ่งมา ทำให้ไม่ค่อยมีความรู้สึกเหมือนได้ดูหนัง 1 เรื่อง แต่ก็ต้องดูเหมือนเป็นภาคบังคับ จากคุณ : padawan เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 11:32:19

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท บอกว่าเป็นฉากที่สร้างขึ้นมา เพื่อทำภาคนี้เป็นยุทธนาวี อ่าน พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  พระราชประวัติในพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพซึ่งเป็นหนังสือที่มีคุณค่าในเชิงประวัติศาสตร์อย่างสูง เนื่องมาจากท่านได้รวบรวมจากพงศาวดารและจดหมายเหตุหลายเล่ม เมื่อปีขาล พ.ศ. 2121 พระยาจีนจันตุ เห็นจะเป็นขุนนางจีนคนหนึ่งในกัมพูชา รับอาสานักพระสัฏฐามาปล้นเมืองเพชรบุรี แต่มาพ่ายแพ้ตีเมืองไม่ได้ตามสัญญา จะกลับไปเมืองเขมรก็เกรงจะถูกทำโทษ จึงพาสมัครพรรคพวกหนีมาสามิภักดิ์ต่อไทย คงมาบอกกิจการทางเมืองเขมรให้เป็นประโยชน์ สมเด็จพระมหาธรรมราชา จึงทรงรับเลี้ยงไว้ แต่พระยาจีนจันตุมาอยู่ได้ไม่นานก็ลอบลงเรือสำเภาหนีไปจากพระนคร เวลานั้นสมเด็จพระนเรศวรพระชันษาได้ 24 ปี เสด็จลงมาเฝ้าสมเด็จพระชนก ประทับอยู่ที่วังจันทร์อันโปรดให้สร้างขึ้นใหม่ไว้เป็นที่ประทับเวลาเสด็จมาในกรุงฯ พอทราบว่าพระยาจีนจันตุหนีก็ตะหนักพระทัยว่าจะเป็นผู้สืบข่าวให้เขมรในฐานะไส้ศึก จึงตรัสเรียกพวกข้าหลวงที่ตามเสด็จมาจากเมืองเหนือลงเรือพายรีบตามลงไป ส่วนพระองค์ทรงเรือกราบกันยาลำหนึ่ง สมเด็จพระอนุชาเอกาทศรถขอตามเสด็จทรงเรือไปด้วยอีกลำหนึ่ง เมื่อแล่นตามลงไปทันเรือสำเภาพระยาจีนจันตุตอนใกล้จะออกปากแม่น้ำ พวกพระยาจีนจันตุยิงปืนต่อสู้ สมเด็จพระนเรศวรก็เร่งเรือพระที่นั่งขึ้นหน้าเรืออื่น เสด็จออกทรงยิงพระแสงปืนนกสับที่หน้ากันยา ไล่กระชั้นไปจนข้าศึกยิงถูกรางพระแสงปืนแตกอยู่กับพระหัตถ์ก็ไม่หลบเลี่ยง พระอนุชาเอกาทศรถเห็นสมเด็จพระเชษฐามีความกล้านักเกรงจะเป็นอันตราย ตรัสสั่งให้เร่งเรือลำที่ทรงเองเข้าไปบังเรือสมเด็จพระเชษฐา ขณะนั้นพอเรือสำเภาพระยาจีนจันตุได้ลมแล่นใบออกทะเลไปได้ เรือพายที่ตามลงไปเป็นแต่อย่างเรือยาวสู้คลื่นไม่ไหวต้องเสด็จกลับคืนมาพระนคร จากการที่สมเด็จพระนเรศวรเอาพระองค์เข้ารบเองครั้งนั้นปรากฏแก่สายตาบรรดาผู้ที่ตามเสด็จทำให้เลื่องลือถึงความกล้าหาญของสมเด็จพระนเรศวร ขณะที่สมเด็จพระเอกาทศรถซึ่งช่วยแก้สถานการณ์ให้กับสมเด็จพระเชษฐาด้วยความจงรักภักดีก็เป็นที่เลื่องลือเช่นกัน น่าจะเป็นด้วยเรื่องเลื่องลือพระเกียรติครั้งนั้นชื่อของพระยาจีนจันตุจึงปรากฏในพงศาวดาร ต่อมาอีกปีหนึ่ง เจ้ากรุงกัมพูชาให้พระทศราชาคุมกองทัพเขมรเข้ามาตีเมืองนครราชสีมา ที่เมืองนครราชสีมาเวลานั้นไม่มีกำลังพอต่อสู้ พระทศราชาได้เมืองโดยง่ายก็กำเริบ สั่งให้ทหารคุมกองทัพหน้ายกเข้ามายังเมืองชั้นใน หมายจะปล้นทรัพย์จับชาวเมืองสระบุรีและเมืองอื่นๆเอาไปเป็นเชลย ท่านมุ้ย ไม่แต่งเรื่องเอง หรอก ค่ะ เรากลับประทับใจที่ท่านมุ้ย นำการรบทางน้ำของพระนเรศวร มาทำให้เราได้ทรงเห็นพระปรีชา ของพระองค์ การจะดูหนังให้สนุกนั้น บางครั้งก็ต้องมีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ไทยด้วยค่ะ เรื่องลำดับเวลานั้น ท่านมุ้ยตอบข้อสงสัยในกระทุ้ข้างล่างแล้วค่ะ :p แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 54 13:27:27 แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 54 11:45:55 จากคุณ : LittlebuBu เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 11:39:55

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับท่าน จขกท เเละความเห็นที่ 11 ทุกประการ ที่เเน่ๆผมคงไม่ดูภาคต่อไปเเล้วละครับ เกิดมาเพิ่งเคยดูหนังเเล้วเผลอหลับไปสามสี่รอบ ดูเเล้วผมนึกว่า พระราชมนูเป็นตัวเอกของเรื่องซะอีก ฉาก action กร่อยมากๆๆ นักรบฟันกันเหยาะเเหยะ เหมือนเด็กเล่นกัน ดูไปหาวไป ขอโทษถ้าข้อความไม่ถูกใจบางท่าน เเต่ผิดหวังจริงๆครับ จากคุณ : กอเกี้ยงปวย เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 11:45:47

ความคิดเห็นที่ 15 ท่านอาจเห็นว่า ถ้าตัดทอนภาคนี้ไป จะทำให้หนังภาคต่อไปไม่สนุก และไม่รู้เรื่อง จึงสร้างภาคนี้ให้ดูก่อน แต่ถ้าจะรวมเข้าไปด้วยกัน ก็จะทำให้ภาคต่อไป ลดเนื้อที่เวลาลง ท่านจะหวังกับภาคต่อไปเอาไว้มากครรับ ว่่าต้องออกมาสุดยอด แต่ก็ต้องปูเรื่องหน่อยนึง จากคุณ : Axiom of Choice เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 11:48:23

ความคิดเห็นที่ 16 ได้ยินมาว่าท่านมุ้ยไม่ได้อยากให้ภาคนี้ชื่อยุทธนาวีครับ เพราะมันไม่ได้ใหญ่สมชื่อภาค ท่านเองรู้ดี ซึ่งท่านคงไม่ชอบใจนัก แต่ผู้ผลิด(นายทุน)ต้องการให้ชื่อภาคนี้น่าสนใจเลยดันยุทธนาวีขึ้นเป็นชื่อภาค จากคุณ : ซุปเปอร์เดปอร์ เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 11:55:17

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าจำไม่ผิดท่านผกก. เคยเปรยอยากให้มีภาค 1.1 กับ 1.2 เพราะฉะนั้นอย่าด่วนสรุปว่าจะมีแค่ 5 ภาคครับ จากคุณ : FIndinGBeautYINNegativESpacES เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 12:07:45

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านความเห็น 10 ของคุณรักหลอกจึงบอกให้ ยิ่งตกใจว่าจะเอาขนาดนั้นเลยหรือ ที่ให้เจ้าขามมีบทบาทสำคัญเติมแต่งเข้ามาในหนัง ผมอยากให้ฉากกระทำยุทธหัตถี เป็นฉากที่อลังการและสมจริง อยากเห็นกองทัพเรือนแสนของพม่าที่รายล้อมสมเด็จพระนเรศวร และพระปฏิภาณไหวพริบที่ทรงท้าพระมหาอุปราชาให้มาชนช้างให้เลื่องลือในประวัติศาสตร์ ซึ่งหากพม่าจะเล่นบทสุนัขหมู่ พระองค์ก็อาจจะสวรรคตท่ามกลางวงล้อมนั้นไปแล้ว ฝากทีม CG ของท่านมุ้ย ไปดูความอลังการของฉากรบในเรื่องลอร์ดออฟเดอะริงด้วยครับ และมาขบคิดกันว่าจะทำอย่างไรให้ฉากนี้อยู่ในความทรงจำของคนไทย จากคุณ : gunsue เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 12:45:22

ความคิดเห็นที่ 19 มันเป็นความผิดของผมเองที่ทำให้ผู้ชมสับสนเพราะตามพระราชพวศาวดารแล้วเหตุการณ์พระยาจีนจันตุนั้นเกิดขึ้นก่อนหน้า ประกาศอิสระภาพ ความจริงแล้วถ้าหากเอาฉากพระยาละแวกมาก่อน(ซึ่งตามบทก็เป็นเช่นนั้น) พระยาละแวกพยายามตัดสินพระทัยว่าจะดำเนินนโยบายอย่างไรกับอโยธยาอย่างไร พระศรีสุพรรณผู้เป็นน้องแน่ะว่าควรเข้าตีอโยธยา แต่พระยาจีนแย้งว่าไม่ควรเพราะครั้งหนึ่งเคยถูกพระนเรศวรจับได้ว่าเขาเป็นสายลับของละแวก และตัวเองต้องหนีจนแทบเอาตัวไม่รอด พระยาละแวกถึงเลือกที่จะส่งกองทัพละแวกมาช่วยอโยธยารบกับนรธาเมงสอเจ้าเมืองเชียงใหม่ครับ แต่พอมาดูอีกทีผมเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าเหตุการณ์ไล่จับพระยาจีนดูเหมือนจะมาหลังจากการประกาศอิสระภาพ แล้วเรื่องมันมีความสำคัญอย่างไรในประวัติศาสตร์ล่ะครับ ที่สำคัญคือมันเป็นชนวนของศึกละแวกที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังครับ(ถ้ามีศึกละแวก) จากคุณ : Cinephile เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 12:49:15

ความคิดเห็นที่ 20 ท่านมุ้ยมาตอบเองแล้ว ที่จริงแล้วผมคิดเหมือน จขกท นะครับ แต่ก็คิดว่า บทภาพยนตร์กับเรื่องจริงมันย่อมมีความแตกต่างกัน เพื่อ"หนังที่สมบูรณ์" สักเรื่อง จึงเป็นเหตุผลให้ต้องมีการ "ดัดแปลง" เพื่อเป็นบทภาพยนตร์ (รวมถึงกระทั่งชื่อเรื่องที่เป็น "ตำนาน..." ไม่ใช่ "ประวัติศาสตร์...") ผมจึงไม่ซีเรียสกับการดัดแปลงบทเล็กน้อย เพื่อ "ความสมบูรณ์" ในตัวหนัง อีกอย่างนึง ผมคาดหวังกับภาคนี้มาก ด้วยเหตุผลประการเดียวกับ จขกท ทุกอย่าง แต่ก็พอทำใจรับได้ว่า "นี่คือภาค  ...prologue ของภาค4 .. หรือเป็น 4.1/4.2 ประมาณนั้น" จุดไคลแมกซ์ จึงกลายไปอยู่ภาคนั้น(4) พอจบภาค3 เลยออกจากโรงด้วยอารมณ์ว่า "ฮะ? จบแล้วเหรอเนี่ย" ถ้าอารมณ์ดนดูหนังน้อยๆทั่วๆไปอาจจะรู้สึกว่าสนุกมากประทับใจ แต่สำหรับผมซึ่งค่อนข้างดูหนังมามาก จะเกิดข้อเปรียบเทียบและรู้สึกว่า ..มันไม่สุด.. ตอนนี้ก็เหลือแต่ภาคสุดท้าย ซึ่งน่าจะเป็นภาระกดดันกับท่านมุ้ยมากที่สุดว่า ภาคสุดท้ายนี้ จะทำให้มหากาพย์นี้สมบูรณ์ด้วยความประทับใจสมความคาดหวังหรือไม่ ปล. ถ้าจะทำภาคต่อย่อย ผมคิดว่า ทำเป็น ไซด์ สตอร์รี่ ออกมาเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่สักเรื่องเลย น่าจะทำให้ความเป็น "ตำนาน" จบลงด้วยความอิ่มเอม ไม่ยืดเยื้อนะครับ แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 54 15:07:49 จากคุณ : เครื่องทำน้ำขุ่น เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 13:08:20

ความคิดเห็นที่ 21 เพราะภาค 3 ไม่ได้เป็นยุทธหัตถีไง จากคุณ : JabKungIT เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 13:10:05

ความคิดเห็นที่ 22 ท่านมุ้ย ค่ะ  พระนเรศวรภาคสาม ไปดูทั้งครอบครัวมาค่ะ กลับมาก็คุยเรื่องประวัติศาสตร์ไทยกันใหญ่  ตอนนี้รอชม ภาค สี่ แทบไม่ไหวแล้วค่ะ รวมถึงรอติดตาม เพชรพระอุมา ที่ท่านมุ้ยถ่ายทำด้วย พ่อหนูเป็นแฟนเพชรพระอุมา พอเล่าให้ฟัง ว่าท่านมุ้ยจะกำกับ พ่อยิ้มแป้นเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ท่าน รวมถึงนักแสดงและทีมงานทุกคนนะคะ จากคุณ : LittlebuBu เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 13:12:41

ความคิดเห็นที่ 23 ตาม #16 ครับ เข้าใจว่าทางสหมงคลฯ น่าจะต้องการให้ชื่อเป็นอย่างนี้ เพราะจะสังเกตมาหลายเรื่องแล้ว ที่หนังของค่ายใบโพธิ์จะตั้งชื่อให้เกิดเป็นจุดเด่นให้คนสนใจ ยุทธนาวี > ยุทธหัตถี ชื่อก็คล้องกันไปทำให้รู้สึกน่าสนใจดีใช่ไหมล่ะครับ มันเป็นหลักการตลาดอย่างหนึ่งน่ะครับ ปล. อย่ามีภาค 5 เลยเจ้าประคู้ณ ถ้ามีแล้วข้าพเจ้าจะได้ดูเพชรพระอุมาเมื่อไหร่ักันล่ะเนี่ย จากคุณ : CatCakeMaru เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 13:46:54

ความคิดเห็นที่ 24 บางฉากเห็นทหารฟันๆกันอยู่แล้วหยุดฟันกันเฉยเลย  ตอนพระราชมนูหยุดคุยกับทหารผิวดำก็เหมือนกันทำไมทหารพม่าถึงยอมหยุดให้คุยครับ  หยุดฟันด้วยนะครับเหมือนขอเวลานอกเลยดูแล้วไม่ค่อยสมไม่จริงเท่าไหร่ อีกอย่างครับ ขออนุญาตออกความเห็นเรื่องเรือสำเภา โดนยิงตั้งเยอะทำไมแทบจะไม่มีรอยเลยครับ ผมไม่ขอพูดถึงประวัติศาสตร์นะครับเพราะไม่มีความรู้ ก็ว่าจะอาศัยหนังเรื่องนี้แหละครับเพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ขอฉากรบแบบมันๆกับคำพูดปลุกใจที่ทำให้ทหารยอมตายแทบเท้าหน่อยได้ไหมครับ  อยากมีอารมณ์ร่วมด้วยนะครับ ขอบคุณคับ จากคุณ : หนึ่งหยดแดง เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 14:03:39

ความคิดเห็นที่ 25 คห.24 คุณหนึ่งหยดแดง ฉากที่คุณว่านี่ล่ะครับ ที่ผมติดใจจนรู้สึกขำไปเลย ศึกพระเจ้าเชียงใหม่ จากที่ติดตามอ่านในวรรณกรรมที่เขียนถึงสงครามคราวนี้ ทำให้ผมนึกถึงวรรณกรรมเรื่อง "ขุนศึก" ของ ไม้ เมืองเดิม ที่บรรยายฉากการรบช่วงที่ทัพพระราชมนูเข้าปะทะกับทัพของพระยาเชียงแสนทัพหน้าของพระเจ้าเชียงใหม่ ไว้อย่างยิ่งใหญ่ มีการชิงไหวชิงพริบในด้านกลศึกไว้อย่างน่าตื่นเต้น และบรรยายภาพการรบไว้อย่างยิ่งใหญ่ ที่ฉายภาพให้เห็นการสัปประยุทธของกองทัพช้างและทหารราบ จนมีนักประวัติศาสตร์บางท่าน เปรียบการรบของกองทัพช้างของไทยกับกองทัพช้างของทัพเชียงใหม่ว่า ถ้าเปรียบกับยุคปัจจุบัน ก็คงเหมือนกับศึกรถถังประจัญบานดีๆ นี่เอง จากคุณ : ออกหลวงมงคล เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 14:41:28

ความคิดเห็นที่ 26 เหมือน จขกท เกือบทุกประการ เว้นอย่างเดียวคือเราไม่แอบหลับ หรือ ง่วง จากคุณ : sa_sa_sa_sa_ssm เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 14:43:10

ความคิดเห็นที่ 27 คห. 24 คุณหนึ่งหยดแดง ฉากที่คุณว่ามา ทำเอาผมขำไปเหมือนกันครับ ศึกพระเจ้าเชียงใหม่ ทำให้ผมนึกถึงวรรณกรรมเรื่อง "ขุนศึก" ของ ไม้ เมืองเดิม ท่านบรรยายฉากนี้ไว้อย่างน่าตื่นเต้น ฉายให้เห็นภาพการสัพประยุทธของทหารอยุธยา กับทหารเชียงใหม่ มีการบรรยายถึงการชิงไหวชิงพริบที่ต่างฝ่ายต่างใช้กลศึกเอาชนะกัน และที่สำคัญฉากกองทัพช้างของพระราชมนู เข้าปะทะกองทัพช้างของพระยาเชียงแสน ผู้เป็นแม่ทัพหน้าของพระเจ้าเชียงใหม่ ที่บรรยายไว้ยิ่งใหญ่มาก จนนักประวัติศาสตร์บางท่านถึงกับกล่าวว่า ถ้าเปรียบเป็นการรบในสมัยนี้ก็คงเหมือนกับศึกรถถังประัจัญบานดีๆ นี่เอง ถ้าในภาพยนตร์ ทำได้อย่างที่ในวรรณกรรม ขุนศึก บรรยายไว้ได้ รับรองว่าคงเป็นฉากที่อยู่ในความทรงจำของคนไทยแน่นอนครับ จากคุณ : ออกหลวงมงคล เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 14:48:21

ความคิดเห็นที่ 28 คห13 ครับ ผมไม่ได้บอกว่าเรื่องราวพระยาจีนจันตุเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมาครับ ความเห็นของผมเห็นว่าเหตุการณ์นี้มีลำดับความสำคัญน้อยจนไม่น่าจะนำมาเป็น ฉากหลักจนถึงกับต้องสร้างเป็นอีกภาคหนึ่ง และขอขอบพระคุณที่ท่านมุ้ยกรุณามาตอบ (ขออภัยที่ผมใช้ราชาศัพท์ไม่ถูกต้อง) อ่านแล้วทำให้ผมเข้าใจว่าจะต้องมีศึกพระยาละแวกในภาค 4 หรือ 5 เป็นแน่แท้ ซึ่งก็คงจะทำให้ข้อเรียกร้องของผมที่ต้องการให้ภาคหน้าเป็นภาคสุดท้ายของตำนานสมเด็จพระนเรศวร ไม่มีโอกาสเป็นจริง จากคุณ : gunsue เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 16:23:40

ความคิดเห็นที่ 29 มาตอบว่าเป็นอีกคนที่ดูนาฬิกาบ่อยมาก เพื่อดูว่าจะจบหรือยัง ดูแล้วเบื่อๆ พระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพมาฉากรบไม่ดีจริงด้วย ดูธรรมดาถึงออกผิดหวัง แต่ยังไงก็รอดูภาคหน้า อยากรบกวนเรียนถามท่านว่า ตกลงมีภาคห้าจริงหรือครับ จากคุณ : a-ผู้ชั่วร้าย เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 17:08:58

ความคิดเห็นที่ 30 ทำเรื่องอื่นได้แล้ว จากคุณ : น้ำอุ่นศูนย์องศา เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 17:13:01

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นเฮีย สอ. บอกว่ามี 5ภาค -..- จากคุณ : ozora เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 18:52:35

ความคิดเห็นที่ 32 ผมดูรอบแรกคนเดียวและดูรอบสองกับครอบครัว ชอบภาพยนต์เรื่องนี้มาก ภรรยาผมไม่ได้ดูหนังในโรงมาเกือบๆห้าปีออกปากบอกว่าหนังสนุกมาก ตั้งใจไปดูกันนะครับ แต่อย่า ไปตั้งมั่นให้มากเดี๋ยวอคติมันจะเกิด ถ้าการลำดับเหตุการณ์คลาดเคลื่อนเพื่อที่ให้หนังออกมาในรูปแบบที่ลงตัวจะถือกันเป็นเรื่องราวก็เห็นว่าสมควรไม่(ส่วนตัว) เรื่องชื่อตอนก็เหมือนกันจะใช้ชื่ออะไรหรือแม้ไม่ใช้เลยผมก็เห็นว่าไม่ได้สำคัญอะไรมันก็แค่เรื่องการตลาดธรรมดาเราไปดูที่เนื้อหาสาระของหนังซะมากกว่าใครอยากศึกษาเพิ่มเติมก็มีแหล่งความรู้ต่างๆให้ค้นคว้า จากคุณ : YORAN_KB เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 54 23:14:11

ความคิดเห็นที่ 33 . http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=44b27c9ac3ed1c90be444ced4023c20d&topic=4341.msg82771;topicseen#msg82771 มีภาพและเรื่อง-เกี่ยวข้องกับหนัง อย่ในกระทู้นี้............. จากคุณ : สามยาหยี เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 54 22:28:17

ความคิดเห็นที่ 34 เคยอ่านนวนิยาย เรื่อง "พ่อ" จอง ปองพล อดิเรกสาร เป็นเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ในยุคนั้น นำเสนอความเป็น "พ่อ" ของกษัตริย์ 3 องค์ คือ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ บุเรานอง และสมเด็จพระมหาธรรมราชา มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระนเรศวรเยอะมาก และมีการพูดถึงการรบของพระนเรศวรด้วยยุทธวิธีทางน้ำเยอะ ไม่ได้มีแค่เรื่องพระยาจีนจันตุ ไม่รู้เหมือนกันว่านวนิยายเรื่องนี้มีความจริงซักกี่เท่าไหร่ แต่มีเรื่องเกี่ยวกับการรบทางเรือเยอะนะคะ มีวิธีการที่พระนเรศวรทรงคิดในการรบมากมาย เช่น การใช้ปืนจารง(เป็นเหมือนปืนใหญ่ที่ติดตั้งไว้ที่หัวเรือ) ปืนคาบนกหรือปืนสับนกบนเรือพระที่นั่ง โดยใใช้ทีละสองกระบอก ทหารที่ทำหน้าที่ยิงก็ยิงไป และให้ฝีพายใส่ลูกกระสุนดินดำไว้อีกกระบอกคอย พอใช้กระบอกแรกจนหมดดินดำก็คว้าอีกกระบอกมาใช้ได้เลยโดยไม่ต้องรอ ทั้งระยะทางที่เรือควรจะจอดห่างจากสมรภูมิ การป้องกันชีวิตฝีพายโดยการทำโล่ห์เสียบไว้กับกาบเรือ การฝึกฝีพายให้พายเรือให้เร็วขึ้น และยุทธวิธีอื่นๆในการรบเยอะมากๆ จากคุณ : howk_ky เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 54 11:07:07

ความคิดเห็นที่ 35 เคยอ่านนวนิยาย เรื่อง "พ่อ" จอง ปองพล อดิเรกสาร เป็นเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ในยุคนั้น นำเสนอความเป็น "พ่อ" ของกษัตริย์ 3 องค์ คือ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ บุเรานอง และสมเด็จพระมหาธรรมราชา มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระนเรศวรเยอะมาก และมีการพูดถึงการรบของพระนเรศวรด้วยยุทธวิธีทางน้ำเยอะ ไม่ได้มีแค่เรื่องพระยาจีนจันตุ ไม่รู้เหมือนกันว่านวนิยายเรื่องนี้มีความจริงซักกี่เท่าไหร่ แต่มีเรื่องเกี่ยวกับการรบทางเรือเยอะนะคะ มีวิธีการที่พระนเรศวรทรงคิดในการรบมากมาย เช่น การใช้ปืนจารง(เป็นเหมือนปืนใหญ่ที่ติดตั้งไว้ที่หัวเรือ) ปืนคาบนกหรือปืนสับนกบนเรือพระที่นั่ง โดยใใช้ทีละสองกระบอก ทหารที่ทำหน้าที่ยิงก็ยิงไป และให้ฝีพายใส่ลูกกระสุนดินดำไว้อีกกระบอกคอย พอใช้กระบอกแรกจนหมดดินดำก็คว้าอีกกระบอกมาใช้ได้เลยโดยไม่ต้องรอ ทั้งระยะทางที่เรือควรจะจอดห่างจากสมรภูมิ การป้องกันชีวิตฝีพายโดยการทำโล่ห์เสียบไว้กับกาบเรือ การฝึกฝีพายให้พายเรือให้เร็วขึ้น และยุทธวิธีอื่นๆในการรบเยอะมากๆ จากคุณ : howk_ky เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 54 11:07:24

ความคิดเห็นที่ 36 . ขออนุญาตนำเรื่อง(ไม่เป็นเรื่อง) จากBlue Planet มาขอพระเมตตาจากท่านมุ้ย ช่วยสงเคราะห์ผู้เดือดร้อนเรื่องพาหนะเข้าโรงถ่ายด้วย............. http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10496909/E10496909.html ไม่ทราบพอจะเป็นไปได้ไหม? . จากคุณ : สามยาหยี เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 16:09:23

ความคิดเห็นที่ 37 ชื่นชมมากมายกับสองภาคแรก....แต่ภาค 3 นี่ดิ ฉากพระยาจีนจันตุ...กับเรือ 60 ล้าน การตลาดล้วนๆ หมดสภาพครับกับฉากนี้...ศึกพระเจ้าเชียงใหม่ กองทัพ 80000 ??? มันต้องมืดฟ้ามัวดินแล้วครับ ช้่างประมาณ 5 เชือก กับทัพหน้าคุม เจ้าเมืองเชียงใหม่ไม่ถึง 100 พระราชมณู กับทะหารไม่กี่นายก็เข้าถึงแล้ว..โอ้วแม่เจ้า แล้วตอนที่เอาเรือไปลอบโจมตี อีกทัพนึง ตลกมากอะครับ เรือลำตั้งใหญ่ เดินแถวมาให้ยิงซะงั้น ดูแล้วทหารไม่น่าจะถึง 300 นี่หรือ 2 ทัพใหญ่ที่อยุธยากลัวนักหนา ดูแล้วประวัติศาสตร์กลายเป็นเรื่องตลกซะงั้น สำหรับ ภาค 3 จากคุณ : Mr.Cupid เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 20:29:51

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่เห็นจะรู้สึกแย่เหมือนหลายๆความเห็นเลยล่ะ ถามว่าผิดหวังไหม ไม่เลยนะคะ สนุกออก ชอบมากด้วย ขำแทบทุกมุขตลกของท่านมุ้ยเลยค่ะ การไปดูหนังถ้ามัวแต่นั่งจับผิดมันจะสนุกหรือ? หนูขอเป็นเสียงเล็กๆที่จะเป็นกำลังใจให้ท่านมุ้ยทำต่อไปนะคะ ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ชอบมาก รอดูภาคสี่ไม่ไหวแล้ว :) จากคุณ : coffee_m เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 54 12:26:53