อยากให้ทุกคนได้อ่านบทความนี้มากๆเลยค่ะ มันดีจริงๆ ^^
ปาร์ค ยูชอน แสงสว่างจากฟากฟ้าของชายคนหนึ่ง
คุณอาจจะไม่เคยได้พบกับใครที่เป็นเช่นเขามาก่อน มันดูเหมือนกับว่าเวลาที่เขานิ่งเฉยความมืดสนิทจะปกคลุมอยู่รอบๆตัวของเขา แต่เมื่อเขามีรอยยิ้ม ดั่งแสงสว่างทั้งหมดบนโลกใบนี้ ได้สาดส่องมายังชายคนคนเดียวกัน
เหล่าผู้คนที่ชื่นชอบเขาก็ต่างจะยอมรับได้ในทุกๆอย่างที่เป็นเขา นั่นรวมไปถึงแก้มอ้วนๆของเขา และ “ผิวของดวงจันทร์” ซึ่งแม่แต่ตัวเขาเองก็ไม่ชอบมัน
บางเวลาเขาเขาก็แสดงด้านที่ขี้เกียจของเขาออกมา แต่เมื่อเขายืดตัว และหาว เขาจะห่อหุ้มร่างกายส่วนบนของเขาให้อบอุ่น ในขณะที่สวมใส่รองเท้าแตะด้วยเท้าเปล่าๆของเขา ซึ่งมันดูเหมือนจะทำให้เขาได้รับรู้ถึงอุณหภูมิที่แตกต่างกัน มันดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่มันก็ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจกับสิ่งเล็กๆในทุกๆเรื่อง เขาจะแปรเปลี่ยนพลังงานของเขาเป็นกำลัง และก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
พบคุณอีกครั้งใน chaebol
(T/N: chaebol คือ กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ทรงอิทธิพลทางการค้าและการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้)
หลังจากการแข่งขันกันอย่างยาวนานระหว่าง “ยุน อึนเฮ” และ “ลี ดาเฮ” ในที่สุดคุณปาร์คก็ได้เลือกคนหลัง เขาต้องการที่จะแสดงความสามารถร่วมกับรุ่นพี่ บางทีอาจจะเป็นเพราะกลิ่นอายของความเป็นผู้ดีในตัวเขาจึงทำให้ผู้ประพันธ์ ต้องการให้ภาพลักษณ์ของ “กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่” “ผู้นำ” “คนสูงศักดิ์” หรือถ้อยคำอื่นๆที่เราสามารถเห็นได้จากตัวของเขา อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็น ลี ซอนจุน หรือตอนนี้ ซองยูฮยอน เขาได้รับประโยชน์จากการถูกปฏิบัติเช่นนี้ สำหรับมือใหม่อย่างเขา มันก็ถือว่ายอดเยี่ยมเพียงพอแล้ว
ตอนแรกที่ฉันได้เห็นรายชื่อของนักแสดง ฉันรู้สึกกลัว เพราะนอกจากปาร์ค ยูชอนแล้วไม่มีใครในนักแสดงนำทั้งสามคนเลยที่เป็นมือใหม่ มันช่วยไม่ได้จริงๆแต่ฉันรู้สึกกับงานชิ้นนี้ว่า เจ้าคนหนุ่มหน้าใหม่นี่ช่างกล้าเสียจริง สำหรับคนโดยทั่วไปแล้ว เมื่อเขามีการเริ่มต้นที่ดี เขาจะเลือกละครที่สามารถเล่นได้ง่ายๆและเป็นที่นิมยม และนั่นก็มันสามารถที่จะปกป้องความนิมยมของพวกเขาเหล่านั้นได้ด้วย ในทางตรงข้ามกับคนที่ต้องการไล่ล่าหาชื่อเสียง เขากลับเลือกที่จะเรียนรู้ถึงทักษะจริงซึ่งมันเพียงพอที่จะช่วยเขาอยู่บน เส้นทางนี้ได้อย่างยาวนาน
“ก่อนที่ผมจะมาเป็นนักร้อง ผมอยากที่จะแสดงเสมอครับ” “ตอนที่ผมถ่ายทำละครเรื่อง ซองกยุนวาน สแกนดัลนั้น มีคนถามผมว่า” “ทำไมนายถึงรอมาถึงตอนนี้แล้วค่อยตัดสินใจแสดงล่ะ ?” “แต่ผมสามารถที่จะรู้สึกได้ แม้แต่ตอนนี้ มันก็ยังคงเร็วไปสำหรับผมด้วยซ้ำที่จะแสดง” ไม่มีใครที่จะปฏิเสธความสามารถของปาร์ค ยูชอน บนเวทีเขาแสดงความสามาถที่โดดเด่นของการเป็นนักร้อง ด้านล่างของเวทีเขาเป็นไอดอลที่สมบูรณ์แบบ เขารู้ว่าเขาควรที่จะบริหารภาพลักษณ์ของเขาอย่างไร
ฉันไม่รู้หรอกว่า ซอง ยูฮยอนเป็นคนดีหรือไม่ดี แต่สำหรับปาร์ค ยูชอน นี่มันไม่ใช่บทละครที่ง่ายๆเลย โดยไม่เอ่ยถึงเรื่องอื่น ซอง ยูฮยอนอายุของเขาน่าจะประมาณ 32 ปี เขามีอายุมากกว่ายูชอนถึง 7 ปี แรกเริ่มเลยที่คุณเห็นข้อมูลบางอย่าง คุณสามารถที่จะจินตนาการได้ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ การหลอกลวง หรือ การมีชีวิตอยู่ด้วยการหลอกลวง ชายสองคนที่มีชีวิตอยู่รอบๆผู้หญิงคนหนึ่ง คนหนึ่งที่มีชีวิตยุ่งเหยิงอยู่กับความรักและความเกลียดชัง ในขณะที่อีกคนหนึ่ง ผู้ชายที่แสนดีเหมือนกับสายฝนอันชุ่มฉ่ำหลังจากภัยแล้งที่ยาวนาน ฉันไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาใครจะเป็นผู้ชนะ และใครจะเป็นคนที่ไร้ค่า แต่ตามประสบการณ์ที่ผ่านมาของฉัน ไม่มีใครเลยที่น่าเกลียด (หัวเราะ) ในเวลานี้ ซอง ยูฮยอนที่รับบทบาทโดย ปาร์ค ยูชอน ผู้ซึ่งเป็นคนดีที่แสนสมบูรณ์แบบ เขาสามารถละทิ้งตัวตนของเขาเอง เพื่อที่จะไล่ตามคนที่เขารัก เขามักจะคิดเรื่องราวโรแมนติกเล็กๆเสมอ ในทางธุรกิจ เขาทั้งมีเสน่ห์ ไหวพริบ และ อารมณ์ขัน เป็นสุภาพบุรุษ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็สมารถตัดสินใจด้วยอำนาจที่มีไม่จำกัด (นี่ผู้ประพันธ์รู้จักกับ ปาร์ค ยูชอน เป็นการส่วนตัวรึปล่าว ?) นี่ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นตัวรองรึปล่าว แต่แน่นอนบทละครก็สามารถเปลี่ยนไปได้ในนาทีสุดท้าย (ดูอย่าง “Dream High”สิ) ปล่อยเรื่องนี้ไปก่อนแล้วกัน ละครยังไม่ทันได้เปิดตัวด้วยซ้ำ
ตราบใดที่ยังคงมีหนทาง เขาก็จะไล่ตามมันอย่างไม่หยุดยั้ง
ปาร์คยูชอนผู้ซื่อตรงในเป้าหมายของตัวเขาเอง แม้ในบทบาทของศิลปิน ในวันนี้มันดูจะหนักหนาสำหรับเขา เขาไม่อยากที่จะหยุดความตั้งใจแรกเริ่มของเขาไปยังอีกหนทางหนึ่ง “ผม ก็ยังคงยุ่งอยู่เหมือนที่เคยเป็นมาครับ แบะภาระไปด้วย ตั้งแต่ต้นผมเข้าใจดีในจุดๆนี้และมันก็มีภาระเช่นนี้มาโดยตลอด สำหรับตัวผมเองนั้น มันก็เลยไม่สำคัญอะไรเท่าไหร่นัก”
สำหรับปาร์ค ยูชอน ภาระของการเป็นนักร้องดูจะเป็นเรื่องที่เบาบางนักเมื่อเทียบกับการที่เขาไม่ ได้เจอกับ แม่คนที่เขารักมากที่สุด และน้องชาย การไม่คุ้นชินกับการตื่นแต่เช้าเป็นระยะเวลานานได้ละลายหายไปแล้ว แต่สิ่งที่จะไม่มีสิ้นสุดคือความคิดถึงที่มีต่อครอบครัวของเขา จนความคิดถึงเหล่านั้นได้แปรเปลี่ยนไปเป็นพลังให้กับเขา การออกจากบริษัทที่ฝึกอบรมเขาแท้จริงแล้วก็สร้างความลำบากใจให้กับเขาเช่น กัน แต่จากสถาณการณ์ตอนนี้ “ผมคิดว่ามันเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องนะ” แจ จุงได้บอกว่าตอนนี้เขาสามารถยิ้มได้มากกว่าแต่ก่อน ยูชอนก็เช่นกันเขาบอกว่าเขามีความสุขมากกว่า และจากสิ่งนั้น มาช่วยกันสนับสนุนตัวเลือกนี้ของเขาเถอะ
เมื่อ “เพลงที่ไม่มีชื่อ” ได้ถูกปล่อยออกมา ฉันรู้สึกตกใจมาก ในความประทับใจแรกของฉันที่มีให้กับปาร์ค ยูชอนถึงแม้ว่าเขาจะไม่คนที่เก็บซ่อนอารมณ์เท่าไหร่นัก (หรือจะบอกว่าเขาไม่อยากที่จะเก็บมันไว้) แต่หนทางนี้เหมือนเป็นการระบายความโกรธของเขาไปกับการแสดงความตรงไปตรงมา ผ่านบทเพลงเช่นนี้ ต่างสร้างความตกใจให้กับผู้คน เขาไม่ใช่คนประเภทที่ว่าไม่กล้าที่จะกบฎ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาถูกมองว่าเป็นคนเรื่อยเปื่อยมาโดยตลอด อย่างเช่นว่า ถ้าคุณเทน้ำลงไปบนตัวของเขา เขาจะเพียงแค่ส่งสายตาอันไม่พอใจไปที่คุณ ปัดเสื้อป้าที่เปรอะเปื้อนของเขา และเดินจากสายตาคุณไปช้าๆ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเขาทะเลาะกับคุณไม่เป็น ฉันแค่รู้สึกว่าคนที่ละเอียดละออเช่นเขาจะไม่มานั่งเสียเวลาที่จะทะเลาะกับ คุณ แต่เมื่อมีคนถามเขาถึงความรู้สึกเหล่านั้น เมื่อเขาได้เขียนเพลงๆนี้ เขารู้สึกประหลาดใจ หรือเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้รับกระแสการตอบรับจากผู้คน แม้แต่การกระทำอันล็กน้อยของเขาก็สามารถที่จะเป็นหัวข่าวได้ มีผู้คนมากมายที่เฝ้ารอที่เจะเห็นความหวั่นวิตกของเขา และแน่นอนมีผู้คนมากมายเช่นกันที่จะคอยดูความสำเร็จของเขา
นักรบที่แท้จริงคือผู้ที่กล้าที่จะเผชิญกับชีวิตอันโดดเดี่ยว ชีวิตของพวกเขามีทุกสิ่งยกเว้นความโดดเดี่ยว และสิ่งที่ถูกเรียกว่าความยุติธรรมนั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพ้ายแพ้อย่างหมดรูปภายใต้แสงสว่าง แต่มันก็ไม่ได้ถึงว่าพวกเขาจะยึดถือหลักของกฎหมาย และจะไม่แทรกแซงกิจกรรมของพวกเขาอย่างที่เคยเป็นมา เมื่อผู้กำกับรายการโทรทัศน์ได้อธิบายถึงการตัดสินใจที่จะยกเลิกรายการต่อ พวกเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่พวกเขาจะยอมรับมัน เพราะพวกเขาเคยได้รับประสบการ์ณเช่นนี้มาก่อน จากวันแรกที่พวก เขาก้าวออกมาจากประตูบานนั้น พวกเขาก็รู้ได้ด้วยตัวของพวกเขาเองว่าจะต้องประสบกับสถานการณ์อันน่าเจ็บปวด แต่พวกเขาก็ไม่ร็มาก่อนว่าการต่อสู้ที่แสนจะยุ่งเหยิงครั้งนี้จะนำพามาซึ่ง ความเคารพ และการชื่นชมจากผู้คนจำนวนมาก
ในตอนนี้พวกเขาชินกับการออกค่าใช้จ่ายจากการทำกิจกรรมต่างๆด้วยตัวพวกเขาเอง แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นถึงแรงสนับสนุนจากแฟนๆ ความเจ็บปวดทั้งหมดก็ดูจะมลายหายไปในพริบตา ปาร์ค ยูชอนคนที่เห็นคุณค่าของจิดใจเสมอ ถึงแม้ว่าบางครั้งจะดูเหมือนว่าเขาไม่สนใจมันมากนัก (หัวเราะ) แต่เมื่อรายการที่เขาตั้งใจจะทำมาให้แฟนๆได้ถูกยกเลิก อย่างไรก็ตามที เขารู้สึกเหมือนหมดหนทาง และไม่สามารถทำอะไรได้ เขารู้สึกเหมือนกับจะร้องไห้ แต่เขาก็อยากที่จะหัวเราะไปกับมัน เขาอยากจะก้าวต่อไปข้างหน้าโดยไม่คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ แต่มันก็มีบางคนที่กระตือรือร้นที่จะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของพวกเขาเสมอ เสียงโห่ร้องและตะโกนเหล่านั้นไม่ได้เกิดผลอะไรเลยเพียงแต่ต้องการปกปิดความ หวาดกลัวเบื้องลึกไว้เท่านั้น ดังนั้นคุณควรที่จะเดินผ่านพวกเขาไปและยิ้มให้กับคำสบประมาทพวกนั้น “เรา ได้ตัดสินใจแล้วครับ แล้วก็เตรียมที่จะละทิ้งชื่อเสียงทั้งหมดที่เราเคยมีด้วย” “ในตอนนั้นพวกเราไม่ได้คำนึงถึงว่าจะมีสถานการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ตอนนี้ถึงมันจะเป็นอย่างนั้น เราก็ต้องการจะออกมาอยู่ดี” ดังนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ยังมีสิ่งใดที่ต้องกลัวอีก ?
พี่ชายที่เป็นดั่งคุณพ่อ
มีคนหนึ่งได้พูดไว้ว่า “ผมรู้สึกเสียใจที่โพสรูปของน้องชายผมลงไป ผมกลัวว่าสถานการณ์ของผมในตอนนี้จะนำปัญหามาให้กับเขา” และในขณะที่อีกคนหนึ่งได้พูดว่า “ผมอยากเป็นน้องชายที่เขาภาคภูมิใจ” กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าทั้งสองพี่น้องนี่สนิทสนมกันมากเพียงใด ในจิตใจของปาร์ค ยูชอนครอบครัวเป็นสิ่งที่ไขกุญแจเปิดออกได้ยากที่สุด ในช่วงแรกๆนั้น เขามักจะซ่อนใต้ผ้าห่มและร้องไห้เพราะคิดถึงบ้านอยู่บ่อยๆ สมาชิกคนอื่นๆจึงต้องดูแลเอาใจใส่เขา ให้ความรักเขาเหมือนกับคุณแม่ ในตอนนี้ครอบครัวได้มาอยู่ใกล้ๆเขาแล้ว เขามีสิ่งที่ต้องกังวลอย่างเช่น การที่แม่เขาต้องการที่จะเปิดร้านไอศครีม หรือเมื่อเวลาที่น้องชายของเขาอยากจะเริ่มต้นอาชีพของเขาเอง เขาไม่อยากจะอยู่ภายใต้รัศมีของพี่ชายไปทั้งชีวิต ปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปาร์ค ยูชอนยังเล็กๆ ทำให้ชีวิตวัยเด็กของเขาไม่มีความสุขมากเท่าไหร่นัก เด็กชายคนหนึ่งที่ติดระหว่างการเป็นผู้ใหญ่จะกลายเป็นเหยื่อที่หวาดกลัวกับ การแต่งงาน และความเป็นคุณพ่อในตัวของยูชอนก็ได้เติบโตขึ้น เด็กๆนั้นมักจะแบกรับความหวาดกลัวในวัยเด็กไปตลอดชีวิตของพวกเขา มาถึงตอนนี้เขาได้เติบโตขึ้นและพร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่ พวกเรามักจะเห็นการแสดงออกที่ไม่คอยสดใส ร่าเริงของเขา แม้ว่าหัวใจของเขาจะต้องแบกรับความเจ็บปวดไว้ขนาดไหน มันกลับกลายเป็นนิสัยของเขาที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เสียแล้ว
ในทีแรกนั้นยูชอนต่อต้านยูฮวานในการเข้าวงการ แต่สุดท้ายมันก็ล้อมเหลว เขาพ่ายแพ้ให้กับการอ้อนวอนของน้องชาย เขาได้ยอมแพ้และให้น้องชายของเขาได้ทำในสิ่งที่หวัง ไว้ ในงานแถลงข่าว เราจะเห็นได้ว่าน้องชายของเขาได้กางปีกออกจากการคุ้มครองของเขา รอยยิ้มที่เหมือนดังคุณพ่อที่แสนภาคภูมิใจไม่เลือนหายไปจากใบหน้าของเขาเลย จากลักษณะภายนอกของปาร์ค ยูชอน บางทีผู้คนอาจจะไม่เชื่อว่าเขาเป็นเสาหลักของบ้าน อาจเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนที่ดูเหมือน “ทำอะไรตามใจ” มากเกินไป แต่ความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนประเภทที่ไม่สนใจอะไร เขามีความรับผิดชอบในฐานะลูกชาย มีความรับผิดชอบในการเป็นพี่ชาย และมีความรับผิดชอบในการเป็นไอดอล ถ้าคุณอยากจะนับมันเข้าไปด้วย “คอนเสิร์ต ครั้งสุดท้ายที่ญี่ปุ่น ผมได้มีความคิดเกี่ยวกับบางอย่างขึ้นมา ถ้าผมยังจะสามารถทำมันได้ อย่างแรกผมอยากจะให้ คุณแม่ น้องชาย แฟนๆของผม สตาฟ และผู้คนรอบๆตัวผมมีความสุขใจ และจากนั้น เมื่อวันใดที่คุณแม่ของผมเริ่มเดินได้อย่างยากลำบาก ผมอยากที่จะยืนอยู่เคียงข้างแม่ของผมในเวลานั้นครับ” เราไม่ค่อยได้ยินว่าปาร์ค ยูชอนพูดถึงคุณพ่อของเขาบ่อยนัก มีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับตัวของเขาแต่สุดท้ายมันก็ล้มเหลว เมื่อครั้งที่เขาได้รับรางวัลเขาได้กล่าวในขณะ ที่หลั่งน้ำตา ว่าเขาอยากจะเป็นลูกชายที่น่ารักให้กับคุณพ่อของเขา และอยู่ข้างๆเขา และนั่นก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ประโยคที่เขาเอ่ยถึงคุณพ่อ และเมื่อตอนที่เขาได้ถือรางวัลสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ไว้ เขาได้กล่าวว่า คุณพ่อของเขากำลังดูทีวีอยู่ ท่าทางของเขาในเวลานั้นดูมีความสุขมาก “คุณ พ่อของผมไม่สบายครับ จนถึงตอนนี้ท่านก็ยังไมได้เห็นผมกับแฟนของผม ผมหวังว่าก่อนที่อาการของเขาจะทรุดลงไปมากกว่านี้ ผมจะสามารถพาแฟนของผมไปที่บ้านได้ครับ” ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือชีวิตครอบครัว ทางของปาร์ค ยูชอนก็กำลังเป็นไปได้ด้วยดี และในเร็วๆนี้ นักแสดงปาร์ค ยูชอนก็กำลังจะก้าวสู่จุดสูงสุดเช่นกัน
Source: COOL light music magazine, April edition
Eng Trans: @JPhylls
Thanks: @ifMickycomes
Shared by: PYC Soompi
Take out with full credit!!!
Thai Trans : lhizg@okyuchun
http://okyuchun.wordpress.com/