[SPOILER!!!] World Embryo ตอนที่ 64 - จุดสิ้นสุดของนิทานเพ้อฝัน -
|
 |
กลับมาพบกับ Spoil World Embryo กันอีกครั้งหลังจากหายไปถึง 2 เดือนในคราวนี้นะครับ
สำหรับตอนนี้ก็เป็นตอนเปิดเรื่องของภาคใหม่นับจากสิ้นสุดภาคย้อนอดีตแล้ว ซึ่งก็เรียกได้ว่านอกจากเนื้อเรื่องใหม่ๆ ที่อาจตามมาในอนาคตแล้ว ในตอนนี้ยังมีการพัฒนาใหม่ๆ บางอย่างเกิดขึ้นอีกด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว แม้จะยังไม่ใคร่แน่ใจว่าพัฒนาการไปในทางนี้แล้วเรื่องจะดำเนินออกไปในทางไหน ดีกว่าเดิมหรือน่าเบื่อแย่กว่าเดิม แต่อย่างน้อยก็เป็นการพัฒนาในรูปแบบหนึ่งที่ผมเองก็อยากเห็นครับ
อนึ่ง ช่วงนี้ยอมรับว่าค่อนข้างยุ่งกับหลายๆ เรื่องอยู่มาก ดังนั้นการเล่าเรื่องแบบ Spoil ชุดนี้ความละเอียดของบทบรรยายอาจจะน้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา หากทำให้อ่านสะดุดหรือไม่สนุกยังไง ก็ต้องขออภัยทุกท่านด้วยครับ
ว่าแล้วก็ลงไปชมเนื้อเรื่อง Spoil ของตอนนี้กันได้เลยครับ :)
เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่ริคุเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนกับเรน่าได้ไปเจอมาในโลกแห่งความทรงจำในอดีตทั้งหมดให้พวกสึคิชิโระและเหล่าผู้ใช้จิงกิของ F.L.A.G. ทุกคนได้รู้ โดยเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดจบ ผู้ใช้จิงกิทุกคนต่างก็มีสีหน้าตื่นตะลึงกันไปตามๆ กันต่อที่มาของเรื่องราวอันซับซ้อน (และยาวเหยียดชนิดกินที่รวมเล่มเกือบทั้งเล่ม) เหล่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องที่มาของแก่นจิงกิ ที่มาของคังชุ ที่มาของแหล่งแพร่ และสาเหตุที่ "ปีศาจ" ทาคาโอะออกไล่ล่าแก่นจิงกิมาตลอดหลายปีมานี้
คุยกันถึงตรงนี้ โทโงเพื่อนของริคุก็ถามขึ้นว่า ถ้าทาคาโอะรวมรวมแก่นจิงกิได้หมดแล้ว จะทำอะไรต่อไปล่ะ หยุดยั้งเอนเดอีกครั้งอย่างนั้นรึ? ริคุตอบว่า น่าจะเพื่อทำอะไรสักอย่างกับ "โลงศพ" หรือ "เอมบริโอ" ที่ตื่นขึ้นแล้วมากกว่า และเล่าต่อไปอีกว่า เมื่อ 7 ปีก่อนที่เกาะฮัตสึมิหายสาปสูญไปนั้นก็เพราะถูก "เอมบริโอ" (โลงศพ) ที่ตื่นขึ้นเพราะการต่อสู้ระหว่างคิวกิสองตนดูดกลืนไป และในครั้งนี้ "เอมบริโอ" ก็ถูกเรียกมาอีกครั้งจากการต่อสู้ระหว่างเนเน่กับเอนเดเมื่อ 3 เดือนก่อน และปล่อยพลังออกมาดูดกลืนทั้งหอคอยเศษเหล็กและพวกริคุรวมถึงคนอีกจำนวนหนึ่งหายไปเช่นกัน ริคุจึงสันนิษฐานว่านั่นอาจเป็นพลังอย่างหนึ่งของ "เอมบริโอ" ก็เป็นได้ โทโงได้ยินดังนั้นก็ทำท่าประหลาดใจว่าเรื่องแบบนั้นริคุไปรู้มาได้ยังไง ริคุก็เข้าโหมดเคงเซย์เอาแก่นจิงกิของตัวเองออกมาให้ดู แล้วบอกว่า แก่นจิงกิซึ่งเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของจูริ คิวกิของทาคาโอะเป็นคนบอกเรื่องทั้งหมดกับเขาเองระหว่างที่เขากับเรน่า "อยู่ข้างในนั้น"
"เท่ากับว่าช่วงเวลา 3 เดือนมานี้ พวกเราอยู่ใน 'เอมบริโอ' (โลงศพ) มาตลอด"
ตอบคำถามของโทโงเสร็จ ริคุก็หันไปหาสึคิชิโระ แล้วพูดต่อว่า "เอมบริโอ" นั้นเป็นสิ่งอันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้คงอยู่ต่อไปได้ เขารู้ตัวดีว่าเรื่องที่จะขอต่อไปนี้อาจทำให้ทุกคนต้องยุ่งยาก ซ้ำยังเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายเป็นที่สุดที่คนซึ่งเคยสร้างความลำบากให้ทุกคนมามากอย่างเขาจะขอร้องเรื่องนี้
ว่าถึงตรงนี้ ริคุก็ค้อมหัวลงแสดงกิริยาอ้อนวอนเต็มที่ แล้วพูดขอร้องว่า
"ขอร้องละ...! มาร่วมมือกับชั้นเถอะ! เรื่องนี้ชั้นคนเดียวจัดการไม่ไหว!"
-------------------------------------------------------
ฉากตัดมายัง 3 วันให้หลังจากวันที่ริคุกับเรน่ากลับมาจากโลกความทรงจำในอดีต เรน่านอนพักอยู่ที่ที่ทำการหน่วยย่อยอันเป็นบ้านของสึคิชิโระ ส่วนริคุกลับไปบ้านของตัวเอง (ไปรับลูกตบฉาดเบ้อเริ่มของชิซึรุผู้เป็นแม่เลี้ยงข้อหาทำให้เป็นห่วงแทบตายที่อยู่ๆ ก็หายตัวไปไม่มีข่าวคราวตั้งหลายเดือน) ความอ่อนเพลียทั้งกายและใจทำให้เรน่านอนหลับเป็นตายไม่รู้เรื่องไปถึง 3 วันเต็มๆ ก่อนจะตื่นมาด้วยอาการหมดสภาพแบบสุดๆ แถมหน้าตาเนื้อตัวยังเปียกเหงื่อซ่กไปหมดอีกต่างหาก (ก็นอนอย่างเดียว 3 วันเต็มๆ ไม่ได้อาบน้ำ แถมยังอาจฝันร้ายอีกนี่นะ) สึซึกับคลาร่าเห็นสภาพของเรน่าดังนั้นก็กึ่งชวนกึ่งลากเรน่าให้ไปอาบน้ำด้วยกันจนได้
ระหว่างที่อาบน้ำด้วยกันนั้น คลาร่าแกล้งเข้ามากระเซ้าเรน่าเรื่องที่หายตัวไปกับริคุถึง 3 เดือนเต็มๆ ทำนองว่าอยู่กับริคุสองต่อสองตั้งนานขนาดนั้นแล้วมีอะไร "คืบหน้า" บ้างหรือไม่ ทว่าคำพูดของคลาร่ากลับไปกระตุ้นให้เรน่านึกถึงภาพความทรงจำที่ได้เห็นบนเกาะฮัตสึมิเข้า เกิดอาการจิตสับสนจนทนอยู่ในห้องน้ำไม่ไหว รีบขึ้นจากอ่างน้ำแล้วแต่งตัววิ่งออกไปโดยเร็ว ท่ามกลางสายตางุนงงของทั้งสึซึกับคลาร่า
หลังออกจากห้องน้ำมาแล้ว เรน่าก็พยายามทำใจให้สงบให้ได้ ขณะเดินไปตามระเบียงทางเดินเพื่อกลับห้องตัวเอง แต่เดินไปได้ไม่นานก็โดนภาพหลอนเล่นงานจนทนเดินต่อไปไม่ได้ ต้องทรุดนั่งลงตัวสั่นงันงกอยู่กับพื้นตรงทางเดิน
"อย่าร้องไห้สิ... เรน่า"
เสียงคุ้นหูดังขึ้นอย่างอ่อนโยนตรงหน้า เรียกเรน่าที่กำลังกุมหัวตัวสั่นเทาให้ชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตาม พบกับริคุในชุดกันหนาวเต็มยศนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ใบหน้าคาดหน้ากากสำหรับคนเป็นหวัดไว้เพื่อปกปิดใบหน้าที่บวมไปซีกเพราะโดนชิซึรุตบเอา เผยให้เห็นเพียงดวงตาฉายแววอาทรราวกับเข้าใจถึงความเจ็บปวดของเธอเป็นอย่างดี
"ชั้นเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าเราเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกัน" เขาเลื่อนหน้ากากลงมาเก็บไว้ตรงปลายคาง ก่อนจะเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย แต่แฝงแววนุ่มนวลราวกับจะปลอบโยน "เรื่องที่ความทรงจำของเธอกลับมาแล้วมีแต่ชั้นคนเดียวที่รู้ ชั้นไม่ได้บอกใครหรอก ดังนั้น..."
เสียงของริคุชะงักค้างอยู่เพียงแค่นั้น คำพูดคำจาเริ่มตะกุกตะกักเหมือนนึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรต่อไปดี
แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเรน่า หญิงสาวมองใบหน้าจริงจังเยือกเย็นของเด็กหนุ่มตรงหน้า ดวงตาเป็นประกายสั่นสะท้านด้วยความตื้นตันเต็มหัวอก ก่อนจะกระซิบออกมาเสียงแผ่วเบา
"...อืม..."
จากคุณ |
:
Drake
|
เขียนเมื่อ |
:
7 พ.ค. 54 17:46:26
|
|
|
|