"A culture is as rich and as capable of surviving as it has imaginative artists. The artist is looked upon to start things. The artist injects the spirit of life into a culture. And through his creative endeavors, the writer works continually to give tomorrow a new form." —L. Ron Hubbard
"วัฒนธรรม หนึ่งๆนั้น จะรุ่มรวย และมีขีดความสามารถในการอยู่รอดต่อไปได้เท่าๆกับ เหล่าบรรดาศิิลปินเปี่ยมจินตนาการ ที่สังคมนั้นมีอยู่ ศิลปินนั้นถูกคนอื่นเฝ้ามองเพื่อเริ่มทำสิ่งต่างๆ ศิลปินเป็นผู้ป้อนวิญญาณแห่งชีวิตเข้าไปในสังคม และศิลปินก็ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบรูปลักษณ์แก่วันพรุ่งผ่านทางความพยายามในการสร้างสรรค์งานของพวกเขา" - แอล รอน ฮับบาร์ด
ในวันเวลาที่สถานการณ์นิยายวิทยาศาสตร์ของบ้านเรา มีแต่ความซบเซา และสนามในการแสดงผลงานก็มีอยู่แทบนับที่ได้ ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ต้องการปลดปล่อยพลังจินตนาการของแต่ละคน รินตัวอักษรผ่านปลายนิ้วพร่างพรมลงบนคีย์บอร์ด ออกมาเป็นเรื่องสั้น หรือนวนิยายแนวไซไฟทรงคุณค่า แต่ก็ลังเล เพราะไม่รู้ว่า หากหนังสือของคุณส่งถึงมือสำนักพิมพ์
แล้ว ..อีกนานเท่าไรกว่าจะได้รับคำตอบรับสักเล่ม
..อีกนานเท่าไรกว่าจะได้ตีพิมพ์
..และอีกนานเท่าไร กว่าผลงานของคุณจะขายออกหมด
ครับ บางทีเราอาจต้องยอมรับว่า ตลาดนิยายวิทยาศาสตร์ในบ้านเราตกต่ำลงจนถึงขีดสุดในยุคสมัยของเรานี่เอง แม้จินตนิยายอีกครึ่งหนึ่ง คือนิยายแนวแฟนตาซีดูเหมือนจะได้รับความนิยม แต่แนวที่ได้รับความนิยมนั้น จะต้องเข้่าใจง่าย เบา และไปด้วยกันได้กับป๊อปคัลเจอร์ทั้งหลายที่มีอยู่
แต่กระนั้นก็ตาม เคยมีรุ่นพี่คนหนึ่งบอกแก่ผมว่า คนเขียนหนังสือ ก็คือคนเขียนหนังสือ ต่อให้ไม่มีใครจ้าง แต่เขาก็ต้องเขียนมันออกมา เหมือนเรื่องราวมันค่อยๆเอ่อล้นจากข้างในตัวตนของคุณแต่ละคน
คนที่รู้ตัวว่า เกิดมาเพื่อเขียน เรื่องราวเหล่านั้นมักจะหาหนทางออกมาจากตัวคุณอยู่เอง ไม่ว่าคุณจะกลัวงานคุณจะขายไม่ออกแค่ไหนก็ตาม
ต่อให้โลกนี้เหลือคุณเพียงคนเดียว ที่เขียนเรื่องในแบบที่คุณเขียน
... แต่ ...
ประพันธกร ..ก็คือประพันธกร
ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น