Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
'มิว-ลักษณ์นารา' หลงเสน่ห์มายา!! เดินหน้าแล้วไม่ถอยหลัง ติดต่อทีมงาน

ว่าแจ้งเกิดไปอีกคนสำหรับนักแสดงสาว มิว-ลักษณ์นารา เปี้ยทา จากบท “วิชชุดา” ในละคร “วนาลี” ทางช่อง 3  ด้วยความน่ารัก สดใส บวกกับบทบาทการแสดงที่ดูไม่เคอะเขิน  ทั้ง ๆ ที่เพิ่งโชว์ฝีไม้ลายมือเป็นครั้งแรก ก็เลยทำให้หลาย ๆ คน อยากรู้จักสาวน้อยคนนี้ ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน และเข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร วันนี้ “ดาวต่างมุม” จึงไม่รอช้า  นัดแนะสาวมิวมานั่งเมาท์กันแบบสบาย ๆ

ได้ยินว่า “มิว” เป็นนักยิมนาสติก แล้วทำไมถึงกลายมาเป็นนางเอกได้ล่ะ ?
       
“จริง ๆ มิวเล่นยิมนาสติกมาตั้งแต่ 4 ขวบค่ะ พร้อมกับการเข้าวงการบันเทิงเลย แต่ตอนนั้นยังไม่มีผลงานเท่าไหร่ จนอายุ 12 ปี ก็มีโฆษณาเข้ามาเยอะมาก แล้วพี่เอ-ศุภชัย ก็เห็นในโฆษณานมไทย-เดนมาร์ค เขาก็เลยให้เซ็นสัญญา แล้วก็ได้มาเล่นละครเรื่อง วนาลี เป็นเรื่องแรก ก็ตื่นเต้นนะคะ ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้เล่นเป็นนางเอก แต่พอรู้ก็ตกใจ และยิ่งรู้ว่าพระเอกเป็นพี่ป๋อ (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) ด้วย ก็บ้าไปเลย (หัวเราะ) ดีใจมาก เพราะเขาก็เป็นไอดอลของมิว ซึ่งพี่ป๋อตัวจริงกับในละครไม่ต่างกันเลยนะ เขาขี้เล่น เป็นกันเองมาก คอยสอนมิวตลอดเลย”

พอก้าวมาเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้ว “มิว” มองวงการบันเทิงต่างจากตอนที่ยังไม่ได้เข้ามายังไง?
       
“ต่างค่ะ เพราะตอนเด็กมิวมองว่าดาราเป็นอาชีพที่สบาย ทำงานแป๊บเดียวได้เงินเยอะแล้ว แต่จริง ๆ มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย ไปทำงานตอนเช้า เย็นกลับ บางทีทำงานต่างจังหวัดก็ต้องค้างคืน มันเหนื่อยมาก ต้องดูแลตัวเองให้ดีมาก อย่างมิวก็เป็นคนแพ้เครื่องสำอางง่าย ถ้าแต่งหน้านาน ๆ สิวจะขึ้นเยอะมาก ก็ต้องระวังเรื่องนี้ ไปหาหมอทำหน้าบ่อย ๆ”

วงการบันเทิงให้สิ่งดี ๆ และสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันแย่ยังไงบ้างมั้ย?
       
“ข้อดีคือได้พบปะสังคมใหม่ ๆ ได้เจอเพื่อนที่เป็นรุ่นพี่ เราก็มีประสบการณ์มากกว่าเพื่อนวัยเดียวกันค่ะ ส่วนข้อเสียก็ทำให้เราไม่มีเวลาส่วนตัว ชีวิตความเป็นเด็กวัย 15 ของมิว จะหายไป แต่ในเมื่อเลือกที่จะเข้ามาในวงการแล้วก็ต้องแลกกัน ก็เข้าใจนะ ถามว่าเหงามั้ย ก็ประจำค่ะ เพราะมิวเป็นคนขี้เหงาอยู่แล้ว บางทีก็แอบน้อยใจว่าทำไมเราถึงไม่เป็นเหมือนเด็กคนอื่นไม่มีอิสระ แต่พอ มาคิดดูดี ๆ แล้วก็คิดว่าเราโชคดีกว่าคนอื่นนะ ที่อายุแค่นี้ก็ช่วยครอบครัวได้แล้ว มันก็ภาคภูมิใจ พอเราเหนื่อยหรือท้อก็จะคิดแบบนั้นตลอด”

นักแสดงที่คลื่นลูกใหม่ในช่อง 3 เกิดขึ้นมากมาย เรากลัวถูกเอาไปเปรียบเทียบบ้างมั้ย?
       
“มันต้องมีอยู่แล้วค่ะสำหรับเรื่องการเปรียบเทียบ แต่มิวก็ยอมรับ ไม่ว่าเขาจะเปรียบเทียบยังไง คือมิวก็พยายามในแบบของมิว อย่างเช่น พี่ณเดชน์หรือพี่ญาญ่า กับหนูก็คนละคนกันอยู่แล้ว มันเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอก จะให้มิวไปศัลยกรรมหน้าให้เหมือนพี่ญาญ่า แต่นิสัยมิวก็ไม่เหมือนเขาอยู่ดี แต่ละคนก็มีข้อดี มีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง อย่างพี่ญาญ่าก็จะหวานน่ารัก ๆ แต่มิวก็จะซน ๆ แก่น ๆ เห็นมั้ย มันคนละคาแรกเตอร์กันค่ะ เราก็เป็นตัวของตัวเอง”

ตั้งแต่เข้าวงการมา เคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เสียน้ำตาบ้างหรือเปล่า?
       
“เคยค่ะ มีครั้งนึงมิวไม่ได้บอกทางกองถ่ายละครว่ามีสอบ แล้วมีคิว พี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ ซึ่งเขามาได้แค่วันนี้วันเดียวด้วย มิวก็เลยต้องขาดสอบ คือวันนั้นมิวเหมือนคอมพิวเตอร์แฮงก์มาก  แล้วมิวมีทุกซีน จำบทไม่ได้เลย เราเอาบทมาจำกับสูตรเลขมั่วไปหมด ขนาดผู้ช่วยผู้กำกับที่ไม่เคยสูบบุหรี่เวลาที่คุยกับมิว วันนี้ก็สูบบุหรี่ไปด้วย พูดกับมิวไปด้วย คือรู้เลยว่าเป็นเพราะเขาเครียด วันนั้นเราก็นอยด์หนัก พอกลับไปบ้าน แม่ก็ว่าเราทำไมเล่นไม่ได้ เราก็บอกว่าหนูพยายามแล้วมันไม่ได้จริง ๆ ก็เลยทะเลาะกับแม่ คือก่อนที่มิวเข้าวงการมิวสัญญากับแม่ว่าจะเล่นละครไปด้วย และเรียนไปด้วย จะทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กันให้ดี แต่วันนั้นผลสอบออกมาเกรดตกด้วย เราเองก็ตกใจ พ่อก็เครียดว่าทำไมถึงเกรดตกได้ ว่าเราไม่ตั้งใจเรียน แม่ก็ว่าเรื่องงานอีก เราก็ตะโกนใส่หน้าแม่เลยว่าจะให้หนูทำยังไง หนูก็ยังต้องเรียนนะ แล้วก็ต้องทำงานด้วย ก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน พอทะเลาะกันเสร็จหนูก็บอกว่าไม่เอาแล้ว หนูไม่เล่นแล้วละคร หนูจะแค่ไปโรงเรียนแล้วกลับบ้าน”

แล้วอะไรเป็นจุดที่ทำให้เราคิดได้ เดินกลับมาทำงานในวงการต่อ?
       
“ด้วยความที่มิวเคยเป็นนักกีฬา แล้วมันก็เป็นนิสัยอยู่แล้วที่ต้องมีความรับผิดชอบสูง มีวินัย คือไปแข่งยิมฯ แล้วลืมท่า ก็ต้องแสดงต่อให้จบ ก็เหมือนกับการที่เรารับงานไว้แล้ว เราก็ต้องเล่นให้จบเหมือนกัน ตอนแรกก็ไปแบบไม่อยากเล่น แล้วผู้กำกับก็มาคุยด้วย บอกว่าพี่เข้าใจนะว่าวันนั้นมันเป็นยังไง ไม่ต้องเครียด อะไรแบบนี้ค่ะ เรียกว่าเขาเข้าใจเราด้วย ก็เลยทำงานได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกสนุกกับงานที่ทำ จนกลับมาเป็นมิววันนี้ได้”

ตอนเด็ก ๆ เคยคิดมั้ยว่าจะได้เป็นนักแสดง?
   
“ไม่เคยคิดเลยค่ะ ถึงถ่ายโฆษณามาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เข้าใจว่าก็ถ่ายโฆษณามาเรื่อย ๆ จนโต แต่ไม่คิดว่าจากวงการโฆษณามันจะข้ามมาเป็นละครได้   ซึ่งตอนเด็กมิวอยากเป็นแอร์โฮสเตสมากกว่า เพราะเป็นคนที่ชอบภาษาอยู่แล้ว อยากลากกระเป๋า ใส่ส้นสูง เดินขึ้นเครื่อง คิดว่ามันคงจะดูดีค่ะ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังอยากเป็นอยู่นะ แต่พอมาด้านวงการบันเทิง ก็สนุกดี เลยคิดว่าด้านนี้มันก็ดีเหมือนกัน”

จากนี้ไป “มิว” มองอนาคตของตัวเองยังไงบ้าง?
           
“จริง ๆ มิวยังเด็กอยู่ ก็คิดเกี่ยวกับอนาคตยังไม่ค่อยออก แต่ถ้าอยู่วงการนี้ไปเรื่อย ๆ คงสนุกดี แต่ถามว่าอยากได้อาชีพนักแสดงเป็นอาชีพหลักมั้ย คือเงินมันดีจริง แต่ถ้าเราวางตัวไม่เจ๋ง ก็อยู่ได้ไม่นานค่ะ และเดี๋ยวนี้ดาราหน้าใหม่เยอะ วงการนี้แข่งขันสูงก็เลยคิดว่า คงจะเรื่อย ๆ กับอาชีพนี้ แต่โตไปก็ขอดูอีกทีว่าถนัดทางไหนค่ะ”

มีคติในการดำเนินชีวิตยังไงบ้าง
   
“ท้อไม่แท้ แท้ไม่ท้อ ค่ะ ก็หมายถึงว่า ถ้าเราเก่งจริง เราต้องไม่ท้อ เวลาท้อ ๆ มิวก็จะท่องคำนี้ไว้ คือชีวิตงานแสดง บางทีมันก็มีอยู่แล้วที่ไม่ไหว คือท้อได้แต่ห้ามถอยหลัง เพราะเดินหน้ามาขนาดนี้แล้ว เราก็ทำในสิ่งที่ทำอยู่ให้จบดีกว่า ในการทำงานมิวใช้คตินี้ตลอดเลย เวลาเครียด ๆ ก็ท่องคำนี้ไว้ บางทีก็ท่องว่า..เพื่อแม่ ๆ ”

ตัวจริงออกแนวแก่น ๆ ซน ๆ คงมีวีรกรรมน่าดูเหมือนกัน
     
“มิวมีแผลเป็นตรงหน้าผากค่ะ คือตอนเด็ก ๆ เล่นชิงช้า ชอบเล่นแผลง ๆ กับพี่ สันชิงช้าเลยกระแทกหน้าผากแบบเต็ม ๆ เย็บไป 7 เข็ม แต่เราก็ไม่เข็ดนะ คือไปได้แผลเป็นที่ขามาอีก ก็พลาดโดนชิงช้ากระแทกเหมือนกัน ตอนแรกมันก็เขียว แล้วไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเดี๋ยวมันก็หาย แต่พอสักพักมันเริ่มบวม แม่ก็เลยรีบพาไปหาหมอ หมอบอกว่าถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดียว จะต้องตัดขาทิ้งเลย เพราะไม้ชิงช้าที่กระแทกเรามันเก่ามาก ก็มีเชื้อโรค มันก็เลยเป็นหนองข้างใน ตอนนี้ก็กินไปจะถึงกระดูกแล้ว ซึ่งพอเข้าวงการมาแม่ก็ห้ามเล่นอะไรแผลง ๆ อีก และมิวซุ่มซ่ามด้วย บางทีก็เดินสะดุด ขาแข้งเขียว แม่ก็ดุว่าทำไมถึงมีแผลอีกแล้ว คือแม่จะเป็นห่วงเรามากขึ้นค่ะ ห่วงงานเราด้วย”

ดูเหมือนครอบครัวมิวอบอุ่นมากนะ?
           
“อบอุ่นมากจริง ๆ ค่ะ บางทีตื่นเช้ามาคุณพ่อทำอาหารไว้ให้แล้ว พ่อจะสรรหาทำนู่นนี่ให้กินของที่มีประโยชน์ แต่แม่ก็จะทำพวกสปาเกตตี ทำของที่เราชอบกิน แล้วก็อ้วน ๆ ทั้งนั้นเลย พ่อก็จะเถียงกับแม่เรื่องทำของให้มิวกิน มิวก็ขำ ๆ คิดว่าก็น่ารักดี ก็บอกว่าไม่ต้องเถียงกันหรอก มิวกินได้หมด แต่ที่บ้านจะไม่ตามใจมิวนะคะ ถ้าเราเหนื่อยจริง ๆ เราอยากได้อะไร เขาก็จะซื้อให้เป็นรางวัล แต่ไม่ได้ตามใจพร่ำเพรื่อ อย่างเรื่องเที่ยวจะไม่ตามใจเลยค่ะ”

กระแซะถามเรื่องหัวใจบ้าง ตอนนี้เป็นยังไง?
       
“ตอนนี้ไม่มีอะไรค่ะ อยู่กับเพื่อนมากกว่า เพื่อนส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง เพราะโรงเรียนมิวเป็นโรงเรียนหญิงล้วนอยู่แล้ว และเราก็อายุแค่ 15 เอง ไม่รู้จะมีแฟนไปทำไม ส่วนเรื่องรักแรกมิว ก็เคยมีตอนเรียนอนุบาล จะแค่ปลื้มเฉย ๆ คิดว่าถ้ามีแฟนสักคนอยากได้เป็นคนหน้าตาหล่อ ๆ แบบนี้ คือคนที่ปลื้มเป็นดาราค่ะ แต่มิวจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร (ยิ้ม) แต่ที่ควงกันเป็นตัวเป็นตนไม่มีนะ ซึ่งพอโตมามุมมองความรักเราก็เปลี่ยนไป อย่างตอนเด็กความรักบทสรุปคือได้แต่งงานกับเจ้าชาย ตัวเองเป็นเจ้าหญิง พอโตมาก็เริ่มเรียนรู้ว่าไม่ใช่ บางทีความรักมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวังเสมอไปค่ะ ซึ่งสเปกมิวจะชอบผู้ชายที่มีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง แล้วก็ชอบคนที่พูดตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมค่ะ”

จริง ๆ เราปิดตัวเองเรื่องความรักมั้ย?
       
“ถ้าคนอยากรู้จักเราก็ได้ แลกเปลี่ยนกัน แต่ถ้ามันไม่ใช่ เราก็จะบอกเขาว่าไม่ใช่นะ จะได้ไม่เสียเวลา ซึ่งเรื่องความรักพี่เอ ผู้จัดการมิว หรือผู้ใหญ่ในช่องไม่เคยห้าม จริง ๆ มิวก็เคยคิดนะว่ามีแฟนคงเท่น่าดู แล้วถ้ามีแฟนหล่อ ๆ เราก็เอาไปอวดเพื่อนได้ แต่พอมาอยู่ในวงการบันเทิงก็ได้เรียนรู้ว่ามันไม่ใช่ การมีแฟนสักคนมันต้องคิดหนักเหมือนกัน เพราะถ้ามีเราต้องแบกรับอีกคนเข้ามาในชีวิตเราเพิ่ม ก็ต้องถามตัวเองว่าพร้อมจะมีหรือยัง ซึ่งมิวถามตัวเองบ่อยมาก และก็ได้คำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่าไม่พร้อม ไม่อยากรับใครตอนนี้ ขอเรียนกับงานก่อน รอเรียนสักระดับมหาวิทยาลัย ปี 3 ค่อยมาคิดเรื่องนี้อีกทีค่ะ (ยิ้ม)”.

ที่มา: http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=278&contentID=141638

แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 54 00:29:20

จากคุณ : จาเนโระ
เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 00:28:01




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com