 |
ว่าด้วยละครเรื่อง ทาสรัก ไขข้อติติงสำหรับแฟนพันธ์ทิพย์
|
 |
อันเนื่องมาจากละครเรื่องทาสรัก ที่เพื่อน ๆ ชาวพันธ์ทิพย์หลายคนได้ชมแล้วออกมาติติงกันเป็นอันมาก ว่าทำไมละครเรื่องนี้บทพูดถึงไม่เข้ากับยุคก่อนเลย เสื้อผ้าก็แปลก ๆ การแต่งหน้าก็เกินทาสไป ดังนั้นเราจึงมาไขข้อติติงของเรื่องทาสรัก ทั้งหมดจากตัวของผู้จัดเค้าเอง อันนี้ไปเอามาจากหนังสือพิมพ์ข่าวสดนะ....
"ทาสรัก"พีเรียดครบรส เป็นแนวหรรษาสุขนิยม
สุวัฒน์ ฉัตรสง่า เรื่อง
"ทาสรัก" เป็นพีเรียดครบรส ทั้งผจญภัย โรแมนติก ดราม่า คอมเมดี้ แถมมีพระนาง 2 คู่ "เชอรี่"เข็มอัปสร สิริสุขะ กับ "สมาร์ท" กฤษฎา พรเวโรจน์ และ "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" กับ "ปอ"ทฤษฎี สหวงษ์ เป็นแม่เหล็กดึงดูด
ฝีมือการกำกับฯของ ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ หรือที่คนในวงการเรียกกันว่า "ป้าแจ๋ว"
"เรื่องนี้เป็นพล็อตเรื่องใหม่ซึ่งคุณดาได้มาจากคนเขียนบทคือคุณนันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์ แล้วชอบ ก็มาปรึกษาเรา พอได้อ่านพล็อตแล้วรู้สึกว่าเหมือนหนังจีนปนหนังฝรั่ง" ป้าแจ๋วเกริ่นถึงที่มาของละคร
และกล่าวต่อว่า "เหมือนหนังจีนเรื่อง เจ้าหญิงกำมะลอ กับหนังฝรั่งเรื่อง The Prince And The Pauper ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าชายกับขอทานสลับตัวกัน แต่ ทาสรัก จะสลับโดยทาสมาเป็นองค์หญิง แล้วองค์หญิงมาเป็นนางทาส"
"เป็นการผจญภัย มีเรื่องรักสามเส้าผิดฝาผิดตัว เป็นแนวหรรษาสุขนิยม ครบทุกรสปนกัน บอกเลยว่าไม่ใช่ละครประวัติศาสตร์ เป็นละครที่สมมติขึ้นมาแต่อ้างอิงยุคสมัยที่มีอยู่จริง โดยเนื้อเรื่องเกิดขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 เมืองนางเอกเจ้าหญิงเอยาวดีเป็นเมืองสมมติชื่อ เชียงน้อย อยู่ทางภาคเหนือของไทย"
สำหรับการเลือกพระนาง ป้าแจ๋วแง้มว่า
"ตอนแรกทางคุณดามีชอยส์นักแสดงไว้ 2 ชุด คือ รุ่นเล็กกับรุ่นใหญ่ ถ้าพระนางทั้งสองคู่ไม่ได้ก็ไปเอาอีกคู่หนึ่ง แต่โชคดีที่คู่สมาร์ทกับเชอรี่และคู่ของปอกับเจนี่ลงตัวพอดี"
"โดยเฉพาะตอนที่ให้เชอรี่กับเจนี่เลือกบทเจ้าหญิงกับบทนางทาส ทางคุณดาให้โอกาสทั้งคู่เลือก กันโดนครหาว่าเจนี่เป็นลูกรักหรือเปล่า เลยส่งบทให้ทั้งคู่ไปอ่าน พออ่านจบทั้งคู่ก็เลือกกันเองโดยอัตโนมัติ คือเชอรี่เลือกบทเจ้าหญิง ส่วนเจนี่เลือกบทนางทาส ซึ่งมันตรงใจคุณดา"
ถามถึงความเท่าเทียมในตัวบท "เจ้าหญิงเอยาวดี" กับ "นางทาสวาด" ผู้กำกับฯ กล่าวยืนยันว่ามีความเท่าเทียมกัน เพราะต้องมีการสลับตัวกันแล้วเล่าเรื่องแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าอีกคนหนึ่งไปตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากขนาดไหน
"อย่างเจ้าหญิงที่กลายเป็นนางทาสแล้วถูกขายในโรงโสเภณีต้องเอาตัวรอดไม่ให้ถูกกระทำจากแขกขณะเดียว กันนางทาสที่ไม่เคยเป็นเจ้าหญิงก็ต้องมาเรียนรู้การใช้ชีวิตเพื่อไม่ให้คนอื่นจับได้"
"ในส่วนพระเอกสมาร์ท กับบท ม.จ.ดาบปราบศัตรู คู่ หมั้นเจ้าหญิง แต่ไม่รู้ว่าเชอรี่เป็นคู่หมั้น และดันไปรักเชอรี่เมื่อแรกเห็นตอนที่ปลอมตัวเป็นทาสแล้วถูกจับขายไปในโรงโสเภณี ทำให้สมาร์ทต้องเข้าไปปกป้องเชอรี่ทุกครั้งเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ส่วนปอเป็นอองดิน องครักษ์เจ้าหญิง (เชอรี่) แอบรักเจ้าหญิงแต่ไม่สามารถบอกรักได้ ขณะเดียวกันก็มองเห็นความริษยาของตัวทาส (เจนี่) ก็พยายามเตือนสติ และหลงรักตัวทาสโดยไม่รู้ตัว"
โดยละครแต่ละเรื่องที่ ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ทำนั้น ต้องคิดธีมไว้ก่อนทำ อย่างเรื่อง "ทาสรัก" ป้าแจ๋วกล่าวว่า "เราคิดธีมไว้เป็นละครผจญภัยปนการต่อสู้ เหมือนหนังจีนกำลังภายในหรือหนังเกาหลีที่แต่งตัวโบราณ เราเห็นว่าละครแบบไทยๆ ไม่ค่อยมีแนวนี้ ถ้าเป็นละครพีเรียด ก็จะเป็นอิงประวัติศาสตร์แท้ๆ หรือดราม่าเข้มข้นทุกข์โศกตลอดเวลา แต่ไม่มีละครที่มีหลายรส ที่สำคัญไม่ต้องคำนึงถึงเสื้อผ้าหรือยุคสมัยชัดเจน เราไม่ได้ทำให้เป๊ะ แต่ทำให้คนดูสนุกตื่นตาตื่นใจไปกับแสงสีและฉาก"
ถามถึงความยากในการทำละครพีเรียด ป้าแจ๋วบอกว่า "ยากตรงสถานที่ที่หายากมาก อย่างเราทำฉากในเมืองสยามสมัยก่อน ต้องไปถ่ายที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี หรือตลาดริมชายแดนสยามก็ต้องไปถ่ายที่สระบุรี ในเรื่องมีฉากใหญ่ๆ เยอะมาก ต้องมีการเซ็ตขึ้นใหม่ ต้องเช็กอย่างละเอียดว่ามีอะไรหลุดและไม่เข้าสมัย"
ส่วนฉากบู๊ ป้าแจ๋วเล่าว่า "เราได้ให้ผู้ช่วยไปติดต่อคนทำคิวบู๊มา แจ้งความต้องการว่าต้องการให้คิวบู๊ออกมาลักษณะไหน พอได้แล้วก็เอาตัวนักแสดงมาซ้อมตามท่าที่คนสอนคิวบู๊คิด แล้วเราก็มาคิดมุมกล้องกลเม็ดการถ่ายเพื่อให้ดูเป็นบู๊ที่จริงจังขึ้น ซึ่งคุณดาอยากให้คิวบู๊พิเศษกว่าบู๊ธรรมดา มีกระโดดขึ้นม้า ตีลังกาบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ทั้งสมาร์ทและปอต้องไปเรียนคิวบู๊ เพราะมีฉากต้องประฝีมือกันบ่อยๆ และตัวเจนี่ก็ต้องไปเรียนการใช้มีดสั้น เพราะมีฉากในตอนท้ายๆ"
"นอกจากนี้นักแสดงทุกคนต้องขี่ม้าหมด ปอ, เชอรี่, เจนี่ ขี่เป็นหมด แต่สมาร์ทไม่ชอบ เขารู้สึกไม่ถูกกับม้า แต่ก็มีความตั้งใจลองไปทำความคุ้นเคยแล้วไปเรียนขี่ม้า"
ผู้กำกับฯ การันตี ละคร "ทาสรัก" มีหลายปมที่สนุก รับรองคนดูๆ แล้วหยุดไม่ได้
"ตอนถ่ายทำสนุกมาก อ่านบทแล้วสนุกจริงๆ อย่างตัวนักแสดงอ่านบทด้วยความสนุกในคาแร็กเตอร์ ตื่นเต้นทุกวันที่ได้มากอง ซึ่งละครจะถูกอกถูกใจคนดูก็ต่อเมื่อคนเล่นหรือคนผลิตทำอย่างสนุกและมีความสุขไปพร้อมๆ กัน ผลงานก็จะออกมาเป็นที่ถูกใจของคนดู"
ฟังแค่นี้ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าดูละคร "ทาสรัก" แล้วจะสนุกแค่ไหน
เสื้อผ้าเน้นสีสดใส-แต่งหน้าสวยเกินจริง
สําหรับเสื้อผ้าหน้าผม "ป้าแจ๋ว"ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ผู้กำกับฯ เผยว่า "เรื่องนี้ด้วยเป็นเมืองสมมติ ฉะนั้นเครื่องแต่งกายเมืองเชียงน้อย เราทำให้เป็นกึ่งพม่าปนไทยใหญ่และเชียงใหม่ ดูไม่ออกว่าเป็นเมืองไหน ชุดจะคล้ายพม่าก็ไม่ใช่ อินโดฯ ก็ไม่เชิง แต่ดูรู้ว่าเป็นคนเอเชียทางเหนือ เรา"
"ตัวผู้ชายจะให้นุ่งทั้งโสร่งคล้ายพม่าและมีผ้าคาดหัว เสื้อมีกระดุมป้ายข้าง ส่วนชุดผู้หญิงใกล้เคียงพม่าทางเหนือมาก มีชุดเหมือนผ้าแถบข้างในและมีเสื้อสวมทับอีกที"
"ส่วนชุดสมาร์ทที่เป็นม.จ.ดาบปราบศัตรูเครื่องแต่งกายเป็นโจงกระเบน ราชปะแตน และเรื่องนี้ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ เราจะทำให้สีออกมาสดใสเหมือนดูซีรีส์เกาหลีโบราณอย่างแดจังกึม ก็เป็นโทนสีฟ้า สีเขียว"
"ชุดของเจนี่ช่วงเป็นนางทาสนุ่งโจงกระเบน กับผ้าแถบสีทึมๆ ส่วนเชอรี่ที่รับบทเอยาวดีมีชุดหลายแบบไม่ว่าจะเป็นชุดผจญภัยเป็นชุดหนีก็ใส่กางเกงดำ พอมาถึงเมืองไทยนุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้อนุ่งผ้าแถบสีสันสดใส และตอนอยู่โรงโสเภณีต้องแต่งเป็นางทาส แต่มีฉากที่ถูกนำออกมาประมูลจะได้แต่งตัวสวย ตรงนี้ขอบอกว่าอย่าเพิ่งตำหนิว่าทำไมใช้เครื่องเหมือนนางรำ เราใช้ชุดรัดเกล้าเปลวเป็นชุดที่ใส่กับชุดที่รำ แต่เอามาใส่กับชุดที่เป็นสไบพาดข้าง เราเอาเครื่องแต่งตัวมาประยุกต์ใช้ ไม่อยากให้เหมือนเสียทีเดียว"
"ด้านการแต่งหน้า เน้นแต่งหน้าสมจริงแบบที่สวยเกินจริง อย่างเชอรี่เป็นเจ้าหญิงก็แต่งหน้าให้แก้มสีชมพู ส่วนเจนี่ช่วงต้นตัวจะดำเพราะเป็นทาส พอมาอยู่ในคราบเจ้าหญิงจะสวยขึ้น"
"ทรงผมของปอแสกกลาง ส่วนสมาร์ทไว้แสกกลางดูไม่รับกับหน้า ทรงผมเจนี่เป็นทรงดอกกระทุ่ม ส่วนทรงผมเชอรี่จะปล่อยยาวและรวบเป็นมวย"
พอจะตอบอะไรได้หลาย ๆ อย่างนะ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติ ไม่ใช่เรื่องที่อิงกับของจริง เพราะดูด้วยความสนุกนะจ๊ะ ผู้จัดเค้าบอกแบบนี้มา
จากคุณ |
:
ฉัตรกฤษณ์
|
เขียนเมื่อ |
:
2 มิ.ย. 54 13:10:23
|
|
|
|  |